ปี 2017 มีการคาดการณ์ว่าเทคโนโลยีจะก้าวเข้ามีบทบาทมากขึ้นในทุกๆ อุตสาหกรรม ความทันสมัยของเทคโนโลยีจะช่วยให้มนุษย์สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบาย พร้อมตอบสนองความต้องการในเรื่องต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น ในปีที่ผ่านมีหลายเหตุการณ์ที่เริ่มสะท้อนให้เราเห็นภาพที่ชัดเจนของเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่จะนำไปสู่การต่อยอดในปีถัดไป และในปี 2017 นี้วงการเทคโนโลยีจะมีทิศทางอย่างไรและจะมีเรื่องใดบ้างที่เราควรต้องจับตามอง
1. “โดนัลด์ ทรัมป์” กับนโยบายด้านเทคโนโลยี
หลายคนที่ติดตามการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อครั้งล่าสุด จะพบว่าหลายบริษัทเทคโนโลยีใน Silicon Valley ไม่ได้ให้การสนับสนุนโดนัลด์ ทรัมป์ เท่าใดนัก เนื่องจากตลอดการหาเสียงทรัมป์ยังไม่มีนโยบายด้านเทคโนโลยีที่ชัดเจน แม้หลังการเลือกตั้งทรัมป์ได้เชิญเหล่า CEO บริษัทไอทีทั่วโลกมาร่วมพูดคุยในเรื่อง “อุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐฯ” แต่การคาดเดาที่ยากเย็นอาจเป็นปัญหาในการขับเคลื่อนเทคโนโลยี ตลอดจนสร้างความกังวลให้กับวงการไอทีไปทั่วโลก ซึ่งน่าสนใจว่านับจากนี้้เป็นต้นไปเราจะเห็นนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีต่อวงการเทคโนโลยีอย่างไรและจะมีผลกระทบมากน้อยเพียงใดต่อวงการไอทีโลก
2. Augmented/Mixed Reality จะมีความสำคัญมากกว่า Virtual Reality
ตลอดปี 2016 เราจะเห็นว่าผลิตภัณฑ์ประเภท VR กลายเป็นเทรนด์อันร้อนแรงที่บริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งให้ความสนใจ สังเกตได้จาก Oculus Rift (Facebook), HTC Vive, Sony PlayStation VR เป็นต้น ซึ่งพวกเขามองว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะเข้ามายกระดับประสบการณ์การเล่นเกมในอนาคนอันใกลนี้
แต่ในทางกลับกัน เกม Pokemon Go ภายใต้เทคโนโลยี Augmented Reality (AR) ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางจากผู้คนทั่วโลก เนื่องจากวิธีการนำเสนอตัวการ์ตูนที่ซ้อนทับความโลกแห่งความเป็นจริง และผู้เล่นสามารถตอบสนองการเล่นได้อย่างเสมือนจริง
ด้วยความนิยมอันร้อนแรงของเทคโนโลยี AR ผ่านเกม Pokemon Go ทำให้แม้แต่ Tim Cook ซีอีโอ Apple ยังออกมาแสดงความชื่นชนพร้อมแสดงท่าทีให้ความสนใจต่อเทคโนโลยี AR มากกว่า VR ด้วย ซึ่งไม่แน่เหมือนกันว่าความสนอกสนใจนี้จะนำไปสู่การพัฒนาลงบน iPhone เหมือนเช่น Project Tango ของ Google และ Lenovo หรือไม่
จากความสำเร็จจากเกม Pokemon Go ภายใต้เทคโนโลยี AR ในปีที่ผ่านมา นับเป็นก้าวแรกที่จะทำให้การนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้ให้ในด้านต่างๆ มากขึ้น แต่จะอยู่ในรูปแบบใดบ้างคงต้องรอติดตามกันต่อไป
3. ก้าวถัดไปของพีซี ทะยานสู่คอมพิวเตอร์แบบ “2-in-1s”
บ่อยครั้งที่มีรายงานตัวเลขยอดจัดจำหน่ายของพีซีที่มีอัตราลดลงต่อเนื่อง แต่ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าวผู้ผลิตพีซีเริ่มปรับตัวสู่การพัฒนาคอมพิวเตอร์แบบ “convertible” หรือโน๊ตบุ๊คแบบ 2-in-1 มากขึ้น ด้วยสไตล์ของผลิตภัณฑ์ที่สามารถถอดแยกจอแสดงผลกับคีย์บอร์ดได้ มีน้ำหนักเบาและดีไซน์ที่มีความพรีเมียม ฉะนั้นความสนใจของผู้ผลิตพีซีในปี 2017 จะต่อยอดและสร้างสรรค์โน๊ตบุ๊คแบบ 2-in-1 ด้วยนวัตกรรมอันทันสมัยขึ้น ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็น “2-in-1s”
4. Smart Car
ในปีที่ผ่านมาหลายบริษัทด้านเทคโนโลยี หรือแม้กระทั่งบริษัทรถยนต์จะเริ่มประกาศการพัฒนาและทดสอบรถยนต์ขับเองได้ แต่กว่าที่รถยนต์ประเภทดังกล่าวจะสามารถออกสู่ตลาดได้จริงอาจต้องรอจนถึงปี 2022 เป็นอย่างน้อย อย่างไรก็ตามมีแนวโน้มว่าผู้บริโภคที่มองหารถยนต์รุ่นใหม่เริ่มหันมาให้ความสนใจ Smart Car มากขึ้น มีความฉลาดภายใต้ซอฟต์แวร์อย่าง Apple CarPlay หรือ Android Auto รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนที่พวกเขาใช้งานอยู่ได้
นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์เสริมภายในรถยนต์มีแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เช่น ผลิตภัณฑ์ประเภท heads-up display (HUD) จาก NAVDY จอโปรเจคเตอร์ขนาด 5.1 นิ้ว ที่เชื่อมกันทำงานได้กับสมาร์โฟน Android และ iPhone สามารถแสดงแจ้งเตือนต่างๆ บนหน้าจอโปรเจคเตอร์ เพื่อให้ผู้ขับขี่รถยนต์มีความคล่องตัว ไม่ต้องเอื้อมมือไปยุ่งเกี่ยวกับสมาร์ทโฟน
5. แฮกเกอร์หรืออาชญากรไซเบอร์จะฉลาดมากขึ้น
มีรายงานว่าในปี 2015 มูลค่าความเสียหายของโลกไซเบอร์อยู่ที่ 707 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ในปี 2016 เพียงครึ่งปีแรก Intel Security ได้ประเมินความเสียหายอยู่ที่ 554 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในปี 2017 นี้ เหล่าแฮกเกอร์หรืออาชญากรไซเบอร์จะเรียนรู้ที่จะใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยในการแฮกมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial intelligence หรือ AI) เพื่อให้การแฮกระบบมีความรวดเร็วและเข้าถึงเป้าหมายได้ง่ายขึ้น
ที่มา TIME