นับตั้งแต่ความสำเร็จของมือถือตระกูล Zenfone รุ่นแรก ความท้าทายของ ASUS กับการลุยตลาดมือถือเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว Zenfone 2 ที่แยกย่อยรุ่นออกมาถึง 4 แบบ พร้อมๆ กับตระกูล Zenfone ในซีรีส์อื่นๆ อาทิ Zenfone Zoom, Zenfone 2 Deluxe รวมทั้ง Zenfone Selfie เบ็ดเสร็จแล้วจนถึงเดือนกันยายน ปี 2015 บริษัท ASUS เปิดตัว Zenfone รุ่นใหม่ไปแล้ว 7 รุ่น
เมื่อเห็น Zenfone Selfie แค่ชื่อก็บอกได้ทันทีว่าจุดเด่นต้องเป็นเรื่องการถ่ายภาพด้วยกล้องหน้าแน่นอน เป็นแนวทางการพัฒนามือถือของ ASUS ที่จับพฤติกรรมของผู้ใช้มือถือมาถ่ายทอดลงมือถือรุ่นดังกล่าว ส่วนความน่าใช้จะเป็นอย่างไร น่าซื้อหรือไม่ พบกับ “ รีวิว Zenfone Selfie (ZD551KL) กล้องหน้ามีแฟลช เซลฟี่สะใจ ดีไซน์ Zenfone 2”
สเปค Zenfone Selfie มีดังนี้
– ตัวเครื่องขนาดโดยรวม 156.5 x 77.2 x 10.8 mm น้ำหนัก 170 กรัม
– หน้าจอ IPS ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD (1920 x 1080 พิกเซล 403 ppi) กระจกหน้าจอใช้ Corning Gorilla Glass 4
– รัน Android 5.0.2 Lollipop ครอบทับด้วยอินเตอร์เฟซ ASUS ZenUI
– ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 615, ชิปประมวลผลกราฟฟิก Adreno 405
– ใช้งานได้ 2 ซิม ( microSIM )
– ใส่ microSD card ได้ ความจุสูงสุด 64GB
– หน่วยความจำภายใน 32GB, แรม 3GB
– กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล มี Laser Auto Focus และแฟลช Dual-LED
– กล้องหน้า 13 ล้านพิกเซล, มี Auto Focus และแฟลช Dual-LED
– พอร์ตเชื่อมต่อ microUSB 2.0
– แบตเตอรี่ความจุ 3,000mAh
เรามาเริ่มดูกันที่ดีไซน์กันก่อนเลย ต้องบอกเลยว่า Zenfone Selfie ใช้การออกแบบใกล้เคียงกับ Zenfone 2 รุ่นแรม 4GB ที่ผมเคยรีวิวไปแล้ว ฝาหลังเป็นพลาสติกเรียบๆ เหมือน Zenfone รุ่นแรก มีความโค้งที่ช่วยให้เข้ากับอุ้งมือในขณะหยิบถือ หรือให้หยิบง่ายเมื่อวางอยู่บนโต๊ะ
ที่เพิ่มเติมขึ้น Laser Auto Focus (อยู่ด้านซ้ายของกล้อง) เซนเซอร์ที่ช่วยคำนวณระยะโฟกัสระหว่างมือถือและสิ่งที่ต้องการจะถ่าย เพื่อให้การจับภาพเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่ตำแหน่งแฟลช Dual-LED ถูกย้ายจากบนกล้องหลัง ขยับมาอยู่ด้านขวาแทน ส่วนปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง ที่เป็นปุ่มชัตเตอร์ถ่ายภาพได้ด้วย ยังคงไว้ใต้กล้องหลังเช่นเดิม
ด้านหน้า Zenfone Selfie ชูจุดขายของกล้องหน้าที่มีแฟลช Dual-LED ขนาบอยู่ซ้ายมือ และด้านขวาเป็นลำโพงสำหรับสนทนา ซึ่งเป็นเปลี่ยนรูปแบบการจัดวางฮาร์ดแวร์ที่ต่างไปจาก Zenfone 2 แต่สำหรับกล้องหน้าความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ส่วนตัวผมเองมองว่าเหมือนยกกล้องหลังมาใช้เป็นกล้องหน้าด้วยยังไงยังงั้นเลย
แกะฝาหลังมาดูกันบ้าง จะพบว่ามีแผง NFC ติดอยู่กับฝาหลัง ส่วนช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดประเภท microSIM ที่อยู่กันคนละฝั่ง ซึ่งฝั่ง SIM 1 จะอยู่ตำแหน่งเดียวกับช่องใส่ microSD card ด้วย ที่อาจจะสร้างความยุ่งยากให้กับคนที่เพิ่งเคยใช้ Zenfone ได้ แต่สิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจคือ แบตเตอรี่ที่กลับมาถอดได้อีกครั้ง ซึ่งผมเองยอมรับตรงไปตรงมาว่าค่อนข้างมีเครื่องหมายคำถาม ? กับปรัชญาการออกแบบ หลังจากเห็นความแตกต่างของไส้ในทั้ง Zenfone 2 กับ Zenfone Selfie
ซอฟต์แวร์ที่ Zenfone Selfie ใช้ เป็น Android 5.0.2 Lollipop ถูกครอบทับด้วย ZenUI อินเตอร์เฟสที่ ASUS เป็นผู้ออกแบบเอง ทั้งไอคอน ภาพพื้นหลัง ธีม แถบการแจ้งเตือน ไปจนถึงส่วนต่างๆ นับเป็นหน้าตาที่แสดงความเป็นตัวตนได้ชัดเจน
การทัชกรีนเริ่มตั้งแต่หน้าจอล็อคสกรีน พบว่าในบางครั้งใช้นิ้วสไลด์เพื่อทำการปลดล็อค กลับไม่มีการตอบสนองใดๆ ซึ่งต้องปิดหน้าจอและเปิดใหม่ ถึงจะสไลด์และปลดล็อคได้ ต้องขอย้ำนะครับว่า เป็นบางครั้งเท่านั้น ! ขณะที่การเข้าถึงเมนูลัดบนหน้าจอล็อคสกรีน เช่น กล้อง, โทร และส่งข้อความ สามารถใช้งานได้เป็นปกติครับ
เมื่อเข้ามาที่หน้าโฮม และเข้าต่อไปยังหน้ารวมแอพพลิเคชัน การทัชสกรีนไปมาไม่มีอาการสะดุดหรือไม่ตอบสนองให้เห็น ถือว่าลื่นใช้ได้ครับ ขณะที่เมนูและแอพฯ อื่นๆ ที่มากับเครื่องเลย ยังเป็นหน้าเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็น เมนู ZenMotion (วาดบนหน้าจอเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ ขณะปิดหน้าจอเพื่อเรียกใช้งานต่างๆ และเมนูเรียกใช้งานด้วยมือเดียว), ASUS Cover (ตัวเลือกสำหรับใช้งานร่วมกับเคสจาก ASUS), Power management (การจัดการพลังงาน ), Easy Mode (ปรับขนาดของแอพฯ ให้ใหญ่ขึ้น และแสดงเฉพาะที่จำเป็นต่อการใช้งาน ) ฯลฯ ส่วนของแอพฯ อื่นๆ ที่มากับเครื่อง ยกตัวอย่าง แอพฯ ให้บริการจาก ASUS (ASUS Support, ZenTalk, ZenLink ฯ) และอื่นๆ อีกมากมาย
การใช้งานมัลติมิเดีย ผมลองเล่นเกม Iron Man 3 ถึงเกมมีมานานหลายปี แต่ยังเป็นตัวเลือกที่นำมาทดสอบได้ ซึ่งภาพกราฟิก การเคลื่อนไหวของตัวละครในเกมนับว่าไม่ออกลูกงอแงหรือกระตุกให้เห็น ลื่นพอสมควร การทัชบนหน้าจอถือว่าตอบสนองได้ดี
เรื่องกล้อง Zenfone Selfie ถือเป็นไฮไลท์สำคัญ กล้องหลังพกความละเอียดมา 13 ล้านพิกเซล ผสมผสานเทคโนโลยี PixelMaster ประกอบกับค่ารูรับแสง f/2.0 ช่วยให้ภาพถ่ายในที่แสงน้อยมีความสว่างขึ้นจากปกติ ขณะเดียวกันมีการเพิ่ม Laser auto focus เข้ามาช่วยในการจับภาพให้มีความแม่นยำและรวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ซอฟต์แวร์กล้องหลังยังมีเซนเซอร์อัจฉริยะที่คอยวัดค่าแสงในกรณีที่ต้องการถ่ายภาพในที่แสงน้อยมากๆ ซึ่งจะมีตัวเลือกเป็นรูปนกฮูกที่ด้านล่างของจอภาพ แนะนำให้เราเปิดใช้งานโหมด Low Light สำหรับถ่ายภาพในที่แสงน้อยมากๆ อีกด้วย
สามารถแตะที่หน้าจอค้างไว้ เพื่อปรับชดเชยแสงได้เองด้วย
ลูกเล่นกล้องอื่นๆ สำหรับผู้ที่ไม่ชอบปรับแต่งอะไรตามใจ มีให้เลือกหลายต่อหลายโหมด อาทิ โหมด HDR, Super Resolution, Low Light, Night, Depth of Field (ถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ), Panorama และอื่นๆ เป็นต้น
หรือหากเป็นคนชอบปรับแต่งอะไรเอง มีโหมด Manual ให้ใช้ก่อนถ่ายภาพด้วย
ตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล อัตราส่วน 4:3
กล้องหน้าเหมือนเป็นการก็อปกล้องหลังมาไว้ด้านหน้า ทั้งขนาดกล้องและแฟลช Dual-LED เทคโนโลยี PixelMaster มีค่ารูรับแสงอยู่ที่ f/2.2 ช่วยเพิ่มความสว่างให้กับใบหน้าในเวลาเซลฟี่แม้ใช้งานในสถานที่ที่มีแสงน้อย และยิ่งการมีแฟลชเข้ามาช่วยแล้วยิ่งเพิ่มความสว่างมากขึ้นไปอีก โดยการใช้แฟลชจะเป็นการเปิดไฟแฟลชค้างไว้เพื่อสร้างความสว่างที่ใบหน้า หรือหากเปิดไฟแฟลชยังไม่สะใจพอ ยังสามารถแตะค้างที่หน้าจอเพื่อปรับค่า White Balance ให้เพิ่มขึ้นได้อีกเช่นกัน
ก่อนการเซลฟี่สามารถปรับแต่งใบหน้าก่อนได้ เช่น ปรับโครงหน้าให้เล็กลง, ปรับขนาดดวงตา และปรับความเรียบเนียนบนหน้าได้ เป็นต้น นอกจากนี้โหมดการใช้งานกล้องหน้ายังมีให้เลือกหลากหลาย คล้ายกับการยกโหมดจากกล้องหลังมายังไงยังงั้น
โหมดต่างๆ สำหรับกล้องหน้า
ตัวอย่างภาพเซลฟี่กล้องหน้า
Zenfone Selfie รูปลักษณ์ภายนอกอาจให้ความรู้สึกที่ไม่แตกต่างจาก Zenfone 2 เท่าใดนัก มีเพียงกล้องหน้าที่ปรับโฉม เพิ่มเติมแฟลชเข้ามา ส่วนกล้องหลังได้เพิ่ม Laser auto focus มาช่วยเสริมการจับภาพที่แม่นยำและรวดเร็วขึ้น มีเทคโนโลยี PixelMaster ที่ยังคงไว้ซึ่งมาตรฐานการถ่ายภาพในที่แสงน้อยในระดับพอใช้ พร้อมกับมีโหมดให้เลือกใช้งานได้หลากหลาย รวมถึงสามารถแตะหน้าจอเพื่อปรับชดเชยแสงได้เองด้วย ไม่ว่าจะเป็นกล้องหน้าหรือกล้องหลัง
การใช้กล้องหน้าถือว่าให้คุณภาพที่น่าพอใจตามระดับราคา มีลูกเล่นในการตกแต่งใบหน้าก่อนการถ่ายภาพ สามารถเซลฟี่ในที่แสงน้อยได้ไม่ผิดหวัง
เมื่อมองที่ความคุ้มค่า…คงต้องบอกว่าในราคาไม่เกินหมื่น แต่อัดแน่นด้วยคุณภาพของการใช้กล้องหน้าและกล้องหลัง พร้อมด้วยเครื่องมืออเนกประสงค์ที่ช่วยให้การถ่ายภาพเป็นเรื่องง่ายและสนุกมากยิ่งขึ้น นับว่า Zenfone Selfie จัดมาเป็นเจ้าของได้เลยครับ
ในราคา 8,990 บาท