[นับถอยหลัง] แม้ตอนนี้ Windows 11 จะเปิดให้บริการมาหลายปีแล้ว แต่ Windows 10 ก็ยังคงเป็นระบบปฏิบัติการยอดนิยม ซึ่งหลายคนอาจจะชอบในความเสถียร หรือชินกับการใช้งานมานาน อย่างไรก็ตาม ทาง Microsoft ได้ประกาศยุติการสนับสนุน ซึ่งจะสิ้นสุดภายในเดือนตุลาคมปี 2025 หรืออีก 1 ปีข้างหน้านี้แล้ว
ตามกำหนดการคือวันที่ 14 ตุลาคม 2025 จะเป็นวันยุติการสนับสนุนหรืออัปเดต Windows 10 ซึ่งนั้นก็รวมถึง Patch ความปลอดภัยต่าง ๆ ที่เคยมีอัปเดตอย่างต่อเนื่อง ก็จะสิ้นสุดลงด้วยเช่นกัน ฉะนั้นการใช้งาน Windows 10 ต่อไป ก็สามารถทำได้ แต่ก็ต้องเสี่ยงกับความปลอดภัยที่จะไม่ป้องกันพวกโปรแกรมอันตรายหรือมัลแวร์ตัวใหม่ ๆ อีกต่อไป
อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้หลายคนยังใช้งาน Windows 10 นั้น ก็ไม่พ้นเรื่อง TPM 2.0 ที่ Windows 11 บังคับใช้งานอย่างจริงจังแล้ว ปัญหาคือตัว TPM 2.0 เป็นชิปความปลอดภัยขนาดเล็ก ที่ติดตั้งอยู่บนเมนบอร์ดชิปเซ็ต Intel 100 ซีรีส์ และ AMD Ryzen ขึ้นไปเท่านั้น หากเครื่อง PC ใครเก่ากว่านี้ ก็จะไม่มีตัวชิปดังกล่าว ส่งผลให้ไม่สามารถใช้งาน Windows 11 ได้นั้นเอง เท่ากับว่าใครมีเครื่องคอมฯ เก่า ๆ ตั้งแต่ก่อนยุคซีพียู AMD Ryzen ก็หมดสิทธิ์ใช้งานเลย
มีข้อมูลน่าสนใจจากทาง Statcounter เผยตั้งแต่ช่วงเดือยกันยายน 2023 ถึง 2024 พบมีสัดส่วนผู้ใช้งาน Windows 10 มากถึง 62.79% ในขณะที่ Windows 11 อยู่ที่ 33.37% เท่านั้น บ่งบอกเลยว่ายังมีผู้ใช้ Windows 10 จำนวนมาก
ทางด้าน Microsoft เอง ก็อาจเห็นถึงข้อจำกัดในเรื่อง TPM 2.0 จึงได้ได้ประกาศโปรแกรม Extended Security Update (ESU) ที่จะช่วยให้ผู้ใช้ Windows 10 ได้รับแพตช์ด้านความปลอดภัยที่สำคัญได้นานถึง 3 หลังจากวันที่สิ้นสุดการสนับสนุน ทว่าโปรแกรมหรือสิทธิ์ดังกล่าว จะเน้นสำหรับผู้ใช้ระดับองค์กร เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมด้วย
สุดท้ายสำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่ยังใช้งาน Windows 10 อยู่ ก็มีทางเลือกสองอย่างคือ อัปเกรดเครื่อง PC ให้ใช้งาน Windows 11 ได้ หรือใช้งาน Windows 10 ต่อไปแบบไม่ต้องอัปเดต โดยยอมรับความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นเอง หรืออีกวิธีคือติดตั้ง Windows 11 บนฮาร์ดแวร์ที่ไม่รองรับ แม้จะใช้งานได้ แต่ก็ต้องลุ้นการอัปเดตในอนาคต ที่ไม่รู้ว่าวันหนึ่งทาง Microsoft จะลง “ดาบ” ตอนไหน
ที่มา : Techspot