The Australian ได้ทดสอบ Windows Hello ระบบปลดล็อคเครื่องด้วยใบหน้าของ Windows 10 ด้วยการนำคู่แฝดถึง 20 คู่ มาทดสอบความแม่นยำของระบบดังกล่าว ผลคือ ระบบสามารถแยกแยะออกได้ว่าใครคือเจ้าของที่แท้จริง
แฝดก็แฝดเถอะ Windows Hello ระบบปลดล็อคเครื่องด้วยใบหน้า เป็นหนึ่งในฟีเจอร์ชูโรงของ Windows 10 ที่ทาง Microsoft ย้ำนักหนาว่า เป็นระบบรักษาความปลอดภัยที่แม่นยำสุดๆ ทาง The Australian จึงอยากพิสูจน์ว่าจริงไหม เลยนำเหล่าฝาแฝด จับมาทดสอบความแม่นยำของระบบดูซะเลย ว่าจะเจ๋งตามที่ว่าไว้หรือไม่ สำหรับการทดสอบดังกล่าว ยังมีจุดประสงค์ด้วยว่า หากเกิดมีคนปลอมใบหน้าของตัวเอง ให้เหมือนกับเจ้าของ ตัว Windows Hello จะยังสามารถจับได้หรือเปล่า ถ้าหากจับไม่ได้ ก็ถือเป็นจุดบอดที่ใหญ่ยิ่งสำหรับ Microsoft แน่ๆ นี้จึงเป็นที่มาของการทดสอบครั้งนี้
ในการทดสอบ ทาง The Australian ได้ใช้ Lenovo Thinkpad Yoga 14 โน๊ตบุ๊คติดกล้อง RealSense 3D Camera จาก Intel ที่สามารถมองเห็นรายละเอียดได้เทียบเท่ากับสายตาของมนุษย์ ใช้ร่วมกับ Windows Hello ฟีเจอร์ปลดล็อคเครื่องด้วยใบหน้านี้เอง มาทดสอบกับฝาแฝดที่มีอยู่ด้วยกัน 20 คู่ (ในแหล่งอ้างอิงบอกด้วยว่า ที่ออสเตเรียมีฝาแฝดอยู่ด้วยกันถึง 40,000 คู่เลยทีเดียว) จากนั้นก็ให้คู่แฝด 1 คน เอาหน้าของตัวเอง ไปลงทะเบียนสแกนความเป็นเจ้าของ
ส่วนอีกคนก็ให้จัดแต่งใบหน้าให้เหมือนกับแฝดคู่ของตนมากที่สุด จากนั้นก็ทำการสแกนใบหน้า ผลคือ ระบบสามารถแยกแยะได้อย่างรวดเร็วเลยว่า ใครคือเจ้าของที่แท้จริง !! โดยแฝด 1 คนที่ลงทะเบียนไป สามารถเปิดเครื่องได้ ส่วนอีกคนที่ไม่ได้ลงทะเบียน กลับเข้าระบบไม่ได้เลย สร้างความประหลาดใจให้ทั้งคู่แฝดและผู้ทดสอบพอควร โดยมีรายหนึ่งถึงกลับบอกว่า “นี้เหมือนเป็นครั้งแรก ที่มีคน(คอมฯ)แยกเราออกได้ด้วย”
แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อผิดพลาด มีอยู่คู่หนึ่งที่ทำวิธีเหมือนกับข้างตน แต่กลับกลายเป็นว่า ทั้งสองไม่สามารถเข้าสู่ระบบได้เลยทั้งคู่ซะงั้น ซึ่งก็ไม่รู้ว่าตัวระบบระแวงเกินไปหรือยังไง แต่ก็ยังถือว่าตัวระบบยังไม่หละหลวมเรื่องความปลอดภัยซะทีเดียว เป้าหมายของ Microsoft คือ ต้องการจะให้ Windows Hello เป็นที่ยอมรับของกลุ่ม FIDO Alliance และให้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของการยืนยันตัวตนให้ได้ ถ้าใครที่อยากพิสูจน์ความแม่นยำของฟีเจอร์นี้ ให้ลองไปหาซื้อโน็ตบุ๊คที่มี
กล้อง RealSense ติดด้วยนะครับ ถือเป็นเงื่อนไขแรก สำหรับบรรยากาศการทดสอบนั้น ลองดูจากคลิปนี้ได้ครับ
https://www.youtube.com/watch?v=N30jt-W9S4c
ที่มา : Engadget , The Australian