ถึงเวลารักสุขภาพกันอีกครั้งกับ “Wellograph” นาฬิกาอัจฉริยะ ภายใต้การออกแบบและผลิตโดยบริษัทสัญชาติไทย ที่ข้ามน้ำข้ามทะเลไปคว้ารางวัล “INNOVATIONS DESIGN AND ENGINEERING AWARDS 2014” จากงาน CES 2014 ที่ลาส เวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อตอนต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นผลิตภัณฑ์สวมใส่ใกล้ตัวที่น่าสนใจไม่น้อย และจะมีดีอย่างไรสำหรับคนรักสุขภาพในเมืองไทย
สำหรับ “Wellograph” นาฬิกาอัจฉริยะเพื่อคนรักสุขภาพ เห็นแค่ประโยคนี้หลายคนน่าจะพอเดาได้แล้วว่าประโยชน์ของนาฬิกาข้อมือเรือนนี้สามารถนำไปใช้ทำอะไรได้บ้าง ซึ่งผมขอขยายความเพิ่มเติมสำหรับใครอีกหลายๆคนที่ยังไม่เคยรู้จักผลิตภัณฑ์ประเภทนี้มาก่อน
ทันทีที่แกะกล่องออกมายอมรับแบบแมนๆว่า Wellograph ให้ความรู้สึกเหมือนนาฬิกาข้อมือธรรมดาๆทั่วไป อาจเหมาะสำหรับวัยรุ่นเสียมากกว่า แต่นั่นเป็นเพียงความรู้สึกแว็บแรกที่เห็นเท่านั้น !!
ขั้นต่อมาได้ทดลองสวมใส่จริงพบว่าน้ำหนักไม่มากตามตัวเรือนที่มีความหนา ทำจากสแตนเลสสตีลผสมกับอลูมิเนียม พร้อมกระจกตัวเรือนที่ทำด้วยวัสดุประเภทแซฟไฟร์ให้ความกระชับและคล่องแคล่วขณะสวมใส่ได้อย่างสบายๆ และไม่ทำให้เกิดรอยขีดข่วน ขณะที่สายนาฬิกาทำจากหนังนุ่ม สามารถถอดเปลี่ยนได้ ด้านหน้ามี 2 ปุ่มสำหรับเลือกฟีเจอร์ที่ต้องการใช้งาน ส่วนด้านหลังมีเซนเซอร์ Heart Rate และพอร์ตชาร์จแบตเตอรี่
ปุ่มด้านข้างคอยทำหน้าที่เลือกฟีเจอร์ต่างๆ
ด้านหลังตัวเรือนจะมีเซนเซอร์วัดชีพจร ซึ่งในขณะสวมใส่และเปิดฟีเจอร์ Heart Rate ไว้สักครู่ จากนั้นนาฬิกาจะรายงานอัตราการเต้นของหัวใจให้ทราบทางหน้าปัดนาฬิกาหรือหน้าจอสมาร์ตโฟน
มาถึงฟีเจอร์การใช้งานกันบ้าง ประกอบไปด้วย
1. Heart Rate Monitor คอยวัดอัตราการเต้นของหัวใจ
2. Activity tracker เป็นตารางรายงานกิจกรรมประจำวันหรือรายงานประจำสัปดาห์ของผู้ใช้ อาทิ จำนวนก้าวเดิน, ปริมาณแคลอรี่ที่ถูกเผาผลาญไป รวมไปถึงนาฬิกาจะแจ้งจำนวน Idle Time ให้ทราบในกรณีที่นั่งเฉยๆ นานเกินไป เป็นการกระตุ้นให้ผู้ใช้ตื่นตัวมากขึ้น
3. Pedometer เซนเซอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถกำหนดการก้าวเดินในแต่ละวันได้ด้วยตนเอง
4. Running Mode เซนเซอร์ที่คอยรายงานระยทาง, จำนวนก้าว, ความเร็วต่อรอบ และแคลอรี่ที่ถูกเผาผลาญจากการวิ่งได้
อีกจุดเด่นที่คล้ายกับนาฬิกาอัจฉริยะหลายแบรนด์นั่นคือคุณสมบัติในการกันน้ำ ซึ่งข้อมูลที่ได้รับมาเปิดเผยว่าสามารถ กันน้ำได้ลึก 50 เมตร แต่เรื่องแบตเตอรี่นับเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ใครหลายๆคน เพราะ Wellograph สามารถอยู่ได้นานถึงสองสัปดาห์ โดยไม่ต้องชาร์จทุกวันให้เปลืองไฟ เปลืองเวลา
นอกจากนี้ Wellograph ยังสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนที่เป็น Android, iOS และ Windows Phone ผ่านบลูทูธ ด้วยแอพพลิเคชัน Wellograph ชื่อเดียวกับนาฬิกา ช่วยในการนำเสนอข้อมูลให้มีความชัดเจน และละเอียดครบถ้วน
โดยภาพรวมแล้ว หลังจากได้ลองจับ สัมผัส และใช้ Wellograph จริง ต้องยอมรับครับว่า มีดีกว่าที่เห็นในตอนแรก ซึ่งด้วยฟีเจอร์ด้านสุขภาพแล้วสามารตอบโจทย์ใครหลายๆคนที่หันมาใส่ใจเรื่องการตรวจวัดสุขภาพตัวเองมากขึ้น อีกทั้งต้องขอชมเชยฝีมือจากบริษัทคนไทยที่สร้างผลิตภัณฑ์ชั้นนำจนสามารถคว้ารางวัลระดับโลกมาได้ ใครที่สนใจสามารถอุดหนุน Wellograph นาฬิกาอัจฉริยะเพื่อสุขภาพได้ที่ www.wellograph.com