Fitbit Alta HR สายรัดข้อมือฟิตเนสหรือ Fitness tracker ที่พัฒนาต่อจาก Fitbit Alta รุ่นก่อน โดยตัวนี้ ได้พัฒนาเซ็นเซอร์ ตรวจจับการนอนโดยเฉพาะ ด้วยฟังก์ชั่นใหม่อย่าง Sleep Stages และ Sleep Insights ระบบติดตามการนอนอัตโนมัติ ตั้งแต่เริ่มหลับจนถึงหลับลึก สามารถบันทึกข้อมูลการหลับได้ลึกขึ้น
นอกจากการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพแล้ว อีกกิจกรรมหนึ่งที่ต้องใส่ใจไม่แพ้กันคือ “การนอนหลับ” ปัจจุบันมีหลาย ๆ คนละเลยไปพอควร ทั้งนอนไม่พอบ้าง หลับไม่เต็มอิ่มเอย หรือไม่นอนเลย (ผมเอง…) การกระทำเหล่านี้ก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพไม่น้อยทีเดียว ดังนั้นจึงเป็นบทบาทของ Fitbit Alta HR สายรัดข้อมือฟิตเนสหรือ Fitness tracker (ผมเรียกมันว่า “เครื่องสร้างแรงบันดาลใจ”) ที่ออกแบบมาเพื่อการนอนโดยเฉพาะ !!
ถ้ามี Fitness tracker ภาคการออกกำลังกายแล้ว Fitbit Alta HR ก็นับเป็น Fitness tracker ภาคการนอนหลับนั้นเอง สำหรับตัวนี้ถูกพัฒนาจาก Fitbit Alta รุ่นก่อนหน้า ที่แต่เดิมก็มีจุดเด่นเรื่องบางเบาแล้ว ในรอบนี้ก็พัฒนาให้มันมีเซ็นเซอร์แม่นยำกว่าเดิม ด้วยการเอา PurePulse® Heart Rate จากรุ่น Charge 2 เข้ามาช่วยเสริม ทำให้เหมาะใส่ออกกำลังมากขึ้น และยังเพิ่มฟีเจอร์ Sleep Stages และ Sleep Insights ตรวจจับการนอนระดับลึกพร้อมคำแนะนำด้วย ฉะนั้นในรีวิวครั้งนี้ ผมจะขอเน้นฟีเจอร์ตรวจจับการนอนหลับเป็นพิเศษหน่อย เพราะส่วนตัวเป็นคนหลับน้อยมาแต่ไหนแต่ไร จึงอยากจะขอดูซิว่า เจ้า Fitbit Alta HR ตัวนี้ จะช่วยผมได้มากขนาดไหนกันครับ
สเปก Fitbit Alta HR
- เซ็นเซอร์ : Total Steps นับจำนวนก้าว, Trip Distance คำนวนระยะทางที่เดิน/วิ่ง, Calories Burned คำนวนการเผาผลาญแคลอรี่, PurePulse Heart Rate ตรวจจับการเต้นของหัวใจ 24 ชั่วโมง, Sleep Stages ตรวจจับการนอนหลับอัตโนมัติ
- ฟีเจอร์อื่น ๆ : Sleep Insights แนะนำการนอนหลับ, Reminders to Move แจ้งเตือนให้เคลื่อนไหว (หรือไล่ให้ไปออกกำลังกายนั้นแล), SmartTrack ติดตามการออกกำลังกาย, Notification แจ้งเตือนข้อความ ปฏิทิน สายเรียกเข้า จากสมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่อ, ตั้งเวลาปลุก และ Clock นาฬิกาดิจิตอล
- หน้าจอ : OLED ขาวดำ พร้อมระบบ Tap display เคาะเพื่อเปลี่ยนหน้าจอ
- วัสดุตัวเครื่อง : Stainless Steel
- แบตเตอรี่ : Lithium-polymer ใช้งานได้ 7 วัน (ใช้เวลาชาร์จ 2 ชั่วโมง)
- การเชื่อมต่อ : Bluetooth
- ระบบ OS ที่รองรับ : Android, iOS
อื่น ๆ
- มี 3 Size ให้เลือก แบ่งเป็น S, L และ XL
- มี Water resistant ระบบป้องกันละลองน้ำ หรือกันน้ำได้ระดับหนึ่ง
- มี Vibration motor ระบบสั่นในตัว (อย่าใช้ผิดวัตถุประสงค์นะฮะ…)
- บันทึกผลกิจกรรมในตัวเรือนได้นาน 30 วัน
- ตัวเครื่องมี 6 สีให้เลือก และเปลี่ยนตัวสายได้หลายแบบ
แกะกล่อง
ตัวกล่องยังแบนตามสไตล์ Fitbit Alta ภายในก็ประกอบไปด้วย ตัวเครื่อง, สายชาร์จ และคู่มือ เช่นเคย
วัสดุและดีไซน์
ตัวเครื่องยังมีความบางเบาและสวยงามเหมือนรุ่น Alta แทบทุกประการ งานประกอบก็คุณภาพตามสไตล์ Fitbit และวัสดุที่ใช้กับตัวเครื่องก็เป็น Stainless Steel แข็งแรงทนทาน ตัวสายก็เป็นยางคุณภาพ ใส่แล้วไม่รู้สึกคัน
ตัว Alra HR ได้เปลี่ยนมาใช้สายรัดข้อมือแบบเดียวกับรุ่น Charge 2 ทำให้มีตัวล็อค มั่นใจว่าไม่หลุดง่าย ๆ แน่นอน ต่างจากรุ่นก่อนหน้า ที่เป็นแบบติดกระดุม แม้ถอดง่ายใส่ง่ายจริง แต่ก็หลุดง่ายเช่นกัน
ตัวเซ็นเซอร์ก็มี PurePulse Heart Rate ที่เอามาจากรุ่น Charge 2 ช่วยตรวจจับการเต้นของหัวใจได้ 24 ชั่วโมง ทำให้เหมาะใส่ออกกำลังกายมากขึ้น และยังวัดค่า Sleep Stages หรือตรวจจับการนอนหลับได้อัตโนมัติอีกด้วย
ตัวเครื่องสามารถถอดเปลี่ยนสายได้สะดวก
เมื่อลองสวมใส่ (รุ่นที่ผมรีวิวเป็น Size S นะเออ เลยต้องใส่แทบสุดสาย…) ก็ให้ความรู้สึกเหมือนใส่ Wishband แทบไม่รู้สึกหนักหรือรำคาญเวลาสวมใส่เลย เหมาะใส่ตอนนอนได้ดีมาก ๆ
ประสิทธิภาพและการใช้งาน
Fitbit Alta HR มาพร้อมจอ OLED ขาวดำแบบรุ่นเก่า สามารถเปลี่ยนหน้าจอได้ด้วยการเคาะเบา ๆ ที่ตัวเครื่อง หรือที่เรียกว่า Tap display (เอาตรง ๆ นะ บางครั้งต้องใช้แรงนิด ๆ เหมือนกัน ถึงจะเปลี่ยนหน้าจอได้…) ส่วนหน้าแสดงผลก็ได้เพิ่มเข้ามาบางส่วน อาทิ หน้าปัดนาฬิกา (เปลี่ยนรูปแบบภายหลังได้), นับจำนวนก้าว, หน้าบอกระยะทางที่เดิน, หน้าบอกชีพจร (มีหน้าบอกชีพจรขณะพักผ่อนหรือกำลังหลับด้วยนะ), แคลอรี่ที่เผาผลาญ และเวลาในการออกกำลังกายอัตโนมัติ (จริง ๆ มีหน้าบอกสถานะแบตฯ ด้วย แต่เริ่มต้นมันไม่มี ต้องไปตั้งเอาเอง)
ในการเชื่อมต่อครั้งแรก ก็เหมือน Fitness tracker ของ Fitbit ทุก ๆ รุ่น ชาร์จเครื่องก่อนอันดับแรก จากนั้นก็เอาสมาร์ทโฟนมาต่อเน็ตเปิดบลูทูธ พร้อมโหลดแอพฯ Fitbit กับสมัคร ID ให้เรียบร้อย เสร็จแล้วก็ทำการ Pair ตัวเครื่อง เลือกแขนซ้าย/ขวา ที่สวมใส่ และเลือกรูปแบบหน้าจอนาฬิกาเป็นอันเสร็จ ทั้งหมดใช้เวลาไม่นานนัก
เมื่อเข้าหน้าแอพฯ Fitbit แล้ว หากก่อนหน้านี้เราได้สวมใส่ตัว Fitbit Alta HR มาระยะหนึ่ง มันก็จะขึ้นค่าสถิติต่าง ๆ ในหน้าแอพฯ ทันที
สำหรับตัวแอพฯ คงไม่เจาะอะไรมาก เอาเป็นว่า Fitbit Alta HR สามารถใช้เก็บข้อมูลการออกกำลังกายได้ระดับหนึ่ง อาจไม่เจาะจงการแยกกิจกรรมออกกำลังกายอย่าง วิ่ง เดินเขา เล่นฟิตเนส และปั่นจักรยาน เหมือนรุ่น Charge 2 หรือ Blaze ที่เป็นรุ่นเฉพาะด้านมากกว่า
ส่วนที่เป็นพระเอกของ Fitbit Alta HR จริง ๆ คือ ฟีเจอร์ตรวจจับการนอนหลับ ที่อาศัยเซ็นเซอร์ PurePulse Heart Rate วัดจังหวะการเต้นของหัวใจ ว่าเข้าสู่ช่วงนอนหลับหรือยัง อย่างคืนแรก ลองนอนไปสามชั่วโมง ตัวเครื่องก็จะตรวจสอบข้อมูลโดยอัตโนมัติและเก็บบันทึกไว้ทันที มารู้ผลตอนเปิดสมาร์ทโฟน ก็จะเห็นตัวเลขเวลานอนชัดเจน และระยะของการนอนหลับอย่างละเอียดเลยด้วย แต่แค่นี้คงยังไม่เห็นอะไรมาก เพราตัวเครื่องมันแนะนำ (เป็น default) ว่า “ต้องนอนอย่างน้อย 7 ชั่วโมงนะ” โอเคครับ จัดไป !!
ผมทำได้ !!!! (ชูมือกำหมัด) เมื่อเราสามารถนอนเกิน 7 ชั่วโมง มันจะขึ้นไอคอนแสดงความยินดีพร้อมมาร์กดาวไว้เสร็จสรรพ ทีนี้ก็มาดูรายละเอียดการนอนหลับแบบชัด ๆ กันครับ
การวัดถือว่าแม่นพอควร อย่างในระยะเวลา 7 ชั่วโมงที่ผมนอน มันจะแบ่งเป็นช่วง Awake, Rem, Light และ Deep ให้เห็นชัด ๆ จากในกราฟ ผมมีสะดุ้งตื่นไป 5 รอบ มันก็นับ 5 รอบจริง ๆ (ครั้งแรกที่นอนไวก็เงี่ย) และที่น่าแปลกใจคือ ผมเข้าสู่ช่วงหลับสนิทหรือ Deep ตั้งแต่ช่วงแรกเลย จากนั้นก็ Light ยาว ๆ โดยกินเวลาเกือบ 5 ชั่วโมง ถ้าอยากรู้ว่าแบบนี้ดีไหม ก็จิ้มที่กราฟ มันจะให้คำแนะนำแต่ละช่วงระยะของการนอนชัดเจน ทั้งหมดนี้ก็ช่วยเพิ่มแรงกระตุ้นให้อยากนอนมากขึ้นไม่น้อยครับ อยากเห็นกราฟสวย ๆ แบบนี้ ก็ต้องขยันนอนกันหน่อย
สรุป
สำหรับตัว Fitbit Alta HR ที่รีวิวนี้ หากให้พูดแล้ว มันก็เหมือนเอา Alta กับ Charge 2 มาร่วมร่างกัน จนออกมาเป็น Fitness Tracker ที่มีเซ็นเซอร์ครบครันในตัวเครื่องเพรียวบาง ซึ่งก็ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ไม่ต้องการใส่ Fitness Tracker ตัวใหญ่ ๆ แต่อยากได้คุณสมบัติ Heart Rate หรือวัดการเต้นของหัวใจอยู่นั้นเอง ตัวนี้ก็ทำหน้าที่นี้ได้ดี แต่อาจไม่สุดเหมือนพวกรุ่นเฉพาะ ทว่าหากรวมฟีเจอร์ตรวจจับการนอนหลับด้วยนั้น Alta HR ถือเป็นโปรในด้านนี้เลยครับ ตัวเครื่องตรวจวัดได้แม่นยำมาก สามารถบอกรายละเอียดช่วงระยะการนอนหลับได้เป๊ะ ๆ ทั้งยังให้คำแนะนำที่ดีด้วย อารมณ์เหมือนมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการนอน มานั่งตรวจอยู่ข้าง ๆ ยังไงยังงั้น (เวอร์ไปเปล่าหว่า) สรุปคือ ใช้ออกกำลังได้พอหอมปากหอมคอ แต่เหมาะเอาไว้เป็นเครื่องกระตุ้นการนอนของคนหลับน้อยมากกว่า
ปล. หากมีโอกาส จะลองเอารุ่น Charge 2 กับ Blaze มาวัดการนอนแข่งกับ Alta HR ดูในภายหลังนะครับ
ส่วนราคาของ Fitbit Alta HR อยู่ที่ 7,990 บาท
ข้อดี
- ดีไซต์สวย บางเบา ใส่แล้วไม่รำคาญ (โดยเฉพาะตอนนอน)
- ตัวเครื่องแข็งแรงทนทาน
- สายรัดแน่นหนา ไม่หลุดง่ายเหมือนรุ่นก่อน
- ประสิทธิภาพโดยรวมกำลังดี
- ประสิทธิภาพวัดการนอนคือดีงาม
ข้อสังเกต
- หน้าจอไม่ค่อยสู้แสงแดดเท่าไรนัก
- ราคาสูงไปนิด