สภาวะการแข่งขันทางธุรกิจในตลาดมือถือหรือสมาร์ทโฟนยังคงเป็นไปอย่างเข้มข้น ผู้ซื้อมีทางเลือกมากขึ้นไม่ใช่จากแบรนด์ของอเมริกาและเกาหลีใต้ แต่ยังมีแบรนด์จากฝั่งจีนที่หลั่งไหลกันเข้ามาเป็นทางเลือกให้กับผู้ซื้อ ซึ่งในปี 2017 นี้ Xiaomi (เสี่ยวหมี่) เป็นอีกหนึ่งผู้ผลิตจากจีนที่เข้ามาเปิดตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยครั้งนี้ได้นำ Xiaomi Mi 6 สมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์เข้ามาวางจำหน่าย ท้าชนกับสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์รุ่นต่างๆ
วันนี้ aripfan มากับ “รีวิว Xiaomi Mi 6” มาให้ผู้อ่านทุกท่านได้รับทราบข้อมูล เพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ครับ
Xiaomi Mi 6 สเปกมีดังนี้
- หน้าจอขนาด 5.15 นิ้ว IPS LCD ความละเอียด Full HD 1080p
- ระบบปฏิบัติการ Android 7.1.1 Nougat ครอบทับด้วย MIUI 8.2
- รองรับได้ 2 ซิม ประเภท nano sim
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 835 ประเภท Octa-core, หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 540
- แรม 6GB, หน่วยความจำภายใน 64GB ไม่รองรับ microSD Card
- กล้องหลังเลนส์คู่ ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล, เซนเซอร์ Sony IMX386, ระบบโฟกัสภาพแบบ PDAF, แฟลชคู่ Dual LED, กันสั่นแบบ 4 แกน, รองรับการบันทึกวีดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 2160p ที่ 30fps
- กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, รองรับการบันทึกวีดีโอที่ความละเอียด 1080p ที่ 30fps
- รองรับการสแกนลายนิ้วมือที่ปุ่มโฮม
- การเชื่อมต่อ : LTE; Dual-band Wi-Fi a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.0, NFC, USB Type-C
- แบตเตอรี่ความจุ 3230 mAh รองรับเทคโนโลยี QuickCharge 3.0
การออกแบบ
ขนาดหน้าจอ 5.15 นิ้ว เป็นขนาดที่เหมาะกับมือทีเดียวครับ ซึ่งทุกวันนี้จะเห็นว่าสมาร์ทโฟนหลายต่อหลายรุ่นจะเน้นขนาดที่มากกว่า 5 นิ้ว ซะเยอะ แต่ Xiaomi Mi 6 เลือกใข้ขนาดเท่านี้ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนชอบใช้สมาร์ทโฟนขนาดกลางๆ ไม่ใหญ่มากครับ
การออกแบบตัวเครื่องเน้นใช้กระจก Gorilla Glass 5 เป็นหลักทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ส่วนขอบทั้งสี่ด้านเป็นโลหะ จะสังเกตได้ว่าด้านหลังที่เป็นกระจกถูกออกแบบให้มีขอบโค้งทั้งสี่ด้าน เพื่อความสวยงามและหยิบง่ายขึ้น ทั้งนี้อีกมุมหนึ่งก่อให้เกิดรอยนิ้วมือได้ง่าย แต่ก็ทำความสะอาดได้ง่ายเช่นกันครับ อย่างไรก็ตามภายในกล่องที่บรรจุตัวเครื่องและอุปกรณ์มาให้จะมีเคสใสแถมมาให้ด้วยเลย ช่วยป้องกันลายนิ้วมือ ป้องกันจากแรงตกกระแทก รวมไปถึงไม่เสียเวลาหาซื้อเคส อันนี้สำคัญสุดครับ ฮ่าๆๆ
ชุดอุปกรณ์ในกล่องมีอะแดปเตอร์, สาย USB, ตัวแปลงหูฟัง, เคสใส, เหล็กจิ้มถาดซิม
ด้านหน้าเหนือหน้าจอเป็นลำโพงสำหรับสนทนา, เซนเซอร์ตรวจวัดสภาพแสง, กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ถัดลงมาด้านล่างหน้าจอจะเป็นปุ่มโฮมที่แทรกสแกนลายนิ้วมือไว้ ขณะที่ปุ่มย้อนกลับและปุ่ม Recent app จะอยู่ขนาบข้างปุ่มโฮม เป็นจุดสีขาวเล็กๆ ซึ่งในความเห็นส่วนตัวควรทำสัญลักษณ์ของสองปุ่มดังกล่าวให้ชัดเจนไปเลย เพื่อให้ผู้ใช้กดง่ายและไม่สับสน
ด้านหลังตัวเครื่องเน้นที่ความเรียบง่ายเป็นหลัก โดดเด่นด้วยฮาร์ดแวร์หลักอย่างกล้องหลังเลนส์คู่ เคียงข้างแฟลชคู่ Dual LED
บริเวณขอบทั้งสี่ด้านรอบตัวเครื่อง ด้านซ้ายเป็นถาดสำหรับใส่ nano sim ไม่รองรับ microSD Card, ด้านขวาเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง กับปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง, ด้านล่างสุดเป็นลำโพงเสียงแบบคู่ และพอร์ต USB Type-C ไม่มีช่องต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร แต่เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวทาง Xiaomi จึงแถมอุปกรณ์ต่อพ่วงมาให้ในกล่องบรรจุเลยสำหรับต่อหูฟังที่คุณชื่นชอบ
การทดสอบเมนูต่างๆ
ซอฟต์แวร์พื้นฐานใน Xiaomi Mi 6 เป็น Android 7.1.1 Nougat ครอบด้วยยูสเซอร์อินเทอร์เฟซ MIUI 8.2 สัมผัสได้ถึงความสมูท ความลื่นไหล การเชื่อมต่อต่างๆ อาทิ 3G/4G, Wi-Fi, Bluetooth ไปจนถึงการเรียกใช้และปิดใช้งานแอพต่างๆ สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการทำงานร่วมกันระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ลงตัวนั่นเอง
รูปแบบยูสเซอร์อินเทอร์เฟซของ Xiaomi Mi 6 ถูกกำหนดค่าพื้นฐานให้แอพทั้งหมดที่ติดตั้งมาตั้งแต่แรก กับส่วนที่ผู้ใช้โหลดเพิ่มเติม ถูกจัดเรียงไว้ในหน้าโฮม สามารถสร้างโฟลเดอร์จับคู่แอพประเภทเดียวกัน เพื่อให้ง่ายต่อการเรียกใช้งาน รวมไปถึงสามารตกแต่งด้วยวิตเจ็ต เปลี่ยนธีม และเปลี่ยนเอฟเฟกต์สลับหน้าโฮมได้
สำหรับฟีเจอร์ภายใน Xiaomi Mi 6 ที่แอดมินหยิบมาเล่าในครั้งนี้ ประกอบไปด้วย “การแบ่งพื้นที่ทับซ้อน” เป็นเมนูเพื่อใช้แบ่งพื้นที่ในเครื่องเป็นสองส่วน เสมือนว่าเรามีสมาร์ทโฟนใช้สองเครื่องเพื่อแยกการทำงานที่แตกต่าง สามารถใช้สแกนลายนิ้วมือเพื่อความปลอดภัยในการเข้าถึงพื้นที่ทั้งสองส่วนได้
แอพ “ความปลอดภัย” ภายในจะมีเมนูให้เลือกหลายตัว สามารถเลือกสแกนตัวเครื่องเพื่อตรวจสอบสิ่งผิดปกติภายใน, สามารถทำความสะอาด จัดการไฟล์ขยะได้ รวมไปถึงการจัดการด้านพลังงาน
เมนู “หูฟังและเสียงเอฟเฟกต์” ในส่วนนี้เมื่อผู้ใช้ต่อหูฟังจะมีประเภทของหูฟังให้เลือก พร้อมกันนี้ผู้ใช้ยังสามารถกำหนดค่าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเสียงในขณะรับฟังได้ด้วยตัวเอง
ด้านการเล่นเกมจาก Xiaomi Mi 6 ด้วยการทดสอบกับเกม ROV ถือว่าทำได้ลื่นครับ เอาง่ายๆ เลยละกันว่าสเปกระดับนี้เล่นเกมที่ใช้กราฟิกสูงๆ ได้ครับ
กล้องถ่ายภาพ
มาถึงไฮไลท์เด่นประจำ Xiaomi Mi 6 กันแล้วครับ ในรุ่นนี้มาพร้อมกล้องหลังเลนส์คู่ ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ใช้เซนเซอร์ Sony IMX386 ซึ่งเลนส์ตัวแรกจะเป็นเลนส์ Wide ค่ารูรับแสง f/1.8, เลนส์ตัวที่สองเป็น telephoto ค่ารูรับแสง f/2.6 มาพร้อมกันสั่นแบบ 4 แกน
ยูสเซอร์อินเทอร์เฟซของกล้องหลังเมื่อเปิดเข้ามาอาจจะดูเยอะ แต่หากสังเกตดีๆ จะพบว่ามีโหมดที่เราใช้กันจริงในชีวิตประจำวันจริงๆ เพียงไม่กี่เมนู โหมด Manual หรือตั้งค่าเอง สามารถปรับ ISO ได้ตั้งแต่ 100 – 3200
ยูสเซอร์อินเทอร์เฟซของกล้องหลัง และเมนูการตั้งค่า
ภายในเมนูการตั้งค่ากล้อง สามารถเปิด-ปิดเพื่อใช้โหมดถ่ายภาพแบบเร่งด่วนได้ สามารถเปิดฟีเจอร์เพื่อวัดอายุของบุคคลในภาพ (ดูไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่) รวมถึงสามารถตั้งเปิด-ปิดการปรับภาพที่มีแสงน้อยโดยอัตโนมัติได้ด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง (โหมดปกติ)
ภาพแรกถ่ายแบบปกติ
ภาพนี้ใช้การซูมระดับ 2X ซึ่งยังให้ความชัดอยู่
ภาพนี้ถ่ายภายในจุดที่แสงไม่เยอะมากนัก แต่จะสังเกตได้ว่าความคมชัดลดลง เห็น Noise บนภาพ ซึ่งเป็นผลมาจากระบบของกล้องมีการปรับไปใช้ค่ารูรับแสงที่กว้างขึ้น เพื่อให้เหมาะกับสภาพแสงในขณะนั้น ภาพที่ออกมาจึงมีลักษณะชัดน้อยลงกว่าสภาพแสงปกติ
สรุปภาพรวม รีวิว Xiaomi Mi 6
จากการใช้งานจริงในเวลา 1 สัปดาห์ การที่ตัวเครื่องมีขนาดไม่ใหญ่ทำให้การหยิบจับทำได้สะดวก ตัวเครื่องเน้นกระจกเป็นส่วนประกอบหลัก พร้อมด้านหลังที่ทำให้มีขอบโค้งทั้งสี่ด้านให้ความรู้สึกถึงความสวยหรู การเป็นรอยนิ้วมือง่ายไม่ใช่เรื่องใหญ่
แรม 6GB กับการทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ Android 7.1.1 Nougat กับยูสเซอร์อินเทอร์เฟซ MIUI 8.2 ไปจนถึงชิปประมวลผล Snapdragon 835 ช่วยให้การทำงานต่างๆ เป็นไปอย่างสมูทและลื่นไหล ขณะเดียวกันการมีโหมด “ความปลอดภัย” ยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการไฟล์ขยะ สแกนหาสิ่งผิดปกติ เพื่อให้เครื่องมีประสิทธิภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอได้ด้วยตัวเอง
การถ่ายภาพโดยรวมๆ แล้วจัดให้อยู่ในระดับโอเคครับ การถ่ายในสภาพแสงปกติ สีของภาพให้ความเป็นธรรมชาติ ส่วนการถ่ายภาพภายในอาคารหรือตึกออฟฟิศยังพบว่ามี Noise หรือจุดบนภาพเกิดขึ้นพอสมควรครับ
ส่วนที่น่าจะเป็นจุดด้อยใน Xiaomi Mi 6 คงเป็นเรื่องการตัดช่องหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร ทิ้งไป แม้จะมีอุปกรณ์ต่อพ่วงแถมมาให้ฟรี แต่การที่ผู้ใช้ต้องพกพาอุปกรณ์อื่นๆ เพิ่มเติมไปตามนอกสถานที่อาจไม่ใช่เรื่องที่ชอบใจสำหรับบางคนนัก รวมไปถึงการไม่มีช่องสำหรับ microSD Card
ทั้งนี้ราคาเปิดตัวในประเทศไทยที่ 13,790 บาท ในรุ่นแรม 6GB, หน่วยความจำภายใน 64GB จัดว่าเป็นราคาที่ไม่แพงเลย หากใครที่มีงบประมาณไม่เกิน 15,000 บาท แล้วสนใจสมาร์ทโฟนสเปกดีๆ Xiaomi Mi 6 ก็นับว่าน่าเป็นเจ้าของได้ครับ