จากกรณีการแพร่กระจายของ Ransomware ตัวล่าสุดในชื่อ “WannaCry” ส่งผลกระทบต่อคอมพิวเตอร์นับแสนเครื่องทั่วโลกถูกล็อคไฟล์และเรียกค่าไถ่ ซึ่งจากข้อมูลล่าสุดชี้ให้เห็นว่า Windows 7 เป็นระบบปฏิบัติการที่ตกเป็นเหยื่อของ Ransomware นี้มากที่สุด
การเปิดเผยของบริษัทด้านการรักษาความปลอดภัยของระบบคอมพิวเตอร์สองแห่งคือ Kaspersky Lab และ BitSight ยืนยันตรงกันว่าคอมพิวเตอร์ภายใต้ระบบปฏิบัติการ Windows 7 ตกเป็นเหยื่อของ Ransomware WannaCry ตัวล่าสุด คิดเป็นเปอร์เซนต์มากถึง 97% เป็นประเภท Windows 7 x64
BitSight เปิดเผยเพิ่มเติมว่าจากการวิเคราะห์คอมพิวเตอร์จำนวน 160,000 เครื่อง พบว่า Ransomware WannaCry ถูกแพร่กระจายอยู่บนคอมพิวเตอร์ระบบปฏิบัติการ Windows 7 คิดเป็น 67% ของจำนวนเครื่องทั้งหมดที่มีการวิเคราะห์
ภาพจาก Kaspersky แสดงสัดส่วน Windows ที่ติด WannaCry มากที่สุด
ภายหลังจากที่มีการตรวจพบ Ransomware WannaCry แพร่กระจายบนระบบปฏิบัติการ Windows เดิมทีมีการวิเคราะห์ว่า Windows XP เป็นเป้าหมายหลักของการโจมตีครั้งนี้ จนทำให้ Micrsoft จำเป็นต้องออกแพตช์พิเศษเพื่อให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่ยังใช้ Windows XP ได้อัพเกรดกันอย่างเร่งด่วน แต่ทว่าจะการเปิดเผยของบริษัทด้านการรักษาความปลอดภัยของระบบคอมพิวเตอร์ กลับกลายเป็นว่า Windows 7 คือระบบปฏิบัติการที่ตกเป็นเหยื่อของ Ransomware WannaCry มากที่สุด
แต่ทั้งนี้ ช่วง 1 เดือนก่อนหน้าที่ Ransomware WannaCry จะแพร่กระจายบนคอมพิวเตอร์ทั่วโลก ทาง Microsoft ได้ออกแพตช์รักษาความปลอดภัยเพื่ออุดช่องโหว่ให้กับ Windows 7 ไปก่อนแล้ว ซึ่งนั่นแปลว่าผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่เป็นระบบปฏิบัติการ Windows 7 และตกเป็นเหยื่อ Ransomware WannaCry ยังไม่ได้มีการอัพเกรดซอฟต์แวร์เป็นรุ่นล่าสุด ส่วนใครที่ไม่อยากเจอเหตุการณ์เช่นนี้ทีมงาน aripfan แนะนำว่ายอมเสียเวลาสักนิด อัพเกรดซอฟต์แวร์กันสักหน่อยดีกว่าครับ
ที่มา Wired