ในขณะที่ประเทศไทยเรายังมองว่าเกมเป็นเพียงสิ่งสร้างความบันเทิงสำหรับเด็กที่อาจนำพามาซึ่งภัยต่างๆ แต่สำหรับหลายประเทศทั่วโลก มีการแข่งขันเล่นเกมกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ถึงขั้นเล่นเกมเป็นอาชีพกันเลยทีเดียว
เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยได้ยินคำว่า E-sports กันมาบ้าง มันก็คือการแข่งขันเกมคอมพิวเตอร์นั่นเอง โดยมองว่าการเล่นเกมก็เหมือนกับการเล่นกีฬาชนิดหนึ่ง มีนักกีฬา (นักเล่นเกม) อุปกรณ์กีฬา (คีย์บอร์ด เม้าส์) มีกติกาการแข่งขัน และต้องมีการฝึกซ้อมเเอาจริงเอาจังเพื่อเข้าแข่งขันในทัวร์นาเม้นท์ต่างๆ ไม่ต่างอะไรจากการเล่นกีฬาอื่นๆ
สำหรับในหลายประเทศ วงการ E-sports ของเขาไปไกลมาก ถึงขนาดมีอาชีพโค้ชเกมที่คอยให้คำแนะนำลูกทีม จัดตารางการฝึกซ้อม ดูแลลูกทีม วางแผนการเล่น เหมือนกับกีฬาอื่นๆทั่วไปที่ต้องมีโค้ช
ในสหรัฐอเมริกา ผู้ประกอบอาชีพโค้ชเกมสามารถทำรายได้ได้ถึงปีละ 30,000- 50,000 USD (ประมาณ 1-1.7 ล้านบาทต่อปี) เทียบเท่าพอๆกับโค้ชเบสบอลใน Minor League ในขณะเดียวกัน นักกีฬา E-sports ก็สามารถทำเงินได้ถึงปีละ 35,000 -120,000 USD (ประมาณ 1.2 – 4.2 ล้านบาทต่อปี) ขึ้นอยู่กับว่านักกีฬาคนนั้นๆถนัดเกมอะไร และมีความสามารถมากแค่ไหน
นอกเหนือจากเงินรางวัลในการแข่งขันแล้ว นักกีฬา E-sports บางคนที่ดังๆก็ยังได้รับการว่าจ้างเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสินค้าหรือเกมต่างๆได้อีก จึงไม่น่าแปลกใจอะไรที่ในต่างประเทศมีคนยึดเอาการเล่นเกมเป็นอาชีพได้เลยจริงๆ
โค้ชเกม Mark Zimmerman ขณะกำลังให้คำแนะนำในการเล่นเกมแก่ลูกทีม (ภาพจาก WSJ)
หลายคนอาจจะคิดว่าการเล่นเกมไม่น่าจะเรียกว่ากีฬาได้ เพราะดูไม่ต้องใช้กล้ามเนื้อหรือใช้แรง แต่อย่าลืมว่ากีฬาบางประเภทก็เข้าข่ายนี้ เช่น การเล่นหมากรุก การเล่นโกะ ก็ถูกนับเป็นเกมกีฬาชนิดหนึ่งเช่นกัน นอกจากนี้ นักกีฬา E-Sports ที่มีความเป็นมืออาชีพมากๆก็มีการดูแลร่างกายพอสมควร ไม่ได้เอาแต่โหมเล่นเกมทั้งวันทั้งคืน ไม่หลับไม่นอน เช่น โค้ชเกม Mark Zimmerman ที่ให้สัมภาษณ์กับทาง WSJ ได้กล่าวว่า เขาต้องคอยดูแลให้ลูกทีมนอนหลับพักผ่อนวันละ 8 ชั่วโมง ไม่ให้รับประทานอาหาร Junk Food และให้ออกกำลังกายอยู่สม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายและสมองพร้อมสำหรับการแข่ง
คงต้องยอมรับว่าเรื่องเกมไม่ใช่แค่ “เรื่องเล่นๆ” เสมอไป 🙂