สมาร์ทโฟนแบรนด์ Huawei (หัวเว่ย) ปัจจุบัน ต้องยอมรับว่ามีพัฒนาการทั้งในด้านการออกแบบ คุณสมบัติการใช้งานที่ดีขึ้นอย่างมาก นับเป็นการก้าวเดินในตลาดสมาร์ทโฟนอันกล้าหาญ เพื่อให้ทัดเทียมกับสองแบรนด์มหาอำนาจอย่าง Apple และ Samsung ปัจจุบัน Huawei มีสมาร์ตโฟนที่เป็น Flagship ที่เปิดตัวในไทยไปตั้งแต่ต้นปี 2016 ชื่อว่า “Huawei Mate 8” จะมีความน่าสนใจอะไรบ้าง และราคาเป็นอย่างไร วันนี้ทีผมมีประสบการณ์การใช้งานมาฝากทุกท่านให้ได้รับชมกันครับ
อันดับแรกเริ่มต้นที่สเปก
– หน้าจอ IPS LCD ครอบทับด้วยวัสดุกันรอย Corning Gorilla Glass 4 ขนาด 6 นิ้ว ความละเอียดการแสดงผล Full HD (1920 x 1080 พิกเซล)
– รองรับ 2 ซิมการ์ด ประเภท NANO SIM
– รัน Android 6.0 Marshmallow ใช้อินเทอร์เฟซ Emotion UI 4.0
– ชิปประมวลผล Kirin 950 Quad-core 2.3GHz Cortex-A72 + quad-core 1.8GHz Cortex A53 และหน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-T880 MP4
– แรม 4GB, หน่วยความจำภายใน 64GB รองรับ microSD card ความจุสูงสุด 128GB
– กล้องหลัง 16 ล้านพิกเซล f/2.0, มีระบบกันสั่น OIS, และ phase detection autofocus พร้อมด้วยแฟลชคู่ dual-LED
– กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล f/2.4
– พอร์ตเชื่อมต่อ microUSB 2.0
– สนับสนุนการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, DLNA, WiFi Direct, hotspot, Bluetooth
– แบตเตอรี่ความจุ 4,000mAh แกะฝาหลังกับถอดแบตไม่ได้
ใครที่เห็น Huawei Mate 8 หลายคนคงรู้สึกว่า นี่เป็นสมาร์ทโฟนที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ ด้วยหน้าจอ 6 นิ้ว หากเป็นคนมือเล็กอาจสร้างความลำบากในการหยิบถือ การออกแบบใช้อะลูมิเนียมเป็นส่วนประกอบหลัก ภายใต้แนวคิด Metallic Unibody ส่งเสริมภาพลักษณ์ให้มีความโดดเด่น หรูหรา เสมือนเครื่องประดับชิ้นงาม พร้อมด้วยตัวเครื่องที่มีความบางเพียง 7.9 มิลลิเมตร แต่แฝงไปด้วยความทันสมัยของเทคโนโลยี
รายรอบขอบตัวเครื่อง Mate 8 ส่วนบนจะเป็นช่องต่อหูฟัง พร้อมรูเล็กๆ ที่ทำหน้าที่ตัดเสียงรบกวนรอบข้างขณะสนทนา และใช้บันทึกเสียงด้วย มีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง, ปุ่มพาวเวอร์ อยู่ด้านขวา ช่องสำหรับซิมการ์ดและ microSD card ใช้ช่องเดียวกัน จะอยู่ด้านซ้าย ซึ่งส่วนนี้ใส่ 1 ซิมได้แน่นอนอยู่แล้ว ส่วนอีกตำแหน่งต้องเลือกระหว่างซิมที่ 2 หรือใส่ microSD card ขณะที่ปุ่มย้อนกลับ, ปุ่มโฮม และปุ่ม recent app จะเป็นแบบทัชสกรีน ถัดลงมาล่างสุดจะเป็นพอร์ต microUSB 2.0 คั่นกลางระหว่างลำโพงซ้ายกับขวา
หน้าจอของ Huawei Mate 8 ให้ความละเอียดการแสดงผล 1920×1080 พิกเซล หรือ Full HD ซึ่งด้วยอานิสงส์ของขนาดหน้าจอที่ใหญ่ทำให้การรับชมภาพยนตร์ เล่นเกม ดูซีรีส์ ให้ความอลังการ เต็มตา ไม่ว่าจะมองมาจากด้านซ้ายหรือด้านขวา การแสดงภาพและสีสันยังให้ความชัดเจน น่าประทับใจ
จุดเด่นที่กล่าวถึงเป็นเรื่องแรก ต้องยกให้ Fingerprint หรือเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ภายใต้ปุ่มทรงกลมด้านหลัง เป็นการส่งเสริมให้ผู้ใช้ปรับพฤติกรรมที่อาจจะคุ้นเคยการใส่รหัสด้วยตัวเลขหรือลากจุดต่อจุดก่อนเข้าหน้าจอหลักมาเป็นการสแกนลายนิ้ว ที่บันทึกลายนิ้วมือได้ถึง 5 นิ้ว ซึ่ง Huawei เคลมว่ามีความแม่นยำ รวดเร็ว ยากต่อการคาดเดาจากผู้ที่ไม่หวังดีที่พยายามเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว หรือจากบุคคลอื่นๆ นอกจากนี้ความสามารถหลักของมันแล้ว ปุ่มสแกนลายนิ้วมือยังทำหน้าที่เป็นชัตเตอร์สำหรับถ่ายเซลฟี่ได้ด้วย
โดยจากที่ทดลองใช้พบว่าเมื่อหยิบ Mate 8 ใช้นิ้วที่บันทึกไว้แตะที่สแกนลายนิ้วมือ สามารถปลดล็อคหน้าจอได้อย่างรวดเร็ว ส่วนการเซลฟี่นับว่าให้ความสะดวกมากกว่าการใช้นิ้วเอื้อมมากดปุ่มชัตเตอร์ที่หน้าจอ
เรื่องถัดมาขอนำไปที่ดูกล้องหลังกันครับ ด้วยความละเอียดที่ให้มาถึง 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 พร้อมแฟลชคู่ dual-LED มีระบบกันสั่นขณะถ่ายภาพ หรือ OIS มาให้ด้วย แถมตัวซอฟต์แวร์ยังมีลูกเล่นให้เลือก ตั้งแต่แบบง่ายๆ เพื่อถ่ายภาพปกติสำหรับคนชอบหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาปุ๊บ ถ่ายปั๊บ หรือสำหรับคนชอบปรับแต่งค่าต่างๆ ก่อนถ่ายภาพ ก็จะมีโหมด Pro มาให้เลือกเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกอื่นๆ ให้ใช้งานได้ตามความชอบของแต่ละคนด้วยครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล อัตราส่วน 4 : 3 โหมดปกติ
ภาพถ่ายกลางคืน
เมื่อดูเผินๆ ของทั้ง 3 ภาพ จะเห็นถึงความชัดเจน แต่หากลองสังเกตดีๆ จะพบว่าภาพถ่ายในเวลากลางคืนนี้ยังมีความหยาบของภาพ หรือ Noise อยู่เยอะพอสมควร
ภาพถ่ายในที่ร่ม
จากภาพถ่ายในที่ร่มทั้ง 3 ภาพนี้ ให้โทนสีที่ค่อนข้างนุ่มนวล ไม่ซีดหรือเข้มจนเกินความเป็นจริง
User interface
Huawei Mate 8 รันบน Android 6.0 Marshmallow พร้อมใช้อินเทอร์เฟซ EmotionUI เวอร์ชัน 4.0 ที่พัฒนาโดย Huawei เอง เป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ที่ Huawei ใช้มากับสมาร์ทโฟนของพวกเขาทุกรุ่น ภายหน้าจอล็อคสกรีนจะมีแสดงวอลเปเปอร์มากมายหลายภาพ ปรากฏสลับกันไป แต่ละภาพมีความสวยงาม ลดความจำเจจากภาพนิ่งเดิมๆ ที่อาจทำให้ผู้ใช้หลายๆ คนเกิดอาการเบื่อได้ นอกจากนี้ในหน้าล็อคสกรีนยังมีเมนูลัดเพียงทัชที่หน้าจอด้านล่างขึ้นบน จะมีทั้งแอพฯ กล้อง, ไฟฉาย, เครื่องคิดเลข รวมไปถึงเมนูการตั้งค่าครับ
ในหน้าจอหลักหรือหน้าโฮมจะแสดงแอพฯ ทั้งหมดที่ติดตั้งมาเครื่องเลย กับแอพฯ ที่เราติดตั้งเอง ตัดส่วนที่เรียกว่า app drawer หรือหน้ารวมแอพฯ ทั้งหมดออกไป เป็นแนวทางที่ Huawei ทำมาอย่างต่อเนื่อง ในหน้าจอหลักนี้เองเมื่อแตะที่กลางหน้าจอและทัชลงมาจะปรากฏแอพฯ ที่เราเพิ่งเรียกใช้งาน นอกจากนี้ยังมีแถบค้นหาแอพฯ ในเครื่องได้ตามที่ต้องการด้วย
ในเมนูการตั้้งค่าเราสามารถเปิด–ปิด หรือกำหนดการใช้งานในลักษณะต่างๆ ได้มากมาย ซึ่งจะขอยกตัวอย่างมาบางเมนู เช่น การเปลี่ยนรูปแบบธีมสำหรับคนที่ไม่ชอบอะไรซ้้ำๆ, มีเมนูที่สามารถเปลี่ยนตำแหน่งของปุ่มควบคุม (ปุ่มย้อนหลัง, ปุ่มโฮม, recent app) รวมถึงเพิ่มปุ่มอีกหนึ่งปุ่มได้ นั่นคือ ปุ่มสำหรับเรียกการแจ้งเตือน
อีกหนึ่งเมนูลัดเรียกว่า “ปุ่มแผงไอคอนลัด” หรือเรียกกันภาษาชาวบ้านว่า “ปุ่มลอย” ที่จะปรากฏเป็นไอคอนกลมๆ แทรกอยู่บนหน้าจอ เพื่อการเข้าถึงเมนูบางอย่าง เช่น การกลับสู่หน้าจอหลัก, ใช้ล็อคหน้าจอ, กลับไปยังหน้าจอก่อนหน้า และเรียกใช้แอพฯ กล้อง เป็นวิธีลัดที่มีความคล้ายคลึงกับ iPhone แต่ตัวเลือกยังค่อนข้างจำกัด
ฟีเจอร์ที่เกี่ยวกับการควบคุบด้วยการเคลื่อนไหว ประกอบไปด้วย การพลิกตัวเครื่องเพื่อปิดเสียง, การยกโทรศัพท์ขึ้น เพื่อลดระดับเสียงเรียกเข้าหรือเสียงเตือน, ยกโทรศัพท์แนบหูสำหรับรับสายหรือโทรออก รวมถึงใช้ควบคุมลำโพง/หูฟัง, ใช้การเอียงโทรศัพท์เพื่อย้ายไอคอนและวิตเจ็ต นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ใช้ข้อนิ้ววาดตัวอักษรภาษาอังกฤษบนหน้าจอหลักเพื่อเรียกใช้งานแอพฯ ที่สอดคล้องกัน เช่น วาดตัว C เพื่อเรียกแอพฯ กล้อง ฯ , ใช้ข้อนิ้วเคาะที่หน้าจอสองครั้งเพื่อแคปเจอร์หน้าจอ หรือใช้ข้อนิ้ววาดเป็นวงกลมเพื่อแคปเจอร์ภาพในส่วนที่ต้องการ
ผลคะแนนการทดสอบ Benchmark
ทดสอบด้วย AnTuTu Benchmark v6.0.1
ทดสอบด้วย Geekbench 3
ทดสอบด้วย PC Mark
ทดสอบด้วย 3D Mark
สรุปการใช้งาน
Huawei Mate 8 เป็นสมาร์ทโฟนขนาด 6 นิ้ว ที่โดดเด่นมากที่สุดในบรรดาสมาร์ทโฟนหลายๆ แบรนด์ที่มีขนาด 5.5 นิ้วขึ้นไปในเวลานี้ ด้วยรูปลักษณ์ที่มีความพรีเมียม เป็นการแสดงออกถึงคุณภาพการออกแบบที่น่าประทับใจ จอแสดงผลให้ความคมชัดสูง สามารถปรับความสว่างให้สู้กับการใช้งานในแสงแดดจ้าได้เป็นอย่างดี แต่ก็ไม่แนะนำให้ใช้ในช่วงแดดจ้านะครับ เพราะอาจส่งผลเสียต่อสายตาได้ เรื่องสำคัญต่อการใช้งานอย่างแบตเตอรี่ที่ให้มาถึง 4,000 mAh การท่องเว็บ เปิด Facebook ตอบ LINE ดูวีดีโอ YouTube บ้าง เล่นเกมนิดหน่อย 20-30 นาที ใน 1 วันแบตเตอรี่ยังสามารถอยู่ได้สบายๆ ขณะที่การเชื่อมต่อสัญญาณ 4G LTE ยังรองรับการใช้งานได้ทั่วโลกอีกด้วยครับ
อีกหนึ่งข้อดีเป็นส่วนสแกนลายนิ้วมือ ที่มีการตรวจจับลายนิ้วมือที่บันทึกไว้ได้อย่างรวดเร็ว สามารถสแกนได้จากหลายมุมในแบบ 360 องศา เลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ยังเป็นปุ่มชัตเตอร์เพื่อเซลฟี่ได้ เรียกได้ว่าปุ่มทรงกลมด้านหลังมีตัวเลือกที่มากกว่าแค่สแกนลายนิ้วมือ
ในแง่ของการใส่ซิมการ์ดอาจเป็นจุดด้อยสำหรับ Huawei Mate 8 ซึ่งจากสเปกบอกเราว่ารองรับ NANO SIM ได้ 2 ซิมก็จริง แต่หากจะใส่ microSD card เพิ่ม จะใช้ได้แค่ซิมเดียว แปลว่าผู้ใช้จะต้องเลือกแบบใดแบบหนึ่งเท่าใด จะเลือก 2 ซิม หรือจะเลือกใส่ microSD card ขณะที่เรื่องกล้องหลังให้สีที่นุ่มนวล ไม่ซีดหรือเข้มจนเกินจริง แต่ในรายละเอียดของภาพที่ออกมายังสังเกตพบ Noise เยอะเกินไป
เรื่องสำคัญอย่างราคา ณ วันที่ 1 เมษายน 2559 อยู่ที่ 23,990 บาท ด้วยราคานี้อาจทำให้ผู้อ่านรีวิว Huawei Mate 8 ต้องชะงักกันไปตามๆ กัน ซึ่งเชื่อว่าดูแพงในสายตาคนทั่วไปที่ไม่คุ้นเคยกับแบรนด์ Huawei หากคิดจะเปลี่ยนสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ที่เป็นไฮเอนด์ ก็ลองพิจารณาให้ถี่ถ้วนกันนะครับ
good