ต้องเล่าก่อนว่า ผมเป็นคนชอบฟังเพลงผ่าน Youtube เหตุผลเลยคือ เพลงมันหาง่าย Search ไม่ยาก และเป็นคลังเพลงที่ผมคิดว่าใหญ่ที่สุดแล้ว จนวันหนึ่งทาง Youtube ได้ตัดฟีเจอร์ Background Playback  ทำให้ผมไม่สามารถเล่นเพลงจากคลิป ขณะปิดหน้าจอสมาร์ทโฟนได้อีกต่อไป หากอยากได้คืน ก็ต้องสมัครบริการ Youtube Red หรือ Youtube Premium ในปัจจุบัน แต่อนิจจา… มันยังไม่เปิดให้บริการในไทย สุดท้ายต้องใช้ วิชามาร เป็นเวลาล่วงเลยกว่า 4 ปี

จนล่าสุด Youtube Premium เปิดให้บริการในไทยอย่างเป็นทางการแล้ว (จุดพลุ) ไม่รอช้า จัดการสมัครบริการ พร้อมรับสิทธิ์ใช้บริการฟรี 1 เดือนก่อนทันที สำหรับ YouTube Premium มันคือ YouTube เวอร์ชั่นไม่มีโฆษณานั้นเอง หากดู Youtube ผ่านสมาร์ทโฟน ก็สามารถเล่นวิดีโอแบบ Background Playback ดาวน์โหลดวิดีโอเพื่อดูแบบออฟไลน์ได้ อีกทั้งยังมี YouTube Music ใช้งานพ่วงด้วยกันมาให้เลย ซึ่งทั้งหมดจะเป็นยังไงบ้าง ลองมาดูกันครับ

ค่าบริการ

สำหรับค่าบริการของ Youtube Premium จะแปลกหน่อยตรงที่ฝั่ง iOS มีราคาแพงกว่าฝั่ง Android อย่างมีนัยยะ : b ซึ่งราคาก็มีตามนี้

  • Android = 159 บาท/เดือน
  • iOS = 209 บาท/เดือน

แบบ Family สามารถเพิ่มชื่อผู้ใช้ได้สูงสุด 5 บัญชี โดยมีข้อแม้ว่าต้องมีอายุ 13 ปีขึ้นไป

  • Android = 239 บาท/เดือน
  • iOS = 309 บาท/เดือน

อนึ่ง หากใครใช้เฉพาะ YouTube Music ไม่เอา Youtube Premium ก็จะเหลือค่าบริการอยู่ที่ 129 บาท/เดือน สำหรับฝั่ง Android และ 169 บาท/เดือน สำหรับฝั่ง iOS ราคาถือว่าไม่ต่างจาก Youtube Premium เท่าไรนัก

ไร้โฆษณา

จากเมื่อก่อนเวลาจะเปิดคลิปอะไร ซึ่งที่หลาย ๆ คนมักเจอคือ โฆษณา จะ 5 วิ 10 วิ หรือมากกว่านั้น ก็แล้วแต่ดวง (และเจ้าของช่อง) ตามปกติหากโฆษณาเล่น 5 วินาที ก็กดข้ามได้แล้ว แต่บางครั้งกดข้ามไม่ได้ก็มีเหมือนกัน และที่แจ่มไปกว่านั้น ระหว่างดูคลิปไปได้กลางทาง ก็ยังมีโอกาสเจอโฆษณาได้อีกด้วย แต่ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปทันที หากเราใช้ Youtube Premium อีกทั้งโลโก้ Youtube ก็จะเปลี่ยนเป็นคำว่า “Premium” ด้วย

Background Playback

ปกติถ้ากดออกจากแอปฯ Youtube หรือปิดหน้าจอสมาร์ทโฟนขณะเล่นคลิป ตัวคลิปก็จะหยุดการเล่นทันที แต่ใน Youtube Premium หากระหว่างเล่นคลิปเรากดปุ่ม Home ตัวแอปฯ ก็จะย่อขนาดและเล่นผ่านพื้นหลังหรือ Background Playback ได้ตามภาพเลย ถ้าปิดหน้าจอ ตัวคลิปก็ยังเล่นต่อไปโดยไม่ปิด

ดาวน์โหลดวิดีโอ

สามารถดาวน์โหลดวิดีโอเก็บไว้ดูแบบออฟไลน์ได้ หากแต่การดาวน์โหลดนั้น ไม่ได้หมายความว่าเราโหลดตัวคลิปจาก Youtube มาเก็บเป็นไฟล์ตรง ๆ เพื่อเอาไปดูกับแอปฯ หรือโปรแกรมอื่นได้ แต่มันจะเก็บไว้ให้ดูเฉพาะแอปฯ Youtube เท่านั้น เปิดดูคลิปวิดีโอออฟไลน์ได้เฉพาะ Youtube อย่างเดียว

YouTube Music

อีกความดีงามของ YouTube Premium คือ YouTube Music ที่เปิดให้ใช้งานพ่วงด้วยกันเลย สำหรับตัว YouTube Music จะต่างจากแอปฯ YouTube ปกติคือ เน้นคลิปเพลงโดยเฉพาะ ซึ่งในหน้าแรกก็จะมีแต่คลิป Music Video หรือคลิปเพลงอื่น ๆ กับมีการจัด Playlist แนะนำคลิปเพลงจากทั้งศิลปินชื่อดังและทางบ้าน

สรุปคือมันมีหน้าแนะนำเพลงเหมือนกับแอปฯ Music Streaming อย่าง JOOX หรือ Spotify ซึ่งจากที่ดูแล้ว ก็ยอมรับว่า Youtube จัดหมวดหมู่เพลงและแนะนำได้ดีไม่แพ้กันเลยครับ

หน้าควบคุมเพลง ก็ให้อารมณ์คล้าย ๆ กับแอปฯ Spotify อีกทั้งยังดาวน์โหลดมาฟังแบบออฟไลน์ได้เช่นกัน และแน่นอนว่าเปิดฟังได้เฉพาะ YouTube Music

สุดท้ายนี้ YouTube Music เวลาปิดจอหรือออกจากแอปฯ หากคลิปเพลงยังเล่นอยู่ ก็จะมีหน้าควบคุมเพลง ปรากฏใน Notification ให้เรากดหยุดหรือเปลี่ยนเพลงได้ ส่วนแอปฯ YouTube ที่ใช้บัญชี YouTube Premium จะมีแต่เสียงออกมาเท่านั้น ไม่มีหน้าควบคุมเพลงเหมือน YouTube Music

YouTube Original

ในตอนแรกก็แอบคิดเหมือนกันว่า ราคา 159 – 209 บาทต่อเดือน ดูแพงไปนิดอยู่นะ จนมาเจอ YouTube Original แหล่งรวม Original Content ของ Youtube อาทิ หนัง ซีรีย์ รายการ และสารคดี อารมณ์เดียวกับ Apple TV+ หรือ Netflix ที่มี Original Content ของตัวเอง

ในตัวคลิป YouTube Original ก็จะมีคำว่า Premium แปะอยู่ทุกคลิป บ่งบอกเลยว่าเฉพาะบัญชี Premium เท่านั้นที่ดูได้ แต่จากที่ดู ๆ แล้ว มีความรู้สึกว่ามันยังไม่น่าสนใจเท่าของ Netflix หรือของ Apple TV+ ไม่ได้มีเป็นหนังหรือซีรีย์ฟอร์มยักษ์ที่เป็นกระแสเท่าไรนัก

ส่วนซับไทยนั้น มี แต่ยังมีไม่มาก แต่ก็เชื่อว่าหลังจากนี้อาจจะมีมากขึ้น หรืออาจมี Original Content ของคนไทยในเร็ว ๆ นี้

สรุป

ข้อดีหลัก ๆ ของ YouTube Premium ก็ไม่พ้นเรื่อง ไร้โฆษณา กับ Background Playback ส่วนมูลค่าจริง ๆ ของ YouTube Premium ก็คือ YouTube Music และ YouTube Original สำหรับคนที่ชอบฟังเพลงผ่าน YouTube ตัว YouTube Music ตอบโจทย์แน่นอน แต่หากใครที่ชอบดูคลิปแบบทั่ว ๆ ไป ถ้าไม่รำคาญโฆษณา ก็คงไม่จำเป็นต้องใช้ YouTube Premium เว้นแต่วันหนึ่ง หาก YouTube Original มีคลิปที่ตอบโจทย์คนไทยมากกว่านี้ ตัว YouTube Premium ก็จะน่าเสียค่าบริการอย่างแน่นอนครับ