นับตั้งแต่ที่เทคโนโลยี Bluetooth พัฒนาจนมีความเสถียรมากขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุด ก็สามารถสร้างอุปกรณ์ไร้สายที่ทรงประสิทธิภาพได้มากมายหลายอย่าง ลำโพงพกพา ก็เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ไร้สาย ที่ได้เข้ามาเปลี่ยนบทบาทด้านความบันเทิงของเรา แพล่มมาซะเยอะ สรุปสิ่งที่ผมอย่างจะบอกจริง ๆ คือ ลำโพงพกพา มัน ‘สุโก้ย’ (แจ่มแมว) กว่าสมัยก่อนมากนั้นเอง
ารีวิวในครั้งนี้พบกับ Huawei Mini Speaker หรือ CM510 เป็นลำโพงพกพาที่เปิดตัวพร้อมกับ Huawei Y9 Prime 2019 โดยชูจุดเด่นเรื่องเสียง Stereo แบบ 360 องศา ซึ่งจะได้ยินเป็น 360 องศามากยิ่งขึ้น หากเรามี Huawei Mini Speaker 2 ตัว แล้วต่อสัญญาณคู่กัน จะให้พลังเสียงได้กระหึ่มเต็มอารมณ์กว่าเดิม (โดยเฉพาะการเล่นเกม) แต่ตอนนี้ผมมีเพียงตัวเดียว ซึ่งจะให้พลังเสียงได้ขนาดไหนนั้น ลองมาติดตามกันครับ
สเปก Huawei Mini Speaker (CM510)
- การเชื่อมต่อ : v4.2
- ย่านความถี่ : 20-21000Hz
- ดอกลำโพง : 3W
- ไดร์เวอร์ : 40mm
- แบตฯ : 660mAh
- อายุการใช้งานแบตฯ : 4h
- ขนาด : 50 x 56.3 มม.
- น้ำหนัก : 112 กรัม
- มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น : IP54
- พอร์ตเชื่อมต่อ : MicroUSB, ช่องไมโครโฟน
- สีให้เลือก : Graphite Black (สีดำ) กับ Emerald Green (สีเขียว)
แกะกล่อง
ในกล่องก็ประกอบไปด้วย Huawei Mini Speaker (CM510) x 1, สายคล้อง, สายชาร์จแบบ Micro USB และ ชุดคู่มือ
วัดสุและดีไซน์
ตัว Huawei Mini Speaker ก็มาพร้อม Body แบบโลหะแข็งแรงทนทาน โดยรุ่นที่รีวิวมาเป็นสีดำล้วน ซึ่งเมื่อบวกกับผิวโลหะแล้ว ทำให้ตัวลำโพงดูมีราคาไม่น้อยทีเดียว
ส่วนดีไซน์ก็เป็นทรงกระบอกขนาดย่อม โดยมีขนาดเพียง 50 x 56.3 มม. หนักแค่ 112 กรัมเท่านั้น ซึ่งต้องบอกเลยว่า เป็นดีไซน์ที่ผมชอบมากสำหรับลำโพงพกพาหรือลำโพง Bluetooth อื่น ๆ เพราะมันสามารถวางตรงไหนก็ได้โดยไม่ต้องใช้พื้นที่เยอะ โดยเฉพาะผมที่เอาไปต่อกับ PC ตั้งโต๊ะเลย ซึ่งต่อยังไงนั้นเดี๋ยวมาดูกัน
ใต้ลำโพงมี Passisve Radiator (ตอนแรกนึกว่าซับวูเฟอร์) ช่วยเพิ่มความกระหึ่ม และเสียงเบสแบบจัดเต็มพอควร ซึ่งตอนเปิดใช้งาน ตัวลำโพงจะมีการสั่นตามจังหวะเสียงเบสแบบรู้สึกได้เลย แต่ไม่ถึงขั้นสั่นจนตัวลำโพงเคลื่อนที่เองได้ อันนั้นก็สยองไปนะ
ด้านหลังลำโพงมีช่อง MicroUSB สำหรับต่อชาร์จไฟ กับช่องไมโครโฟนสำหรับคุยสาย ซึ่งหากมีคนโทรเข้าขณะเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ก็สามารถกดรับแล้วคุยผ่านลำโพงได้ทันที หรือจะใช้เป็นที่ประชุมสายก็ยังได้ครับ
การใช้งาน
ตัวลำโพงจะมาพร้อมปุ่มควบคุมเพียงปุ่มเดียวเท่านั้น ซึ่งจะใช้ทั้งเปิดปิดตัวลำโพง กับเป็นปุ่ม Play/Pause ขณะเล่นเพลงก็ได้ การใช้งานแบบไร้สาย ก็ใช้ได้ราว ๆ 3 – 4 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับระดับเสียงที่ใช้) หากไม่ได้ใช้งานในระยะหนึ่ง ตัวลำโพงจะเปิดการทำงานโดยอัตโนมัติทันที
อนึ่งตัวลำโพงมาพร้อมมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP54 สามารถป้องกันฝุ่นได้ค่อนข้างดี และป้องกันละอองน้ำได้ทุกทิศทาง คือเอาไปใช้ในห้องอาบน้ำหรือช่วงสงกรานต์ได้เลย ขอแค่อย่าเอาตัวลำโพงไปจุ๋มน้ำก็พอ
ท้ายนี้ตัวลำโพง หากเรามี 2 ตัว ก็สามารถเชื่อมต่อใช้งานพร้อมกัน ทำให้ได้พลังเสียง Stereo แบบ 360 องศา อย่างแท้จริง แต่เอาตรง ๆ แค่ตัวเดียวก็ดังมากแล้ว ซึ่งพลังเสียงก็ได้ตามนี้
พลังเสียง
สำหรับการเทสพลังเสียงของเจ้า Huawei Mini Speaker (CM510) ตัวนี้ แน่นอนว่าเราเอาไปต่อกับสมาร์ทโฟนกับแท็บเล็ต หรืออุปกรณ์อะไรก็ตามที่มี Bluetooth อย่างรีวิวนี้ ผมจะใช้งานผ่านเครื่อง PC เลย โดยมีตัวช่วยพิเศษคือ Avantree DG50 เป็นตัวรับหรือส่งสัญญาณเสียง Bluetooth ผ่านพอร์ต USB จาก PC ซึ่งผมจะใช้เป็นลำโพงใช้ฟังทั้งเพลงและเล่นเกมไปเลยครับ
บรรยากาศตอนทดสอบพลังเสียงของ Huawei Mini Speaker CM510
หน้าตาตัว Avantree DG50 ดังกล่าว
จากการทดสอบ (เปิด Volume เสียงจนสุด) ซึ่งแรกที่ผมรู้สึกเลยคือ (/゚Д゚)/ โอ้ววว เสียงกระหึ่มมาก ๆ จากที่ลองฟังเพลงมาหลาย ๆ แนว เสียงที่โดดเด่นที่สุดคือเสียงเบส ตามด้วยเสียงร้องที่โดดเด่นไม่แพ้กัน (อัดคลิปไว้แล้ว แต่กลัวโดน LC จาก Youtube สั่งแบน – -) ส่วนเสียงที่ขับออกมานั้นก็เหมาะทุกแนวเลย แต่ส่วนตัวคิดว่าเหมาะสำหรับเพลงแนว Jass, Classic กับ Dubstep พอควร
และด้วยพลังเสียงเบสนี้เอง ก็สามารถเอาไปเล่นเกมแนว FPS ได้ดีเหมือนกัน ยิ่งถ้าต่อ 2 ตัวได้ ก็สามารถใช้เป็นลำโพงเกมมิ่งได้เลยครับ
สรุป
ถ้าถามหาลำโพงพกพาไร้สายในปัจจุบัน ขอแค่มีงบ 100 – 200 ก็สอยได้แล้ว ต้องยอมรับว่าลำโพงพกพาสมัยนี้ มีราคาจับต้องได้ง่ายมาก ๆ แต่สำหรับตัว Huawei Mini Speaker (CM510) ก็สนนราคาอยู่ที่ 1,090 บาท (หากซื้อคู่จะมีราคาโปรโมชั่นที่ 1,990 บาท) ถือว่าไม่แพง แต่ก็ไม่ถูกมากเช่นกัน ดังนั้นสิ่งที่ต้องดูคือ พลังเสียง ด้านวัสดุและดีไซน์คือสมราคาแล้ว ส่วนด้านพลังงานเสียงก็ทำได้สมราคาเช่นกัน โดยพลังเสียงจาก Huawei Mini Speaker (CM510) ถือว่ากระหึ่มเต็มอารมณ์จริง ๆ ตัวเล็กแต่พลังเสียงเกินตัวมาก ซึ่งขนาดตัวเล็กจิ๋วของลำโพงนี้ ก็เป็นอีกจุดเด่นเช่นกัน และอย่างที่กล่าวมาตั้งแต่ตน หากซื้อ 2 ตัว คุณจะได้พลังเสียง 360 องศา อย่างแท้จริง ใช้ทั้งฟังเพลงและเล่นเกมได้สบาย ๆ เลยครับ