ภาพลักษณ์ของ Vivo ตลอด 1-2 ปีนี้ ได้รับความสนใจจากผู้คนมากขึ้น เนื่องด้วยดีไซน์ที่พัฒนาให้พรีเมี่ยมมากขึ้นประกอบกับชูจุดขายเรื่องกล้องถ่ายภาพ โดยเฉพาะกล้องหน้าที่ตอบสนองการเซลฟี่ให้กับหลายๆ คนได้เป็นอย่างดี วันนี้มีสมาร์ทโฟนจาก Vivo อีกหนึ่งรุ่นที่แอดมินนำมาเล่าสู่กันให้ฟัง นั่นคือ Vivo V5 Plus
Vivo V5 Plus สเปค มีดังนี้
– หน้าจอ IPS LCD ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD (1080 x 1920 พิกเซล, 401ppi) กระจกหน้าจอ Gorilla Glass 5
– ใช้งานได้ 2 ซิม ประเภท NANO SIM
– ระบบปฏิบัติการ Android 6.0.1 Marshmallow ครอบด้วยอินเทอร์เฟซ Funtouch OS 3.0
– ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 625 แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.0GHz
– หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 506
– แรม 4GB หน่วยความจำภายใน 64GB ไม่รองรับ microSD Card
– กล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล, ค่ารูรับแสง f/2.0 พร้อมแฟลช LED รองรับการบันทึกวีดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 4K
– กล้องหน้าคู่ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล + 8 ล้านพิกเซล, ค่ารูรับแสง f/2.0 พร้อมแฟลช LED รองรับบันทึกวีดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 1080p
– รองรับฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือที่ปุ่ม home
– แบตเตอรี่ความจุ 3160mAh
– ราคา 13,990 บาท
การออกแบบ
เมื่อมองเผินๆ ด้านหน้าค่อนข้างมีความคล้ายคลึงกับ Vivo V5 ที่เพิ่มเติมเข้ามาจะเป็นกล้องหน้าอีกหนึ่งตัว นับเป็นจุดขายสำหรับ V5 Plus นอกจากนี้หน้าจอยังใช้กระจก Gorilla Glass 5 แถมแปะทับด้วยฟิลม์อีกชั้นหนึ่ง ซึ่ง Vivo ติดให้ตั้งแต่โรงงานเลย
พลิกมาดูด้านหลังจะเป็นอลูมิเนียมชิ้นเดียวในการขึ้นรูป หรือเรียกว่า Unibody หากไม่นับกล้องหลัง แฟลช โลโก้ Vivo และตัวอักษรที่อยู่ส่วนท้าย ฝาหลังดูเรียบและโล่ง มีการขยับเส้นรับสัญญาณให้ไปอยู่บริเวณขอบบนและขอบล่าสุดแทน
ด้านหน้า Vivo V5 Plus นอกจากกล้องหน้าคู่ 20 ล้านพิกเซล + 8 ล้านพิกเซล ไฟแจ้งเตือนอยู่มุมบนซ้าย ยังมีลำโพงสนทนา เซนเซอร์ตรวจวัดสภาพแสง แฟลช LED ถัดลงมาจากหน้าจอจะเป็นปุ่ม home ที่รองรับสแกนลายนิ้วมือได้ในตัว ปุ่ม back กับ ปุ่ม Recent app เมื่อเปิดหน้าจอหรือแตะก็จะมีไฟแสดงขึ้นมา
ด้านซ้ายเป็นตำแหน่งของถาดซิมรองรับ NANO SIM ได้ 2 ซิม แต่ไม่รองรับ microSD Card ตัวเครื่องด้านขวาเป็นตำแหน่งปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง ปุ่มพาวเวอร์
ด้านล่างสุดประกอบไปด้วย headphone jack ขนาด 3.5 มิลลิเมตร, รูไมโครโฟนขนาดจิ๋ว, พอร์ต microUSB 2.0 และลำโพง ส่วนด้านบนไม่มีอะไร
ในภาพรวมของตัวเครื่องประกอบกันได้อย่างลงตัว ขนาดถือว่าไม่หนามาก แต่ด้วยหน้าจอ 5.5 นิ้วทำให้การใช้งานด้วยมือเดียวคงไม่สะดวกเท่าไหร่นัก
การแสดงผล
ด้วยขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้ว มาพร้อมความละเอียดการแสดงผล Full HD (1080 x 1920 พิกเซล, 401ppi) สูงกว่า Vivo V5 ที่มีความละเอียดระดับ HD เท่านั้น มีความคมชัดกว่า ตอบสนองกับการมองเห็นได้ดี
การทดสอบเมนูต่างๆ
Vivo V5 Plus มาพร้อม Android 6.0.1 Marshmallow ครอบด้วยอินเทอร์เฟซ Funtouch OS 3.0 แม้จะระบบปฏิบัติการจะยังไม่ได้เป็น Android 7.0 Nougat เวอร์ชั่นล่าสุด แต่สิ่งที่มีอยู่ให้ความลื่นต่อการใช้งานเป็นอย่างดี ไอคอนแอพที่มากับเครื่องแลดูมีความคล้ายกับค่ายผลไม้อยู่บางตัว การเรียกใช้เมนูลัดการเปิด-ปิดฟีเจอร์ต่างๆ ที่จำเป็นทำได้เพียงการทัชจากจอด้านล่างขึ้นมา ส่วนการทัชจาจอด้านบนลงมาจะเป็นการเรียกดูแจ้งเตือนต่างๆ เท่านั้น ขณะที่การเพิ่มเติมวิตเจ็ตบนหน้า home การเรียกใช้ทำได้โดยการแตะหน้าจอค้างไว้ หลังจากนั้นจะมีแถบเมนูแสดงแสดงขึ้นมาจากด้านล่างจอ
การบริหารจัดการภายในมีแอพที่เรียกว่า “i Manager” ตัวช่วยที่คอยวิเคราะห์การทำงานของตัวเครื่องเพื่อให้เกิดการใช้งานอย่างสมบูรณ์ ภายในยังมีเมนู “การจัดการพื้นที่” ตัวช่วยที่คอยกำจัดแคชข้อมูลขยะเพื่อให้ตัวเครื่องมีความรวดเร็วอย่างต่อเนื่อง
Easy Share แอพจาก Vivo เอาไว้แชร์ข้อมูลต่างๆ ผ่าน Wi-Fi อาทิ เพลง รูป หนัง และยังสามารถโคลนข้อมูลต่างๆ จากโทรศัพท์เครื่องเดิมไปไว้ในโทรศัพท์เครื่องใหม่ได้ด้วย
ภายในแอพการตั้งค่าของ Vivo V5 Plus มีลูกเล่นให้เลือกใช้เยอะพอสมควร แต่ขอหยิบมาเล่าบางอย่างที่แอดมินมองว่าน่าจะให้ประโยชน์ดีๆ สำหรับผู้ใช้นะครับ ยกตัวอย่าง
เมนู “การตั้งค่าเพิ่มเติม” ภายในมีเมนูให้เลือกเยอะแยะมากมายอีกเช่นกัน แต่ในส่วนเมนู OTG เมื่อเปิดใช้งานเราสามารถใช้ Vivo V5 Plus เป็นเครื่องจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์พกพาอื่นๆ ผ่าน USB ได้
เมนู “การใช้งานอัจฉริยะ” เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ใช้ลักษณะท่าทางสำหรับเรียกใช้งานต่างๆ เช่น
– การเช็คดูภาพพักหน้าจอ เมื่อเปิดใช้งานแล้วผู้ใช้สามารถ ใช้มือโบกผ่านหน้าจอในขณะปิดหน้าจอเพื่อให้หน้าจอแสดงขึ้นมาได้ หรือปลดล็อคโดยไม่สัมผัสสามารถโบกผ่านหน้าจอเช่นเดียวกัน
– เปิด/ปิดหน้าจอแบบอัจฉริยะ ภายในจะมีด้วยกัน 3 ตัวเลือก ได้แก่ การกำหนดให้หน้าจอสว่างขึ้นทันทีเมื่อหยิบออกจากกระเป๋า, หน้าจอจะสว่างเสมอเหมือนสายตาเราจ้องอยู่ที่หน้าจอ และแตะบนหน้าจอสองครั้งเพื่อปิดหน้าจอ
– การโทรอัจฉริยะ มีด้วยกัน 5 ตัวเลือก ขอยกตัวอย่างเรื่องของการโทรออกหรือรับสายจะใช้เทคนิคคล้ายกัน คือ การยกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบที่หูทันที แต่การโทรออกนั้นผู้ใช้จะต้องไปที่รายชื่อที่ต้องการโทรออกเสียก่อนจึงจะสามารถยกเครื่องมาแนบที่หูและให้โทรออกอัตโนมัติ
เมนู “เริ่มต้นใช้งานด่วน” เมนูนี้เป็นการกำหนดการกดปุ่ม home สองครั้งเพื่อเรียกใช้งานแอพที่เรากำหนด แต่การใช้งานเมนูนี้จะกำหนดได้ทีละแอพเท่านั้น เช่น กำหนดให้กดปุ่ม home สองครั้งเพื่อเรียกใช้กล้องถ่ายรูป ส่วนที่เหลือจะเป็นเรียกใช้งาน Facebook และเปิด/ปิดไฟฉาย ก็ขึ้นอยู่กับคนใช้ละครับว่าอยากกดปุ่ม home สองครั้งแล้วให้เรียกอะไรจากหนึ่งในสามนี้
การใช้เพื่อความบันเทิง
สิ่งที่ทำให้คนเล่นเกมน่าจะรู้สึกดีมากๆ นั่นคือ การเล่นเกมไปนานๆ ตัวเครื่องไม่เกิดอาการร้อน ถือเป็นการจัดการความร้อนได้อย่างดีมาก ส่วนของการดูหนัง ฟังเพลง ตอบสนองต่อการรับชมได้อย่างดีเยี่ยม และเสียงที่ออกจากลำโพงแม้จะเปิดสุด เสียงไม่แตก เสียงดังฟังชัด นอกจากนี้เมื่อต่อหูฟังยังมีระบบ Hi-Fi ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเสียงให้ดียิ่งขึ้นไปอีกด้วย
กล้องถ่ายภาพ
มาถึงจุดสำคัญของ Vivo V5 Plus ไปดูกันเลยกับกล้องหน้าคู่ที่แบ่งความละเอียดออกเป็น 20 ล้านพิกเซล กับ 8 ล้านพิกเซล ให้กับเลนส์ทั้งสองตัว เมื่อเปิดกล้องหน้าขึ้นมาจะเห็นว่าแถบด้านบนมีโหมดที่เป็นไฮไลท์ เรียกว่า “BOKEH” หรือเรียกง่ายๆ กันว่าการถ่ายภาพในลักษณะหน้าชัดหลังเบลอ โหมด BOKEH นี้ใช้เทคนิคการปรับเพิ่ม-ลดรูรับแสง ยิ่งตัวเลขน้อย ยิ่งทำให้ข้างหลังเบลอมาก ซึ่งค่ารูรับแสงหรือค่า F ต่ำสุดอยู่ที่ F/0.95 สูงสุดอยู่ที่ F/16 สามารถใช้ร่วมกับโหมดถ่ายปกติและโหมดใบหน้าสวย ในกรณีที่เซลฟี่แบบ BOKEH ไปแล้ว ยังไม่พอใจความเบลอของฉากหลัง สามารถเข้าไปอัลบั้มรูปเพื่อปรับความเบลอได้ตามที่ต้องการ ซึ่งจะมีไอคอน BOKEH แสดงอยู่ที่ท้ายรูปไว้ให้เราปรับแก้ไขภาพนั่นเอง
UII ของกล้องหน้า Vivo V5 Plus
ในโหมดใบหน้าสวยที่อยู่บริเวณปุ่มชัตเตอร์จะมีเมนูย่อยให้ปรับอยู่ 3 แบบ ได้แก่ ผิวนวล, โทนสกิน และปรับขาว สามารถปรับได้ตามระดับความพึงพอใจ แต่โดยส่วนจะเป็นเรื่องของการเน้นให้ใบหน้าเนียนสวยซะมากกว่า มีแฟลชมาให้ เผื่อใครที่อยากเซลฟี่ในผับหรือในที่มืดก็สามารถเปิดใช้แฟลชจากกล้องหน้าได้ รวมถึงมีโหดมพาโนรามามาให้ด้วย น่าเสียดายเล็กน้อยที่ไม่มีตัวเลือกปรับหน้าให้เรียวมาด้วย ฮ่าๆๆ
นอกจากนี้กล้องหน้ายังสามารถบันทึกวีดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุด 1080p ใครที่ชอบอัดคลิปตัวเองแล้วโพสต์ลงโซเชียลน่าลองใช้ครับ
กล้องหลังให้ความละเอียดมา 16 ล้านพิกเซล มีโหมดให้เลือกเพิ่มเติมด้วยกัน 7 โหมด มีโหมดใบหน้าสวยเพื่อการถ่ายภาพบุคคลมาให้ด้วย ไม่มีโหมด BOKEH รองรับการถ่ายภาพด้วยโหมด HDR, พาโนรามา สามารถบันทึกวีดีโอได้ในความละเอียดสูงสุดถึง 4K ไม่มีระบบกันสั่นสำหรับถ่ายภาพนิ่งและวีดีโอมาให้ แต่มีโหมดกันสั่นให้ใช้
UI จากกล้องหลัง Vivo V5 Plus
ตัวอย่างภาพถ่าย
จากกล้องหน้า
ภาพซ้าย ถ่ายด้วยกล้องหน้าโหมดปกติ ส่วนภาพขวาถ่ายด้วยกล้องหน้าโหมด BOKEH
ภาพซ้าย ถ่ายด้วยกล้องหน้าโหมดปกติ ส่วนภาพขวาถ่ายด้วยกล้องหน้าโหมด BOKEH
จากกล้องหลัง
สรุปภาพรวม รีวิว Vivo V5 Plus
ภาพรวมภายนอกยังคงเอกลักษณ์ตามยุคสมัยด้วยกระจกและอลูเนียมเป็นวัสดุหลัก ตัวเครื่องที่มีหน้าจอ 5.5 นิ้ว และไม่ได้หนาจนเกินไป ไม่เป็นปัญหาสำหรับหยิบถือ แต่อาจลำบากเล็กน้อยในกรณีที่ใช้ด้วยมือเดียว อย่างเช่น ใช้ในเวลายืนบนรถไฟฟ้า เป็นต้น จอแสดงผลได้ชัดเจน ปุ่ม home ไวต่อการสัมผัสมาก แค่แตะเบาๆ จะทำให้กลับไปหน้า home ได้แล้ว การใช้งานจริงทั้งเล่นโซเชียล ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมอย่างต่อเนื่องเป็นไปอย่างราบรื่น ตัวเครื่องแสดงความร้อนออกมาแต่อย่างใด ตัวซอฟต์แวร์ i Manager ที่ช่วยวิเคราะห์การทำงานเพื่อปรับปรุงให้เครื่องมีความพร้อมต่อการใช้งานมากที่สุด รวมถึงสามารถกำจัดแคชข้อมูลขยะไม่ให้เป็นปัญหาต่อการใช้งานในระยะยาว
กล้องหน้าถึงจะชูโรงด้วยเลนส์คู่ มีโหมด BOKEH พร้อมโหมดปรับใบหน้าให้เนียนใสได้ แต่แนะนำว่าไม่ควรปรับเยอะ เพราะจะทำให้หน้าเนียนจนดูโอเว่อร์เกินไป อีกสิ่งที่สัมผัสได้ในกรณีที่เราเซลฟี่ด้วยโหมดปกติ ภาพที่ออกมาจะค่อนข้างออกโทนขาวไปพอสมควร ส่วนกล้องหลังการใช้แค่โหมดถ่ายภาพปกติก็สามารถให้ภาพวิว ภาพบุคคลออกมาพึงพอใจได้ หากต้องการถ่ายวิวกลางคืนด้วยโหมดถ่ายภาพกลางคืนที่ให้มา เมื่อลองใช้ดูพบว่ายังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร
สุดท้ายในเรื่องแบตเตอรี่กับความจุที่ให้ 3160mAh หากใช้เพียง Facebook, ส่อง Instagram, เล่น LINE, คุยโทรศัพท์, ท่องเว็บ จากแบตเต็มๆ ใน 1 วัน ยังเหลือแบตให้ใช้ต่อในอีกวันได้สบาย แต่หากมีเล่นเกม ดูหนังแบบต่อเนื่อง ก่อนจะหมดวันก็คงต้องชาร์จแบตกันละครับ และลืมไม่ได้ว่า Vivo V5 Plus ไม่รองรับ microSD Card ฉะนั้นใครที่รู้ตัวดีว่าเป็นนักโหลดแอพ ชอบถ่ายภาพ พื้นที่ที่ให้มา 64GB อาจไม่เพียงพอ