เมื่ออุปกรณ์ไอทีภายบ้านมีจำนวนมากขึ้น ทั้งคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก สมาร์ทโฟน แท็ปเล็ต และยังมีเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เริ่มเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้มากขึ้น เริ่มจากสมาร์ททีวีและยังมีอื่นๆ ตามมา สิ่งสำคัญก็คือพื้นที่เก็บข้อมูลที่สามารถแชร์ให้อุปกรณ์ทั่วทั้งบ้านสามารถเรียกใช้งานร่วมกันได้อย่างสะดวก ดังนั้น NAS จึงเป็นอุปกรณ์ที่หลายๆ คนเริ่มให้ความสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะ NAS ขนาดเล็กสำหรับใช้งานตามบ้านทั่วไป
Zyxel NSA310S เป็นอุปกรณ์ NAS ขนาด 1 Bay โดยรองรับฮาร์ดดิสก์ขนาด 3.5 นิ้วเพียงตัวเดียว แต่สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่จำนวนฮาร์ดดิสก์ที่รองรับ หากแต่ความสามารถในการทำงานของมันที่ไม่ใช่เพียงแค่ NAS ธรรมดา แต่เรียกว่าเป็น Media Server ที่รองรับการทำงานร่วมกับ Cloud ได้ด้วย
ในแง่สเปกของ NAS นั้น ต้องถือว่าเป็น NAS ขนาดเล็กที่รองรับการใส่ฮาร์ดดิสก์ 3.5 นิ้วแบบ SATAII จำนวน 1 ลูก และมีพอร์ต USB 2.0 เพื่อต่อกับอุปกรณ์เก็บข้อมูลภายในนอกได้อีก 1 พอร์ต และพอร์ต Gigabit LAN สำหรับการเชื่อมต่อเน็ตเวิร์ค และแชร์ข้อมูลให้กับอุปกรณ์ต่างๆ ภายในเครือข่ายได้อย่างสะดวก
ด้านการทำงานนั้นจะอยู่บนพื้นฐานของระบบปฏิบัติการ Unix ซึ่งคล้ายกับ NAS ในท้องตลาดทั่วไป โดยการจัดฟังก์ชันในการทำงานที่ครบครัน นอกจากเรื่องการเก็บและแชร์ข้อมูลได้อย่างปลอดภัยแล้ว ยังทำหน้าที่เป็น Media Server บนมาตรฐานต่างๆ ที่สามารถสตรีมข้อมูล โดยเฉพาะพวกไฟล์วิดีโอไปยังอุปกรณ์ที่อยู่ในเน็ตเวิร์คได้หลากหลาย ไมว่าจะเป็น PC, Mac หรืออุปกรณ์โมบายต่างๆ รวมถึงมาตรฐานของอุปกรณ์เก็บข้อมูลในเน็ตเวิร์คอื่นๆ เช่น Apple Time Capsule ได้ด้วยเช่นเดียวกัน
นอกจาการแชร์ข้อมูล ฟังก์ชันสำคัญที่หลายๆ คนมองหาก็คือการดาวน์โหลดไฟล์ได้ด้วยตัวมันเอง โดยที่ไม่ต้องเปิดคอมพิวเตอร์มาดาวน์โหลด โดยรองรับการดาวน์โหลดทั้ง HTTP, HTTPS, FTP หรือแม้แต่ P2P หรือ Bittorrent ช่วยเพิ่มความสะดวกเวลาที่ต้องดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่ ช่วยให้ไม่จำเป็นต้องเปิดคอมพิวเตอร์ทิ้งเอาไว้ได้
การใช้งาน
ด้วยความที่เป็น NAS มันก็คือกล่องใส่ฮาร์ดดิสก์ที่เชื่อมต่อผ่าน LAN ทำให้การติดตั้งไม่ได้ยุ่งยากอะไร เพียงแค่เปิดฝาเครื่องด้านหน้าแล้วใส่ฮาร์ดดิสก์เขาไป เชื่อมต่อสาย LAN แล้วรอสัก 1 นาที ก็พร้อมสำหรับการใช้งานแล้ว
การตั้งค่าในเมนูของ Zyxel ถือว่าใช้งานได้ง่าย ตรงไปตรงมา มีการแยกหัวข้อฟังก์ชันต่างๆ ไว้อย่างชัดเจน และมีค่อนข้างครบตามที่ผู้ใช้งานต้องการ
จุดนึงที่เป็นสิ่งที่น่าสนใจคือความสามารถในการรองรับ Cloud ซึ่ง NAS ปัจจุบันมักจะรองรับการเชื่อมต่อกับ Cloud ได้อยู่แล้ว ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลใน NAS ที่ตั้งอยู่ที่บ้านจากที่ใดก็ได้ในโลกที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตอยู่ นอกจากนี้ยังรองรับการถ่ายโอนข้อมูลกับบริการ Public Cloud อย่างเช่น Dropbox ได้อีกด้วย เรียกว่าเป็น Hybrid Cloud แบบบ้านๆ ได้เลยทีเดียว
ความเร็วในการทำงานของตัวอุปกรณ์ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าประทับใจ ซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ถึงความเสถียรของตัว NAS ที่สามารถทำงานต่อเนื่องได้ ซึ่งต้องบอกก่อนว่าที่ทำการทดสอบยังไม่ได้เปิดฟังก์ชันครบทุกอย่าง แต่เปิดเฉพาะส่วนที่คนนิยมใช้งาน ซึ่งผลที่ได้เป็นที่น่าพอใจ
ด้วยราคาค่าตัวที่น่าจับจองแค่ 2-3 พันบาท บวกค่าฮาร์ดดิสก์ตามความจุที่เราต้องการคงตกราวๆ 6-7 พัน (ควรซื้อลูกเดียวใหญ่ๆ ไปเลยเพราะใส่ได้แค่ลูกเดียว) คุณก็แทบจะได้ศูนย์รวมข้อมูลส่วนตัวที่เรียกใช้ได้ทั้งในบ้านและนอกบ้านได้อย่างคุ้มค่ามากๆ แล้ว