ครั้งแรกกับแท็บเล็ตรุ่น Ultra กับ Galaxy Tab S8 Ultra สมาชิกใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์แท็บเล็ตของซัมซุง ที่มาพร้อมประสิทธิภาพอันเหนือชั้น หน้าจอแสดงผลที่เต็มตา และการทำงานผ่านอีโคซิสเต็มรูปแบบ รวมถึงความร่วมมือกับหลากหลายพันธมิตรเพื่อมอบประสบการณ์การทำงานและความบันเทิงแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
ซัมซุงประกาศเปิดตัวแท็บเล็ตรุ่นใหม่ล่าสุด อย่าง Galaxy Tab S8 series ที่มาพร้อมกับ 3 ตัวเลือกอย่าง Galaxy Tab S8 | S8+ | S8 Ultra โดย Tab S8 Ultra ถือเป็นแท็บเล็ตรุ่นแรกของ Galaxy Tab S ที่มีหน้าจอแสดงผลใหญ่ที่สุด และทรงประสิทธิภาพที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยฮาร์ดแวร์อันล้ำสมัย ฟีเจอร์สุดพรีเมียมเพื่อเพิ่มความโปรดักทีฟ รวมถึงการเชื่อมต่อผ่านกาแลคซี่ อีโคซิสเต็มได้อย่างไร้รอยต่อ ทำให้แท็บเล็ตเครื่องนี้พร้อมทำหน้าที่เป็นเพื่อนคู่คิดสมาร์ทบัดดี้คู่ใจไปพร้อมกับทุกคน บนโลกที่ไม่เคยหยุดนิ่งใบนี้
ในปัจจุบันที่คนเราได้หันมาใช้แท็บเล็ตเพื่อวิดีโอคอลหรือสตรีมมิงมากขึ้น ทำให้ Galaxy Tab S8 ได้รับการพัฒนาเพื่อตอบโจทย์เรื่องนี้โดยเฉพาะ ด้วยการนำเสนอกล้องหน้ามุมกว้างพิเศษ (Ultra-wide front camera) ไมโครโฟน 3 ตัว และฟีเจอร์การจัดเฟรมอัตโนมัติ (Auto Framing)[1] ที่สามารถจับภาพผู้ใช้ได้ทุกขณะที่เคลื่อนไหว เพื่อมอบประสบการณ์การวิดีโอคอลแบบมืออาชีพ พร้อมด้วยการรองรับการทำงานแบบมัลติทาสก์ ผ่านฟีเจอร์ Multi-active Windows[2] ที่สามารถแบ่งหน้าจอใช้งานพร้อมกันได้สูงสุด 3 จอ, Samsung DeX และ Quick Share[3] เพื่อการแชร์ไฟล์อย่างง่ายดายและปลอดภัย เพราะมีการตั้งรหัสผ่านเพื่อป้องกันข้อมูล รวมถึง S Pen ที่มาให้อย่างครบครันในกล่อง พร้อมใช้งาน ไม่ต้องซื้อเพิ่ม โดยทั้งหมดนี้ทำงานบนชิปเซ็ต 4 นาโนเมตร ใหม่ที่แรงและเร็วที่สุด
นายทีเอ็ม โรห์ ประธานธุรกิจ โมบายล์ เอ็กซ์พีเรียนซ์ ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ กล่าวว่า “จากการที่ผู้คนใช้งานวิดีโอมากขึ้น ทั้งในด้านการเชื่อมต่อสื่อสารและการรับชมคอนเทนต์เพื่อความบันเทิง ทำให้ซัมซุงทราบดีว่าสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการคือแท็บเล็ตที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ แต่ยังคงพกพาสะดวก ซึ่งจากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา
หลายปีของซัมซุงในการสร้างสรรค์นวัตกรรม เราจึงได้นำองค์ความรู้ทั้งหมดมาใช้กับ Galaxy Tab S8 series เพื่อผลักดันขีดจำกัดของผลิตภัณฑ์กลุ่มแท็บเล็ต ผ่านการนำเสนอ Galaxy Tab S8 Ultra ในครั้งนี้”
เปิดประตูสู่โลกกว้างด้วย Galaxy Tab S8 Ultra
Galaxy Tab S8 Ultra จะมอบประสบการณ์ระดับพรีเมียมที่แตกต่างจาก Galaxy Tab รุ่นอื่นๆ ก่อนหน้านี้ ด้วย
หน้าจอ Super AMOLED ขนาดใหญ่ 14.6 นิ้ว ที่มาพร้อมอัตรารีเฟรช 120Hz พร้อมขอบหน้าจอที่บางที่สุดเพียง
6.3 มิลลิเมตร เพื่อให้ผู้ใช้ได้ดื่มด่ำกับทุกคอนเทนต์บนหน้าจออย่างเต็มที่ ซึ่งไม่เพียงแต่ขอบจอบางพิเศษเท่านั้น เพราะตัวเครื่องก็บาง เบา และแข็งแกร่งที่สุดอีกด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้จากการใช้วัสดุ Armor Aluminum[4] ที่ป้องกันรอยขีดข่วนได้มากถึง 30% รวมถึงลดโอกาสที่จะเกิดการงอลงกว่า Galaxy Tab S7 ถึง 40%
ด้วยกล้องหน้าคู่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และคุณภาพวิดีโอระดับ 4K จะทำให้การวิดีโอคอลเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้ด้วยเทคโนโลยีการจัดเฟรมอัตโนมัติ (Auto Framing) จะทำให้ภาพของผู้ใช้ที่ปรากฏบนหน้าจอได้รับการโฟกัสอยู่เสมอ ถึงแม้จะมีการซูมเข้า-ออก เพื่อเปลี่ยนมุมมองตามจำนวนคนที่มาร่วมเฟรมอยู่ด้วยก็ตาม พร้อมกันนี้ ด้วยไมโครโฟนทั้งหมด 3 ตัวที่มาพร้อมเทคโนโลยีลดเสียงรบกวนขั้นสูง ทำให้ผู้ใช้สนทนาระหว่างประชุมได้อย่างไม่ต้องกังวลเสียงรอบตัว ปิดท้ายด้วยระบบเสียง Dolby Atmos® ที่มีใน Galaxy Tab S8 ทั้งสามรุ่นจะช่วยให้เสียงที่ออกมาคมชัด สมจริงทุกรายละเอียดอีกด้วย
ที่สุดในทุกเรื่อง ทั้งการทำงาน ความบันเทิง และการเชื่อมต่อ
ไม่ว่าจะเป็นการขีดเขียนวาดภาพเพื่อปลุกความเป็นศิลปินในตัว การเล่นเกมสุดมันส์แบบไม่มีสะดุด หรือการทำงานสไตล์มัลติทาส์กได้อย่างลื่นไหล Galaxy Tab S8 คือแท็บเล็ตทรงประสิทธิภาพเครื่องนั้นที่ทุกคนมองหา ด้วยชิปเซ็ต 4 นาโนเมตร Snapdragon 8 Gen 1 ที่เร็วแรงที่สุดในแท็บเล็ตของซัมซุง โดย Galaxy Tab S8 ทั้งสามรุ่นมาพร้อมกับหน่วยความจำหลัก (RAM) 8 กิกะไบต์ และพื้นที่จัดเก็บข้อมูล (ROM) ที่ 128 กิกะไบต์ ซึ่งทุกรุ่นยังสามารถเพิ่มพื้นที่จัดเก็บข้อมูลได้มากสุดถึง 1 เทราไบต์ ด้วยการ์ด microSD[5] ที่วางจำหน่ายแยก
นอกจากนี้ ด้วยเครือข่าย 5G[6] ที่มาพร้อมกับทั้งสามรุ่นในครั้งนี้ ยังสามารถทำให้การแชร์คอนเทนต์ การเรียนออนไลน์ หรือเช็คอีเมลระหว่างเดินทางเกิดขึ้นได้ในเสี้ยววินาที
ทั้งนี้ ด้วยแบตเตอรี่อัจฉริยะที่ใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน ทำให้ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน Galaxy Tab S8 ก็พร้อมใช้งานเสมอ ซึ่งเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับการดูคอนเทนต์แบบมาราธอนต่อเนื่องยาวนานหลายชั่วโมง[7] หรือหากใช้งานจนแบตเตอรี่ใกล้หมด ก็สามารถชาร์จเร็วแบบ 45 วัตต์ ที่การชาร์จเพียง 80 นาที[8] แบตเตอรี่ก็กลับมาพร้อมใช้งาน 100% และจากการทำงานร่วมกันภายใต้กาแลคซี่อีโคซิสเต็ม ผู้ใช้ยังสามารถเปลี่ยนแท็บเล็ตให้เป็นที่ชาร์จแบบพกพาได้ทันที[9] เพียงเชื่อมต่อ Galaxy Tab S8 เข้ากับ Galaxy S22 series ผ่านสาย USB-C เท่านั้น
Galaxy Tab S8+ | S8 Ultra มาพร้อมกับ S Pen เวอร์ชั่นใหม่ที่มีความหน่วงต่ำ[10] และอัลกอริธึมคาดคะเนลายเส้นล่วงหน้า ซึ่งจะมอบประสบการณ์การเขียนราวกับการใช้ปากกาจริงเขียนลงบนกระดาษ โดยครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกของซัมซุง กับการร่วมมือกับ Clip Studio Paint เพื่อเปลี่ยนสมาร์ทโฟนซัมซุงให้กลายเป็นจานสีดิจิทัล S Pen ให้เป็นพู่กัน และหน้าจอขนาดใหญ่ของ Galaxy Tab S8 เป็นผืนผ้าใบ โดยผู้ใช้สามารถเลือกเครื่องมือและรูปแบบหัวแปรงได้ตามต้องการ รวมถึงยังสามารถเลือกสีมาใช้โดยดึงมาจากภาพจริงที่เซฟไว้ในสมาร์ทโฟนได้อีกด้วย
จากความสามารถในการบันทึกวิดีโอด้วยความละเอียดคมชัดระดับ 4K ของทั้งกล้องหน้าแบบ Ultra-wide และ
กล้องหลังใน Galaxy Tab S8 Ultra ทำให้ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ หรือสตรีมเมอร์ ก็สามารถสร้างสรรค์ผลงานที่ต้องการได้ผ่านฟีเจอร์ Selfie Video[11] ที่ติดตั้งอยู่ในโหมดการบันทึกหน้าจอ (Screen Recorder) ซึ่งด้วยแอปพลิเคชันตัดต่อวิดีโอ อย่าง LumaFusion’s[12] ที่พร้อมให้บริการในเร็วๆ นี้ จะทำให้ผู้ใช้สามารถใช้ Galaxy Tab S8 และ S Pen เพื่อตัดต่อวิดีโอได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ของ Galaxy Tab S8 Ultra ผู้ใช้ยังสามารถแบ่งหน้าจอได้สูงสุด 3 หน้าต่าง เพื่อเปิดใช้งานหลายแอปพลิเคชันพร้อมกันโดยไม่ต้องสลับไปมาให้เสียเวลา ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นการเปิดชมคอนเทนต์เพื่อสร้าง
แรงบันดาลใจ ค้นหาข้อมูลผ่านเว็บไซต์ พร้อมทำพรีเซนเทชั่นไปพร้อมกันก็สามารถทำได้บนหน้าจอเดียว
เพราะแท็บเล็ตมีบทบาทสำคัญในการทำหน้าที่เชื่อมต่อสื่อสารระหว่างผู้คน ซัมซุงจึงได้ร่วมมือกับ Google เพื่อมอบประสบการณ์การวิดีโอคอลและการแชร์หน้าจอขณะไลฟ์ (Live Sharing)[13] ที่ดียิ่งขึ้นผ่าน Google Duo[14] ที่จะทำให้ผู้ใช้สามารถรับชมวิดีโอบน YouTube ไปพร้อมกันกับเพื่อนๆ หรือแชร์หน้าจอเพื่อปรึกษาหารือระหว่างประชุม รวมถึงแบ่งปันไอเดียใหม่ๆ ผ่าน Jamboard[15] ซึ่งเป็นไวท์บอร์ดอินเตอร์แอคทีฟของ Google ได้อีกด้วย
ชีวิตเริ่มต้นด้วยซัมซุง กาแลคซี่
Galaxy Tab S8 เป็นอุปกรณ์ที่ทำงานได้อย่างลื่นไหลภายใต้กาแลคซี่อีโคซิสเต็ม ด้วยการเชื่อมต่ออย่างไร้รอยต่อนี้ ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น พร้อมทั้งสามารถกำหนดประสบการณ์การใช้งานแท็บเล็ตได้ดังต้องการ ผ่านอินเตอร์เฟซ One UI Tab 4.1 ที่จะมอบการเชื่อมต่ออันแสนราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อไปยังสมาร์ทโฟน หรือคอมพิวเตอร์พีซีก็ตาม
ระหว่างเดินทาง หากมีไอเดียน่าสนใจเกิดขึ้น ผู้ใช้สามารถใช้งาน S Pen เพื่อจดรายละเอียดเหล่านั้นลงใน Samsung Notes พร้อมแชร์ไปยังสมาร์ทโฟนซัมซุง กาแลคซี่ได้ในภายหลัง เพื่อให้สะดวกต่อการกลับมาย้อนดูอย่างง่ายดายยามที่ต้องการ ซึ่งด้วยฟีเจอร์ Quick Share จะทำให้การแชร์รูปภาพ วิดีโอ หรือไฟล์ต่างๆ ระหว่าง Galaxy Tab S8 และ Galaxy S22 Ultra เป็นเรื่องง่าย รวมถึงฟีเจอร์ Auto Switch[16] ที่จะทำให้ Galaxy Buds สามารถเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งนี่ยังถือเป็นครั้งแรกที่กาแลคซี่แฟนสามารถใช้งาน Samsung Health ผ่านทางแท็บเล็ตของซัมซุงเพื่อดูวิดีโอออกกำลังกาย หรือติดตามข้อมูลด้านสุขภาพและผลลัพธ์การออกกำลังกายที่เชื่อมต่อกับ Galaxy Watch ได้บนจอที่ใหญ่ขึ้นได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถเปลี่ยนให้ Galaxy Tab S8 เป็นจอมอนิเตอร์พกพาจอที่สอง[17] ที่มาพร้อมทัชสกรีน เมื่อใช้งานคู่กับคอมพิวเตอร์พีซีของซัมซุง เพื่อรองรับการทำงานได้หลากหลายยิ่งขึ้น หรืออาจจะใช้งาน Samsung DeX[18] เพื่อเปลี่ยนแท็บเล็ตให้เข้าสู่โหมดเดสก์ท็อป เพื่อประสบการณ์การทำงานบนหน้าจอแสดงผลที่คุ้นเคย และแสดงผลบนหน้าจอมอนิเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ได้ด้วยเช่นกัน
มั่นใจด้านความปลอดภัยเมื่อใช้งานแท็บเล็ตจากซัมซุง
ในโลกที่การเชื่อมต่อเกิดขึ้นตลอดเวลา ทำให้การรักษาความปลอดภัยมีความสำคัญมากกว่าที่เคย ซึ่ง Galaxy
Tab S8 ทุกรุ่น จะมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่คอยตรวจสอบและแจ้งหากกล้องและไมโครโฟนเปิดใช้งาน พร้อมให้ผู้ใช้สามารถปิดกั้นแอปพลิเคชันต่างๆ ที่ไม่ต้องการให้เข้าถึงอุปกรณ์เหล่านี้ เพื่อป้องกันการบันทึกข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่ง Galaxy Tab S8 series ได้รับการปกป้องจากแพลตฟอร์ม Knox Vault ที่มีการเข้ารหัสส่วนบุคคล พร้อมจัดเก็บข้อมูลสำคัญแยกจากระบบปฏิบัติการหลัก รวมถึงระบบสแกนลายนิ้วมือ[19] ที่ใช้งานง่าย เพื่อการปลดล็อกอุปกรณ์ได้ภายในสัมผัสเดียว
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการสานต่อความมุ่งมั่นของซัมซุงที่ต้องการมอบประสิทธิภาพและประสบการณ์การใช้งาน
แท็บเล็ตที่ดีที่สุดให้แก่ผู้บริโภค ซัมซุงจึงได้เตรียมอัพเกรดระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ บน Galaxy Tab S8 series สูงสุดถึง 4 เวอร์ชั่น และอัพเดตด้านความปลอดภัยนานถึง 5 ปี[20] เพื่อให้กาแลคซี่แฟนหลายล้านรายทั่วโลกสามารถใช้งานสมาร์ทโฟนได้ยาวนานขึ้น โดยที่ไม่พลาดระบบการรักษาความปลอดภัยเวอร์ชันล่าสุด พร้อมทั้งฟีเจอร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน หรือสิ่งน่าตื่นเต้นอื่นๆ อีกมากมาย โดยซัมซุงกำลังเดินหน้าขยายแนวคิดนี้ไปยังผลิตภัณฑ์รุ่นอื่นๆ เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับการดูแลอย่างเต็มที่เมื่ออยู่ภายใต้กาแลคซี่อีโคซิสเต็ม
ดีไซน์อันโดดเด่น แต่คงไว้ซึ่งความเป็นเอกลักษณ์
Galaxy Tab S8 Ultra มาในสีกราไฟต์ (Graphite) สุดคลาสสิก เรียบหรู และทันสมัย ในขณะที่ Galaxy Tab S8 | S8+ มาใน 2 เฉดสีสุดไอคอนิก อย่าง สีกราไฟต์ (Graphite) และ สีเงิน (Silver)[21] โดยซัมซุงยังได้เปิดตัว Galaxy Tab S8 Ultra Keyboard Cover[22] ซึ่งทำมาจากหนังโพลียูรีเทน ที่เคลือบสารต้านเชื้อโรค และทัชแพดแบบเคลือบกระจก ทำให้ใช้งานได้อย่างราบรื่นและตอบสนองต่อการสัมผัสได้ดี ปุ่มคีย์บอร์ดมีความกว้างขึ้น พร้อมมีไฟเรืองแสงด้านหลัง โดยผู้ใช้สามารถตั้งค่าปุ่มลัดได้ตามต้องการ พร้อมใช้งานผ่านการปรับองศาการตั้งของแท็บเล็ตได้หลายระดับ นอกจากนี้ ด้วยฟีเจอร์ Wireless Keyboard Share ทำให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อคีย์บอร์ดดังกล่าวเพื่อใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนซัมซุง กาแลคซี่ได้อีกด้วย
เพื่อสะท้อนสไตล์ของตนเอง ผู้ใช้ยังสามารถเลือกปรับแต่ง Galaxy Tab S8 ผ่านอุปกรณ์เสริมของซัมซุงที่มีให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Note View Cover ที่ออกแบบมาให้แผ่นปิดหน้าปกด้านหน้าสามารถรองรับการใช้งาน S Pen ได้ โดยไม่จำเป็นต้องเปิดออก ซึ่งเป็นอีกตัวช่วยที่ปกป้องหน้าจอไม่ให้เกิดรอยขีดข่วน[23]
นอกจากนี้ ซัมซุงยังภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการปกป้องโลกใบนี้ผ่านการลดจำนวนพลาสติกที่ถูกทิ้งใต้ทะเล ด้วยการนำอวนจับปลาที่ถูกทิ้งกลับมารีไซเคิลให้เป็นส่วนประกอบของ Galaxy Tab S8 ยังไม่หมดเพียงแค่นั้น เพราะกล่องบรรจุภัณฑ์ที่ทำมาจากกระดาษของ Galaxy Tab S8 ถือเป็นกล่องที่บางที่สุดเท่าที่ซัมซุงเคยมีมา ซึ่งสะท้อนถึงแนวคิดที่ต้องการลดการปล่อยมลพิษ และการผลิตขยะของซัมซุงได้เป็นอย่างดี
Samsung Galaxy Tab S8 series พร้อมเปิดให้จองแล้วตั้งแต่วันนี้ โดย Galaxy Tab S8 Ultra มาในสีกราไฟต์ (Graphite) สุดคลาสสิก ในขณะที่ Galaxy Tab S8 | S8+ มาใน 2 เฉดสีสุดไอคอนิก อย่าง สีกราไฟต์ (Graphite) และ สีเงิน (Silver)[24] สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.samsung.com/th/tablets/galaxy-tab-s8/buy
[1] ฟีเจอร์นี้พร้อมใช้งานบน Samsung Camera, BlueJeans, Google Duo, Meta Messenger, Google Meet, New Knox Meeting, Microsoft Teams, Cisco Webex Meet, Zoom และการจัดเฟรมอัตโนมัติใช้ได้เฉพาะกับกล้องหน้าแบบอัลตร้าไวด์เท่านั้น การจัดเฟรมอัตโนมัติจะจดจำเฉพาะบุคคลเท่านั้นและอาจไม่รองรับความละเอียดและอัตราส่วนบางอย่าง ทั้งนี้ ฟังก์ชันบางอย่างอาจไม่สามารถใช้ได้เมื่อเปิดการจัดเฟรมอัตโนมัติ
[2] บางแอปพลิเคชันอาจไม่รองรับคุณสมบัตินี้
[3] Quick Share พร้อมใช้งานบนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตซัมซุง กาแลคซี่ ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 10.0(Q) และ One UI 2.1 ขึ้นไป โดยต้องเชื่อมต่อ Bluetooth Low Energy และ Wi-Fi เพื่อใช้งาน Quick Share ทั้งนี้ บางแอปพลิเคชันอาจไม่รองรับคุณสมบัตินี้
[4] Armor Aluminum ถูกหุ้มไว้บนชิ้นส่วนโลหะทั้งหมด ยกเว้นจอแสดงผล ปุ่มด้านข้าง และถาดใส่ซิม
[5] การ์ด MicroSD วางจำหน่ายแยก โดยความพร้อมใช้งานของคุณสมบัติโดยละเอียด (เช่น หน่วยความจำและโปรเซสเซอร์) อาจแตกต่างกันไปตามตลาดและผู้ให้บริการ
[6] ต้องการการเชื่อมต่อ 5G ที่เหมาะสมที่สุด ทั้งนี้ ความเร็วจริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเทศ ผู้ให้บริการ และสภาพแวดล้อมของผู้ใช้
[7] เล่นวิดีโอ 15 ชั่วโมงสำหรับ Tab S8, เล่นวิดีโอ 13 ชั่วโมงสำหรับ Tab S8+ และเล่นวิดีโอ 14 ชั่วโมงสำหรับ Tab S8 Ultra โดยใช้เวลา 82 นาทีในการชาร์จแบตเตอรี่ Tab S8 Ultra และ Tab S8+ ให้เต็ม โดยอ้างอิงตามผลการทดสอบในห้องปฏิบัติการภายในสำหรับเวลาเล่นวิดีโอในเครื่องที่ดำเนินการโดยซัมซุง ซึ่งผลการทดสอบเป็นค่าโดยประมาณของตัวอย่างแบตเตอรี่จากรุ่นก่อนวางจำหน่ายซึ่งทดสอบภายใต้การตั้งค่าเริ่มต้น (ระดับเสียงและความสว่าง) โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับ Wi-Fi หรือเครือข่ายมือถือ อายุการใช้งานแบตเตอรี่จะแตกต่างกันไปตามการตั้งค่า การใช้งาน และปัจจัยอื่นๆ
[8] 80 นาทีในการชาร์จ Tab S8 และ Tab S8+ ให้เต็ม และใช้เวลา 90 นาทีในการชาร์จ Galaxy Tab S8 Ultra ให้เต็ม ความเร็วในการชาร์จจริงอาจแตกต่างกันไปตามการใช้งานจริง เงื่อนไขการชาร์จ และปัจจัยอื่นๆ โดยที่ชาร์จแยกจำหน่าย
[9] รองรับการชาร์จเร็ว 15W เมื่อปิดหน้าจอแสดงผลของ Tab S8 Ultra และเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนซัมซุง กาแลคซี่บางรุ่น รวมถึง Galaxy S22, Galaxy A53, Galaxy A33 โดยใช้สาย USB Type-C ซึ่งสายเคเบิลอาจจำหน่ายแยกต่างหากขึ้นอยู่กับตลาด ทโดยไม่รองรับการชาร์จแบบไร้สาย ทั้งนี้ ความเร็วในการชาร์จอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสภาวะการชาร์จและปัจจัยอื่นๆ
[10] เทียบกับ Galaxy Tab S7 โดยความหน่วงที่ 2.8ms วัดเมื่อใช้งานบน Tab S8 Ultra (14.6 นิ้ว) และ Tab S8+ (12.4 นิ้ว) ผ่าน Samsung Notes
[11] Selfie Video ภายใน Screen Recorder รองรับการบันทึกและเล่นวิดีโอแบบ Full HD
[12] LumaFusion สำหรับแอนดรอยด์จะพร้อมให้ดาวน์โหลดจาก Galaxy Store ภายในครึ่งแรกของปี 2022 ซึ่งเวลาที่แน่นอนของความพร้อมใช้งานอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความพร้อมของ LumaTouch ความพร้อมใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามตลาด ต้องใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชัน 11 ขึ้นไป ภาษาที่รองรับสำหรับการตั้งค่าซอฟต์แวร์: จีนกลาง ดัตช์ ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี ญี่ปุ่น เกาหลี รัสเซีย สเปน ตุรกี และอังกฤษแบบสหรัฐอเมริกา (US English)
[13] แอปพลิเคชันที่แชร์ได้ในปัจจุบันระหว่างวิดีโอคอลของ Google Duo ได้แก่ Google Arts & Culture, Google Maps, Jamboard, Samsung Notes, Samsung Gallery และ YouTube
[14] Google Duo เป็นเครื่องหมายการค้าของ Google LLC ผู้ใช้งาน Galaxy S22 series และ Galaxy Tab S8 series สามารถเป็นโฮสต์ของการไลฟ์ได้ตั้งแต่วันเปิดตัวผลิตภัณฑ์ เป็นต้นไป ซึ่งฟีเจอร์นี้จะให้บริการแก่ผู้ใช้อุปกรณ์กาแลคซี่รายอื่นที่ใช้ Android S OS ในภายหลัง ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมอาจต้องอัปเกรดเป็นแอปพลิเคชัน Google Duo เวอร์ชันล่าสุดเพื่อใช้การไลฟ์ ความพร้อมใช้งานของแอป Google Duo อาจแตกต่างกันไปตามตลาด และต้องการการเชื่อมต่อเครือข่ายที่เหมาะสมที่สุดเพื่อใช้งาน
[15] ต้องดาวน์โหลด Jamboard แยกต่างหาก โดยหากต้องการฟีเจอร์เพิ่มเติมอาจมีค่าใช้จ่าย
[16] ฟีเจอร์ Auto Switch ใช้งานได้บนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตซัมซุง กาแลคซี่ ที่มี One UI 3.1 ขึ้นไป อุปกรณ์และแอพพลิเคชั่นบางอย่างอาจไม่รองรับการสลับอัตโนมัติ ทั้งนี้ อุปกรณ์ซัมซุง กาแลคซี่ดังกล่าว ต้องลงชื่อเข้าใช้บัญชีซัมซุงเพื่อเปิดใช้งานการสลับอัตโนมัติ
[17] คุณสมบัติหน้าจอที่สองรองรับ Galaxy Book Windows PC และ Galaxy Tab S7/7+ หรือรุ่นที่ใหม่กว่า (จำเป็นต้องอัปเดต (2021 ม.ค. สำหรับ Galaxy Tab S7/S7+) รวมถึงคอมพิวเตอร์พีซีที่ใช้ Windows 10 ที่รองรับการแสดงผลแบบไร้สาย และ Windows 10 v.2004 หรือเวอร์ชันที่ใหม่กว่า (อัปเดต Windows: ก.ย. 2020 หรือใหม่กว่า)
[18] Samsung DeX รองรับสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตซัมซุง กาแลคซี่บางรุ่น โดยฟีเจอร์เพิ่มเติมจะมีให้ในอุปกรณ์ที่รองรับเท่านั้น ได้แก่ Galaxy S22, Galaxy Tab S8 และอุปกรณ์ที่ใช้ One UI 4.1 ขึ้นไป ซึ่งแอปพลิเคชันที่เข้ากันได้อาจแตกต่างกันไปและบางแอปพลิเคชันอาจไม่สามารถปรับขนาดได้ใน Samsung DeX โดยอุปกรณ์เสริมสำหรับการเชื่อมต่อหน้าจอภายนอกวางจำหน่ายแยก
[19] Galaxy Tab S8+ และ Tab S8 Ultra มีเครื่องสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ Galaxy Tab S8 มีเครื่องสแกนลายนิ้วมือด้านข้าง
[20] ความพร้อมใช้งานและระยะเวลาของการอัพเกรดและคุณลักษณะของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ อาจแตกต่างกันไปตามรุ่นอุปกรณ์และประเทศ อุปกรณ์ที่มีสิทธิ์อัพเกรดระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์สี่เจเนอเรชันและการอัพเดตความปลอดภัย 5 ปีในปัจจุบัน ได้แก่ Galaxy S22 series(S22/S22+/S22 Ultra), S21 series(S21/S21+/S21 Ultra/S21 FE), Z Fold3, Z Flip3 และ แท็บ S8 ซีรีส์(Tab S8/Tab S8+/Tab S8 Ultra)
[21] ความพร้อมใช้งานของคุณสมบัติโดยละเอียด (เช่น หน่วยความจำ สี และโปรเซสเซอร์) อาจแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศและผู้ให้บริการ
[22] Keyboard Cover วางจำหน่ายแยก โดยการออกแบบผลิตภัณฑ์ Keyboard Cover อาจแตกต่างกันไปตามแต่ละรุ่น ทั้งนี้ความพร้อมใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามตลาดและผู้ให้บริการ
[23] การวางจำหน่ายอุปกรณ์เสริมอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นอุปกรณ์และตลาด และมีวางจำหน่ายแยก
[24] ความพร้อมใช้งานของคุณสมบัติโดยละเอียด (เช่น หน่วยความจำ สี และโปรเซสเซอร์) อาจแตกต่างกันไปตามตลาดและผู้ให้บริการ