ไทยถือเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในเอเชียที่ Huawei ตัดสินใจนำสมาร์ทโฟนตัวท็อปรุ่นล่าสุดอย่าง Huawei Mate 9 เข้ามาวางขายอย่างเป็นทางการ และการเข้าทำตลาดครั้งนี้ไม่ได้มาเพียงรุ่นเดียวยังมาพร้อมกับ Huawei Mate 9 Pro และ Huawei Mate 9 PORSCHE Design และรุ่นเล็ก Huawei GR5 2017
เริ่มกันที่รุ่นเล็กก่อนเลยครับ Huawei GR5 2017
ขอย้อนกลับไปเมื่อตอนต้นปี แอดมินเคยรีวิว Huawei GR5 ไปแล้ว ซึ่งรุ่นนั้นนับว่าเป็นสมาร์ทโฟนราคาไม่เกินหมื่นที่น่าลองหาซื้อมาใช้มาก ทั้งดีไซน์และสเปคจัดว่าแจ่มเลยทีเดียว มาในรุ่น GR5 2017 ดีไซน์และวัสดุยังแทบจะไม่แตกต่างไปจากรุ่น GR5 เท่าไหร่ ออกแบบโดยใช้อลูมิเนียม-แมกนีเซียม อัลลอยเป็นวัสดุหลัก ขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้ว ความละเอียดแสดงผล Full HD ยังเท่าเดิม ส่วนสเปคอัพเกรดขึ้นมาเล็กน้อยด้วยแรม 3GB, รอม 32GB รองรับ microSD card ความจุสูงสุด 128GB, ชิปประมวลผลหันมาใช้ Kirin 655 ที่พัฒนาโดยหัวเว่ยเอง ใช้แทนที่ Qualcomm Snapdragon 616
ความเปลี่ยนแปลงที่เด่นชัดที่สุดอยู่ที่กล้องหลังครับ Huawei GR5 2017 มีกล้องหลังเป็นแบบ Dual Camera หรือเลนสคู่นั้นเอง ความละเอียดเลนส์ตัวแรก 12 ล้านพิกเซล อีกเลนส์มีความละเอียด 2 ล้านพิกเซล แต่กล้องทั้งคู่ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีจาก Leica ขณะที่กล้องหน้ามีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล อัพเกรดขึ้นจาก GR5 ที่มีความละเอียดเพียง 5 ล้านพิกเซล มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วเวอร์ชั่น 3.0 ถัดลงมาจากกล้องหลัง แบตเตอตี่มีความจุเพิ่มเช่นกัน จากเดิมความจุ 3000 mAh มาเป็นความจุ 3340 mAh
Huawei Mate 9
รุ่นต่อยอดจาก Huawei Mate 8 หน้าจอมีขนาด 5.9 นิ้ว กระจก 2.5D ความละเอียด Full HD (เท่ากับ Mate 8) การออกแบบใช้อะลูมิเนียมเป็นส่วนประกอบหลักเช่นเคย แต่คราวนี้สีทองที่แอดมินได้ลองจับฝาหลังจะมีลักษณะเป็นประกายระยิบระยับ ต่างไปจากรุ่นก่อนที่จะมีสีผิวเรียบทั้งหมด นับว่ามีความสวยงามมากครับ ความบางยังเท่าเดิมที่ 7.9 มิลลิเมตร ชิปประมวลอัพเกรดจาก Kirin 950 แบบ Quad-Core มาใช้รุ่นล่าสุด Kirin 960 แบบ Octa-Core แรมยังเท่าเดิมที่ 4GB เช่นเดียวกับรอมที่ 64GB แต่รองรับ microSD card ในความจุเพิ่มขึ้นเป็น 256GB ขณะที่หน่วยประมวลผลกราฟิกใช้ Mali-G71 MP8
Huawei Mate 9 ใช้งานได้ 2 ซิม (Hybrid Dual SIM) พอร์ตที่ใช้เป็น USB-Type-C ส่วนกล้องหน้าความละเอียดเท่า Mate 8 ที่ 8 ล้านพิกเซล แต่ปรับรูรับแสงจากเดิม f/2.4 มาเป็น f/1.9 ส่วนกล้องหลังมาแบบเลนส์คู่ โดยเลนส์ตัวแรกที่ใช้เก็บภาพขาวดำมีความละเอียด 20 ล้านพิกเซล เลนส์ตัวที่สองทำหน้าที่เก็บภาพสีมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ทั้งคู่ใช้เทคโนโลยีจาก Leica เวอร์ชั่น 2.0 รูรับแสง f/2.2 มีระบบกันสั่น OIS บันทึกวีดีโอในความละเอียดสูงสุด 4K แบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh เท่า Mate 8 แต่มีคุณสมบัติการชาร์จแบตเตอรี่ที่เร็วยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยี Huawei Super Charge
Huawei Mate 9 Pro
เป็นครั้งแรกที่ Huawei พัฒนาสมาร์ทโฟนแบบจอโค้ง (ขอบจอด้านข้างโค้งทั้งซ้ายและขวา) ปุ่มโฮมทรงวงลี ใครเห็นเครื่องจริงไปแล้วคงพากันนึกถึงสมาร์ทโฟนรุ่นหนึ่งจากเกาหลีใต้ ปุ่มโฮมทรงวงลี แต่จะกดแล้วให้บุ๋มลงไปเหมือนสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ไม่ได้ ใช้การแตะ ลักษณะจะคล้ายกับปุ่มโฮมของ iPhone 7 / 7 Plus ตัวเครื่องมีความบางเพียง 7.5 มิลลิเมตร น้ำหนัก 169 กรัม บางและเบากว่า Mate 9 การออกแบบใช้อะลูมิเนียมแบบขัดมันเป็นส่วนประกอบหลัก แม้จะดูสวยงาน หรูหรา แต่สิ่งที่ตามมาคือ ปัญหารอยนิ้วมือที่เกิดขึ้นง่ายมาก หน้าจอเป็นแบบ AMOLED ทรงโค้ง ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด WQHD (2560 x 1440 พิกเซล 534ppi) แรม 6GB, รอม 128GB ไม่สามารถใส่ microSD card ได้
ส่วนอื่นๆ ได้แก่ การใช้งานแบบ 2 ซิม, ชิประมวลผล, กล้องหน้าและกล้องหลัง รวมไปถึงแบตเตอรี่ ทั้งหมดเหมือนกับ Huawei Mate 9
Huawei Mate 9 PORSCHE Design
เป็นรุ่น Limited Edition ที่จัดว่างแพงที่สุดในบรรดา Huawei Mate 9 Series แถมนำเข้ามาวางขายในไทยแบบจำกัดอีกด้วย การออกแบบเป็นการใช้เอกลักษณ์ของแบรนด์พอร์ช ผสานเทคโนโลยีการผลิตของหัวเว่ย ทำให้ตัวเครื่องมีความหรูหรา ซึ่งวัสดุเป็นอะลูมิเนียมแบบขัดมันเป็นส่วนประกอบหลัก ความบาง น้ำหนัก หน้าจอแบบ AMOLED ทรงโค้ง ขนาดและความละเอียดเท่ากับ Huawei Mate 9 Pro ส่วนแรม 6GB, รอม 256GB ใช้งานได้ 2 ซิม ใส่ microSD card ไม่ได้
สเปคที่เหลือไม่ว่าจะเป็นชิปประมวลผล,กล้องหน้า, กล้องหลัง, แบตเตอรี่ เทียบเท่า Huawei Mate 9 และ Mate 9 Pro ทั้งหมด
ราคาอย่างเป็นทางการ
1. Huawei Mate 9 ราคา 23,900 บาท เริ่มวางขาย 8 ธ.ค.59
2. Huawei GR5 2017 ราคา 8,900 บาท เริ่มวางขาย 8 ธ.ค.59
3. Huawei Mate 9 Pro ราคา 27,900 บาท เริ่มขายกลางเดือนมกราคม 2017
4. Huawei Mate 9 PORSCHE Design ราคา 49,900 บาท เริ่มขายกลางเดือนมกราคม 2017 “มีแค่ 800 เครื่องเท่านั้น”