SSD แบบพกพาได้ โดนใจสายเก็บ

หมดยุคฮาร์ดดิสก์ เมื่อ SSD แบบพกพาได้ โดนใจสายเก็บ ในยุคที่เนื้อหาดิจิทัลมีบทบาทสำคัญ ครีเอเตอร์จำเป็นต้องพึ่งพาเทคโนโลยีที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงเพื่อสร้างผลงานที่มีคุณภาพออกมาแหละนะ และหัวใจสำคัญคือเทคโนโลยีในการเก็บข้อมูลที่ต้องทำงานได้รวดเร็ว เสถียร และไว้ใจได้

และต้องยอมรับว่าปัจจุบัน มันหมดยุคฮาร์ดดิสก์จานหมุนอืด ๆ ไปแล้ว ถ้าเป็นครีเอเตอร์สายตัดต่อ วาดรูป เล่นเกม ทำเพลง หรืออะไรก็ตามที่ต้องใช้คอมแรง ๆ ก็ต้องคงต้องมองหา SSD เนี่ยแหละที่เป็น Must Have Item เหมือนอัปเกรดตัวเองจากเต่าคลานให้เป็นเสือชีตาห์

แต่ SSD มันก็มีหลายรุ่น หลายราคา เทคโนโลยีภายในก็แตกต่างจากอดีตมาก Techhub อยากพาทุกคนมาอัปเดตกันว่า เทคโนโลยีของ SSD ในอดีตแตกต่างกับปัจจุบันมากแค่ไหน  แล้วอันไหนที่เหมาะกับครีเอเตอร์ อันไหนไว้แค่ใช้งานทั่วไป มาฟังเรื่องเล่านี้กัน 

SSD เปรียบเทียบยุคแรก กับปัจจุบัน 

ยุคแรก
  • แม้จะเร็วกว่า HDD แต่ความเร็วในการอ่าน/เขียนก็ยังจำกัดอยู่ที่ประมาณ 500 MB/s ผ่านการเชื่อมต่อ SATA และ USB 3.0
  • ความจุน้อย ราคาแพง
  • SSD รุ่นแรก ๆ มีข้อกังวลเรื่องอายุการใช้งานที่จำกัด โดยเฉพาะจำนวนครั้งในการเขียนข้อมูล
  • ส่วนใหญ่มาในรูปแบบ 2.5 นิ้ว สำหรับการเชื่อมต่อ SATA ทำให้ความเร็วจำกัด
  • Controller และ Firmware ยุคแรกมีประสิทธิภาพจำกัดมาก 
ปัจจุบัน 
    • NVMe SSD สามารถทำความเร็วในการอ่าน/เขียน ได้สูงเกิน 10,000+ MB/s (แล้วแต่รุ่น)
    • เทคโนโลยีการผลิต NAND Flash ก้าวหน้าขึ้นมาก ทำให้สามารถผลิต SSD ที่มีความจุสูงขึ้นในราคาที่ถูกลง ปัจจุบัน SSD ความจุ 1TB, 2TB กลายเป็นมาตรฐาน และความจุระดับ 4TB, 6TB ก็เริ่มแพร่หลายมากขึ้น
    • NAND Flash และ Controller รุ่นใหม่ ๆ มีความทนทานและมีค่าการเขียนสูงขึ้นมาก
    • ขนาดหลากหลายมากขึ้น มีฟอร์มแฟคเตอร์หลากหลาย ทั้ง M.2 2280 ที่นิยมใช้ในโน้ตบุ๊กและเดสก์ท็อป, U.2 สำหรับเซิร์ฟเวอร์ และอื่น ๆ รวมถึง Portable SSD ที่เน้นความสะดวกในการพกพา
    • Controller รุ่นใหม่ ๆ มีความชาญฉลาดมากขึ้น มาพร้อมเทคโนโลยีอย่าง Error Correction, Wear Leveling, Garbage Collection, TRIM, และอื่น ๆ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ความเสถียร และอายุการใช้งานของ SSD
    • ราคาถูกลงมาก  ยกตัวอย่างเช่น ในปี 2010 SSD ความจุ 128GB อาจมีราคาสูงถึง 10,000 บาทขึ้นไป ในขณะที่ปัจจุบัน SSD ความจุ 1TB (1024GB) มีราคาประมาณ 2,000-3,000 บาทเท่านั้น


NAND Flash
ส่วนสำคัญของ SSD 

เทคโนโลยี NAND Flash ในยุคแรกคือ SLC (Single-Level Cell)  เก็บข้อมูลได้ 1 บิตต่อเซลล์ เร็ว ทนทาน แต่แพง ปัจจุบันไม่ค่อยเห็นแล้ว ซึ่งในภายหลังก็มีการพัฒนาเรื่อยมา เพื่อให้เก็บข้อมูลได้ต่อบิตต่อเซลล์มากขึ้น จนปัจจุบันคือ 3D NAND เป็นเทคโนโลยีการเรียงเซลล์หน่วยความจำแบบซ้อนกันเป็นชั้น ๆ ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของหน่วยความจำ ทำให้ SSD มีความจุสูงขึ้น ในขณะที่ขนาดเล็กลง 

เทคโนโลยี SSD ในปัจจุบันพัฒนาไปไกลกว่าในอดีตมาก ทั้งในด้านความเร็ว ความจุ อายุการใช้งาน ความหลากหลาย และความชาญฉลาด ทำให้ SSD กลายเป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลมาตรฐานที่ทดแทน HDD ได้อย่างสมบูรณ์แบบครับ  

SSD ที่เราใช้กันแพร่หลายก็แบ่งออกเป็นสองแบบหลัก ๆ ก็คือ SSD ที่ใส่อยู่ในคอมเนอะ แล้วก็ Portable SSD  ที่เป็นแบบพกพา แต่ส่วนใหญ่เห็นคนเริ่มหันมาใช้แบบพกพากันมากขึ้น เพราะสะดวกมากกว่า เสียบและถอดได้ง่าย เหมาะกับครีเอเตอร์ที่ต้องเก็บไฟล์มาก ๆ โดยไม่ต้องจำเป็นต้องซื้อคอมที่ความจุสูงที่ราคาโดดไปมาก โดยเฉพาะกับ Mac แม้กระทั่งโน้ตบุ๊ก ก็สามารถอัปเกรดเป็น SSD ได้ โดยจะช่วยให้เปิดเครื่องได้เร็วขึ้น โหลดโปรแกรมเร็วขึ้น ทำงานลื่นไหลขึ้น ประหยัดพลังงาน และทนทานต่อแรงกระแทก เหมาะกับการพกพา ลดความเสี่ยงข้อมูลเสียหายจากการตกหล่นได้อีกด้วย

NVMe Vs Sata

ในฐานะครีเอเตอร์ ไม่ว่าเราจะเป็นช่างภาพ, ตัดต่อวิดีโอ, กราฟิกดีไซเนอร์, หรือนักดนตรี เวลาคือสิ่งมีค่า และการมีอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่รวดเร็วและตอบสนองทันใจก็เป็นหัวใจสำคัญ และในสมรภูมิ SSD นั้น การต่อสู้ระหว่าง NVMe และ SATA ถือเป็นศึกชี้ชะตาที่ครีเอเตอร์ทุกคนต้องรู้

SATA (Serial ATA) เป็นเทคโนโลยีการเชื่อมต่อแบบดั้งเดิมที่ใช้กันมาอย่างยาวนาน เปรียบเสมือนถนนสายเก่าที่คุ้นเคย แต่ก็เริ่มคับแคบและไม่ทันกับการจราจรที่หนาแน่นในปัจจุบัน ความเร็วในการรับส่งข้อมูลสูงสุดตามทฤษฎีของ SATA III อยู่ที่ประมาณ 600 MB/s แต่ในทางปฏิบัติ มักจะทำความเร็วได้ประมาณ 550 MB/s ซึ่งถือว่าช้ากว่า NVMe หลายเท่า

NVMe (Non-Volatile Memory Express) คือโปรโตคอลการเชื่อมต่อที่ออกแบบมาสำหรับ SSD โดยเฉพาะ เปรียบเสมือนทางด่วนพิเศษที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับรถยนต์สมรรถนะสูง NVMe ใช้ช่องทางการสื่อสารแบบ PCIe (Peripheral Component Interconnect Express) ที่กว้างและเร็วกว่า SATA มาก ทำให้สามารถรับส่งข้อมูลได้เร็วกว่ากันหลายเท่าตัว

ทำไมครีเอเตอร์ควรเลือก NVMe

สำหรับครีเอเตอร์แล้ว เวลาที่เสียไปกับการรอโหลดไฟล์, รอเรนเดอร์งาน, หรือรอก๊อบปี้ไฟล์ คือต้นทุนที่สูญเปล่า และนี่คือเหตุผลว่าทำไม NVMe คือคำตอบ ซึ่ง Portable SSD บางรุ่น ยังสามารถเรนเดอร์ผ่านตัว SSD ได้เลย ทำให้ไม่จำเป็นต้องโหลดไฟล์ลงเครื่อง


แนะนำ
Portable SSD สำหรับเหล่าครีเอเตอร์

1. Sandisk Extreme PRO Portable SSD

ทำงานได้ทุกที่ ทุกเวลา ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน ไอเดียพุ่งกระฉูดตอนไหน ก็สามารถควักมันออกมาทำงานได้ทันที ไม่ต้องจำกัดตัวเองอยู่แค่หน้าคอมที่บ้านหรือออฟฟิศ จะบนรถ ร้านกาแฟ หรือริมชายหาด ก็เปลี่ยนเป็นสตูดิโอส่วนตัวได้

  • ความเร็วในการอ่านและเขียนมากถึง 2,000 MB/s
  • สามารถตัดต่อไฟล์ 4K หรือ 8K ผ่านตัว Sandisk ได้เลย
  • อึด ถึก ทนทาน ตัวเครื่องผลิตจากวัสดุอลูมิเนียมฟอร์จ
  • สามารถตกจากความสูงได้ถึง 3 เมตร กันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP65
  • ย้ายไฟล์ RAW ได้สบาย ๆ 
  • พกพาสะดวก ดีไซน์สวย ด้วยขนาดที่กะทัดรัด และน้ำหนักเบา
  • มาตรฐาน AES 256-bit เพิ่มความปลอดภัยได้มากขึ้น
  • รองรับการเชื่อมต่อแบบ USB-C 3.2 Gen 2
  • มีความจุให้เลือกตั้งแต่ 1TB – 4 TB

Sandisk Extreme PRO Portable SSD ถือเป็นอุปกรณ์คู่ใจสำหรับครีเอเตอร์และมือโปรที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด มีความทนทานเป็นเลิศ และมีการเข้ารหัสที่ปลอดภัย เหมาะกับการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบครับ

Sandisk Extreme PRO Portable SSD ยังได้รางวัล Commart Award 2024 ที่ได้รับการโหวตจากเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ด้านไอที และผู้ใช้งานจริง ถือเป็นการการันตีถึงคุณภาพ ประสิทธิภาพ และความน่าใช้งานครับ

แต่ถ้าหากใครที่คิดว่า น่าจะไม่ได้จำเป็นที่จะใช้ความเร็วมากขนาดนั้น Sandisk เขาก็มีตัวเลือกรองลงมาที่มีราคาถูกลง นั่นคือ Sandisk Extreme Portable SSD ที่ไม่ใช่รุ่น Pro  โดยมีความเร็วในการอ่านอยู่ที่ 1,050 MB/s ส่วนการเขียนอยู่ที่ 1,000 ส่วนตัวสเปคอื่น ๆ ก็จะคล้ายกับตัว Pro ครับ โดยมาพร้อมกับมาตรฐาน IP65 ซึ่งหมายความว่าสามารถป้องกันฝุ่นได้อย่างสมบูรณ์แบบ และป้องกันน้ำที่มาจากหัวฉีดได้ จึงมั่นใจได้ว่าข้อมูลของเราจะปลอดภัย แม้ในสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นละออง หรือโดนน้ำกระเซ็นใส่ปริมาณมาก แต่ก็ไม่ควรนำไปจุ่มน้ำ หรือใช้งานกลางฝนตกหนักนะครับ

2. SanDisk Desk Drive 8TB

สำหรับสายตัดต่อที่นั่งประจำอยู่ที่โต๊ะ ต้องตัวนี้เลย เป็น Desktop SSD ที่ให้ความจุมาแบบเต็มเหนี่ยว เหมาะกับสตูดิโอที่จำเป็นต้องมีความจุจำนวนมาก แต่ยังต้องการสปีดที่รวดเร็วอยู่ จุดเด่นคือ

  • เร็วกว่า HDD ประมาณ 4 เท่า ช่วยให้ทำงานบน SSD ได้เลย
  • ออกแบบมาสำหรับตั้งโต๊ะ ขนาดกะทัดรัดประมาณฝ่ามือ ไม่เกะกะโต๊ะทำงาน
  • ใช้งานง่ายแบบ Plug-and-Play
  • ความเร็ว Read/Write 1,000 MB/s
  • มาพร้อมซอฟต์แวร์สำรองข้อมูล และรองรับการฟอร์แมทซ์แบบ exFAT ทำให้ใช้งานได้ทั้ง Mac และ Windows

ากใครสนใจ สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ >> westerndigital