ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปคุณสามารถทิ้งกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์ไว้ที่บ้าน และจ่ายเงินได้ง่ายๆ ด้วยสมาร์ทวอทช์ของฟิตบิทรุ่น Fitbit Ionic หรือ Fitbit Versa
คุณสุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่าประจำประเทศไทย และ คุณหลุยส์ ลายย์ ผู้จัดการประจำประเทศในกลุ่มภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฮ่องกงและไต้หวัน ผลิตภัณฑ์ฟิตบิท ประกาศเปิดตัว ฟิตบิทเพย์ (Fitbit Pay) สำหรับลูกค้าชาวไทยที่มีสมาร์ทวอทช์ของฟิตบิทรุ่น Fitbit Ionic หรือ Fitbit Versa และแทรคเกอร์ตัวใหม่ล่าสุดอย่าง Fitbit Charge 3 สามารถเริ่มใช้งานได้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2561 นี้เป็นต้นไป
วีซ่า บริษัทผู้ให้บริการด้านการชำระเงินในรูปแบบดิจิตอลระดับโลก และ ฟิตบิท (ชื่อย่อในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก: FIT) ผู้นำอุปกรณ์แวร์เอเบิลชั้นนำระดับโลก ประกาศเปิดตัว ฟิตบิทเพย์ (Fitbit Pay) สำหรับลูกค้าชาวไทยที่มีสมาร์ทวอทช์ของฟิตบิทรุ่น Fitbit Ionic หรือ Fitbit Versa และแทรคเกอร์ตัวใหม่ล่าสุดอย่าง Fitbit Charge 3 สามารถติดตั้งใช้งานได้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2561 นี้เป็นต้นไป ลูกค้าธนาคารกสิกรไทย เคทีซี และไทยพาณิชย์ สามารถลงทะเบียนบัตรเครดิตหรือเดบิตของวีซ่าเพื่อชำระเงินได้โดยตรงจากสมาร์ทวอทช์ของฟิตบิท
ในปัจจุบันการเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีไร้สายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การชำระเงินในรูปแบบดิจิตอลเพิ่มขึ้นตามไปด้วย นอกจากนั้นวีซ่ายังแสวงหานวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะเข้ามาเพิ่มช่องทางในการชำระเงิน ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์ นาฬิกา และเครื่องติดตามในการออกกำลังกาย เป็นต้น โดยผลสำรวจเกี่ยวกับการศึกษาเรื่องทัศนคติการชำระเงินของผู้บริโภค ของวีซ่า เผยให้เห็นว่าเจ็ดในสิบ (67 เปอร์เซ็นต์) ของคนไทยกล่าวว่าพวกเขาเลือกชำระเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น บัตรพลาสติก โทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์พกพาอื่นๆ มากกว่าเงินสดเพื่อเป็นการลดการใช้ธนบัตรและเหรียญ
คุณสุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่าประจำประเทศไทย กล่าวว่า “ที่วีซ่า เรามุ่งมั่นพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อมอบประสบการ์การชำระเงินในรูปแบบที่หลากหลายให้แก่ลูกค้า และเรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นพันมิตรกับทั้ง ฟิตบิท และสถาบันการเงินชั้นนำของประเทศ เรามองเห็นถึงศักยภาพและโอกาสที่การชำระเงินผ่านอุปกรณ์สวมใส่จะช่วยเพิ่มความสะดวก สร้างประสบการณ์การชำระเงินใหม่ และทดแทนวิธีการชำระเงินในชีวิตประจำวันของลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานที่ที่คุ้นชินกับการใช้จ่ายผ่านเงินสด นอกจากนั้นความร่วมมือในครั้งนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตของ อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิง์ หรือ ไอโอที (Internet of Things: IoT) และวิธีการของวีซ่า ที่เข้ามาส่งเสริมบริษัทในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี และเป็นแรงขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมไร้เงินสดในอนาคต”
Fitbit Pay สามารถตั้งค่าได้ง่ายๆบน Fitbit Ionic หรือ Fitbit Versa โดยทำตามขั้นตอนบนแอพพลิเคชั่นส์ของฟิตบิท ทั้งระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์และ iOS เพื่อเพิ่มบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตบน Fitbit Wallet การชำระเงินผ่าน Fitbit Pay จะช่วยให้ผู้ใช้จะได้รับความสะดวกสบายและมีอิสระมากขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งโทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์ และชำระเงินได้ง่ายๆ ผ่านหลายพันร้านค้าที่เปิดรับการชำระเงินแบบไร้สัมผัส
นอกจากนี้ Fitbit Pay ยังมาพร้อมความปลอดภัยผ่านบริการโทเค็นของวีซ่า (Visa Token Service) กระบวนการแปลงข้อมูลแบบให้เป็น โทเค็น นี้เรียกว่า Tokenization ซึ่งคือเทคโนลียีเสริมความปลอดภัยของวีซ่าในการเปลี่ยนข้อมูลบัตร เช่น หมายเลขหน้าบัตร และวันหมดอายุ ด้วยรหัสโทเค็นแบบใช้ครั้งเดียวเพื่อใช้ในการชำระเงินโดยไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของผู้ถือบัตร ข้อมูลของผู้ถือบัตรวีซ่าจะไม่มีการเปิดเผยให้แก่ร้านค้า มากไปกว่านั้นยังมีรหัสป้องกัน (PIN) ที่ผู้ใช้ตั้งขึ้นตอนตั้งค่าเริ่มต้นการใช้ง่านเพื่อเพิ่มระดับความปลอดภัยขึ้นอีกขั้น ผู้ใช้สามารถมั่นใจและทิ้งกระเป๋าสตางค์ไว้ที่บ้านได้โดยยังสามารถชำระเงินได้ง่ายๆด้วยอุปกรณ์สวมใส่บนข้อมือ
ผลสำรวจเกี่ยวกับการศึกษาเรื่องทัศนคติการชำระเงินของผู้บริโภค ประจำปี 2560 จัดทำโดยบริษัท Intuit Research ในนามของวีซ่า ในช่วงเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม พ.ศ. 2560 ในเจ็ดประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ประเทศไทย และเวียดนาม มีผู้ตอบแบบสอบถามออนไลน์ทั้งหมด 4,160 ราย โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามชาวไทยทั้งหมด 513 ราย ที่มีอายุมากกว่า 18 ปีและรายได้มากกว่า 15,000 บาท