ที่เมืองริชมอนด์ รัฐเวอร์จิเนีย บริษัทสตาร์ทอัพชื่อว่า Plenty กำลังปลูกสตรอว์เบอร์รี่ในลักษณะฟาร์มแนวตั้ง โดยใช้หอคอยแนวตั้งสูง 30 ฟุต (9 เมตร) และใช้พื้นที่เพียง 40,000 ตารางฟุต หรือเทียบเท่ากับประมาณ 4.5 สนามฟุตบอล
ที่สำคัญ สตรอว์เบอร์รี่ที่ปลูกให้ผลผลิตมากกว่าสี่ล้านปอนด์ (1.8 ล้านกิโลกรัม) นี่เป็นการใช้ที่ดินและทรัพยากรน้อยกว่าการทำฟาร์มสตรอว์เบอร์รี่แบบดั้งเดิมมาก และแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการทำฟาร์มแนวตั้ง
ที่สำคัญ Plenty มีการใช้ AI ควบคุมแสง อุณหภูมิ และความชื้นให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการทำฟาร์มแนวตั้งในร่ม โดย AI จะทำหน้าที่หลักๆ คือ
1.เก็บข้อมูลและวิเคราะห์ AI จะรวบรวมข้อมูลจากเซ็นเซอร์ต่างๆ ภายในฟาร์ม เช่น ความเข้มของแสง อุณหภูมิ ความชื้น ระดับคาร์บอนไดออกไซด์ และข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของพืช จากนั้น AI จะนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์เพื่อทำความเข้าใจสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน และคาดการณ์แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
2. เรียนรู้และปรับตัว AI จะเรียนรู้จากข้อมูลที่เก็บมา และปรับตัวให้เข้ากับรูปแบบการเจริญเติบโตของพืชแต่ละชนิด ยิ่ง AI มีข้อมูลมากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะยิ่งสามารถปรับแต่งสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับความต้องการของพืชไ
3.ควบคุมสภาพแวดล้อม เมื่อ AI วิเคราะห์และเรียนรู้แล้ว ก็จะสามารถควบคุมระบบต่างๆ ภายในฟาร์มได้อย่างอัตโนมัติ เช่น แสง ปรับความเข้มและระยะเวลาของแสงให้เหมาะสมกับช่วงการเจริญเติบโตของพืช อาจใช้แสง LED ที่สามารถปรับแต่งสเปกตรัมแสงได้ เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตและเพิ่มผลผลิต
อุณหภูมิ รักษาอุณหภูมิให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมสำหรับพืชแต่ละชนิด เพื่อให้พืชเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่
ความชื้น ควบคุมความชื้นในอากาศและดิน เพื่อป้องกันโรคและแมลงศัตรูพืช และส่งเสริมการดูดซึมน้ำและสารอาหารของพืช
เห็นแบบนี้ น่าทำในไทยเหมือนกันนะ พื้นที่เพาะปลูกในไทยก็เริ่มน้อยลงเรื่อย ๆ แล้วด้วย
ที่มา
https://newatlas.com/manufacturing/world-first-vertical-strawberry-farm-plenty/