หลาย ๆ แบรนด์สินค้าไอทีช่วงนี้ เหมือนจะเน้นผลิตอุปกรณ์ในด้านธุรกิจหรือองค์กรกันพอควร อย่าง HP ที่หลัง ๆ มานี้ ได้เปิดตัวโน๊ตบุ๊คตระกูล Elite ที่เด่นในด้านนี้เอง และแล้ว ก็ได้ลามยังสมารทโฟนด้วย โดย HP ได้เปิดตัว HP Elite X3 สมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยม ตอบโจทย์ชีวิตทำงานในสามบทบาท
HP Elite X3 ถูกเรียกว่าเป็น สมาร์ทโฟน 3-In-1 ระดับพรีเมี่ยม ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานในระดับองค์กรหรือคนทำงานโดยเฉพาะ ตัว Elite X3 ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 Mobile เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก และใช้ขุมพลังจากชิป Snapdragon 820 ที่เป็นซีพียูระดับ Top สุดในปี 2016 และสเปกอื่น ๆ โดยรวมที่จัดว่าสูงทีเดียว ส่วนความสามารถที่ว่า ตอบโจทย์ชีวิตทำงานในสองบทบาทได้นั้นคือ การแปลงตัวเองให้แสดงผลในรูปแบบ PC ใช้งานได้เหมือน PC นับเป็นฟีเจอร์ชูโรงของเจ้า Elite X3 กันเลย จะทำได้ขนาดไหนนั้น มาติดตามกันครับ
สเปก HP Elite X3 (รายละเอียด)
Display : หน้าจอ AMOLED ขนาด 5.96 นิ้ว ความละเอียด WQHD (2560 x 1440) 494 PPI เคลือบจอด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 4
CPU : Qualcomm Snapdragon 820 (2.15 GHz, 4 cores)
GPU : Adreno 530
RAM : 4GB LPDDR4
ROM : 64GB (รองรับ Micro SD สูงสุด 2TB)
Main Camera : 16 ล้านพิกเซล , 6P Japanese Lens f/2.2 , PDAF ถ่ายวิดีโอ 4K/30fps และ 1080p/30fps
Front Camera : 8 ล้านพิกเซล , 5P Japanese Lens f/2.2 , PDAF ถ่ายวิดีโอ 1080p/30fps
Battery : Li-ion 4150 mAh
ขนาดตัวเครื่อง : 83.5 x 161.8 x 7.8 mm
น้ำหนัก : 194 g
มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น : IP67
มาตรฐานความทนทาน : MIL-STD 810G 2
ระบบปฏิบัติการ : Windows 10 Mobile
สีให้เลือก : Black
แกะกล่อง
กล่องใหญ่มว๊ากกก จนตอนแรกนึกว่าเป็นกล่องใส่โน๊ตบุ๊คเลยครับ
ในกล่องก็มีชุดอุปกรณ์เสริมแถมมาไม่น้อย โดยนอกจากตัว Elite X3 แล้วก็มี Desk Dock x 1 , เคส Desk Dock x 4 , ชุด Adapter x 2 (แยกใช้ระหว่างตัวสมาร์ทโฟน และ แท่น Desk Dock) , เคสซีลีโคนตัวสมาร์ทโฟน x 1 , หัวแปลง USB Type C to HDMI x 1 , สาย USB Type C x 2 และชุดคู่มือ
ดีไซน์และวัสดุ
วัสดุตัวเครื่อง จะใช้พลาสติกซะส่วนใหญ่ แต่ก็ได้มาตรฐานความทนทานระดับทางการทหาร MIL-STD 810G จากอเมริกากันเลย (อยากเทส Drop แต่ไม่ดีกว่า….) ตัวเครื่องเป็นสีดำเกือบทั้งตัว ตัดกับสีเงินของโครเมี่ยมที่ชุบเฉพาะขอบด้านล่างทำให้ตัวเครื่องดูหรูหราพอตัว ส่วนดีไซน์ก็ได้ทำมุมทั้งหมดให้มีความโค้งมน ทำให้ถือได้สะดวกขึ้น แม้ตัวเครื่องจะมีขนาดใหญก็ตาม
ด้านหลังเป็นพลาสติก มีโลโก้ HP แบบใหม่สลักไว้ชัดเจน
หน้าจอ
หน้าจอเป็น AMOLED ขนาด 5.96 นิ้ว (หรือ 6 นิ้ว) ความละเอียด 2560 x 1440 ทำให้จอมีความคมชัดเอาเรื่องทีเดียว และยังมีกระจก Gorilla Glass 4 เคลือบหน้าจอไว้ด้วย ช่วยเพิ่มความแข็งแรงทนทานและลดการสะท้อนแสงได้ดี
ฮาร์ดแวร์ (และอุปกรณ์เสริม)
กล้องขนาด 16 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลซ LED อยู่ใกล้กับที่สแกนลายนิ้วมือด้านล่าง
ลำโพง Bang & Olufsen ที่อยู่ขอบล่างตัวเครื่อง
ด้านหลังมีหน้าสัมผัสทองแดง คาดว่าเอาไว้รองรับอุปกรณ์ตัวอื่น ๆ ในอนาคต
ในกล่อง Elite X3 จะมีเคสซีลีโคนสีดำแถมมาให้ด้วย พอใส่แล้วก็ช่วยให้ถือตัวเครื่องได้แน่นมือขึ้น ทำให้เครื่องดูดีขึ้น และยังช่วยกันกระแทกได้ดีด้วย
ด้านหน้าเครื่อง นอกจากมีกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซลแล้ว ก็ยังมีเซ็นเซอร์สแกนม่านตาแบบ IRIS Scan ด้วย
Elite X3 จะมาพร้อมกับ Desk Dock อุปกรณ์เสริมที่เป็นทั้งแท่นชาร์จและแท่นเชื่อมต่อเพื่อแสดงผลบนจอ PC (เรียกว่าแท่นสารพัดประโยชน์ก็ได้)
ด้านหลังของ Desk Dock ก็มี Port เชื่อมต่อมากมายอาทิ AC ไฟเลี้ยง x 1 , LAN Gigibit x 1 , Display Port x 1 , USB 3.0 x 2 และ USB Type-C x 1
ตัว Desk Dock จะมีเคสแถมมาอีก 4 ตัว แต่ล่ะตัวก็จะแตกต่างตรงที่ช่องเสียบ คือหาก Elite X3 ใส่เคสซีลีโคนอยู่ มันจะมีขนาดใหญ่ขึ้น จนเคส Desk Dock ปกติใส่ไม่ได้ ก็ต้องเอาเคสอีกตัวที่มีช่องกว้างพอ มาใส่แทนนั้นเอง
อุปกรณ์เสริมที่น่าสนใจอีกตัวคือ Lap Dock เป็นแป้นพิมพ์เปล่าพร้อมหน้าจอ (หน้าตาคล้ายโน๊ตบุ๊ตแต่ไม่มีชิปประมวลผล) เราสามารถเอา Elite X3 มาเชื่อมต่อแบบไร้สายได้ ซึ่งก็จะทำให้พิมพ์งานได้เหมือนโน๊ตบุ๊คจริง ๆ แต่อนิจจา ต้องซื้อแยก…
ซอฟต์แวร์
ในรีวิวนี้ ผมไม่ค่อยได้เล่นส่วนซอฟต์แวร์เท่าไรนัก หลัก ๆ ผมเน้นใช้งานส่วนอื่น ๆ มากกว่า แต่ถ้าถามว่าเป็นไง ก็ต้องบอกว่า ตามสไตล์ระบบปฏิบัติการ Windows 10 Mobile หน้าตาสวยงามและใช้งานลื่นไหล
ตัว Elite X3 ก็มีซอฟต์แวร์ใช้งานเฉพาะมาให้มากมาย อย่าง HP Value Add Software , HP Workspace HP , All-in-One Remote 2, HP Device Hub 12C และ calcultor 2 และฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยอีกเพียบ อาทิ FIPS 140-2 cryptography , Anti roll back , fTPM 2.0 security , 128 key Bitlocker encryption และ Enterprise grade VPN
การใช้งาน
มาถึงส่วนใช้งานตัวชูโรงอย่าง 3-In-1 คือนอกจากใช้งานเป็นสมาร์ทโฟนแล้ว มันยังแปลงร่างเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ด้วยอุปกรณ์เสริมที่แถมมาอย่าง Desk Dock แท่นสารพัดประโยชน์ที่ช่วยส่งภาพในตัวสมาร์ทโฟน ไปแสดงผลยังหน้าจอคอมพ์ผ่าน HDMI หรือ Display Port
ทั้งนี้ในตัว Elite X3 ก็มีแอพฯ HP Display Tools ตัวช่วยจัดการการแสดงผลในหน้าจอคอมพ์ ที่สามารถปรับแต่งได้อย่างละเอียด และใช้งานง่ายด้วย
หรือหากเราไม่อยากใช้แท่น Desk Dock ตัว Elite X3 ก็สามารถเชื่อมต่อหน้าจอคอมพ์โดยตรงได้ โดยผ่านหัวแปลง USB Type-C เป็น HDMI ที่แถมมาในกล่อง
และเมื่อเราเชื่อมต่อโดยไม่ผ่าน Desk Dock ตัวสมารทโฟนก็จะแปลงเป็น Touch Pad ขนาดย่อม ไว้ใช้งานแทนเมาส์
มาว่ากันที่การใช้งานกันต่อ ต้องบอกก่อนว่า ตัว Elite X3 ใช้ Windows 10 ก็จริง แต่เป็นเวอร์ชั่น Mobile ฉะนั้น แม้จะต่อจอออก PC ได้ ก็ยังคงเป็น Windows 10 Mobile ที่ไม่สามารถลงโปรแกรม .exe ได้เหมือนคอมพ์จริง ๆ ใช้ได้เฉพาะ App ของ Windows 10 เท่านั้น สรุปคือ เหมือนเอา Windows 10 Mobile มาขยายใหญ่ ให้ใช้งานได้เหมือนคอมพ์นั้นเอง
แม้จะใช้งานแบบ Full PC จริง ๆ ไม่ได้ แต่ในตัว Elite X3 ก็มีฟีเจอร์ HP workspace ที่รวบรวมแอพฯ พิเศษสำหรับการทำงานบนหน้าจอคอมพ์โดยเฉพาะ ให้มาอยู่ในหน้าเดียวเลย และยังมีแอพฯ Office Mobile กับ Microsoft Edge ที่ขยายใหญ่จนใช้งานได้เหมือนใช้งานบนคอมพิวเตอร์จริง ๆ
กล้อง
สำหรับกล้องหลังของ Elite X3 ก็มาพร้อมความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ส่วนการถ่ายภาพ โดยรวม ๆ คือพอใช้ มีลูกเล่นให้พอประมาณ แต่น่าติตรงที่ใช้เวลาโฟกัสนานไปหน่อย ทำให้ถ่ายช๊อตที่มีการเคลื่อนไหวตลอด (เช่นแมวในรูป) ได้ลำบากอยู่ แต่ก็ขอชมเรื่อง White Balance ที่จัดการได้ดีทีเดียว ภาพออกมาไม่มืดหรือสว่างเกินไป
ตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง HP Elite X3
สรุป
HP Elite X3 ยังคงพูดได้เต็มปากว่า มันคือสมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยมจริง ๆ ด้วยตัวเครื่องที่แข็งแรงทนทานเกินคาด แม้จะใช้วัสดุเป็นพลาสติกซะส่วนใหญ่ก็ตาม งานประกอบดีเยี่ยม ส่วนซอฟต์แวร์ก็ตามสไตล์ Windows 10 Mobile แต่ด้วยการเพิ่มซอฟต์แวร์ของทาง HP เข้ามาพอควร ก็ช่วยอำนวยการใช้งานได้ดี เช่น แอพฯ HP WorkSpace ที่ช่วยให้ใช้งานตอนเชื่อมต่อกับจอคอมหรือ Lap Dock ได้สะดวก แต่หลังการใช้งานพักใหญ่ ก็ต้องบอกว่า มันตอบโจทย์คนทำงานได้ดี แต่ดีในระดับหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากตัว HP Elite X3 แม้จะแสดงผลได้เหมือนคอมพ์ก็จริง แต่ยังใช้งานได้ไม่เหมือนคอมพ์ที่ใช้ Windows จริง ๆ ซะทีเดียว เนื่องจากยังคงเป็น Windows Mobile นั้นเอง ทว่าก็ทดแทนด้วยระบบป้องกันภัยที่มีมากมาย สเปคระดับเรือธง และการใช้งานแบบ 3-in-1 ที่พอช่วยชีวิตคนทำงานให้คล่องตัวได้มากพอแล้ว ส่วนราคาก็จัดไปที่ 29,990 บาทครับ
ข้อดี
- ตัวเครื่องมีความทนทานสูง
- ดีไซน์หรูหรา สวยงามตามสไตล์อุปกรณ์ระดับองค์กร
- หน้าจอใหญ่และมีความละเอียดสูง
- UI ลื่นไหลเสถียร
- มีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยเพียบ
- ซอฟต์แวร์จาก HP ที่แถมมา ใช้งานได้ดี
- เอากล่องไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้…..
ข้อสังเกต
- Windows 10 Mobile ยังคงมีขีดจำจัด
- กล้องยังไม่ว้าวเท่าไรนัก
- แพงไปนิด