[ครบ-สะดวก-สบาย] ข่าวดีสำหรับผู้ใช้รถไฟฟ้า (EV) ในไทย หลังทาง RÊVERSHARGER เผยแผนติดตั้ง EV Charger ตามสถานีสาธารณะถึง 2,012 หัวชาร์จ ทั่วประเทศไทย ชูสโลแกน ‘ครบจบทุกการชาร์จ’ เพิ่มความสะดวกด้วยรบริการสถานีทุก 160 กิโลเมตร ชาร์จไว 10 นาที วิ่งต่อได้ 100 กิโลเมตร คาดแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้
“ปัจจุบันในไทยมีจุดชาร์จสาธารณะรวมกัน 9,693 หัวชาร์จเท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าความต้องการจริงราว 35% ขณะเดียวกัน”
คำกล่าวจากคุณ พีระภัทร ศิริจันทโรภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้ให้บริการสถานีชาร์จภายใต้แบรนด์ “RÊVERSHARGER” ซึ่งนับเป็นอีกความท้าทายของอุตสาหกรรม EV ในไทย ทั้งยังเผชิญความท้าทายอีกหลายอย่างในการชาร์จ อาทิ ใช้เวลาชาร์จค่อนข้างนาน มีความยุ่งยากในการเข้าใช้บริการสถานีชาร์จ
จากความท้าทายดังกล่าว ก็เป็นที่มาของแผนยกระดับประสบการณ์ชาร์จ EV ให้ ‘ครบ-สะดวก-สบาย’ จากทาง RÊVERSHARGER ที่ต้องการตอกย้ำผู้นำอันดับ 1 EV Ecosystem Operator ด้วยการติดตั้ง EV Charger ตามสถานีสาธารณะถึง 2,012 แห่งทั่วประเทศไทย ชูให้บริการได้ทั่วไทย ในทุก ๆ ระยะ 160 กม. ทั้งภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก รวม 68 จังหวัด 582 สถานี และ 2,012 หัวชาร์จ พร้อมบริการติดตั้ง EV Charger ตามบ้านให้ครบถึง 100,000 หลังด้วย ซึ่งทั้งหมดคาดแล้วเสร็จภายในปีนี้
จุดน่าสนใจของ EV Charger ตามสถานีสาธารณะของทาง RÊVERSHARGER นั้น คือจะมาพร้อมหัวชาร์จ DC ความเร็วสูงถึง 360kW ช่วยชาร์จไวเพียง 10 นาที แต่วิ่งต่อได้ไกลถึง 100 กม. พร้อมชูความสะดวกในการใช้บริการ ให้หาจุดชาร์จง่าย-ชาร์จง่าย-ชำระเงินง่าย
การค้นหาสถานีชาร์จ EV ก็ทำได้สะดวกผ่าน Google Maps หรือแอปฯ RÊVERSHARGER ที่จะช่วยแนะนำสถานีที่อยู่บนเส้นทางหรือบริเวณใกล้เคียงให้ทันที พร้อมด้วยวิธีชาร์จที่ง่ายดายยิ่งขึ้น เพียงผู้ใช้รถ EV เพียงลงทะเบียนเข้าใช้งานครั้งแรกครั้งเดียวที่สถานีชาร์จ บันทึกข้อมูลแบรนด์ รุ่นของรถ รวมถึงช่องทางชำระเงินเรียบร้อย ต่อไปก็สามารถใช้บริการได้ทันที สามารถชำระค่าบริการได้อัตโนมัติ เมื่อชาร์จเสร็จในครั้งต่อไปได้ทุกสถานีในเครือข่าย
ส่วนการชำระเงิน ก็ทำผ่านได้ทั้งบัตรเครดิต บัตรเดบิต รวมถึงมีสิทธิพิเศษจากพันธมิตร อาทิ Shell Go+, The 1, KTC, Krungsri Auto สำหรับแลกคะแนนในการชำระเงินค่าบริการชาร์จรถ EV
ท้ายนี้ทาง RÊVERSHARGER ยังมีแผนช่วยติดตั้ง EV Charger ตามบ้านให้สะสมครบถึง 100,000 หลัง สืบเนื่องจากสถานการณ์ตลาด EV ในประเทศไทย ที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) ช่วงสิ้นปี 2566 ถึง 89,000 คัน และอาจมีแนวโน้มจะเพิ่มเป็นกว่า 200,000 คันในสิ้นปี 2567 นี้ด้วย