ตลอดทั้งปี 2017 โลกของวงการไอทีมีเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย ซึ่งหลายเหตุการณ์นับว่ามีความน่าสนใจและเป็นที่กล่าวถึงเป็นอย่างมาก และวันนี้เราได้คัดเลือก 5 ข่าวดังวงการไอทีแห่งปี มาสรุปเป็นข้อมูลให้ผู้อ่านทุกท่านได้รับชมกันครับ
5. เปิดตัว iPhone X
หลังจาก iPhone เปิดตัวมาเป็นระยะเวลา 10 ปีเต็ม เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองวาระนี้ Apple จึงไม่พลาดที่จะเปิดตัวไอโฟนรุ่นพิเศษ ในนาม “iPhone X” (ไอโฟนเท็น) การเปลี่ยนแปลงดีไซน์ครั้งสำคัญตั้งแต่ภายนอก พร้อมฟีเจอร์ใหม่ภายในที่เป็นที่กล่าวถึงอย่าง Face ID ระบบสแกนใบหน้าที่ Apple ชูว่าให้ความปลอดภัยยิ่งกว่า Touch ID และแถมด้วย กล้อง TrueDepth เทคโนโลยีอันทันสมัยที่เป็นหัวใจสำคัญในการ ขับเคลื่อน Face ID พร้อมกับฟีเจอร์ Animoji
แม้จะมีเสียงบ่นจากผู้บริโภคจำนวนมากต่อดีไซน์ที่มี “รอยแหว่ง” และราคาที่ถือว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่มีไอโฟนมา แต่สุดท้ายแล้วเชื่อว่า iPhone X จะเป็นไอโฟนอีกหนึ่งรุ่นที่ทำยอดขายได้แบบเป็นกอบเป็นกำ นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกของการใช้ Steve Jobs Theater หอประชุมใหญ่ภายใน Apple Park ที่ตั้งของบริษัทแม่แห่งใหม่ของ Apple เป็นสถานที่เปิดตัว iPhone X อีกด้วย
4. Spece X
หนึ่งในความก้าวหน้าของเทคโนโลยีด้านอวกาศภายใต้ชื่อว่า “Space X” ของ Elon Musk กับความสำเร็จในนำจรวด Falcon 9 ที่ใช้งานแล้ว กลับมาใช้งานใหม่ได้อีกครั้ง หลังผ่านการทดลองซ้ำแล้วซ้ำเล่ามาเป็นเวลากว่า 15 ปี ซึ่งโครงการนี้มีภารกิจในการขนส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรของโลก พร้อมยังนำตัวจรวดกลับมาลงจอดบนพื้นโลกอย่างปลอดภัย
3. Ransomware มัลแวร์เรียกค่าไถ่
ย้อนกลับไปเมื่อกลางปี 2017 โลกไซเบอร์ต้องขวัญผวาเมื่อ Ransomware มัลแวร์เรียกค่าไถ่ ในชื่อ “WannaCrypt” และ “Petya” แพร่ระบาดอย่างนัก ส่งผลกระทบต่อคอมพิวเตอร์ทั่วโลกนับแสนเครื่อง ซึ่งพฤติกรรมของมัลแวร์ตัวนี้ มันจะล่อลวงให้เราดาวน์โหลดไฟล์ติดตั้งของมัน ซึ่งมักจะแนบมากับ E-mail หรือตามเว็บดาวน์โหลดไฟล์ที่แฝงโฆษณาเยอะ ๆ เมื่อเราเผลอคลิกติดตั้งเข้าไป มัลแวร์ตัวนี้จะฝังลงในคอมพิวเตอร์ของเราทันที หลังจากนี้ทุกไฟล์ในเครื่องที่มีนามสกุลไฟล์ตรงตามกลุ่มเป้าหมาย ก็จะถูกเข้ารหัสทำให้ไม่สามารถเปิดใช้งานได้ตามปกติ ถ้าอยากได้ไฟล์คืนจะต้องจ่ายเงินค่าไถ่แบบ Bitcoin ซึ่งจะมีราคาแพงถึง 300 – 600 เหรียญฯ หรือหมื่นกว่าบาทกันเลยทีเดียว
จากเหตุการณ์ในครั้งนั้นกลายเป็นสิ่งที่ทำให้หลายบริษัทด้านความปลอดภัยของวงการไอทีต้องหันมาทบทวนถึงมาตรการในการรักษาความปลอดภัยกันมากขึ้น ยิ่งทุกวันนี้โลกกำลังก้าวสู่ความเป็นดิจิทัล กลายเป็นช่องทางให้กับแฮกเกอร์ฉวยโอกาสจากช่องโหว่ในโลกไซเบอร์ล้วงข้อมูลส่วนตัว และอาจลุกลามไปถึงการโจรกรรมข้อมูลจากบริษัทต่าง ๆ
2. ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี AI
AI (artificial intelligence) หรือปัญญาประดิษฐ์ กลายเป็นเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาให้ประสิทธิภาพสูงอย่างไม่หยุดยั้ง เหตุการณ์หนึ่งที่เป็นกล่าวขวัญกันมาก นั่นคือ AlphaGo เทคโนโลยี AI จาก Google DeepMind สามารถเอาชนะการแข่งขันโกะกับ Ke Jie เซียนโกะระดับแชมป์โลกไปได้ถึงสองครั้งรวด ไม่เพียงแค่นั้นการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ยังก่อให้เกิดกระแสวิพากย์วิจารณ์และการแสดงความคิดเห็นจากคนดังในโลกไอทีที่แบ่งออกเป็นสองฝ่าย ทั้งฝ่ายหนึ่งที่เห็นข้อดีว่า มันจะเป็นเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทในการช่วยเหลือมนุษย์และยกระดับอุตสาหกรรมต่าง ๆ แต่อีกฝ่ายกลับโต้เถียงว่า สักวันหนึ่ง AI จะกลายเป็นภัยร้ายแรงต่อมนุษย์และต่อโลก หากมันสามารถคิดเองได้ !!
1.กระแส bitcoin
bitcoin (บิทคอยน์) สกุลในรูปแบบดิจิทัล หรือ Cryptocurrency ไม่มีรูปร่าง ไม่สามารถจับต้องได้เหมือนเงินทั่วไป ไม่มีศูนย์กลางหรือการควบคุมจากคนใดคนหนึ่ง ใคร ๆ ก็สามารถผลิต bitcoin ได้ด้วยการ ‘ขุด’, สามารถโอนหากันได้รวดเร็ว แม้จะอยู่คนละซีกโลกก็ตาม
ปัจจุบันมูลค่าของ bitcoin อยู่ในสภาวะขึ้น ๆ ลง ๆ เคยพุ่งขึ้นสูงสุดถึง 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อหน่วยมาแล้ว ทำให้บางประเทศมองเห็นโอกาสของ bitcoin จึงมีการใช้สกุลเงินนี้ในการชำระหนี้ตามกฎหมายได้ แต่ถึงกระนั่นก็ยังมีผู้คน กูรูบางกลุ่มที่เห็นต่างว่า การลงทุนกับ bitcoin อาจนำมาซึ่งการสูญเสียมากกว่าได้ อันเนื่องสภาวะที่เข้าใกล้กับคำว่า ‘ฟองสบู่’ โดยจีนเป็นประเทศหนึ่งที่ประกาศห้ามใช้ bitcoin แล้ว