วันนี้ Samsung ประเทศไทย ได้ทำการเปิดตัว Galaxy Note 4 ที่ร้านของ Samsung ณ ห้าง Central Embassy โดยในงานก็ได้มีการเล่าถึงความสำเร็จของมือถือของ Samsung ที่ผ่านมา รวมไปถึง Galaxy Note ที่ปัจจุบันได้ออกมาถึงรุ่นที่ 4 แล้ว พร้อมทั้งสาธิตความสามารถ และการทำงานที่โดดเด่นต่างๆ อย่างมากมาย ตามที่ได้เคยกล่าวไว้ในงานเปิดตัวครั้งแรก
ตัวเครื่องที่นำมาให้ทดลองเล่นนั้น ยังไม่ใช่รุ่นวางจำหน่ายจริง โดยเป็นเครื่องที่นำมาจากเกาหลีเลยทีเดียว
คุณสมบัติของ Note 4 ก็จะมีรายละเอียดคล้ายกับในงานเปิดตัว โดยที่จะให้ความสำคัญในงานนี้ก็คือประสิทธิภาพของการทำงาน ฟังก์ชันใหม่ๆ ที่ถือว่าเป็นจุดขายเฉพาะของตัวรุ่นนี้ อาทิเช่น
กล้อง
แอพพลิเคชั่นกล้องในรุ่นนี้ จะช่วยทำให้กล้องหน้าที่พัฒนาขึ้นมา ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นไปอีก อย่างเช่น
– โหมด Wide Selfie คือการใช้กล้องหน้าถ่ายภาพให้ได้ครอบคลุมถึง 120 องศา
( ภาพที่เห็นในจอคือภาพที่กล้องหน้าถ่ายได้)
(ภาพที่ได้หลังจา่กถ่ายด้วยโหมด Wide Selfie)
-โหมด Selfie กล้องหลัง การช่วยทำให้กล้องหลัง Selfie ได้ง่ายขึ้น ด้วยการตีกรอบให้ช่วยถ่ายรูปอัตโนมิติเมื่อพบหน้าของเรา
(สี่เหลี่ยมในจอคือกรอบภาพ ที่จะทำให้แอพฯหาหน้าเราเจอ และถ่ายให้เอง)
นอกจากนี้กล้องยังมีความสามารถอื่นๆอีกมากมาย เช่น ระบบกันสั่น OIS การถ่ายแบบ Live HDR เป็นต้น
S Pen & S Note
พูดถึง Galaxy Note แล้วจะขาดสองสิ่งนี้ไม่ได้ โดย S Pen จะมีความละเอียดของน้ำหนักการกดปากกาเพิ่มขึ้นสองเท่า และปากกาสามารถทำงานได้ในหน้าที่ต่างๆ เยอะขึ้น เช่น ใช้เลือกข้อมูลหลายๆชุด เหมือนคอมพิวเตอร์ การเลือกส่วนของหน้าจอ ไปเก็บไว้ในสมุดบันทึกเพื่อนำมาใช้ โดยสามารถวิเคราะห์เนื้อหาในส่วนที่เราเลือกได้ เช่น สามารถดึงเบอร์โทรศัพท์ ออกมาโทรศัพท์ได้ภายหลัง
ส่วน S Note จะเพิ่มลักษณะปากกาขึ้นมาอีกสองแบบ คือปากกาหมึกซึม และ ปากกาหัวแร้ง รวมทั้งยังมี Photo Note ที่สามารถถ่ายรูปไม่ว่าจะเป็นรูปวาด หรือลายมือ และทำการแปลงภาพให้เป็นเส้นได้ ซึ่งจะช่วยในการนำไปจดต่อ ปรับแต่ง แสดงผลใหม่ เป็นต้น
(การทำงาน Photo Note)
(การใช้ Smart Select ดึงข้อมูลมาใช้งาน)
Multi-Tasking
เนื่องด้วยจอที่ใหญ่ ก็ต้องมีการใช้งานให้คุ้มค่า โดยการทำงานหลายๆอย่างๆพร้อมกัน ในรุ่นเก่าๆก็เคยมีมาก่อน ใน Note 4 นี้ จึงเพิ่มประสิทธิภาพให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น เราสามารถทำการ เรียกหน้าจอ ย่อ ขยายหน้าจอแอพฯ ต่างๆ ด้วย Pop-Up Screen รวมทั้งแบ่งพื้นที่หน้าจอแต่ละแอพฯ ได้ด้วย Split Screen และยังส่งข้อมูลผ่านหน้าแอพฯ ได้ในการทำงานนี้อีกด้วย ซึ่งอาจจะไม่เห็นภาพตรงจุดนี้ชัดนัก คงต้องได้ลองกันเอง
(3 รูปแบบที่ช่วยให้การทำงาน Multi-Tasking ง่ายขึ้น)
(รูปแบบที่เปลี่ยนได้ของ Pop-up Screen)
(สาธิตการใช้งาน Multi-Tasking)
ส่วนที่เหลือก็จะเป็นการอธิบายประสิทธิภาพต่างๆ ทั้งแบตเตอรี่ โหมด Ultra Power Saving ที่ช่วยประหยัดแบต การชาร์จอย่างรวดเร็ว ซึ่งทั้งหมดนี้ หากได้เครื่องมาลองเมื่อใด ก็จะลองทดสอบในส่วนนี้ได้ โดยการทำงานที่แสดงมานี้ถือว่าสอบผ่านทีเดียว ทำได้ไม่ผิดพลาดใดๆ ใครที่เห็นว่าถูกใจ กำลังหาอุปกรณ์แบบนี้อยู่พอดี ก็อดใจรอการวางขายในประเทศไทยได้เร็วๆนี้