กลับมาพบอีกครั้งครับกับการรีวิวสมาร์ทโฟน รอบนี้เป็นคิวของ ASUS Zenfone 3 Ultra หนึ่งในซีรีส์ Zenfone 3 ที่ก่อนหน้านี้แอดมินเคยรีวิว ASUS Zenfone 3 ZE520KL ไปแล้ว ครั้งนี้กับแฟ็บเล็ตที่มีขนาดใหญ่ถึง 6.8 นิ้ว ขนาดเล็กกว่าแท็บเล็ตเพียงเล็กน้อยก็ว่าได้ จะมีดีอย่างไร และน่าใช้แค่ไหน ไปติดตามกันดีกว่าครับ
ASUS Zenfone 3 Ultra มีสเปคดังนี้
– ขนาดตัวเครื่องโดยรวม 186.4 x 93.9 x 6.8 mm
– น้ำหนัก 233 กรัม
– หน้าจอ IPS ขนาด 6.8 นิ้ว ความละเอียด Full HD (1920 x 1080 พิกเซล) กระจกหน้าจอ Gorilla Glass 4
– ระบบปฏิบัติการ Android 6.0.1 ครอบทับด้วย ASUS ZenUI 3.0
– ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 652 แบบ 64-bit ความเร็ว 1.8GHz
– ชิปประมวลผลกราฟิก Adreno 510
– แรม 4GB หน่วยความจำภายใน 64GB รองรับ MicroSD (SDXC) ความจุสูงสุด 2TB
– กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, เทคโนโลยีถ่ายภาพ Pixel 3.0, ค่ารูรับแสง f/2.0
– กล้องหลังความละเอียด 23 ล้านพิกเซล, เทคโนโลยีถ่ายภาพ Pixel 3.0, ค่ารูรับแสง f/2.0, เซนเซอร์กล้อง Sony IMX 318, รองรับการบันทึกวีดีโอที่ความละเอียด 4K พร้อมระบบกันสั่น OIS & EIS
– ระบบเสียง ASUS Sonic Master 3.0, DTS Headphone X for virtual 7.1 surround, Hi-Res Audio 192kHz/24-bit
– สแกนลายนิ้วมือที่ปุ่มโฮม
– ใช้งานได้ 2 ซิมการ์ด ประเภท Nano SIM (หากใช้สองซิมพร้อมกันจะไม่สามารถใส่ MicroSD ได้)
– ใช้พอร์ต USB Type-C 2.0
– แบตเตอรี่ความจุ 4600 mAh มีเทคโนโลยี Fast Charging ชาร์จจาก 0% ขึ้นมา 60% ภายใน 45 นาที
ในการออกแบบ Zenfone 3 Ultra ใช้อลูมิเนียมอัลลอยเป็นส่วนประกอบหลักครับ ซึ่ง ASUS ได้บอกไว้ว่าวัสดุที่นำมาใช้เป็นวัสดุเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมการบิน มีน้ำหนักเบา ทนทาน เน้นความเรียบง่าย มีตัวรับสัญญาณฝังอยู่ในตัว ทำให้เราจะไม่เห็นเส้นรับสัญญาณพาดอยู่ด้านหลังตัวเครื่องเหมือนสมาร์ทโฟนบางรุ่นครับ นอกจากนี้ตัวเครื่องความบางเพียง 6.8 มิลลิเมตร เท่านั้น ด้วยองค์ประกอบทั้งหมดส่งผลให้ Zenfone 3 Ultra มีความสวยงาม เป็นแฟ็บเล็ตที่รู้สึกได้ถึงความพรีเมียม สะดุดตาเวลาพบเห็นครับ
ตัวเครื่องด้านหน้าประกอบไปด้วยลำโพงสนทนา กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ถัดลงด้านล่างของหน้าจอจะเป็นปุ่มโฮม เป็นสแกนลายนิ้วมือในตัว, ปุ่มย้อนกลับ และปุ่ม Recent app ไม่มีไฟในตัว แต่ก็ถือว่าช่วยให้ใช้งานง่ายกว่าปุ่มแบบ on-screen ครับ
หันมาด้านหลังประกอบไปด้วยกล้องหลังความละเอียด 23 ล้านพิกเซล เลนส์นูนขึ้นมาเล็กน้อย ขนาบข้างด้วย Laser Focus แฟลช Dual tone LED และถัดลงมาเป็นแผงควบคุมระดับเสียง พร้อมเป็นชัตเตอร์ถ่ายภาพ เหมาะกับเวลาเซลฟี่ด้วยครับ
ขอบตัวเครื่องด้านซ้ายจะเป็นถาดใส่ซิม ใส่ได้ 2 ซิมประเภท Nano SIM หรือจะใส่ MicroSD อันนึง แล้วใช้แบบซิมเดียวก็ได้ครับ ต้องเลือกอย่างได้อย่างหนึ่ง
ขอบตัวเครื่องด้านบนมีช่องต่อหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตร มีไมค์ตัวจิ๋วสำหรับบันทึกและตัดเสียงรบกวนเคียงข้างอยู่ ขณะที่ขอบล่างสุดมีพอร์ต USB Type-C, ลำโพงคู่ซ้าย-ขวา และช่องไมค์สนทนาขนาดจิ๋ว
อินเทอร์เฟซหรือส่วนติดต่อกับผู้ใช้ใน Zenfone 3 Ultra แอดมินขอไม่พูดถึงนะครับ เนื่องจากมีความเหมือนกับ ASUS Zenfone 3 ZE520KL ที่เคยรีวิวไปก่อนหน้านี้แล้วนั่นเอง จะเน้นไปที่ประสบการณ์ในการใช้งานโดยรวมครับ โดยแฟ็บเล็ตขนาด 6.8 นิ้ว ใครเห็นก็ต้องร้องโอ้โห !! ครับ เพราะขนาดมันใหญ่กว่าสมาร์ทโฟนทั่วไปที่เราใช้กัน อย่างมากก็แค่ 5.7 นิ้ว ครับ ข้อดีของขนาด 6.8 นิ้ว ต้องยกให้การใช้งานด้านความบันเทิงครับ ใครที่ชอบนำสมาร์ทโฟนมาตั้งไว้บนแท่นวางเพื่อดูหนังจัดว่าเหมาะอย่างยิ่งครับ ความละเอียดการแสดงผลระดับ Full HD ที่มาพร้อมเทคโนโลยี ASUS Tru2Life+ ทำให้ภาพที่ออกมามีความคมชัดแจ่มแจ๋วเลยทีเดียวครับ
ใน Zenfone 3 Ultra ใช้ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 652 แบบ 64-bit ความเร็ว 1.8GHz การเรียกใช้งานแอพฯ ต่างๆ ตอบสนองได้อย่างลื่นไหลครับ แถมยังมี ASUS Manager ที่คอยเคลียร์แคชทั้งหมดได้ง่ายๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการใช้งานด้วยครับ ส่วนชิปประมวลผลกราฟิกนั้นใช้ Adreno 510 ก็ถือว่าช่วยในการประมวลผลภาพอย่างการเล่นเกมให้มีความคมชัด ซึ่งแอดมินได้ทดสอบด้วยการเล่นเกมรถแข่ง Asphalt 8 การตอบสนองของเซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว ตลอดจนความลื่นไหลขณะเล่นนับว่าทำได้ดีครับ (ขออภัยหากในวีดีโอมีเสียงอื่นแทรกครับ แฮ่ๆ)
ทดสอบอุณหภูมิหลังเล่นเกมด้วยแอพ CPU-Z
จากการทดสอบจะเห็นอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นเพียงเล็กน้อย ฉะนั้นเรื่องความร้อนจึงไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลครับ
ในด้านการสแกนลายนิ้วมือ ตัวเซนเซอร์จะอยู่ที่ปุ่มโฮมครับ เมื่อกำหนดลายนิ้วมือของเราแล้ว แค่แตะก็สามารถปลดล็อคหน้าจอได้ครับ เซนเซอร์ที่ใช้ตรวจจับลายนิ้วมือถือว่าทำได้รวดเร็วครับ
ลำโพงคู่ของ Zenfone 3 Ultra มากับเทคโนโลยีเพียบครับ อาทิ ASUS SonicMaster 3.0, DTS Headphone:X for virtual 7.1 surround, Hi-Res Audio 192kHz/24-bit และ NXP Smart AMP เป็นต้น ช่วยให้ระดับเสียงที่ดังมาก ประกอบกับเสียงที่ออกมาไม่มีอาการแตกให้ได้ยินครับ
มาถึงเรื่องสำคัญอย่างกล้องถ่ายภาพครับ กล้องหลังของ Zenfone 3 Ultra จะเหนือกว่า ASUS Zenfone 3 ZE520KL ตรงที่ความละเอียดนั้นสูงสุดถึง 23 ล้านพิกเซล มีเทคโนโลยีถ่ายภาพ Pixel 3.0 ค่ารูรับแสง f/2.0 ใช้เซนเซอร์กล้อง Sony IMX 318 รองรับการบันทึกวีดีโอที่ความละเอียด 4K พร้อมระบบกันสั่น OIS & EIS ครับ ในการถ่ายภาพจัดว่าทำได้รวดเร็วครับ ทั้งการโฟกัสและการจัดเก็บลงในหน่วยความจำ ที่น่าทึ่ง คือ Pixel 3.0 ครับ เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อยมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ลองชมจากในภาพด้านล่างนี้ครับ จะเห็นได้ว่าภาพวิวด้านหลังเป็นช่วงเวลาที่มืดแล้ว แต่ภาพจากจอ Zenfone 3 Ultra ขณะเปิดกล้องหลังทิ้งไว้ยังให้ความสว่าง และมีความชัดอยู่ในระดับที่ดีใช้ได้เลยทีเดียวครับ
กล้องหน้ามากับความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มีโหมดปรับหน้าสวยมาให้เต็มที่ครับ ทั้งปรับหน้าเรียว ผิวหน้าเรียบเนียบ จัดหนักกันได้สำหรับคนชอบเซลฟี่ครับ
ตัวอย่างภาพถ่าย
บทสรุปรีวิว ASUS Zenfone 3 Ultra
จากที่ลองใช้มาระยะหนึ่งถือว่าเป็นแฟ็บเล็ตอีกรุ่นที่น่าใช้ไม่น้อยครับ ถึงขนาดจะใหญ่ไปหน่อย แต่ประสิทธิภาพนับว่าเหลือล้นครับ ทั้งดีไซน์ กล้อง จะดูหนัง เล่นเกม หรือฟังเพลง มันตอบโจทย์เราทั้งนั้นครับ ฉะนั้นใครที่กำลังมองหาแท็บเล็ต แล้วก็อยากได้แบบที่มันโทรได้ด้วย Zenfone 3 Ultra เป็นตัวเลือกที่น่าโดนมากๆ ครับ
ติดอยู่นิดหน่อยก็คงเรื่องของราคาเนี่ยละครับ เพราะ ASUS ตั้งราคาอยู่ที่ 21,990 บาท เจอแบบนี้เข้าไปคงทำให้หลายคนต้องคิดหนักพอสมควร แต่หากลองชมรีวิวนี้แล้วชอบ ยอมตัดใจซื้อทีเดียวใช้ไปนานๆ 2-3 ปี ก็นับว่าคุ้มครับ
ขอขอบคุณ ASUS ประเทศไทย สำหรับตัวเครื่อง Zenfone 3 Ultra ในการรีวิวครั้งนี้ครับ