โดย ฟิลิปป์ เดอลอร์ม รองประธานกรรมการบริหาร ด้านการบริหารจัดการพลังงาน
เรากำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญยิ่ง เพราะปัจจุบันสิ่งที่คนบนโลกส่วนใหญ่ล้วนเห็นชัดเจนเหมือนกันคือ โลกเรากำลังเสื่อมถอยลงซึ่งเป็นผลโดยตรงจากการดำเนินกิจกรรมของมนุษย์ ซึ่งหากเราไม่รีบดำเนินการอย่างรวดเร็วในตอนนี้ เพื่อฟื้นฟูความเป็นสีเขียวให้กลับคืนมา โลกและชีวิตทั้งหลายบนโลกใบนี้ก็จะถูกทำลายลงอย่างกู่ไม่กลับด้วยอุณหภูมิที่สูงขึ้นเรื่อยๆ
แม้ว่าจะมีความคืบหน้าให้เห็นอยู่บ้าง แต่เราก็ยังห่างไกลจากแนวทางในการหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น การทำลายล้างทั้งสภาพความเป็นอยู่และชีวิตต่างๆ กำลังเกิดขึ้นด้วยเหตุการณ์ด้านสภาพอากาศที่เลวร้ายที่เกิดถี่ขึ้นเรื่อยๆ ทั้งน้ำท่วม อากาศหนาวจัด คลื่นความร้อนและพายุ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศคือภัยคุกคามครั้งใหญ่ที่สุดที่มนุษย์เคยพบเห็นมา ซึ่งหากปราศจากการดำเนินการแก้ไขอย่างทันท่วงที โลกก็จะร้อนขึ้น 4.1 – 4.8 องศาเซลเซียสภายในสิ้นศตวรรษนี้
ความเป็นจริงที่โหดร้ายคือเราไม่เหลือเวลาแล้ว เราจำเป็นจะต้องดำเนินการตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา ปีที่ผ่าน ทศวรรษที่ผ่านมา เพื่อเปลี่ยนแปลง ฉะนั้นเรากำลังเผชิญกับโอกาสที่เลือนหายไปอย่างรวดเร็วในการที่จะหลีกเลี่ยงภัยพิบัติและหยุดความเสียหาย ซึ่งเราจะต้องดำเนินการโดยเร็ว ความหวังที่ริบหรี่คือ ท้ายที่สุดแล้วเรากำลังได้เห็นความตั้งใจที่จะรับมือและลงทุนเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในการฟื้นฟูความเป็นสีเขียวให้กลับคืนมาสู่โลก
มอบผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงในเวลาที่กำหนด
ด้วยเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัดในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ เราจำต้องให้ความสำคัญกับการดำเนินการและโซลูชันที่สร้างผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ได้ ในเวลาที่สั้นที่สุด อีกทั้งสร้างศักยภาพในระบบเศรษฐกิจเพื่อฟื้นฟูและก้าวต่อไปได้ การดำเนินการที่ว่าคือ
- กำจัดของเสียตลอดวงจรชีวิต
- เร่งนำระบบไฟฟ้ามาใช้เนื่องจากเป็นแหล่งพลังงานที่ช่วยกำจัดก๊าซเรือนกระจก
- ลงทุนในเทคโนโลยีดิจิทัลและทักษะต่างๆ ที่ช่วยขับเคลื่อนให้เกิดประสิทธิภาพ
- ส่งเสริมความร่วมมือกับทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อดำเนินตามแผนฟื้นฟูหลังโควิด
การกำจัดของเสียตลอดวงจรชีวิตเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรก
การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศคือปัญหาด้านพลังงานที่สำคัญสุดเป็นอันดับหนึ่ง เพราะ ‘พลังงานมีส่วนในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโลกถึง 80 เปอร์เซ็นต์’ เนื่องจากเราพยายามที่จะเปลี่ยนโลกไปสู่การขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีที่เร็วที่สุดในการหยุดปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยการกำจัดของเสีย มีเพียงหนึ่งในสามของพลังงานที่ผลิตได้ทั้งหมด ที่จะถูกแปลงเป็นพลังงานที่มีประโยชน์ไว้ใช้ในภาคขนส่ง อุตสาหกรรม อาคาร และอุปกรณ์ต่างๆ ส่วนที่เหลือคือพลังงานที่สูญหายไปหรือเสียไปกับกระบวนการผลิตและการส่งต่อ เมื่อพูดถึงอาหารและแฟชั่นเป็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเราของเสีย ขยะพลาสติก ของเสียมักจะถูกมองข้ามและถูกด้อยค่าในส่วนของแผนงานและการลงทุนเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะลดลงไปได้ครึ่งหนึ่งหากสามารถกำจัดพลังงานที่สูญหายและของเสียได้
เทคโนโลยีมีอยู่แล้ว ที่จะช่วยแก้ปัญหาท้าทายต่างๆ และเพื่อให้ก้าวหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว
การกำจัดของเสีย อย่างแรกคือเราต้องรู้ว่าทำไมจึงเกิดของเสีย เกิดที่จุดไหนและเกิดขึ้นได้อย่างไร เราสามารถวัดการใช้พลังงานได้อย่างแม่นยำด้วยเซนเซอร์ มิเตอร์ และการมอนิเตอร์ โดยสามารถนำซอฟต์แวร์มาใช้ในการออกแบบ บริหารจัดการและช่วยให้ใช้พลังงานได้อย่างอัตโนมัติ… เพื่อให้มั่นใจว่าเราจะมีแสงสว่าง ความร้อนและพลังงานในที่ๆ ต้องการและในเวลาที่ต้องการ รวมถึงประหยัดพลังงานได้ในเวลาที่ไม่ได้ใช้งาน ไม่ว่าสัดส่วนการผสมผสานพลังงานสะอาดจะเป็นอย่างไรก็ตาม ไฟฟ้าก็ยังคงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพที่สุดสำหรับการกำจัดก๊าซเรือนกระจก ในขณะที่ระบบดิจิทัลจะช่วยให้เราติดตามและตรวจสอบการใช้พลังงานเพื่อกำจัดของเสีย
การใช้แนวทางแบบองค์รวมทำให้เราเห็นถึงโอกาสมหาศาลในการรับมือและช่วยไม่ให้เกิดของเสียตลอดทั่วทั้งวงจรชิวิตของอาคารต่างๆ ระบบโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงอุตสาหกรรมทั้งหลาย การออกแบบที่ฉลาดยิ่งขึ้นตั้งแต่แรกเริ่มด้วยการใช้เครื่องมือจำลองสถานการณ์ต่างๆ รวมถึงการใช้วิธีการก่อสร้างที่มีประสิทธิภาพและการจัดหาวัสดุในพื้นที่หรือวัสดุแบบที่นำกลับมาใช้ซ้ำให้มากขึ้น ดำเนินการในไซต์งานได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อีกทั้งบังคับใช้หลักเศรษฐกิจหมุนเวียนเป็นแนวทางปฏิบัติที่ใช้ได้เห็นผลในปัจจุบันและควรนำมาใช้งานอย่างครอบคลุม
ซอฟต์แวร์และพลังงานสีเขียวแบบกระจายศูนย์ช่วยสร้างประสิทธิภาพ
การปล่อยของเสียที่เป็นมลพิษจากการผลิตไฟฟ้าจากถ่านฟอสซิลและการเดินทางระยะไกลของพลังงานที่มาจากกริดจนถูกนำไปใช้นับเป็นสัดส่วนใหญ่ของพลังงานที่สูญหาย ดังนั้นพลังงานหมุนเวียนไม่ใช่แค่เป็นแหล่งพลังงานสะอาดเท่านั้น แต่การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนจะให้ประสิทธิภาพได้มากกว่า และสามารถอยู่ใกล้กับจุดที่มีการใช้งานได้มากขึ้น ช่วยลดการสูญหายของพลังงานเพราะอยู่ใกล้แหล่งใช้งาน
กริดพลังงานอัจฉริยะที่กระจายศูนย์และไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก และจะกลายเป็นหัวใจของการปฏิรูปสู่ net zero ผนวกกับการใช้ซอฟต์แวร์มาช่วยสร้างศักยภาพและทำให้มีความเสถียร ซึ่งจะทำให้มีการผลิตและใช้พลังงานในพื้นที่ได้ในราคาที่ย่อมเยามากขึ้น ประเด็นนี้เป็นเรื่องสำคัญโดยอย่างยิ่งสำหรับอาคารต่างๆ ซึ่งเป็นแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ใหญ่ที่สุด และจะกลายเป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากเราเห็นว่ามีการติดตั้งไมโครกริดที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานลมและแสงอาทิตย์มากขึ้น การนำยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EVs มาใช้ ล้วนเป็นการขับเคลื่อนไปสู่บ้านและสำนักงาน net zero ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ดังนั้นดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นโครงสร้างหลักของเศรษฐกิจดิจิทัล ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าช่วยกำจัดก๊าซเรือนกระจกในทันทีได้อย่างไร เราจำต้องลงทุนในโซลูชันที่มีอยู่แล้วเพื่อฟื้นฟูความเขียวให้กลับมาในขณะที่เรายังคงดำเนินรอยตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง
ทำไมไฟฟ้าถึงเป็นแหล่งพลังงานที่ดีที่สุดสำหรับอนาคตที่สะอาด?
ในการแข่งกับเวลา ไฟฟ้าคือแนวทางที่ให้ความคุ้มค่ามากที่สุด ปลอดภัยที่สุด และเร็วที่สุดในการกำจัดก๊าซเรือนกระจกออกจากสังคมที่เราอยู่ จากมุมมองที่นำมาปฏิบัติได้จริงของโลกที่พัฒนาแล้ว หมายความว่าการกระจายไฟฟ้านั้นมีอยู่แล้ว การนำพลังงานเชื้อเพลิงที่เป็นทางเลือกมาใช้ตามบ้านเรือน สำนักงานและพื้นที่สาธารณะต่างๆ ได้อย่างครอบคลุมนั้นต้องอาศัยเวลานานนับทศวรรษ เป็นเวลาหลายปีที่เราจะยังไม่เห็นว่ามีการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากพลังงานถ่านหินที่เรายังต้องพึ่งพาในการให้ความร้อนและป้อนให้กับประชาชน
ในขณะที่ไฟฟ้าอาจจะยังไม่ใช่คำตอบของทุกความท้าทาย (อุตสาหกรรมหนัก การเดินทางระยะไกล) แต่ก็เป็นแหล่งพลังงานที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าถูกผลิตมาอย่างสะอาด ในราคาถูก พร้อมกับการลงทุนอย่างต่อเนื่องในพลังงานหมุนเวียนอย่างพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานไฮโดรเจน
- แสงอาทิตย์และลมที่เป็นขุมพลังของพลังงานหมุนเวียนมีราคาถูกว่าไฟฟ้าที่ได้จากพลังงานถ่านหินถึง 50 เปอร์เซ็นต์
- การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้ประสิทธิภาพเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ โดยเกิดการสูญหายระหว่างส่งผ่านแค่เพียง 5-10 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับการสูญหาย/สูญเสียของพลังงานที่ผลิตจากถ่านหินที่ 60 เปอร์เซ็นต์ ในขณะเดียวกันการผลิตแหล่งพลังงานใหม่ที่มีศักยภาพอย่างพลังงานไฮโดรเจนสีเขียวก็ทำให้เสียประสิทธิภาพอย่างมหาศาลถึง 70 เปอร์เซ็นต์ทั้งขาไปและกลับ
เทคโนโลยีที่ให้ความยั่งยืนทางดิจิทัลและไฟฟ้า มอบสิ่งสำคัญได้อย่างครบถ้วนทั้งประสิทธิภาพ ความปลอดภัย ผลลัพธ์ที่วัดได้ รวมถึงความเร็วในการนำโซลูชันดังกล่าวมาใช้งานและขยายขอบเขตได้อย่างครอบคลุม สิ่งสำคัญที่สุดคือ ช่วยให้เรานำพาองค์กรธุรกิจน้อยใหญ่ รวมถึงผู้บริโภคไปสู่การเดินทางที่ช่วยให้คนเหล่านี้มีทางเลือกมากขึ้นและควบคุมในเรื่องของความยั่งยืนในครัวเรือน สำนักงานและเมืองทั้งหมดได้
ปัจจุบัน ยังมีเรื่องที่พูดกันอยู่เยอะเกี่ยวกับความต้องการที่จะหา “โซลูชันที่ตอบโจทย์ได้ทุกอย่าง” เพื่อมาแก้โจทย์ท้าทายเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ และเปลี่ยนความเสียหายที่เราเผชิญกันอยู่ให้กลับสู่สภาพที่ดีดังเดิม ในขณะที่ผู้คนตั้งความหวังไว้ที่ไทม์แมชชีน ผมเชื่อว่าโซลูชันที่ตอบโจทย์ได้ทุกสิ่งจริงๆ แล้วเป็นเรื่องที่เสียเวลาและควรเลิกคิด ไฟฟ้าซึ่งขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาดสามารถตอบโจทย์การใช้งานส่วนใหญ่ได้ นั่นคือสิ่งที่เราควรให้ความสำคัญกันในตอนนี้
ความร่วมมือกับทั้งภาครัฐและภาคเอกชนคือใบเบิกทาง
หน่วยงานรัฐบาลทั่วโลกต้องมั่นใจว่าได้ทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อช่วยองค์กรธุรกิจและผู้บริโภคเปลี่ยนไปใช้ทางเลือกสีเขียว และเมื่อหน่วยงานเหล่านี้ดำเนินการเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจหลังวิกฤติโควิด เราก็จะมีโอกาสที่นานทีจะเกิดสักครั้งในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศไปพร้อมกับการสร้างศักยภาพในฟื้นฟูความเป็นสีเขียวให้กลับคืนมาได้ อย่างไรก็ตาม เราต้องดำเนินการอย่างรับผิดชอบด้วยความรวดเร็ว ลงทุนในโซลูชันด้านสิ่งแวดล้อมที่จะช่วยปรับปรุงวิถีการใช้ชีวิตได้ดีขึ้น ช่วยให้ทุกคนเข้าถึงพลังงานได้และยกระดับไปสู่การมีบทบาทในสนามเมื่อมีโอกาส
การพิจารณาถือเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับบริษัทที่มีเงินทุนไม่มากในการลงทุนแหล่งพลังงานหมุนเวียน ตัวอย่างเช่น เจ้าของอาคารควรมีบทบาทในการรับผิดชอบเรื่องการสร้างประสิทธิภาพให้กับผู้เช่า เรื่องนี้จะช่วยขับเคลื่อนการดำเนินการและประสิทธิภาพสำหรับทั้งอาคารที่สร้างใหม่และที่ปรับปรุงใหม่ ซึ่งเป็นการแข่งขันด้านคาร์บอนที่ผู้เป็นเจ้าของอาคารจะต้องมองหากันมากยิ่งขึ้นเพื่อทำให้บ้านหรือที่ทำงานมีความดึงดูดใจมากขึ้น
การนำดิจิทัลมาช่วยสร้างศักยภาพ จะทำให้องค์กรธุรกิจสามารถเริ่มดำเนินการตอบสนองหนึ่งในแนวคิด ESG ที่ท้าทายที่สุด นั่งคือการติดตามและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมที่เป็น Scope 3 เช่นการขนส่งและการกระจายสินค้า บรรดาองค์กรอย่าง Walmart ได้สร้างพลังงานหมุนเวียนที่ช่วยให้ซัพพลายเออร์เข้าถึงได้มากขึ้น ช่วยเร่งการกำจัดก๊าซเรือนกระจกในระบบนิเวศได้ครอบคลุมมากขึ้น ความเคลื่อนไหวนี้คือส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นพยายามใน Project Gigaton ของผู้ประกอบการค้าปลีกเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในซัพพลายเชนให้ได้หนึ่งพันล้านเมตริกตันภายในปี 2030
เรื่องทักษะต้องไม่เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟูความเป็นสีเขียว
มีการพูดถึงการฟื้นฟูความเป็นสีเขียวและการสร้างงานกันอยู่มาก จากการใช้จ่ายเงินทั้งหมดในการกระตุ้นเศรษฐกิจรวม 14.9 ล้านล้านเหรียญ ที่ได้มีการประกาศทั่วโลกนับตั้งแต่เริ่มเกิดการแพร่ระบาด จวบจนปัจจุบันมีการใช้เงินไป 1.8 ล้านล้านเหรียญเพื่อบรรเทาผลกระทบของภาคส่วนที่ปล่อยมลพิษ เช่นภาคพลังงาน การขนส่ง อุตสาหกรรม กสิกรรมและของเสีย
หากเราต้องตอบโจทย์เป้าหมายด้านสภาพอากาศ การเข้าถึงทักษะที่จำเป็นต่อการดำเนินการและบริหารจัดการในการปฏิรูปไปสู่เศรษฐกิจแบบ net zero ก็จะกลายเป็นปัจจัยความสำเร็จที่สำคัญ การตระหนักว่าทักษะด้านใดที่จำเป็นคือกุญแจสำคัญ
หากเรายอมรับว่าเรื่องของไฟฟ้าและดิจิทัล คือแนวทางที่เร็วที่สุดในการก้าวสู่ net-zero ที่ก่อให้เกิดการหยุดชะงักน้อยที่สุด ฉะนั้นสิ่งที่จะตามมาก็คือเรื่องเหล่านี้จะช่วยสร้างงานได้ เพราะต้องอาศัยช่างไฟ ผู้ประกอบโรงตู้ คนออกแบบ วิศวกร และผู้พัฒนาซอฟต์แวร์มากขึ้น รวมถึงผู้ที่มีบทบาทด้านไฮเทคจะเป็นที่ต้องการ เพื่อช่วยในการนำเทคโนโลยีระบบดิจิทัลและไฟฟ้ามาใช้งานในวงกว้างได้อย่างครอบคลุม
การปรับปรุงอาคาร บ้าน และโรงงานใหม่ จะทำได้อย่างมีประสิทธิภาพและเร็วขึ้นถึง 10 เท่า พร้อมทั้งเป็นการปฏิวัติวิถีทางในการใช้ชีวิต ผลิตสินค้า และการเดินทาง ทั้งนี้ IEA ได้ประเมินว่าจะมีการสร้างงานใหม่ในทั่วโลกถึง 9 ล้านตำแหน่งงานในปีที่จะถึงนี้หากบรรดาประเทศต่างๆ เดินรอยตามแนวทางการฟื้นฟูความเป็นสีเขียว ซึ่งโดยธรรมชาติ งานเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเป็นงานในพื้นที่ ไม่สามารถจ้างคนจากนอกประเทศมาทำได้ เพราะจะต้องดูเกี่ยวกับบริบทของการให้บริการในพื้นที่ รวมถึงองค์ความรู้และความคุ้นเคยกับลูกค้า
แม้ว่าไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานหมุนเวียนและใช้ศักยภาพของเทคโนโลยีดิจิทัล จะไม่สามารถแก้ปัญหาท้าทายด้านสภาพอากาศได้ทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็สามารถพาเราไปยังจุดหมายได้อย่างมีนัยสำคัญ ลองมุ่งเน้นความสำคัญที่เทคโนโลยีและแหล่งพลังงานที่เรารู้ว่าจะให้ผลลัพธ์ที่ดีได้ในตอนนี้ ซึ่งมีพร้อมอยู่แล้วและนำมาใช้ได้อย่างปลอดภัย เราไม่สามารถนั่งรอให้เกิดปาฏิหารย์ในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศได้
ทุกคนมีบทบาทที่ต้องดำเนิน ทั้งนักวิทยาศาสตร์ วิศวกร นวัตกร นักการเมือง เจ้าของธุรกิจ พนักงาน พ่อและแม่ที่ต้องการให้โลกเป็นที่อยู่อาศัยที่ดียิ่งขึ้นสำหรับลูกๆ
เกี่ยวกับชไนเดอร์ อิเล็คทริค
เป้าหมายของชไนเดอร์ อิเล็คทริค คือการช่วยให้ทุกคนใช้พลังงานและทรัพยากรได้เกิดประโยชน์สูงสุด เชื่อมโยงความก้าวหน้าและความยั่งยืนเพื่อประโยชน์ของทุกคน เราเรียกสิ่งนี้ว่า Life Is On
ภารกิจของเราคือการเป็นพันธมิตรด้านดิจิทัลกับคุณ เพื่อสร้างประสิทธิภาพและความยั่งยืน
เราขับเคลื่อนการปฏิรูปสู่ดิจิทัล ด้วยการผสานรวมเทคโนโลยีชั้นนำของโลกด้านพลังงานและกระบวนการจัดการ เข้ากับผลิตภัณฑ์ตั้งแต่จุดเชื่อมต่อปลายทางไปยังคลาวด์ ระบบควบคุม รวมถึงซอฟต์แวร์และการบริการครอบคลุมตลอดวงจรชีวิตการทำงานทั้งหมด เพื่อสร้างศักยภาพในการบริหารจัดการองค์กรแบบบูรณาการ ทั้งสำหรับบ้าน อาคาร ดาต้าเซ็นเตอร์ ระบบโครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรม
เราคือบริษัทระดับโลกที่มีการดำเนินงานในระดับท้องถิ่นมากที่สุด เราสนับสนุนมาตรฐานระบบเปิดและระบบนิเวศของคู่ค้าที่มีความมุ่งมั่นแรงกล้าในการทำตามวัตถุประสงค์อย่างมีเป้าหมายร่วมกัน และคุณค่าในการรวมกันเป็นหนึ่งเดียวพร้อมขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยกัน