ชูแนวคิด “The FIRST Prestige Health & Wealth Experience” มอบประสบการณ์สุขภาพเหนือระดับพร้อมเอกสิทธิ์ ไลฟ์สไตล์ทางการเงินแบบครบวงจรด้วยบริการบริหารความมั่งคั่งจาก SCB Investment Center แทคทีม “ดิจิทัล เวนเจอร์ส” ยกระดับบริการด้านสุขภาพ ร่วมพัฒนาดิจิทัลโซลูชั่นด้านการชำระเงิน “Samitivej FastPay” เสริมแกร่งให้พันธมิตรพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในยุค 4.0
“ธนาคารไทยพาณิชย์” เดินหน้าทำตลาดกลุ่มลูกค้าเวลธ์อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดจับมือกับ “โรงพยาบาลสมิติเวช” สร้างมิติใหม่ให้ทั้ง 2 วงการ พัฒนาความร่วมมือ 3 ด้านในการยกระดับบริการด้านสุขภาพ ภายใต้แนวคิด “The FIRST Prestige Health & Wealth Experience” ได้แก่ “เดอะ เฟิร์ส เลานจ์ แอนด์ เอสซีบี อินเวสเม้นต์ เซ็นเตอร์” (THE FIRST LOUNGE & SCB INVESTMENT CENTER) พื้นที่รับรองรูปแบบใหม่ที่ถูกออกแบบและตกแต่งในสไตล์กลาสเฮ้าส์แห่งแรกในประเทศไทย ชูจุดเด่น “เอสซีบี อินเวสต์เม้นต์ เซ็นเตอร์” (SCB Investment Center) ศูนย์รวมความรู้ และให้คำแนะนำด้านการบริหารความมั่งคั่งส่วนบุคคลรูปแบบใหม่ เพื่อเจาะลูกค้ากลุ่ม FIRST class ของโรงพยาบาลสมิติเวช และกลุ่มลูกค้ามั่งคั่งหรือ SCB Wealth ที่เป็นสมาชิก “SCB PRIVATE BANKING” และ “SCB FIRST” พร้อมตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำด้านดิจิทัลแบงก์กิ้ง เปิดตัวระบบ “สมิติเวช ฟาสต์เพย์” (Samitivej FastPay) ระบบการชำระเงินรูปแบบใหม่ที่สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องรอคิวเพื่อชำระเงินที่เคาน์เตอร์อีกต่อไป และแอปพลิเคชัน “สมิติเวช พลัส” (Samitivej Plus)” ดิจิทัลแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงข้อมูลการให้บริการสุขภาพออนไลน์ครบวงจร ซึ่งดิจิทัล เวนเจอร์ส บริษัทพัฒนานวัตกรรมทางการเงินในเครือของธนาคารฯ ได้ร่วมพัฒนากับสมิติเวชในส่วนของการออกแบบการใช้งานแอปพลิเคชั่น (User Experience) และการชำระเงินออนไลน์ มุ่งเปลี่ยนประสบการณ์ด้านสุขภาพแบบเดิมสู่ประสบการณ์สุขภาพดิจิทัลเฮลธ์ (Digital Health) ที่ล้ำสมัย เชื่อมโยงการบริการทั้งภายในและภายนอกโรงพยาบาลแบบ Exclusive VIP One-stop service เพื่อตอบสนองทุกความต้องการด้านสุขภาพ ไลฟ์สไตล์ และการเงินแก่ผู้ใช้บริการ คาดว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยต่อยอดให้ธนาคารสามารถก้าวสู่การเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในตลาด Wealth Banking
นายอาทิตย์ นันทวิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด กล่าวว่า หลังจากที่ธนาคารได้ประกาศแนวทางการดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์กลับหัวตีลังกา (Going Upside Down) เพื่อมุ่งสู่วิสัยทัศน์ของการเป็น “ธนาคารที่น่าชื่นชมที่สุด” (The Most Admired Bank) ธนาคารจึงให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรม เทคโนโลยี และบริการ เพื่อผลักดันให้ไทยพาณิชย์กลายเป็นดิจิทัลแพลตฟอร์ม (Bank as a platform) ที่สามารถเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการเงินที่ดีขึ้น และตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุมที่สุด
“แผนการดำเนินงานของธนาคารไทยพาณิชย์ต่อจากนี้จะมุ่งเปลี่ยนประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ลูกค้าผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม หรือที่เรียกว่า Digital Experience เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และเพิ่มโอกาสในการสร้างความผูกพันกับลูกค้า (Customer Engagement) ในอนาคต รวมถึงการรุกธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญขององค์กร ล่าสุด ธนาคารได้ร่วมมือกับ “โรงพยาบาลสมิติเวช” พันธมิตรทางธุรกิจที่มีวิสัยทัศน์ ความมุ่งมั่น และให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ทั้งด้านการแพทย์และบริการด้วยนวัตกรรมอันทันสมัยเพื่อให้คนไข้มีสุขภาพที่ดีขึ้น สอดคล้องกับแนวทางของไทยพาณิชย์ที่ต้องการพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มร่วมกับพันธมิตร รวมถึงการสร้างระบบนิเวศ หรือ Ecosystem ในโรงพยาบาล ที่ครอบคลุมทุกแง่มุมและตอบโจทย์บริการทั้งด้านสุขภาพและการเงินร่วมกันอย่างแข็งแกร่ง โดยใช้เทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ นับเป็นการสร้างมิติใหม่ให้กับทั้ง แวดวงสุขภาพและการเงินของประเทศ”
“เป้าหมายความร่วมมือในครั้งนี้ ธนาคารต้องการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าใหม่ รวมถึงดูแลกลุ่มลูกค้าเวลธ์ปัจจุบัน ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าสำคัญของไทยพาณิชย์ ผ่านการนำเสนอนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ และบริการต่างๆ ที่สร้างสรรค์ เพื่อเปลี่ยนประสบการณ์บริการด้านไลฟ์สไตล์การเงินให้แก่ลูกค้า อีกทั้งการร่วมมือกับสมิติเวชยังเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของธนาคารที่จะไม่เป็นเพียงแค่ธนาคารอีกต่อไป แต่เป็นองค์กรที่นำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาพัฒนาความแข็งแกร่งให้กับพันธมิตรทางธุรกิจ เสริมขีดความสามารถ และโอกาสใหม่ๆ ให้กับองค์กร ยกระดับมาตรฐานการให้บริการที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายสูงสุดในการเป็นดิจิทัลแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและข้อมูลเป็นหลักภายในปี 2563 อย่างแท้จริง และคาดว่าความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยให้ธนาคารก้าวสู่ การเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในตลาด Wealth Banking” นายอาทิตย์กล่าว
นพ.ชัยรัตน์ ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช และโรงพยาบาลบีเอ็นเอช กล่าวว่า “โรงพยาบาลสมิติเวชดำเนินการให้บริการมานานกว่า 39 ปี ภายใต้ปรัชญา “ดูแลคนไข้ด้วยหัวใจ” โดยเราไม่เคยหยุดนิ่งในการมอบบริการและนำนวัตกรรมทั้งด้านการแพทย์ และการบริการมาใช้ในสมิติเวช เพื่อดูแลรักษาคนไข้ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและได้รับบริการด้านสุขภาพที่ได้มาตรฐาน โดยปัจจุบันสมิติเวชได้นำเทคโนโลยีล้ำสมัย และเครื่องมือที่ทันสมัยมาใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วย ซึ่งเรามุ่งเน้นให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เพื่อก้าวไปสู่วิสัยทัศน์ในการเป็นผู้นำโรงพยาบาลระดับแนวหน้าของประเทศไทย ล่าสุดสมิติเวชได้วางแนวทางการดำเนินธุรกิจในการก้าวสู่ปีที่ 40 ภายใต้แนวคิด “เราไม่อยากให้ใครป่วย” เน้นอยากให้ทุกคนมีสุขภาพดี จึงพัฒนานวัตกรรมที่สามารถค้นหาโรคในตัวคุณและเตรียมตัววางแผนก่อนเกิดโรคในอนาคต อาทิ Precision Medicine ที่เน้นการดูแลวินิจฉัยถึงระดับพันธุกรรม (ยีน) สามารถรู้เท่าทันโรคที่จะเกิดในอนาคตเฉพาะบุคคล การร่วมมือทางการแพทย์กับต่างประเทศ อาทิ โรงพยาบาลซาโน ญี่ปุ่น ใช้เทคโนโลยีค้นหาและล่วงรู้การเกิดโรคมะเร็งลำไส้และกระเพาะอาหารได้ล่วงหน้า และการร่วมมือกับ Oregon Health & Science University (OHSU) และ Doernbecher Children’s Hospital ซึ่งได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน The Best Children’s Hospitals ในสหรัฐอเมริกา เข้ามาแลกเปลี่ยนเทคนิคการดูแลผู้ป่วยเด็ก ทั้งด้านการรักษาและการป้องกันการเกิดโรค ตั้งแต่ทารกแรกเกิดจนถึงเด็กโต เพื่อให้เด็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีในอนาคต สมิติเวชยังมีโปรแกรม Divine คือนวัตกรรมในการยกระดับสุขภาพให้ถึงจุดที่ดีที่สุดในตัวคุณ เป็นโปรแกรมเฉพาะบุคคลเพื่อการดูแลแบบรู้เท่าทันโรค ด้วยการนำเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ล้ำหน้า Precision Medicine ตรวจลึกถึงระดับยีน และนำมาวิเคราะห์เป็นโปรแกรมการดูแลในแบบเฉพาะบุคคล (Personal Health MappingTM) โดยมีทีมแพทย์เป็นเทรนเนอร์ด้านสุขภาพอย่างใกล้ชิด ในโปรแกรมนี้ สามารถตรวจพันธุกรรมเพื่อหาความเสี่ยงต่อโรคร้ายต่างๆ มากมาย รวมถึงการตรวจเทโลเมียร์หาความยาวของปลายโครโมโซม ที่จะรู้ถึงอายุเซลล์ภายในร่างกายอย่างแท้จริง และความสัมพันธ์กับการเกิดโรคร้ายต่างๆ เพื่อการดูแลคุณก่อนเกิดโรคร้ายแรง นอกจากนี้เราได้พัฒนาซอฟต์แวร์ Total Health Solution โดยจะมีโปรแกรมแนะนำการตรวจเชิงป้องกันที่เหมาะสมในแต่ละช่วงอายุ เป็นการเตรียมวางแผนไม่ให้เกิดโรคได้ รวมถึงร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง จึงเกิดเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่าง ‘โรงพยาบาลสมิติเวช’ และ ‘ธนาคารไทยพาณิชย์’ ในการยกระดับการดูแลผู้ใช้บริการของโรงพยาบาล ด้วยการมอบประสบการณ์ใหม่เพื่อความพึงพอใจสูงสุด รวมถึงยังได้พัฒนาบริการในด้านต่างๆ เพื่อดูแลสุขภาพลูกค้าอย่างไร้ขีดจำกัดตลอด 24 ชั่วโมง”
“นอกจากนี้สมิติเวชยังเล็งเห็นถึงความสำคัญของการมอบประสบการณ์การบริการด้านสุขภาพในยุคดิจิทัล 4.0 จึงได้ร่วมมือกับ “ดิจิทัล เวนเจอร์ส” บริษัทในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ พัฒนาระบบการให้บริการที่ครอบคลุมทุกความต้องการของผู้ใช้บริการ ได้แก่ “สมิติเวช ฟาสต์เพย์” (Samitivej FastPay) ระบบการชำระเงินที่ให้ความสะดวก และรวดเร็วในการจ่ายเงิน และ แอปพลิเคชัน “สมิติเวช พลัส” (Samitivej Plus) โดยแอปฯ ดังกล่าวจะเป็นเสมือนผู้ช่วยด้านสุขภาพที่ให้ข้อมูลครอบคลุมตั้งแต่ก่อนเดินทางเข้าใช้บริการ (Pre Hospital) ระหว่างใช้บริการที่โรงพยาบาล (Hospital) จนถึงหลังจากกลับบ้านเพื่อพักฟื้นหรือดูแลตัวเอง (Post Hospital) เบื้องต้นได้ นำร่องใช้ที่โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ และโรงพยาบาลเด็ก สมิติเวชก่อน และคาดว่าจะนำแอปพลิเคชัน ดังกล่าวไปใช้กับทุกโรงพยาบาลในเครือที่มีอยู่ 7 แห่งทั่วประเทศภายในปีนี้ เรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์พิเศษเฉพาะผู้รับบริการอย่างแท้จริง” นพ. ชัยรัตน์กล่าวเสริม
ด้าน นายอรพงศ์ เทียนเงิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดิจิทัล เวนเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า “ความเปลี่ยนแปลงในโลกดิจิทัลทำให้เกิดโอกาสใหม่ๆ ในการดำเนินธุรกิจ รวมไปถึงการยกระดับคุณภาพและบริการเพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้น เราเล็งเห็นถึงความสำคัญในการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้าไปมีส่วนช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำธุรกิจหลาหลายกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มสุขภาพ ดิจิทัล เวนเจอร์ส จึงได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลสมิติเวชในการพัฒนาดิจิทัลโซลูชั่นทางการเงินภายใต้ชื่อ Samitivej FastPay ช่องทางการชำระเงินรูปแบบใหม่ เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับความสะดวกสบายและความรวดเร็วในการชำระเงินมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น 1) การชำระเงินด้วยการสแกนคิวอาร์โค้ดที่จุด FastPay Station ซึ่งระบบนี้ได้เชื่อมต่อกับระบบบิลของโรงพยาบาลทำให้ผู้ใช้บริการเห็นค่าใช้จ่ายและสแกนเพื่อชำระเงินได้ทันที และ 2) การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตผ่านแอปพลิเคชัน Samitivej Plus โดยเราได้เปิดให้ผู้ใช้ได้ทดลองการชำระเงินทั้งสองรูปแบบที่สมิติเวช สุขุมวิท และศรีนครินทร์ ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งพบว่ามีจำนวนธุรกรรมผ่าน Samitivej FastPay กว่า 1,157 ธุรกรรม หรือเฉลี่ย 50 ธุรกรรมต่อวัน และลูกค้าให้คะแนนความพึงพอใจเฉลี่ยสูงถึง 4.75 จากคะแนนรวม 5 นอกจากนี้ผู้ที่ชำระเงินผ่าน Samitivej FastPay จะได้รับส่วนลด 10% และได้รับส่วนลดพิเศษเพิ่มเติมหากชำระเงินผ่านบัตรเครดิตของธนาคารไทยพาณิชย์”
ความร่วมมือระหว่างธนาคารไทยพาณิชย์ และ กลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช ในการเปลี่ยนประสบการณ์สุขภาพดิจิทัลรูปแบบใหม่ หรือ ดิจิทัลเฮลธ์ ครอบคลุม 3 เรื่องหลัก ดังนี้
- “เดอะ เฟิร์ส เลานจ์ แอนด์ เอสซีบี อินเวสเม้นเซ็นเตอร์” (THE FIRST LOUNGE & SCB Investment Center) พื้นที่รับรองรูปแบบพิเศษแห่งแรกในประเทศไทย ภายใต้แนวคิด “The FIRST Prestige Health & Wealth Experience” ที่ถูกออกแบบ ในสไตล์กลาสเฮ้าส์ เพื่อมอบประสบการณ์บริการแบบ Exclusive VIP One-stop service ให้แก่ลูกค้าFIRST Class ของโรงพยาบาลสมิติเวช และลูกค้าเวลธ์ของธนาคารไทยพาณิชย์ที่เป็นสมาชิก “SCB PRIVATE BANKING” และ “SCB FIRST” ที่มาใช้บริการ ณ โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท โดยภายในจะแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 โซนหลัก ได้แก่ 1) โซนรับรองพิเศษด้านสุขภาพแบบครบวงจร พื้นที่หลักบริเวณด้านหน้าของเลานจ์ ซึ่งจะบริการต้อนรับและดูแลแบบ VIP ด้วยเจ้าหน้าที่ดูแลเฉพาะบุคคลเพื่ออำนวยความสะดวกรวดเร็วให้กับท่าน อาทิ การนัดหมายแพทย์ การพบแพทย์ การจ่ายเงิน และการรอรับยา พร้อมมีมุม Exclusive Healthy Snack Bar ไว้บริการลูกค้าให้ได้ใช้เป็นที่พักผ่อนระหว่างรอรับบริการด้านสุขภาพ พร้อมอาหารว่างและเครื่องดื่มสุขภาพจากร้านดัง Divana Signature Café 2) โซน SCB Investment Center ศูนย์บริหารความมั่งคั่งที่รวมความรู้และการให้คำแนะนำด้านการลงทุนและบริหารความมั่งคั่งส่วนบุคคลเพื่อมอบเอกสิทธิ์ไลฟ์สไตล์ทางการเงินแบบครบวงจรให้แก่ลูกค้าที่เป็นสมาชิก โดย “SCB Investment Center” แห่งนี้ ถือเป็น Touch point ล่าสุดที่ธนาคารเปิดให้บริการกับลูกค้าเวลธ์ และเป็นแห่งแรกที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ของโรงพยาบาล ปัจจุบันธนาคารเปิดให้บริการ “SCB Investment Center” รวมทั้งหมด 7 แห่งทั่วประเทศ และมีแผนที่จะเปิดให้บริการรวม 60 แห่งในโลเคชั่นสำคัญๆ 3) โซนเอาท์ดอร์ พื้นที่เปิดโล่งสำหรับรองรับการจัดกิจกรรมพิเศษต่างๆ ที่จะจัดให้กับสมาชิกคนสำคัญ อาทิ กิจกรรมดนตรีในสวน (Music in the garden) เพื่อสร้างความผ่อนคลายเวลามาใช้บริการด้านสุขภาพที่สมิติเวช กิจกรรมสนทนาพูดคุย หรือเวิร์คช้อปต่างๆ อาทิ เรื่องสุขภาพ และการลงทุน เป็นต้น โดยพื้นที่รับรองแห่งนี้จะเป็นช่องทางการให้บริการครบวงจรตอบโจทย์สุขภาพและการเงิน ตั้งแต่ก้าวแรกที่ลูกค้าเดินเข้ามาใช้บริการจนกระทั่งออกจากเลานจ์นี้ไป
- Samitivej Plus แอปพลิเคชันที่จะช่วยเปลี่ยนประสบการณ์ด้านสุขภาพแบบเดิมๆ ให้เป็นประสบการณ์สุขภาพดิจิทัลล้ำสมัย ตอบโจทย์ทุกความต้องการด้านสุขภาพให้แก่ผู้ใช้บริการได้อย่างครบวงจร โดยแอปพลิเคชันดังกล่าวถูกพัฒนาขึ้นโดยคำนึงถึงผู้ใช้บริการเป็นหลัก (User Experience) ตั้งแต่การดูข้อมูลแพทย์และนัดหมายแพทย์ออนไลน์ (Online Appointment) การแจ้งคิวเรียลไทม์ผ่านแอป (My Queue) การชำระเงินออนไลน์ (Payment) หรือดูข้อมูลสุขภาพ รายการยา และประวัติการรักษาย้อนหลัง (My History) พร้อมด้วยฟังก์ชั่นอื่นๆ เช่น ติดต่อหรือเรียกรถโรงพยาบาลได้ทันที อุ่นใจเมื่อมีเหตุฉุกเฉิน หรือรับส่วนลด และโปรโมชั่นของโรงพยาบาลสมิติเวช เป็นต้น
- Samitivej FastPay คือ ประสบการณ์ใหม่ของการชำระเงินที่ให้ความสะดวก และรวดเร็ว ช่วยประหยัดเวลาในการรอคิวชำระเงินผ่านช่องทางปกติ เนื่องจากผู้ใช้บริการสามารถชำระเงินได้ด้วยตัวเองง่ายๆ ด้วย 1) การสแกนคิวอาร์โค้ด ณ จุด FastPay Station หรือ 2) ชำระเงินด้วยบัตรเครดิตผ่านแอป Samitivej Plus และสามารถนำใบเสร็จรับเงินที่ได้รับทางอีเมลไปรับยาได้ทันที โดยผู้ใช้บริการที่ชำระเงินผ่าน 2 ช่องทางนี้จะได้รับส่วนลด 10% สำหรับค่ายา ค่า X-Ray และ Lab ตามเงื่อนไขของโรงพยาบาล และได้รับส่วนลดพิเศษเพิ่มเติมหากชำระเงินผ่านบัตรเครดิตของธนาคารไทยพาณิชย์ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธ.ค. 2561