ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งาน Creative Cloud ได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งบนเดสก์ท็อป และโมบายแอพฯผ่านอุปกรณ์พกพา รวมถึงเปิดตัวโมบายแอพฯ เป็นครั้งแรกบน “แอนดรอยด์” เปิดทางให้นักสร้างสรรค์นับล้านทั่วโลกมีช่องทางในการทำงานเพิ่มขึ้น
อะโดบีเปิดตัวซอฟทแวร์และบริการในชุด Creative Cloud ครั้งใหญ่ประจำปี พ.ศ. 2558 การอัพเดทครั้งนี้มีทั้งในโปรแกรมยอดนิยมบนคอมพิวเตอร์ที่รู้จักกันดี เช่น Photoshop CC, Illustrator CC, Premiere Pro CC และ InDesign CC รวมทั้ง การอัพเดทโมบายแอพพลิเคชั่นบน iOS และ Android นอกจากนี้ Adobe ยังเพิ่มบริการให้สำหรับองค์กรที่ใช้งาน Creative Cloud Enterprise เช่น บริการ enterprise-grade administration, บริการด้านความปลอดภัย, การทำงานร่วมกัน และบริการด้านการพิมพ์สำหรับแบรนด์ที่เน้นการดีไซน์ รวมถึงองค์กรธุรกิจ และองค์กรขนาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสะดวกมากขึ้น
นับตั้งแต่ที่อะโดบีแนะนำ Creative Cloud ให้เป็นที่รู้จักเมื่อปี พ.ศ. 2555 อะโดบีก็มีแนวคิดหลักที่จะให้ “อุปกรณ์พกพา” เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการสร้างสรรค์งานมาตลอด ด้วยการสร้างโมบายแอพพลิเคชั่นที่สามารถทำงานร่วมกับโปรแกรมบนคอมพิวเตอร์อย่างลื่นไหลโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ในวันนี้ “เป็นครั้งแรก” ที่อะโดบีนำเสนอโมบายแอพพลิเคชั่นสำหรับระบบแอนดรอยด์ เช่น Brush CC, Shape CC, Color CC และ Photoshop Mix เพื่อเปิดทางให้นักสร้างสรรค์นับล้านทั่วโลกมีช่องทางในการทำงานเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีการอัพเดทโมบายแอพพลิเคชั่นยอดนิยมสำหรับระบบ iOS ที่ทำงานบน iPhone และ iPad เช่น Adobe Comp CC, Photoshop Mix, Photoshop Sketch, Illustrator Draw, Brush CC Shape CC และ Color CC อีกด้วย
นอกจากการอัพเดทที่กล่าวมาแล้ว อะโดบียังเปิดตัวโมบายแอพพลิเคชั่นใหม่บน iOS ที่ชื่อ Adobe Hue CC ซึ่งแอพพลิเคชั่นนี้ จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างชุดสีและโทนแสงที่มีคุณภาพด้วยกล้องบน iPhone แล้วนำไปใช้กับงานในโปรแกรม Premiere Pro CC และ After Effects CC ได้ทันที
นายเดวิด วาดวานี่ รองประธานอาวุโสด้านดิจิตอลมีเดียของอะโดบี กล่าวว่า “การอัพเดท Creative Cloud 2015 ครั้งนี้เต็มไปด้วยการสร้างสรรค์ใหม่ๆ เทคโนโลยี Creative Sync ที่เพิ่มเข้ามาในครั้งนี้ ทำให้การทำงานระหว่างโปรแกรมในคอมพิวเตอร์ กับแอพพลิเคชั่นบนอุปกรณ์พกพาเป็นไปได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น ทั้งบนระบบ iOS และ Android และการปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐานและระบบการบริหารจัดการครั้งใหญ่ในคราวนี้ เป็นการเพิ่มความสามารถครั้งสำคัญสำหรับลูกค้าระดับองค์กรอีกด้วย Creative Cloud 2015 คืออุปกรณ์ที่ทรงพลังและครอบคลุมที่สุดเท่าที่เคยมีมา”
นายพอล รอบสัน, ประธานกรรมการอะโดบี, ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค กล่าวว่า “จากผลการวิจัยของสถาบัน Forresters Creative Dividends ที่ประกาศปลายปีก่อน แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า องค์กรที่ให้ความสำคัญด้านความคิดสร้างสรรค์ มีการเติบโตทางรายได้สูงกว่าองค์กรอื่นในสายงานเดียวกันถึง 3.5 เท่า และผลการวิจัยยังแสดงให้เห็นว่า องค์กรที่ให้ความสำคัญกับความคิดสร้างสรรค์มีส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่าองค์กรที่ไม่ได้ให้ความสำคัญ และยังเป็นผู้นำในการแข่งขันเหนือคู่แข่งอีกด้วย อีกทั้งระหว่างผู้นำตลาดด้วยกันเองแล้ว องค์กรที่ให้ความสำคัญกับความคิดสร้างสรรค์ยังมีแนวโน้มสูงที่จะขึ้นนำเหนือคู่แข่งถึง 1.5 เท่า อะโดบีจึงพยายามพัฒนาเทคโนโลยี และการให้บริการที่จะช่วยให้องค์กร, สถาบันการศึกษา, หน่วยงานของรัฐ และนักสร้างสรรค์ทั้งหลายสามารถพัฒนาผลงานตามแนวคิดของตนเองได้อย่างสะดวกสบาย และต่อเนื่องอยู่เสมอ”
“สำหรับประเทศไทย การนำแนวคิด “Creative Economy” ภายใต้โครงการ “Creative Thailand” มาปรับใช้เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศด้วยการสร้างสรรค์ และกำลังสร้างโครงสร้างเพื่อการสร้างสรรค์ที่แข็งแรง หัวใจสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ตามนโยบายนี้ก็คือ “การพัฒนาแรงงานที่มีฝีมือด้านการสร้างสรรค์” ออกมารองรับให้ได้อย่างเพียงพอ ซึ่งโปรแกรมและบริการที่ครอบคลุมของอะโดบีสามารถช่วยให้นักออกแบบชาวไทยได้พัฒนาความสามารถและฝีมือ เพื่อความพร้อมในการแข่งขันกับตลาดโลกได้ และทางอะโดบีเองก็ยินดีที่จะช่วยสร้างแรงจูงใจในการพัฒนาแรงงานทางด้านการสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมด้านการสร้างสรรค์ของไทยให้ก้าวข้ามอุปสรรค์ต่างๆ และทรานส์ฟอร์มอุตสาหกรรมด้านการสร้างสรรค์ในประเทศไทยให้สำเร็จ”
หัวใจสำคัญของ Creative Cloud คือ Adobe CreativeSync ซึ่งเป็นเทคโนโลยีหลักอันเป็นเอกลักษณ์ที่อะโดบีภูมิใจนำเสนอในครั้งนี้ นักออกแบบสามารถซิงค์เนื้อหาต่างๆ เช่น ไฟล์ รูปภาพ ฟอนต์ เวคเตอร์กราฟฟิค บรัช ชุดสี การตั้งค่าโปรแกรม เมตาดาต้า ฯลฯ ระหว่างโปรแกรมบนคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ บนเว็บ และบนโมบายแอพพลิเคชั่นผ่านอุปกรณ์พกพา เช่น สมาร์ทโฟน เพื่อนำไปใช้ได้ทุกทีทุกเวลาที่ต้องการ บริการนี้พร้อมให้บริการสำหรับสมาชิก Creative Cloud ข้อดีของ CreativeSync จะช่วยให้ นักสร้างสรรค์สามารถเริ่มทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะเริ่มทำงานบนโมบายแอพพลิเคชั่น แล้วสามารถมาทำงานต่อด้วยโปรแกรมบนเดสก์ท็อปให้เสร็จได้อย่างสะดวกง่ายดาย
การเพิ่มความสามารถครั้งใหญ่บนเครื่องมือในเดสก์ท็อป
ในการอัพเดท Creative Cloud 2015 ครั้งนี้ มีการเพิ่มความสามารถทางด้านความเร็วและเทคโนโลยีใหม่ๆ ด้วยเทคโนโลยี Adobe Magic และ Mercury Performance ถึง 15 โปรแกรม ดังนี้
- ในวาระครบรอบ 25 ปีในปีนี้ Photoshop CC มีการเพิ่ม Artboards เข้ามาเพื่อให้ดีไซเนอร์สามารถออกแบบสกรีนสำหรับอุปกรณ์ต่างๆ เอาไว้ในไฟล์โฟโต้ชอปเดียว และสามารถพรีวิวออกไปยังอุปกรณ์จริงได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนั้น สำหรับนักออกแบบโมบายแอพฯ และเว็บไซต์ ยังมีการเพิ่ม Design Space เข้ามาเป็นทางเลือกเพิ่มขึ้นเพื่อความสะดวกในการทำงานอีกด้วย
- Lightroom CC และ Photoshop CC มีการเพิ่มฟีเจอร์ Dehaze เข้ามา ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากเมื่อในงาน Adobe Max ที่อเมริกาเมื่อเดือนตุลาคมปีก่อน Dehaze จะช่วยลดหมอกหรือความฟุ้งที่อยู่ในภาพ เช่น ภาพที่ถ่ายเมื่ออากาศไม่ดี หรือภาพถ่ายใต้น้ำก็สามารถทำให้คมชัดขึ้นได้ และยังสามารถเพิ่มหมอกเข้าไปในภาพเพื่อให้ได้ผลทางด้านศิลปะด้วยเช่นกัน
- Premiere Pro CC ตอกย้ำความเป็นผู้นำทางด้านวิดิโอด้วยการเพิ่ม Lumetri Color Panel สำหรับการปรับแต่งสีที่ทำงานได้ง่ายดาย และ Morph Cut ที่ทำให้การเชื่อมต่อระหว่างวิดิโอคลิปที่เชื่อมต่อกันให้ราบรื่นขึ้นกว่าเดิมเข้ามาในโปรแกรม Premiere Pro CC 2015 นี้
- After Effects CC การอัพเดทครั้งนี้ ผู้ใช้สามารถทำงานปรับแต่งต่อไปได้อย่างต่อเนื่องในขณะที่กำลังพรีวิวคลิปอยู่ (Uninterrupted Preview) และ Adobe Character Animator ที่ใช้กล้อง webcam จับการเคลื่อนไหวต่างๆ บนใบหน้าเพื่อทำแอนนิเมชั่นตัวละครที่สร้างขึ้นให้เห็นได้แบบทันใจ (Real Time)
- Illustrator CC ด้วยเทคโนโลยี Mercury Performance Engine ช่วยให้ทำงานได้เร็วขึ้นและแม่นยำขึ้นกว่ารุ่น CS6 ถึง 10 เท่า ผู้ใช้สามารถเลื่อน และขยายงานได้อย่างลื่นไหลไม่มีการกระตุก หรือต้องรอให้เสียเวลาอีกต่อไป และด้วย Chart tool (preview) รุ่นใหม่ นักออกแบบสามารถออกแบบ Chart ในรูปแบบของตัวเอง และสามารถแชร์ต่อให้ผู้ใช้ท่านอื่นได้ง่ายดายผ่านทาง CC Libraries
- Indesign CC เทคโนโลยี Mercury Performance ที่เพิ่มเข้ามาจะทำให้การซูม เลื่อน และการเปลี่ยนหน้าในงานที่ซับซ้อนเร็วขึ้นสองเท่า และในเวอร์ชั่นนี้ ผู้ใช้ยังสามารถสร้างผลงานตีพิมพ์แจกจ่ายได้ด้วยตัวเองอีกด้วย
- Dreamweaver CC ได้เพิ่มความสามารถในการออกแบบเว็บแบบ Responsive ที่พร้อมจะใช้งานกับทุกขนาดหน้าจอได้เร็วขึ้นกว่าเดิม
- Adobe Muse CC ในเวอร์ชั่นนี้สามารถใช้งานฟอนท์จาก Typekit ได้ในตัว
- เนื่องจากการอัพเดทครั้งนี้เป็นครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา นอกจากรายละเอียดการอัพเดทของโปรแกรมที่กล่าวมาแล้ว โปรแกรมอื่นๆ ในชุด CC สำหรับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะทั้งหลายก็ได้รับการเพิ่มเติมประสิทธิภาพด้วยเช่นกัน
Creative Cloud ช่วยในการทรานส์ฟอร์มดิจิตัล (Digital Transformation) ในองค์กร
สำหรับลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ องค์กรการศึกษา และหน่วยงานรัฐ ซึ่งต้องการความเร็วในการพัฒนา และการสื่อสารไปยังลูกค้าเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ด้านดิจิตอลในปัจจุบัน นอกจากที่จะได้รับการอัพเดทซอฟท์แวร์ทุกอย่างแล้ว ยังมีการเพิ่มทางเลือกด้านความปลอดภัย และมีการพัฒนาบริการ Adobe Digital Publishing Solution (DPS) และบริการ Adobe Marketing Cloud อีกด้วย ซึ่งความสามารถทางด้านความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นใหม่ 2 เรื่อง คือการป้องกันสินทรัพย์ขององค์กร ด้วยการให้ผู้ใช้ในองค์กรจัดการระบบการเข้ารหัส (Encryption Key) ของตัวเองได้ และการจัดการบริการ Hosting ที่สามารถวางไว้หลังไฟร์วอลล์ขององค์กรของตัวเอง นอกจากนี้ Creative Cloud for Enterprise ยังพร้อมรองรับความสามารถใหม่ๆ ของ DPS ที่จะมีเพิ่มขึ้นมาในอนาคตอันใกล้นี้ เช่น การทำให้ทีมงานในองค์กรสามารถออกแบบ และติดตั้งโมบายแอพพลิเคชั่นได้รวดเร็วขึ้น โดยไม่ต้องมีความรู้ทางด้านการเขียนโปรแกรม ซึ่งกำหนดการออก Public Beta ของ DPS ที่ว่ามานี้จะพร้อมให้ทดลองใช้ภายในสัปดาห์นี้ สำหรับผุ้ที่สนใจ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://blogs.adobe.com/digitalpublishing/dps2015-sea
นอกจากนี้ งานที่อยู่ใน Creative Cloud for Enterprise ยังสามารถซิงค์กับ Adobe Experience Manage (AEM) ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของ Adobe Marketing Cloud ที่จะช่วยสร้างแคมเปญทางการการตลาด โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์ให้เปลี่ยนเป็นเวิร์คโฟล์ด้านการตลาดได้อย่างสะดวกและรวดเร็วขึ้น (Creative-to-marketing workflows)
เปิดตัวบริการ Adobe Stock ที่เชื่อมต่อกับ Creative Cloud ได้เป็นอย่างดี
ในการอัพเดทครั้งนี้ อะโดบียังได้เปิดตัวบริการ Adobe Stock บริการเช่าใช้เนื้อหาแห่งแรก (Stock content service) ที่สามารถเรียกใช้ได้โดยตรงจากโปรแกรมยอดนิยมที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ในบริการของ Adobe Stock นี้ จะมีภาพถ่าย, เวคเตอร์กราฟฟิค และภาพวาดกว่า 40 ล้านภาพ พร้อมให้บริการผ่านโปรแกรมในชุด CC ของอะโดบีบนเดสก์ท็อป นอกจากนี้ อะโดบียังให้ส่วนแบ่งรายได้ที่มากขึ้นสำหรับช่างภาพและนักออกแบบที่นำผลงานของตัวเองมาเสนอใน Adobe Stock ในช่วงเริ่มต้นนี้ Adobe Stock พร้อมให้บริการใน 13 ภาษา และใช้ได้ใน 36 ประเทศทั่วโลก เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น เป็นต้น สำหรับประเทศไทยจะเปิดให้บริการเร็วๆ นี้
ราคาและการจัดจำหน่าย
การอัพเดท CC สำหรับเดสก์ท็อป และโมบายแอพพลิเคชั่นในครั้งนี้ พร้อมแล้วที่จะให้สมาชิก Creative Cloud ทุกท่านดาวน์โหลดมาใช้โดยที่ไม่ต้องชำระเงินเพิ่มเติมใดๆ สำหรับผู้ที่สนใจจะสมัครเป็นสมาชิก ทั้งแบบบุคคล แบบสำหรับนักเรียนนักศึกษา สำหรับทีม สถาบันการศึกษา หน่วยงานของรัฐ และสำหรับองค์กรธุรกิจ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเรื่องราคาได้ที่ https://creative.adobe.com/plans และสำหรับรายละเอียดของฟีเจอร์ใหม่ๆ และความสามารถของ Creative Cloud ที่เปิดตัวในวันนี้ ได้ที่: https://www.adobe.com/sea/creativecloud.html
ราคาสำหรับ Creative Cloud Individuals (CCI) บุคคล
ชุดผลิตภัณฑ์สำหรับช่างภาพราคา 300 บาทต่อเดือน (Photoshop + Lightroom desktop, mobile, web)
เลือกใช้เฉพาะแอพในราคา 600 บาทต่อเดือน
เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ Creative Cloud ชุดเต็มในราคา 1,500 บาทต่อเดือน
ราคาสำหรับ Creative Cloud สำหรับนักเรียนนักศึกษาและอาจารย์
ชุดผลิตภัณฑ์สำหรับช่างภาพราคา 300 บาทต่อเดือน (Photoshop + Lightroom desktop, mobile, web)
เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ Creative Cloud ชุดเต็มในราคา 600 บาทต่อเดือน *(ข้อเสนอพิเศษ)
ราคาสำหรับ Creative Cloud Team (CCT) ทีม
สำหรับท่านที่ใช้ชุดผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ CS3 ขึ้นมาสามารถสมัครใช้ชุด Creative Cloud Team (CCT) ชุดเต็มได้ในราคา US$49.99 ต่อเดือน หรือเลือกใช้เฉพาะแอพในราคา US$19.99 ต่อเดือน
สำหรับลูกค้าใหม่ สามารถสมัครใช้ชุด Creative Cloud Team (CCT) ชุดเต็มได้ในราคา US$69.99 หรือเลือกใช้เฉพาะแอพในราคา US$29.99 ต่อเดือน