ช่วงนี้สมิตหันมาใส่ใจสุขภาพเป็นพิเศษหลังจากป่วยด้วยโรคกรดไหลย้อนมาพักหนึ่งแล้ว เลยเริ่มมองหาพวก Fitness Tracker มาใช้ดู หาไปหามาก็ไปเจอเจ้า Xiaomi Mi Band 1s นี่เข้า ซึ่งน่าสนใจมากๆ เพราะราคาค่าตัวมันแสนถูก และมีฟีเจอร์ให้ใช้งานได้ในระดับหนึ่งเลยค่ะ
สำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ติดตามเทคโนโลยีอะไรมากมาย อาจจะสงสัยว่ามันคืออะไร ไว้ใช้ทำอะไรได้บ้าง Xiaomi Mi Band 1s อันนี้เรียกง่ายๆว่าเป็นสายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพ สามารถตรวจจับค่าต่างๆของร่างกายได้ ฟีเจอร์เกี่ยวกับสุขภาพหลักๆจะมีดังนี้
- นับก้าวเดิน / การวิ่ง รวมถึงนับระยะทางและปริมาณแคลลอรี่ที่ใช้ไปได้ แต่สำหรับการออกกำลังกายอื่นๆจะไม่สามารถวัดได้ค่ะ
- ตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจได้ แต่ไม่ได้เป็นแบบเรียลไทม์ วัดตลอดเวลานะคะ จะวัดเมื่อเรากดปุ่มให้วัดผ่านแอพพลิเคชั่นเ่ท่านั้น
- ตรวจจับการนอนหลับของเรา อันนี้เป็นเหตุผลหลักเลยที่เราซื้อ Mi Band 1s มาใช้ เพราะเป็นคนที่ค่อนข้างมีปัญหากับการนอน เลยอยากได้อะไรมาตรวจวัดสักหน่อย ซึ่งเจ้าตัวนี้จะวัดได้ว่าเราเริ่มนอนกี่โมง ตื่นกี่โมง หลับลึกกี่ชั่วโมง หลับตื้นกี่ชั่วโมง ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เราไม่ต้องไปกดปุ่มอะไรให้มันวัดนะคะ ก็แค่ใส่ไว้ที่ข้อมือเฉยๆ พอเราหลับหรือตื่น ตัวเซ็นเซอร์มันจะรับรู้ได้เองค่ะ ผ่านการวัดค่าต่างๆของร่างกายเรา
ทีนี้มาดูกันก่อนว่าพอซื้อมาใช้แล้วจะมีอุปกรณ์อะไรมาให้ในกล่องบ้าง
หลักๆภายในกล่องก็มีแค่นี้ค่ะ มีตัวเซ็นเซอร์ (ลักษณะเป็นเม็ดรีๆ) สายรัดข้อมือ สายชาร์จ (ห้ามทำหายนะ เป็นแบบเฉพาะของมันเลย หาซื้อใหม่ทั่วไปไม่ได้) และคู่มือภาษาจีนล้วนๆ 555
ก่อนใช้งานก็ให้เอาไปชาร์จไฟก่อน ประมาณ 2-3 ชั่วโมงก็เต็ม แบตเตอรี่อยู่ได้ประมาณ 15-30 วัน แล้วแต่การใช้งานของเรา
เมื่อจะเริ่มใช้งานจริงก็ให้เอาเจ้าเซ็นเซอร์เม็ดรีๆใส่เข้าไปในสายรัดข้อมือ แล้วก็สวมไว้ที่ข้อมือได้เลย ปรับระดับสายได้ตามชอบใจ มีหลายระดับให้เลือก ส่วนตัวเราเป็นคนค่อนข้างผอม ก็ใส่รูเกือบในสุดเลยค่ะ …อ้อ ใครไม่ชอบสายสีดำก็ไปซื้อสายสีอื่นมาเปลี่ยนได้นะ มีขายแยกค่ะ
พอใส่ Mi Band 1s ไว้ที่ข้อมือแล้วก็ต้องไปโหลดแอพพลิเคชั่น Mi Fit (Android , iOS) มาใช้คู่กับมันด้วย เมื่อเปิดใช้ครั้งแรกต้องสมัคร Account ก่อน กรอกข้อมูลส่วนตัวไปนิดหน่อย เปิด Bluetooth ไว้เพื่อจับคู่กับตัวสายรัดข้อมือก็เป็นอันพร้อมใช้งาน
การวัดก้าวเดิน / วิ่ง จะมีรายละเอียดแสดงออกมาเป็นกราฟให้ดูด้วย ความแม่นยำเท่าที่ไปดูรีวิวของต่างประเทศมาก็ทำได้ค่อนข้างแม่นยำ ใกล้เคียงกับพวก Fitness Band ที่ราคาสูงๆ
ในส่วนของการนอนหลับก็จะมีข้อมูลแสดงออกมาเป็นกราฟให้เช่นกัน กดเข้าไปดูรายละเอียดปลีกย่อยในกราฟได้ ส่วนของ Deep sleep (การนอนหลับลึก) และ Light Sleep (การนอนหลับตื้น) อันนี้เราไม่แน่ใจว่าจะแม่นยำมากน้อยเพียงใด แต่ถ้าเป็นเวลาที่หลับกับเวลาตื่นถือว่าทำได้ค่อนข้างเป๊ะเลยทีเดียว เพราะเมื่อคืนตอนทดสอบเราง่วงมาก หัวถึงหมอนปุ๊บก็หลับ ซึ่งก็เข้านอนประมาณเกือบๆห้าทุ่มนี่แหละค่ะ ส่วนตอนตื่นขึ้นมามองนาฬิกาก็ประมาณ 7 โมงเช้า
ถ้าต้องการให้การวัดแม่นยำขึ้น อย่าลืมไปเปิดโหมด Sleep Assistant ใน Settings ด้วยนะคะ เมื่อเปิดโหมดนี้เซ็นเซอร์จะวัดการเต้นของหัวใจเป็นระยะๆ (แต่ไม่เก็บข้อมูลนะ ไว้ดูเฉยๆว่าเราหลับหรือยัง) ซึ่งจะทำให้การวัดการนอนหลับแม่นยำขึ้น แต่ก็จะกินแบตเตอรี่มากขึ้นนิดหน่อย
นอกจากวัดเรื่องก้าวเดินกับการนอนแล้ว อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจของ Mi Band 1s ก็คือการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (คนปกติควรเต้นที่ 60-100 ครั้งต่อนาที ยิ่งช้ายิ่งดี) ซึ่งการวัดของ Mi Band 1s จะไม่ได้วัดตลอดเวลา แต่จะวัดก็ต่อเมื่อเรากดให้วัดผ่านแอพพลิเคชั่น Mi Fit วิธีการวัดที่ถูกต้องควรจะยืนนิ่งๆสักครู่จนกว่าเครื่องจะวัดเสร็จ โดยเอาแขนไว้ประมาณระดับหน้าอกค่ะ
นอกเหนือจากฟีเจอร์หลักๆเกี่ยวกับสุขภาพที่กล่าวไปข้างต้น ก็มีฟีเจอร์อื่นๆที่ Mi Band 1s ทำได้ ดังนี้ค่ะ
- ตั้งเวลาปลุก เมื่อถึงเวลาปลุกมันจะสั่น สามารถเปิดตั้งเวลาโหมด Early Bird ได้ด้วย ภายใต้โหมดนี้ เซ็นเซอร์จะตรวจจับช่วงเวลาที่เราหลับตื้น แล้วพยายามปลุกตอนนั้น จะทำให้เราตื่นขึ้นมารู้สึกสดชื่น
- แจ้งเตือนแอพพลิเคชั่นได้สูงสุด 3 แอพฯ (ต้องเปืด Bluetooth ไว้ตลอด)
- แจ้งเตือนเมื่อมีสายเข้า (ต้องเปิด Bluetooth ไว้ตลอด)
- ปลดล๊อคหน้าจอโทรศัพท์ได้อัตโนมัติ (ใช้ได้เฉพาะ Android และต้องเปิด Bluetooth ไว้ตลอด)
การใช้งาน ถ้าใครกลัวว่าเปิด Bluetooth ตลอดเวลาจะกินแบตเตอรี่โทรศัพท์ก็ปิด Bluetooth ไปก็ได้ค่ะ แต่จะทำให้ฟีเจอร์แจ้งเตือนต่างๆข้างต้นใช้ไม่ได้ การเก็บข้อมูลต่างๆของ Mi Band 1s จะยังเก็บได้ปกติ แต่เวลาที่เราจะเปิดดูข้อมูลอัพเดทล่าสุดจะต้องเปิด Bluetooth ก่อน พอดูเสร็จก็ปิดได้
หลังจากลองใช้ไปได้ 1 วัน สำหรับเราถือว่าคุ้มค่ามากๆกับราคาเท่านี้ (14.99$ แต่ถ้าซื้อร้านหิ้วในไทยก็จะอยู่ที่ประมาณ 800-900 บาทค่ะ) จริงๆหลักๆก็อย่างที่บอกว่าจะเอามาวัดเรื่องการนอนเฉยๆเท่านั้นเอง แต่ถ้าเป็นคนที่ออกกำลังกายแบบโหดๆหน่อยอาจจะไม่โอเคเท่าไร ..จริงๆเราก็ออกกำลังกายเกือบทุกวันนะคะ แต่ไม่ได้สนใจจะมา track เรื่องการออกกำลังกายมากขนาดนั้น ฟีเจอร์ที่ให้มาเท่านี้ก็เลยเพียงพอกับการใช้งานแล้ว นี่ถ้ามันบอกเวลาได้ด้วยเนี่ยก็จะปลื้มมากเลย แต่แหม… ราคาแค่ไม่ถึงพันนึง ได้เท่านี้ก็โอเคแล้วค่ะ 5555
ไว้ถ้าใช้งานไปสักหลายๆเดือนอาจจะมาเขียนรีวิวให้อ่านกันอีกทีนะ ^^
หนึ่งในมือถือ