ย้อนกลับไปปี 2017 กับรีวิว ASUS Vivobook S15 ณ ตอนนั้น ยอมรับตรง ๆ เลยว่า ดีไซน์ดูจืดมาก แต่พอมาปี 2018 หน้าตากลับเปลี่ยนแบบหน้ามือเป็นหลังมือเลย สำหรับ VivoBook ก็เป็นซีรีย์โน็ตบุ๊คบางเบาราคาจับต้องได้จาก Asus โดยจะเน้นการใช้งานทั่วไป สเปกกำลังดี และต้องพกพาง่าย ปัจจุบันกลับมีดีไซน์ที่สวยงามขึ้น หลากสีขึ้น และหรูหราด้วย พบกับ Asus VivoBook S15 S530UN โน็ตบุ๊คจอใหญ่ 15 นิ้ว แต่ร่างเล็กพอ ๆ กับ 14 นิ้ว มาพร้อมขอบสีชวนสะดุดตา ในราคาคุ้มสเปกไม่เกิน 3 หมื่นบาทเท่านั้น
สเปก Asus VivoBook S15 S530UN
Display : จอ NanoEdge ขนาด 15.6 นิ้ว สัดส่วน 16:9 ความละเอียด Full HD (1920×1080)
CPU : Intel Core i5-8250U
VGA : NVIDIA GeForce MX150 2GB GDDR5 VRAM
RAM : 8 GB DDR4 2400MHz
HDD : 1TB 5400 rpm
SSD : 128GB
Wireless : Dual-band 802.11ac
Bluetooth : 4.2
Port : USB 3.1 Gen 1 Type-C x 1, USB 3.1 Type-A Gen 1 x 1, USB 2.0 x 2, HDMI x 1, Combo audio jack x 1 และ MicroSD card reader x 1
Battery : 42Wh 3-cell lithium-prismatic กับ 65W power adapter
Weight : 1.8 kg
Color : Icicle Gold, Gun Metal, Silver Blue, Star Grey, Firmament Green
OS : Windows 10 Home
แกะกล่อง
กล่องมาแบบเรียบ ๆ ส่วนภายในก็มีตัวเครื่อง Asus VivoBook S15 S530UN กับชุดไฟเลี้ยง 65W และชุดคู่มือ
สำหรับชุดไฟเลี้ยง 65W ที่มาพร้อมเทคโนโลยีชาร์จไวหรือ Fast Charging มีขนาดเล็กเกินคาด พอ ๆ กับ Adapter ชาร์จสมาร์ทโฟนเลย เหมาะสำหรับพกพาไม่น้อย แถมสายชาร์จก็ยาวได้ใจมาก ๆ
วัสดุและดีไซน์
ตัวเครื่องมีความบางเบาไม่น้อย โดยความบางอยู่ที่ 18 มม. ขนาดพอ ๆ กับโน็ตบุ๊คจอ 14 นิ้ว และหนัก 1.8 กก. เท่านั้น วัสดุโดยรวมใช้อลูมิเนียมพร้อมลายปัดเสี้ยนตามสไตล์ Asus แต่ในตัว Asus VivoBook S15 S530UN นี้ บางมุมกลับมองเป็นสีเงินและสีฟ้านิด ๆ หากมีแสงไฟตกกระทบ ดูสวยงามแบบแปลกตาดีเหมือนกัน
จุดเด่นของตัว Asus VivoBook S15 S530UN ที่ช่วยให้ตัวเครื่องดูสะดุดตาจริง ๆ ก็มี ขอบหลากสี ซึ่งสีที่ผมได้คือสีเหลือง ส่วนชื่ออย่างเป็นทางการคือ Silver Blue เพราะอย่างนี้เอง เลยทำให้ตัวผิวอลูมิเนียมมีสีอมฟ้า ไม่เป็นสีเงินล้วน ๆ ซะทีเดียว ส่วนของสีเหลืองนี้เป็นพลาสติก แต่มีการเล่นลวดลายที่ทำให้มันดูคล้ายผิวยาง เหมือนว่าจะช่วยลดแรงกระแทกหากเครื่องตกยังไงยังงั้น (และผมไม่คิดลองเทส Drop แน่ ๆ)
พอร์ตเชื่อมต่อก็มี USB 3.1 Gen 1 Type-C x 1, USB 3.1 Type-A Gen 1 x 1, USB 2.0 x 2, HDMI x 1, Combo audio jack x 1 และ MicroSD card reader x 1
เมื่อพลิกดูใต้เครื่อง ก็จะเห็นช่องดูดลมหนึ่งช่อง และลำโพง SonicMaster คู่ อยู่ตรงใต้ล่างเครื่องนี้เอง
ส่องขอบสีเหลืองแบบชัด ๆ
การใช้งาน
เมื่อเปิดหน้าจอขึ้นมา สิ่งแรกที่ว้าวก่อนเลยคือ
หน้าจอตัวเครื่องที่บางมาก โดยมีชื่อดีไซน์เท่ ๆ ว่า NanoEdge ซึ่งดีไซน์นี้ก็มีมาตั้งแต่ VivoBook รุ่นแรก ๆ แล้ว แต่พอมาในรุ่นนี้ ต้องยอมรับว่ามันบางขึ้นอย่างสังเกตได้จริง ๆ ด้านความคมชัด ตัวเครื่องมาพร้อมจอความละเอียด Full HD ไม่ได้มี 100% sRGB Color Gamut หรู ๆ เหมือนตัว Top แต่ก็มีโหมดพิเศษอย่าง Vivid Mode ที่ช่วยปรับภาพให้มีสีสันและความคมชัดมากขึ้น แต่ก็แลกกับการกินแบตฯ ตามมา
ตำแหน่งกล้อง HD webcam
ประสิทธิภาพ
รายละเอียดสเปกซีพียู Intel Core i5-8250U + การ์ดจอ NVIDIA GeForce MX150 2GB GDDR5
เทส Cinebench R15 ผลที่ได้คือ GeForce MX150 ได้ไป 89.10 fps ส่วน Intel Core i5-8250U ก็อยู่ที่ 710 cb แรงใช้ได้เลยครับ
ส่วนความเร็ว SSD ขนาด 128GB วัดความเร็วอ่าน-เขียนโดย Crystal Disk Mark ก็ได้ Read อยู๋ที่ 519 MB/s และ Write ได้ 256 MB/s อาจไม่เร็วบ้าพลังระดับ 1,000 MB/s ขึ้นไปเหมือนพวก NVMe แต่ก็ดีกว่า HDD แน่นอน
แบตฯ ใช้งานได้ราว ๆ 6 ชั่วโมง ทว่าตัวเครื่องมาพร้อมชุดไฟเลี้ยง 65W แบบ Fast Charging ที่ทาง Asus เคลมว่า ช่วยให้ชาร์จไฟได้ถึง 60% ภายในเวลาเพียง 49 นาทีกันเลย
การระบายความร้อน ถือว่าทำได้ดีเลย ลองวัดด้วย HWMonitor แล้วเทสเกม Resident Evil 6 ความร้อนสูงสุดอยู่ที่ 85 องศา โดยเฉลี่ยก็ 66 องศาเท่านั้น
ส่วนผลเทสเกม Resident Evil 6 ก็ได้ Rank A ไป (จริงเคยเทสได้ถึง Rank S แต่ตอนหลังได้แต่ Rank A รัว ๆ ซะงั้น) ถือว่าการ์ดจอ MX150 เล่นเกมได้ดีระดับหนึ่งเลย
สรุป
ปัจจุบันโน็ตบุ๊คบางเบาหรือเรียกเท่ ๆ ว่า Ultrabook มีราคาที่จับต้องง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก สมัยนั้นต้องมีงบ 5 หมื่นขึ้นไป แต่เดี๋ยวนี้หมื่นต้น ๆ ก็ซื้อได้แล้ว สาเหตุที่ Ultrabook มีราคาแพง ก็เพราะวัสดุและการออกแบบ หรือบางรุ่นอาจมีฟีเจอร์พิเศษเฉพาะด้วยนั้นเอง แต่ลองดูรุ่น ZenBook 14 UX433 ที่ผมเคยพรีวิวไป วัสดุเป็นอลูมิเนียมอย่างดี รูปร่างสวยหรู แต่ราคาเริ่มต้นกลับไม่เกิน 3 หมื่นบาท ทั้งยังมีสเปกที่ดีพอ ๆ กับ Ultrabook ตัวแพงรุ่นอื่น ๆ ในปัจจุบันด้วย
ส่วนตัว Asus VivoBook S15 S530UN นี้ มาพร้อมจอขอบบางขนาด 15 นิ้ว ซีพียู Intel Core i5-8250U การ์ดจอแยกอย่าง MX150 และ SSD ขนาด 128GB กับมี HDD 1TB ด้วย รูปร่างก็ดูไม่จืดเหมือนก่อนแล้ว มีการเล่นลวดลายอย่างขอบสี ซึ่งมีให้เลือกอีกหลายสี สุดท้ายร่างบาง และวัสดุเป็นอลูมิเนียมแข็งแรงกำลังดี แม้อาจไม่หรูเท่า Ultrabook ระดับสูง ๆ ก็ตาม จุดที่น่าสนใจคือราคา ซึ่งอยู่ที่ 24,990 บาท แต่ได้สเปกและดีไซน์ตามที่กล่าวไป หากใครอยากได้สเปกสูงกว่านี้ ก็ยังมีรุ่น Intel Core i7-8550U กับ SSD 256GB + HDD 1TB มีราคาอยู่ที่ 29,990 บาท
ราคาคงไม่ต้องพูดอะไรมาก แต่ลองมาดูสาเหตุที่มันมีราคานี้กันดีกว่า อย่างแรกเลยคือวัสดุ ที่แม้เป็นอลูมิเนียม แต่ก็ไม่ได้แข็งแรงทนทานเหมือนตัว ZenBook ที่เคยรีวิว แบตฯ ใช้ได้ประมาณ 6 ชั่วโมง และสุดท้าย SSD เป็นแบบธรรมดา ไม่ใช่ NVMe ก็เป็นสิ่งที่แลกเปลี่ยนกับราคาจับต้องได้แทนนั้นเองครับ