[ทีวียุคใหม่] หนึ่งในเครื่องใช้ไฟฟ้าที่แทบทุกบ้านอย่าง ‘ทีวี’ ปัจจุบันนอกจากขนาดและความคมชัดที่อาจเรียกได้ว่าเป็นจุดขายสำคัญแล้ว ก็มีเรื่องของ ‘ฟีเจอร์อัจฉริยะ’ ที่ช่วยเสริมการใช้งานทีวีให้คุ้มค่ายิ่งกว่าเดิม รับชมคอนเทนต์หรือเกมได้บันเทิงกว่าเคย ล่าสุดทาง Samsung ได้เปิดตัวกลุ่มสินค้าทีวีใหม่หลายรุ่น พร้อมประกาศกร้าวว่าเป็นผู้นำตลาดทีวีมาถึง 18 ปีซ้อน !!และจะเป็นผู้นำต่อไปด้วย อะไรคือสิ่งที่ทาง Samsung มั่นใจ ลองมาดูบทความนี้กัน
ย้อนกลับไปที่งาน Samsung AI TV เมื่อไม่นานมานี้ ทางบริษัทได้ขนทีวีระดับพรีเมี่ยมหลายรุ่นอย่าง Neo QLED 8K , Neo QLED 4K , Samsung OLED , Micro LED , Lifestyle TV และ Sound Device มาเปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมชูฟีเจอร์อัจฉริยะจาก AI ที่จะมาปฏิวัติการดูทีวีแบบเดิม ๆ อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ชวพจน์ เทียนทอง ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจภาพและเสียงจาก Samsung เผยที่งานว่า “ในปี 2023 บริษัทได้ครองส่วนแบ่งตลาดทีวีทั่วโลกถึง 30.1% ความสำเร็จครั้งนี้เป็นผลมาจากกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นทีวีในกลุ่มพรีเมียมและจอขนาดใหญ่ โดยขับเคลื่อนด้วย QLED TV และ OLED TV สุดล้ำ”
จากคำกล่าวนี้เอง ก็ถือได้ว่าทาง Samsung ได้เน้นจุดขายสำคัญของทีวีอย่าง [ขนาด] และ [ความคมชัด] มาอย่างยาวนาน จนในปี 2024 นี้เอง ทาง Samsung ก็มีแผนนำ AI มาใช้งานในทีวีมากขึ้น หลังพัฒนาชิป AI ในทีวีมาพอสมควรแล้ว ก็พร้อมชูเป็นจุดขายใหม่ของทีวีในอนาคต
อย่างตัว Neo QLED 8K ทีวีระดับเรือธงที่มาพร้อมความละเอียดระดับ 8K ทว่าด้วยคอนเทนต์ปัจจุบันที่ยังเน้น 4K หรือ Full HD มากกว่า จึงเป็นที่มาของเทคโนโลยี AI Upscaling ที่จะช่วยอัปเกรดคอนเทนต์ให้คมชัดใกล้เคียง 8K มากที่สุดนี้เอง โดยประมวลผลผ่านชิป AI ใหม่อย่าง NQ8 AI Gen3 ที่แรงขึ้นจากเดิมถึง 8 เท่า
นอกจากนี้ก็มี AI Motion Enhancer ช่วยจับภาพที่เคลื่อนไหวเร็วไม่ให้แตกหรือขาดหาย หรือทำให้การแสดงผลภาพเคลื่อนไหวที่รวดเร็วให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น และยังมี Real Depth Enhancer ที่สามารถเพิ่มเลเยอร์ความลึกให้เหมือนจริง แยกฉากหน้าและฉากหลังให้ภาพมีมิติมากขึ้น พร้อมมอบประสบการณ์ด้านเสียงที่แม่นยำแบบไร้ที่ติด้วย AI Active Voice Amplifier ที่มีความเป็นเลิศในการแยกเสียงบทสนทนาออกจากเสียงรบกวนรอบข้าง
รุ่นรองลงมาก็มี Neo QLED 4K ก็มีการใช้ชิป NQ4 AI Gen2 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการแสดงผลคอนเทนต์ 4K ให้มีสีสันและดูมีชีวิตชีวามากขึ้น คือไม่ดูเป็น 4K หลอก ๆ แต่เป็น 4K ที่มาเต็มทั้งแสงและสีนั้นเอง นอกนั้นก็มีการเสริมประสิทธิภาพด้วย Real Depth Enhancer และ Quantum Matrix Technology เพิ่มมิติการแสดงผลและเพิ่มคอนทราสต์ที่สมบูรณ์แบบขึ้น
นอกจากมี AI ช่วยเรื่องการแสดงผลแล้ว ทาง Samsung ก็ยังมีฟีเจอร์อัจฉริยะที่น่าสนใจอีกหลายตัว เช่น AI Energy Mode ที่สามารถปรพหยัดค่าไฟได้มากขึ้นถึง 30% แบบที่ไม่กระทบต่อคุณภาพของภาพ AI ที่สามารถเรียนรู้และปรับตามความต้องการของผู้ใช้ได้ อาทิ AI Auto Game Mode ที่จะเริ่มทำงานระหว่างเล่นเกม ช่วยปรับภาพและเสียงให้เหมาะสมเพื่อการเล่นเกมที่ดื่มด่ำมากยิ่งขึ้น AI Customization Mode จะปรับภาพแต่ละฉากตามความต้องการของผู้ใช้
สุดท้ายคือเรื่องของความปลอดภัย เพราะทีวีก็ถือเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เหมือนเป็น ‘เซ็นเตอร์’ ประจำบ้าน หลายคนก็ใช้ทีวีเป็นศูนย์กลางในการควบคุมอุปกรณ์ IoT อื่น ๆ ภายในบ้านด้วย ฉะนั้นทีวีจึงมักตกเป็นเป้าโจมตีของโจรไซเบอร์เสมอ ส่วนนี้เองทาง Samsung จึงพัฒนา Knox Security ระบบการรักษาความปลอดภัยที่ช่วยป้องกันการเจาะหรือขโมยข้อมูลโดยเฉพาะ ซึ่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก็ได้รับการรับรองจาก Common Criteria เรียบร้อย โดยเป็นมาตรฐานด้านความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์คอมฯ และเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่ถูกยอมรับใน 31 ประเทศแล้วนั้นเอง
ทั้งหมดนี้ก็เป็นฟีเจอร์ AI หรือ Samsung AI TV เด่น ๆ ที่เป็นเหมือนตัวแทนของทีวียุคใหม่นี้เอง เชื่อว่านอกจากแบรนด์ Samsung แล้ว แบรนด์อื่น ๆ ก็ย่อมมีการพัฒนาตัวเองเพื่อแข็งขันอย่างแน่นอน ซึ่งผลประโยชน์ก็ย่อมตกสู่ผู้ใช้อย่างเรา ๆ ที่จะได้ตัวเลือกซื้อทีวีติด AI มากขึ้น