How Today ฮาวทู-ไม่รู้จบ…ฉบับที่แล้วเราได้พูดถึงการขอเงินคืนใน App Store กันไปแล้ว ฉบับนี้เลยจะข้ามมาดูที่ Play Store ของฝั่ง Android กันบ้าง ซึ่งสามารถทำการขอเงินคืน (Refund) ได้เช่นกัน แต่ก่อนที่จะไปดูวิธีการขอเงินคืนจากการซื้อแอพฯ ใน Play Store ต้องบอกก่อนว่า ในที่นี้เราจะแบ่งออกเป็น 2 กรณี กรณีแรกคือกรณีที่ขอเงินคืนภายใน 15 นาทีหลังจากซื้อ และกรณีที่สองคือขอเงินคืนหลังจากเกิน 15 นาทีไปแล้ว ทั้งสองวิธีจะมีวิธีการอย่างไรบ้างนั้นตามมาดูกันเลย
1. กรณีขอเงินคืนภายใน 15 นาทีแรก
Step 1: หลังจากกดซื้อแอพฯ ที่เราต้องการ จะมีกล่องข้อความปรากฏขึ้นมาพร้อมเลขตัวท้ายบัตรเครดิตและราคาแอพฯ
Step 2: เมื่อซื้อเรียบร้อยจะเห็นคำว่า Payment Successful
Step 3: การตรวจสอบการซื้อให้ไปที่ https://play.google.com/store > คลิกรูปฟันเฟือง (ขวามือ) > การสั่งซื้อของฉัน
Step 4: จะเห็นว่าบรรทัดแรก แอพฯ ที่เราซื้อขึ้นสถานะว่า เสร็จสมบูรณ์
Step 5: หากต้องการขอเงินคืนให้เข้า Play Store บนอุปกรณ์ที่เรากดซื้อ แล้วเลือก My apps จากแถบเมนูทางซ้าย
Step 6: เลือกแอพฯ ที่เราเพิ่งกดซื้อไป
Step 7: หากยังไม่เกิน 15 นาที จะปรากฏคำว่า Refund ใต้คำว่า open
Step 8: เมื่อคลิกคำว่า Refund จะปรากฏกล่องข้อความว่าคุณต้องการขอเงินคืนและลบแอพฯ หรือไม่ ให้เลือก Yes
Step 9: จากนั้นจะมีคำว่า Refunding… ขึ้นมาแทน
Step 10: เมื่อกลับไปเช็กดูที่หน้า การสั่งซื้อของฉัน ผ่าน Computer จะเห็นว่าสถานะของแอพฯ เปลี่ยนเป็น ยกเลิกแล้ว
2. กรณีขอเงินคืนหลังจากเกิน 15 นาทีไปแล้ว
Step 1: เข้าไปที่หน้า การสั่งซื้อของฉัน จากนั้นเลือก รายงานปัญหา
Step 2: คลิกที่ ฉันต้องการขอเงินคืน
Step 3: รายละเอียดของการรายงานปัญหาและช่องว่างสำหรับแสดงความคิดเห็น เมื่อพิมพ์เสร็จให้กด ส่ง
Step 4: จะปรากฏกล่องข้อความแสดงกล่าวขอบคุณที่เรารายงานปัญหา
Step 5: เพื่อเป็นการยืนยันการรายงานปัญหา จะมีอีเมล์จาก Google ส่งมาให้ที่อีเมล์ของเรา ซึ่งโดยทั่วไปการขอเงินคืนจากแอพฯ กรณีเกิน 15 นาทีไปแล้ว จะใช้เวลาประมาณ 7-14 วันทำการ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้กับธนาคารเจ้าของบัตรเครดิต
จะเห็นได้ว่าทาง Google เองก็มีมาตรฐานการคืนเงินจากการซื้อแอพฯ ออนไลน์ที่ค่อนข้างใช้งานง่าย และมีขั้นตอนดีทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามการจะเลือกซื้อสินค้าออนไลน์ใดๆ ก็ควรเป็นไปด้วยความรอบคอบและมีสติ เพราะการจ่ายเงินย่อมง่ายกว่าการขอคืน