บริษัท ที เอส ฟลาวมิลล์ จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมแนะนำบริษัทและนำเสนอข้อมูลผลประกอบการ ปี 2561 ให้แก่นักลงทุนในกิจกรรม “บริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน” (Opportunity Day) แก่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ นักลงทุนและสื่อมวลชนที่สนใจเข้าร่วมงาน
เมื่อเร็วๆ นี้ นางแววตา กุลโชตธาดา (ขวา) รองผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี พร้อมด้วย นางสุรางค์รัตน์ จงประสพทรัพย์ (ซ้าย) รองผู้อำนวยการฝ่ายโรงงาน บริษัท ที เอส ฟลาวมิลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TMILL โรงงานโม่แป้งสาลีรายใหญ่และมีเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยที่สุดในประเทศ เข้าร่วมแนะนำบริษัทและนำเสนอข้อมูลผลประกอบการ ปี 2561 ให้แก่นักลงทุนในกิจกรรม “บริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน” (Opportunity Day) แก่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ นักลงทุนและสื่อมวลชนที่สนใจเข้าร่วมงาน
ซึ่งผลประกอบการของบริษัทฯ ในงวดปี 2561 (1 ม.ค. ถึง 31 ธ.ค. 61) มีรายได้รวม 1,399.79 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขายแป้ง 1,205.09 ล้านบาท และรายได้จากการขายรำ 194.70 ล้านบาท เติบโตขึ้น 7.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,303.30 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิปี 2561 จำนวน 106.60 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2560 คิดเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.05 % โดยผลประกอบการที่เติบโตทั้งในแง่รายได้และกำไร เป็นผลมาจากการเพิ่มกำลังการผลิตจาก 67% ในปี 2560 มาเป็น 70% ในปี2561 รวมถึงการส่งมอบสินค้าที่เป็นไปตามกำหนด และมียอดสั่งซื้อใหม่เพิ่มมากขึ้น
แม้ว่า ปี 2561 ที่ผ่านมา ต้นทุนการขายจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าประมาณ 100 ล้านบาท อีกทั้งในธุรกิจโรงโม่แป้งสาลียังมีการแข่งขันที่รุนแรง แต่บริษัทฯ ยังคงสถานะรายได้และกำไรที่เติบโตขึ้นอย่าง
ต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มกำลังการผลิตและขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ซึ่งผู้ถือหุ้นได้รับเงินปันผลไปทั้งสิ้น 0.30 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนถึง 10% เมื่อเทียบกับราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน
ด้านแผนธุรกิจในปี 2562 นี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตเพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อน โดยจะเน้นเพิ่มยอดขายทั้งกับลูกค้ารายเดิมและขยายฐานลูกค้าใหม่ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก (SME) ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ส่วนในด้านการผลิต ตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีก 10% จากเดิมปี 2561 มีกำลังการผลิตเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 70% เป็น 80% เพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่คาดว่าจะสูงขึ้นในปีนี้ ซึ่งนโยบายนี้จะทำให้ต้นทุนการผลิตโดยรวมลดลง และจะส่งผลให้มีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นในอนาคต
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะลงทุนติดตั้งหุ่นยนต์ (Robot) ในเฟสที่ 2 เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตในส่วนของการร่อนแป้ง หลังจากที่ได้ใช้หุ่นยนต์เฟสแรกในส่วนของการจัดการคลังสินค้าไปแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งจะเริ่มดำเนินการติดตั้งได้ประมาณไตรมาส 2/62คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมใช้งานได้ภายใน
ไตรมาส 3/62