“แสงสว่าง” ถือเป็นปัจจัยสำคัญมากในการดำเนินชีวิตยามค่ำคืนของคนในปัจจุบัน แต่ยังมีคนอีกกว่า 1.3 พันล้านคนทั่วโลก ทั้งทวีปเอเชีย แอฟริกา รวมไปถึงบางภูมิภาคของประเทศไทย ที่ยังคงใช้ชีวิตอยู่โดยไม่มีแสงสว่าง หากจำเป็นก็จะอาศัยแสงสว่างจากตะเกียงน้ำมันก๊าด ในการทำกิจกรรมต่างๆ ตอนกลางคืน ทั้งการอ่านหนังสือ การทำอาหาร การรักษาของแพทย์ แต่ก็ไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งเปลวควันและกลิ่นของน้ำมันก๊าดก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพด้วยเช่นกัน
พานาโซนิค คอร์ปอเรชั่น ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าว เนื่องจากการขาดแคลนแสงสว่างใช้ในการดำเนินชีวิต จะส่งผลกระทบในหลายเรื่อง อาทิ ความปลอดภัย การศึกษา และระบบเศรษฐกิจของประเทศ บริษัทฯ จึงได้จัดโครงการแบ่งปันแสงสว่างสู่ชุมชนที่อยู่ห่างไกล เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนในชุมชน ดังสโลแกนของพานาโซนิคที่ว่า “A Better Life A Better World” (เพื่อชีวิตที่ดีกว่า เพื่อโลกที่ดียิ่งขึ้น) โดยมอบ “ตะเกียงโซล่าเซลล์ (Solar Lanterns)” ให้กับชุมชนที่ไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง ซึ่งได้ตั้งเป้ามอบทั้งสิ้นจำนวน 100,000 ดวง ทุกภูมิภาคทั่วโลก ภายในปี 2018 เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 100 ปี ของพานาโซนิคในประเทศญี่ปุ่น พร้อมเริ่มต้นมอบเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ให้กับ ชุมชุมในเขตอำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งชุมชนดังกล่าวตั้งอยู่บนพื้นที่ที่ห่างไกลความเจริญ ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวไทยภูเขาที่ยากจนและขาดโอกาสทางการศึกษาและการเข้าถึงระบบสาธารณูปโภค
โดยได้มอบให้กับโรงเรียนบ้านสบลาน และศูนย์การเรียนรู้ชุมชนชาวไทยภูเขา เพื่อส่งเสริมด้านการศึกษา และทำให้น้องๆ ได้ใช้เวลาว่างในช่วงเวลากลางคืนพัฒนาทักษะความรู้ อีกทั้งยังมอบให้กับสถานีอนามัยเพื่อใช้ในการดูแลสุขภาพให้กับชาวบ้านอีกด้วย ซึ่งชุดอุปกรณ์ตะเกียงโซล่าเซลล์ที่นำไปบริจาคนั้น มีน้ำหนักเบา พกพาสะดวก สามารถแขวนในครัวเรือนได้ง่าย ให้แสงสว่างเพียงพอต่อจุดที่ต้องการความสว่าง ใช้เวลาในการชาร์ตไฟจากพลังงานแสงอาทิตย์เพียง 6 ชั่วโมง แต่ให้ความสว่างได้สูงสุดถึง 90 ชั่วโมง
น้องอรุณี ฝึกฝนธรรม หรือน้อง บี อายุ 22 ปี จบการศึกษาจากสาขาวิทยาศาสตร์ สิ่งแวดล้อม สถาบันราชภัฎเชียงใหม่ ศิษย์เก่าโรงเรียนบ้านสบลาน เล่าว่า “โรงเรียนบ้านสบลานเป็นโรงเรียนกึ่งกินนอน เพราะด้วยระยะการเดินทางมาโรงเรียนนั้นไกลและลำบากทำให้นักเรียนรวมถึงครูหลายคนไม่สามารถเดินทางไปกลับได้ ดังนั้นทางโรงเรียนจึงได้สร้างหอพักนอนให้กับเด็กและครู ซึ่งในช่วงที่เรียนอยู่นั้นจะอาศัยไฟฟ้าจากแผงโซล่าร์โฮมเพียงอย่างเดียวทำให้ไม่ค่อยพอใช้ในช่วงกลางคืน เพราะไฟฟ้าที่ได้ต้องใช้กับอุปกรณ์ทั้งโรงเรียน ทำให้การอ่านหนังสือ หรือการไปเข้าทำธุระเป็นไปอย่างยากลำบาก ซึ่งตอนนี้รู้สึกดีใจแทนน้องๆ ที่มีหลายหน่วยงานให้ความสนใจเรื่องดังกล่าวมากขึ้น และอยากจะฝากบอกน้องๆ ว่า เมื่อมี “ตะเกียงโซล่าเซลล์” มาแล้วควรใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่”
ด้าน น้องสุทธิพล บรรพตผล หรือน้อง อายุ 19 ปี กำลังศึกษาอยู่สาขาอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีศึกษา สถาบันราชภัฎเชียงใหม่ อีกหนึ่งตัวแทนศิษย์เก่าโรงเรียนบ้านสบลาน เล่าว่า “ตะเกียงโซล่าเซลล์” ที่น้องๆ ได้รับมาครั้งนี้มีขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวก ให้แสงสว่างมากและการใช้งานง่าย เหมาะกับน้องๆ โรงเรียนบ้านสบลานตัวเล็กๆ เป็นอย่างมาก เพราะจะได้ถือไปใช้งานตอนกลางคืนได้สะดวก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูฝนที่กำลังจะมาถึง เพราะแสงแดดในช่วงนั้นมีน้อยทำให้การสะสมพลังงานของโซล่าร์โฮมที่ใช้ในโรงเรียนลดน้อยลงไปด้วย ส่งผลให้ไฟฟ้ามีไม่เพียงพอต่อการใช้งาน”
คุณศิริรัตน์ ยงค์เจริญชัย ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป บริษัท พานาโซนิค แมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “กลุ่มบริษัทพานาโซนิคในประเทศไทย ได้ดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมตามแนวทางของ “พานาโซนิคคอร์ปอเรชั่น” ด้วยการสานต่อแนวความคิดการตอบแทนกลับสู่สังคม ปัจจุบันกลุ่มบริษัทพานาโซนิคในประเทศไทย ดำเนินโครงการเพื่อสร้างสังคมที่ยั่งยืน โดยให้ความสำคัญในเรื่องสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาศักยภาพของเยาวชน ผ่านการทำกิจกรรมเพื่อสังคมต่างๆ มากมาย อาทิ โครงการปลูกต้นไม้ โครงการอนุรักษ์ทางทะเล โครงการมอบทุนการศึกษา โครงการ สร้างสรรค์ ฉลาดคิด ผลิตข่าว กับพานาโซนิค และ โครงการ โรงเรียนใหญ่ รอยเท้าเล็ก รวมถึงโครงการมอบ “ตะเกียงโซล่าเซลล์ (Solar Lanterns)” ให้กับชุมชนที่ไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึงดังกล่าวด้วย