Apple และ Microsoft นำทีมบริษัทไอที ต้าน ‘ทรัมป์’ หลังยกเลิกโครงการคุ้มครองผู้อพยพ

กลายประเด็นร้อนแรงที่กำลังเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาตอนนี้ เมื่อ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศยกเลิกโครงการคุ้มครองผู้อพยพที่เป็นเด็กและเยาวชนที่เดินทางเข้ามาในสหรัฐฯ แบบผิดกฎหมาย หรือ DACA ซึ่งคาดว่าการยกเลิกครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อผู้อพยพกว่า 800,000 คนทั่วประเทศ (หรือเรียกบุคคลกลุ่มนี้ว่า “Dreamers”) ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นกลุ่มพนักงานจำนวนมากในบริษัทไอทีด้วย

การประกาศยกเลิกโครงการ DACA ของโดนัลด์ ทรัมป์ ก่อให้เกิดการต่อต้านจากบริษัทไอทีระดับโลกจำนวนมาก โดยเริ่มจาก Brad Smith ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายของ Microsoft ที่ออกมาแถลงคัดค้านการยกเลิกโครงการ DACA โดย Brad Smith ระบุว่าปัจจุบัน Microsoft มีการว่าจ้าง Dreamers จำนวน 39 คน เพื่อทำงานให้กับบริษัท และยืนยันจะอยู่เคียงข้างกับพนักงานเหล่านี้ พร้อมจะดำเนินการตามกฎหมายเพื่อปกป้องสิทธิให้กับ Dreamers หากสภาคองเกรสของสหรัฐฯ ไม่สามารถหาข้อสรุปที่เป็นธรรมได้

จากนั้น Satya Nadella ซีอีโอ Microsoft ได้ออกมาสนับสนุน Brad Smith ผ่าน linkedin ว่า ในการมีส่วนร่วมของพนักงานที่มีพรสวรรค์จากทั่วโลกมีผลต่อการดำเนินงานของบริษัทไปจนถึงเศรษฐกิจในวงกว้าง ที่ผ่านมา Microsoft ใส่ใจและสนับสนุนกลุ่ม Dreamers อย่างเต็มที่มาโดยตลอด พร้อมยอมรับในความหลากหลายและเห็นโอกาสทางเศรษฐกิจของทุกคน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนหลอมรวมให้เป็นอเมริกาอย่างที่รู้จักเช่นทุกวันนี้

Tim Cook ซีอีโอ Apple ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นคัดค้านการยกเลิกโครงการ DACA เช่นกัน โดยระบุว่าปัจจุบัน Apple มี Dreamers ที่ทำงานอยู่ประมาณ 250 คน ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้สมควรได้รับความเคารพอย่างเท่าเทียมกัน และยืนยันที่จะอยู่เคียงข้างกับพนักงาน ซึ่ง Apple พร้อมที่จะทำงานร่วมกับสภาคองเกรส เพื่อสนับสนุนการแก้ปัญหาด้านกฎหมายสำหรับการคุ้มครองกลุ่ม Dreamers ในสหรัฐฯ อย่างยั่งยืน

นอกจากบุคคลทั้ง 3 แล้ว ยังมี Sundar Pichai ซีอีโอ Google, Mark Zuckerberg ซีอีโอ Facebook, Jeff Bezos ซีอีโอ Amazon รวมไปถึงผู้นำในอุตสหกรรมไอทีอีกจำนวนมาก ที่ออกมาคัดค้านการยกเลิกโครงการ DACA นอกจากนี้เหล่าผู้นำในอุตสหกรรมไอทีกว่า 300 คน ยังได้ลงนามในจดหมายเปิดผนึกให้กับประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อแสดงจุดยืนที่มีต่อกลุ่ม Dreamers

สำหรับโครงการ DACA เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยประธานาธิบดี บารัค โอบามา เป็นโครงการคุ้มครองเด็กและเยาวชนในช่วงอายุระหว่าง 6-16 ปี ที่เดินทางเข้าสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมาย สามารถพักอาศัย ศึกษาเล่าเรียน และได้สิทธิในการทำงานในสหรัฐฯ ด้วย

แต่หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ก้าวขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ หนึ่งในนโยบายในการบริหารประเทศ คือ  “อเมริกาต้องมาก่อน” ทั้งแรงงานและครอบครัวอเมริกันจะต้องได้รับสิทธิประโยชน์เป็นลำดับแรก ดังนั้นการยกเลิกโครงการ DACA นับเป็นความพยายามดำเนินการตามคำมั่นสัญญาที่โดนัล ทรัมป์ ประกาศไว้ เพื่อลดทอนกลุ่มเชื้อชาติอื่นที่เข้ามาอาศัยในสหรัฐฯ ที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ผลลัพธ์ที่จะตามมากลับส่งผลกระทบต่อประชากรจำนวนมาก พร้อมก่อให้เกิดความขัดแย้งภายในสังคมในสหรัฐฯ และอาจลุกลามไปถึงระบบเศรษฐกิจในอนาคตด้วย

ข้อเรียกร้องของบริษัทไอที ไปจนถึงกระแสต่อต้านจากผู้คนจำนวนมากในสหรัฐฯ จะมีผลต่อการตัดสินใจของสภาคองเกรสของสหรัฐ และนำมาซึ่งข้อสรุปที่เป็นธรรมได้หรือไม่ รวมไปถึงจะมีผลทำให้โดนัลด์ ทรัมป์ ยอมถอยจากนโยบายนี้ได้หรือไม่ นับว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งครับ

อ้างอิงจาก