หลังจาก Ransomware มัลแวร์เรียกค่าไถ่ตัวล่าสุดในชื่อ “WannaCry” หรือ “WannaCrypt” สร้างความเสียหายให้กับคอมพิวเตอร์ทั่วโลกที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows รุ่นเก่านับแสนเครื่อง รวมถึงคอมพิวเตอร์บางส่วนในไทย มีความเป็นไปได้ว่าการโจมตีระลอกสองอาจเกิดขึ้นในอีกครั้ง
การโจมตีระลอกสองของมัลแวร์เรียกค่าไถ่ “WannaCry” มีการเปิดเผยจากนักวิจัยด้านความปลอดภัยหลายคนในต่างประเทศอ้างว่าอาจเกิดขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ของการทำงาน หลังจากการโจมตีรอบแรกในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ จากภัยคุกคามในโลกไซเบอร์ล่าสุดนี้ มีผลทำให้คอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการที่ต่ำกว่า Windows 10 ประสบปัญหาโดนล็อกไฟล์ข้อมูลทำให้ไม่สามารถใช้งานได้ ซึ่งหลังจากการโจมตีรอบแรกผ่านไป 24 ชั่วโมง Microsoft จำเป็นต้องออกแพตช์ด้านความปลอดภัยเร่งด่วนสำหรับ Windows XP, Vista, Windows 8, Server 2003 และ 2008 Editions เพื่อเป็นป้องกันให้กับผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่ยังใช้ระบบปฏิบัติการรุ่นดังกล่าวอยู่ โดย Microsoft แนะนำว่าให้ผู้ใช้รีบอัพเดทแพตช์เร่งด่วนนี้ในทันที
การแพร่กระจายของมัลแวร์เรียกค่าไถ่ “WannaCry” ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ทั่วไป แต่ยังส่งผลกระทบต่อหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในหลายประเทศ ด้านศูนย์รักษาความปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติของสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นองค์กรที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลและรักษาโครงสร้างพื้นฐานด้านไซเบอร์ ออกมายอมรับว่าการแพร่กระจายของ WannaCry เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วผ่านระบบเครือข่าย นั่นหมายความว่าในช่วงเริ่มต้นสัปดาห์ของการทำงาน มีแนวโน้มที่ WannaCry จะทำการโจมตีอีกครั้ง เนื่องจากจะมีผู้ใช้ที่จะเปิดคอมพิวเตอร์ พร้อมกับเช็คอีเมล์ต่างๆ ดังนั้นผู้ใช้จึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษไม่เปิดเมล์ที่มีลักษณะแปลกๆ หรือเมล์ที่ถูกส่งมาจากปลายทางที่ไม่คุ้นเคย
อย่างไรก็ตาม ในการป้องกันคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows ผู้ใช้ควรอัพเดทซอฟต์แวร์หรือแพตช์ต่างๆ โดนทันที อนึ่งเพื่อเป็นการอุดช่องโหว่ต่างๆ ภายในซอฟต์แวร์ที่เราไม่สามารถรับรู้ได้ รวมไปถึงการป้องกันระวังในเรื่องการเปิดอีเมล์ที่จำเป็นต้องรอบคอบมากขึ้น
ทั้งนี้ การรับมือมัลแวร์เรียกค่าไถ่ สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ใน “7 วิธีรับมือและบรรเทา Ransomware มัลแวร์เรียกค่าไถ่”
ที่มา Zdnet และ TheHackernews