เจ้าพ่อบอกเอง ไม่เชื่อ AI เป็นภัยคุกคาม ใครหยุดพัฒนาคือพลาด

[สวนทางเจ้าพ่อ] ที่ผ่านมาเราคงได้เห็นความสามารถอันน่าทึ่งของ AI มามากมายแล้ว จนมีผู้เชี่ยวชาญจำนวนไม่น้อยออกโรงเตือนอันตราย เตือนว่ามันอาจเป็นภัยคุกคามต่อมนุษย์ได้ หรือถึงขั้นเสนอให้เลิกพัฒนาเลยก็มี ทว่ามีเจ้าพ่อแห่ง AI อีกคนหนึ่ง กลับมองต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

[มันไร้สาระสิ้นดี]

Yann LeCun นักวิทยาการคอมฯ ชาวฝรั่งเศส ปัจจุบันเป็นหัวหน้าฝ่าย AI ของ Meta และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Machine Learning ซึ่งเคยได้รับรางวัล Turing Award ในปี 2018 ร่วมกับ Geoffrey Hinton และ Yoshua Bengio จนรวมกันเป็น 3 เจ้าพ่อแห่งวงการ AI

ทว่าเจ้าพ่อคนนี้กลับมอง AI ต่างออกไป โดย Yann LeCun ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง BBC เผยว่า [AI จะเข้ามาควบคุมโลกไหม ? คำตอยคือ ‘ไม่เลย’ ทั้งหมดเป็นเพียงความกลัวโดยธรรมชาติของมุนษย์ ที่มีต่อเครื่องจักรเท่านั้น] จากนั้นก็กล่าวเสริมด้วย การพัฒนา AI แบบมีข้อจำกัดนั้น ถือเป็นการพลาดโอกาสครั้งใหญ่

[มันเหมือนตอนพัฒนาเครื่องเทอร์โบเจ็ตในปี 1930 ที่หลายคนมองว่าอันตราย แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นเครื่องยนต์ที่ไว้วางใจได้ และมีความปลอดภัยอย่างไม่น่าเชื่อ] Yann LeCun กล่าว

จุดสำคัญที่เจ้าพ่อคนนี้มองเลยคือ ตัว AI มันยังคงทำงานบนดาต้าเซ็นเตอร์ (Data Center) ที่สามารถกดปิดสวิตช์เมื่อไรก็ได้ ฉะนั้นหากคิดว่ามันอันตรายจริง ๆ ก็ไม่ต้องไปพัฒนามัน

ย้อนกลับไปเดือนก่อนหน้านี้ Geoffrey Hinton เจ้าพ่อแห่งวงการ AI ที่อดีตเคยทำงานให้กับ Google นั้น ออกโรงเตือนว่า AI จะกลายเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ในอนาคต กระทั่งทาง Sam Altman ซีอีโอคนปัจจุบันของ OpenAI ที่พัฒนา ChatGPT ก็ยังมาเตือนด้วยเหมือนกันว่า ความเป็นไปได้ที่ AI ที่จะทำให้มนุษย์เกิดการสูญพันธุ์ และยังมี Warren Buffett นักลงทุนชื่อดังระดับโลก ก็เคยเปรียบ AI ว่า เป็นเหมือนการสร้างระเบิดปรมาณู

ส่วนเรื่องการจ้างงานนั้น เมื่อต้นปีที่ผ่านมาพบรายงานว่า AI อาจส่งผลกระทบต่องานประจำถึง 300 ล้านตำแหน่ง เช่น IBM ที่ได้เลิกจ้างงานที่คิดว่า AI สามารถทดแทนได้อย่างฝ่ายบุคคล

จุดนี้ทาง Yann LeCun บอกกับ BBC เลยว่า AI จะไม่ทำให้คนต้องตกงานเป็นจำนวนมากอย่างถาวร สังเกตว่างานอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ เพราะเราไม่รู้เลยว่างานที่โดดเด่นที่สุดในรอบ 20 ปีข้างหน้านี้ จะเป็นงานอะไร และโดดเด่นอย่างไร

ปัจจุบันเราเหมือนอยู่ในยุค New Renaissance หรือฟื้นฟูศิลปวิทยาการใหม่สำหรับมนุษยชาติ เช่นเดียวกับตอนที่เรามีแท่นพิมพ์หรืออินเทอร์เน็ต แม้ AI มีโอกาสที่จะฉลาดกว่ามนุษย์ในอนาคต ทว่ากว่าจะถึงวันนั้นจริง ๆ ก็คงต้องใช้เวลาอีกหลายสิบปี

ที่มา : Techspot