เดี๋ยวนี้อะไร ๆ ก็เป็นข้อมูลดิจิตอลไปหมด โดยเฉพาะ ‘รูปภาพ’ ที่ปัจจุบันกลายเป็นไฟล์ JPG หรือ PNG แสดงผลผ่านจอแสดงผลแทน แต่เชื่อว่าบางคน อยากได้รูปภาพที่สัมผัสได้กับจับต้องได้มากกว่า เพื่อที่จะเก็บเป็นของขวัญให้คนอื่นได้ หรือเก็บเป็นสมบัติของตัวเองก็ได้ วันนี้มารู้จักกับ Canon Mini Photo Printer เครื่องพิมพ์พกพาตัวจิ๋ว ที่จะมาช่วยสร้างสีสันของการบันทึกภาพกัน
สเปก Canon Mini Photo Printer
Print Technology : ZINK
Support Media Type : ZINK Photo Paper
Maximum Printing Resolution : 314 x 400 dpi
Print Speed : 50sec
Borderless Printing : Yes
Maximum Paper Size : 2×3″ (50 x 76mm)
Connectivity : Bluetooth 4.0
Battery : 500mAh
Dimension : 118.31 x 82.36 x 18.7mm
Weight : 160g
แกะกล่อง
เครื่องพิมพ์ Canon Mini Photo Printer x 1 , ชุดคู่มือ x 1 , กระดาษ ZINK x 10 แผ่น และสาย Micro USB to USB-A x 1
วัสดุและดีไซน์
ดีไซน์ตัวเครื่อง Canon Mini Photo Printer มาเป็นกล่องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ แทบไม่น่าเชื่อว่านี่คือเครื่องพิมพ์ตัวหนึ่งเลย รูปลักษณ์โดยรวมออกเรียบง่าย โดยใช้พลาสติกสีขาวตัดสีเทาเป็นวัสดุหลัก แต่สำหรับใครที่ไม่ชอบอะไรเรียบ ๆ ตัวเครื่องก็มาพร้อม 3 สีเลือก อาทิ สีทอง Rose Gold สีเทา Slate Gray และสีเขียว Mint Green
ตัวอย่างตัว Canon Mini Photo Printer ทั้ง 3 สี
น้ำหนักตัวเครื่องอยู่แค่ 160 กรัมเท่านั้น ขนาดก็ประมาณฝามือ หรือพอ ๆ กับ External Harddisk เท่านั้น สามารถพกพาไปใช้งานข้างนอกได้สะดวก
ตัวเครื่องมีแค่ปุ่ม Power กับปุ่ม Reset เท่านั้น (เนื่องจากการควบคุมส่วนใหญ่ไปอยู่ที่แอพฯ หมด) นอกนั้นก็มีช่องเสียบ Micro USB สำหรับชาร์จไฟ พร้อมไฟ LED แสดงสถานะ 2 จุด และตัวยึดสายคล้อง
ส่วนการชาร์จไฟ สามารถชาร์จผ่าน Power Bank โดยใช้เวลาชาร์จประมาณ 90 นาที ต่อการพิมพ์ภาพ 20 รูป
การใช้งาน
ก่อนใช้งานตัว Canon Mini Photo Printer อันดับแรกให้ติดตั้งแอพฯ Canon Mini Print (ใช้ได้ทั้ง iOS และ Android) ก่อน จากนั้นก็นำกระดาษ ‘ZINK’ มาใส่ตัวเครื่อง
สำหรับกระดาษ ZINK หรือ Zink Paper ก็คือกระดาษ ‘ที่มีหมึกในตัว’ นั้นเอง ภายในกระดาษก็ประกอบไปด้วยผลึกแม่สี 3 สี อาทิ สีแดง สีเหลือง และ สีน้ำเงิน วางซ้อนกันเป็น layers อัดอยู่ในกระดาษขนาด 2×3 นิ้วแผ่นเดียว ปิดหน้าปิดหลังด้วยแผ่นฟิลม์ใสและกระดาษรองพื้น สำหรับตัว Canon Mini Photo Printer จะมีแถมมาให้ 10 แผ่น
ส่วนภายในตัวเครื่อง Canon Mini Photo Printer ก็จะมีเทคโนโลยีพิมพ์ไร้หมึกหรือ Zero-ink ใช้การยิงความร้อนไปที่กระดาษ ZINK ตั้งแต่ 100, 150 และ 200 องศา เพื่อทำให้เกิดเป็นสีต่าง ๆ ตามที่ต้องการนั้นเอง
ส่วนวิธีใส่กระดาษ ก็ให้เราดันฝาปิดตัวเครื่องหนึ่งครั้งเพื่อดึงฝาปิดออก (ตรงลูกศรหรือดูคู่มือประกอบก็ได้) จากนั้นก็นำตัวกระดาษมาวางใส่ตรงช่องวาง โดยเอาด้านที่มีกระดาษสีฟ้าปิดอยู่ลง เสร็จแล้วก็ดึงกระดาษสีฟ้าออก แล้วปิดฝาเป็นอันเสร็จ
หลังติดตั้งแอพฯ Canon Mini Print และใส่กระดาษเสร็จแล้ว ให้กดปุ่ม Power เปิดตัวเครื่อง จากนั้นก็เปิด Bluetooth ขึ้นในสมาร์ทโฟนของเรา สแกนหาชื่อ ‘Canon Mini Print’ ตามภาพ หากเจอแล้ว ก็กดเชื่อมต่อ แล้วเปิดตัวแอพฯ Canon Mini Print ต่อเลย
ภายในแอพฯ Canon Mini Print นอกจากสั่งพิมพ์ภาพได้แล้ว ยังสามารถตกแต่งภาพก่อนพิมพ์ได้หลายแบบมาก และสามารถสั่งพิมพ์จากบัญชีโซเชียลมีเดียอื่น ๆ นอกจากไฟล์ภาพในเครื่องก็ได้
หลังสั่งพิมพ์แล้ว ตัวเครื่องจะใช้เวลาพิมพ์ประมาณ 50 วินาทีต่อหนึ่งภาพ เท่านี้เราก็ได้ภาพถ่ายสวย ๆ สำหรับเก็บใส่กระเป๋าตังค์ หรือเอาไปติดเป็นความทรงจำได้เลย
ประสิทธิภาพ
คุณภาพการพิมพ์ ก็ขึ้นอยู่กับตัวกระดาษ ZINK โดยตรงเลย ซึ่งชื่อรุ่นกระดาษที่ใช้คือ ZP-2030 Zink ที่แถมให้ในกล่อง 10 แผ่น หากใช้หมดแล้วก็สามารถซื้อเพิ่มได้ในราคา 299 บาท ต่อ 20 แผ่น
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Canon Mini Photo Printer
สรุป
ปกติเวลาเราจะพิมพ์ภาพถ่ายซักภาพ ก็ต้องไปหาร้านรับพิมพ์ หรือกลับไปพิมพ์ที่บ้าน แต่หากมี Canon Mini Photo Printer เครื่องพิมพ์พกพา ที่สามารถใช้งานแบบไร้สายได้ พกไปใช้ได้ทุกที่ ถ่ายภาพจากสมาร์ทโฟนเสร็จ ก็สั่งพิมพ์ได้ทันที หรือจะสั่งพิมพ์จากคลังภาพในโซเชียลมีเดียก็ได้ เรียกได้ว่าเป็นอุปกรณ์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่อชอบการถ่ายรูป โดยเฉพาะรูปบุคคล
เอาตามจริง หลายคนมีภาพเก็บไว้ในสมาร์ทโฟนหรือโซเชียลมีเดียมากมาย แต่เพราะมันมากมาย หลายภาพเลยถูกเก็บไว้อย่างเหงา ๆ นาน ๆ ทีจะกลับมาดูซัก แต่หากเราสามารถพิมพ์หนึ่งในภาพเหล่านั้นออกมาซักภาพ ภาพใบนั้นจะกลายเป็นของมีค่าทันที เพราะมันจับต้องได้ และไม่ได้มีจำนวนมากเหมือนในคลังข้อมูลดิจิตอล
สุดท้ายนี้ตัว Canon Mini Photo Printer ก็มีราคาอยู่ที่ 4,290 บาท พร้อมแถมกระดาษ Zink ให้จำนวน 10 แผ่นในกล่อง