Home Blog Page 74

โดนรวบ ทำคลิปเรียกยอดวิว นั่งฮอลยิงพลุใส่ Lamborghini

[พลุ VS ลัมโบร์กินี] แม้จะทำเพื่อคอนเทนต์ แต่หากผิดกฎหมาย ก็รับทราบข้อกล่าวหาไปตามระเบียบ YouTuber รายหนึ่งทำคลิปนั่งเฮลิคอปเตอร์ใส่พร้อมยิงพลุใส่รถลัมโบร์กินี (Lamborghini) ที่กำลังวิ่ง สุดท้ายโดนจับกุมข้อหา ‘มีวัตถุระเบิดหรือเพลิงไหม้บนเครื่องบิน’ พร้อมถูกลบคลิปเรียบร้อย

เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2023 พบคลิป Youtube ความยาว 11 นาทีอย่าง “Destroying a Lamborghini With Fireworks” โดยเนื้อหาก็ตรงตามชื่อ คือการไล่ยิงดอกไม้ไฟใส่รถลัมโบร์กินีคันหนึ่งที่กำลังวิ่ง (มูลค่ากว่า 11 ล้านบาท) แต่ปัญหาคือพลุที่ถูกยิงออกมานั้น มาจากเฮลิคอปเตอร์ที่กำลังบินไล่ตามมาติด ๆ ในแถบพื้นที่แคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐฯ

YouTuber faces federal charges after filming two women in a helicopter shooting fireworks at a Lamborghini (shown below) illegal to have explosive on aircraft. – More below
byu/mapleer ininterestingasfuck

จากนั้นไม่กี่เดือน คลิปดังกล่าวถูกตรวจสอบโดย FAA หรือองค์การบริหารการบินแห่งชาติของสหรัฐฯ ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา พบเป็นการขึ้นบินโดยไม่ได้รับอนุญาต และผิดกฎหมายอีกด้วย เป็นเหตุให้เจ้าของคลิปอย่าง Suk Min Choi หรือนาย Alex Choi เจ้าของช่อง YouTuber ที่มีผู้ติดตามเกือบ 1 ล้านคน (924,000 ราย) ถูกจับกุมในข้อหาครอบครองวัตถุระเบิดหรือเพลิงไหม้บนเครื่องบิน ซึ่งอาจเจอโทษสูงสุดถึง 10 ปี

อย่างไรก็ตาม Alex Choi ได้ใช้เงินประกันตัวไปก่อนถึง 50,000 ดอลลาร์ฯ หรือราว ๆ 1.8 ล้านบาท เตรียมสู้คดีกันต่อในวันที่ 2 กรกฎาคมเร็ว ๆ นี้ และยังมีคนที่ได้รับผลกระทบด้วยอย่างนักบินสาวที่ปรากฏในคลิป ปัจจุบันถูกทาง FAA สั่งเพิกถอนใบอนุญาตนักบินไปเรียบร้อย

ย้อนกลับไปในเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว ก็เคยมี YouTuber ที่ชื่อ Trevor Jacob ทำคลิปเผลอทำเครื่องบินตก จนต้องโดดร่มออกจากเครื่องบินกลางคัน สุดท้ายถูกพบว่าตั้งใจ และปล่อยให้ตัวเครื่องตกลงในเขตป่าสงวน แถบแคลิฟอร์เนียอีกเช่นกัน เป็นเหตุให้ถูกสั่งจำคุก ที่อาจยาวนานถึง 20 ปี เป็นบทเรียนชีวิตไปอีกยาว

ที่มา : TheVerge

ต่อต้านหนัก ยุโรปจ่อขึ้นภาษี รถ EV สัญชาติจีน 38%

[เพื่อเสถียรภาพ] จุดเด่นหลักของรถไฟฟ้าจากจีน ก็คงไม่พ้นราคาที่ถูกกว่าคู่แข่ง ถูกจนทางสหภาพยุโรปหรือ EU มองว่ามันเริ่มกระทบกับเสถียรภาพแล้ว เพื่อปกป้องผู้ผลิตในภูมิภาคจากการแข่งขัน (ทางสื่อนอกใช้คำว่า “ที่ไม่ยุติธรรม” เลย) ทาง EU จึงเปิดมาตรการขึ้นภาษีรถ EV นำเข้าจากจีนโดยเฉพาะ โดยจ่อเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 38% พร้อมเตรียมบังคับใช้วันที่ 4 กรกฎาคมเร็ว ๆ นี้

ดูเหมือนสงครามการค้าโดยเฉพาะฝั่งรถ EV เริ่มมีความเข้มข้นขึ้น หลังมีรายงานจากทั้ง The New York Times และ Financial Times เผยสหภาพยุโรปประกาศเตรียมขึ้นภาษีรถไฟฟ้าหรือ EV จากจีน โดยเพิ่มสูงสุดถึง 38% คาดต้องการรักษาเสถียรภาพทางการแข่งขันในภูมิภาค

ไล่ตั้งแต่แบรนด์รถ EV ชื่อดังจากจีนอย่าง BYD และ Geely จะได้รับผลกระทบจากภาษีระหว่าง 17.4 ถึง 20% ในขณะที่ SAIC จะต้องเสียภาษีเพิ่มอีกถึง 38% ส่วนแบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีนรายอื่น ๆ ก็จะมีความแตกต่างกันไป โดยขึ้นอยู่กับ ‘ความร่วมมือ’ ที่ตกลงกับทาง EU

จุดนี้ทาง Financial Times เผยเลยว่า ผู้ผลิตที่ให้ความร่วมมือ จะเสียภาษีเพิ่มเติม 21% ในขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์ที่ไม่ความร่วมมือ ก็จะต้องเสียภาษีเพิ่มสูงสุดถึง 38% โดยอัตราภาษีใหม่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 กรกฎาคมเร็ว ๆ นี้ หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้

อย่างไรก็ตาม มีหน่วยงานรัฐและผู้ผลิตรถยนต์ในยุโรปบางแห่งไม่เห็นด้วยกับมาตรการนี้ เผยมีความกังวลต่อมาตรการตอบโต้คืนจากจีน ซึ่งอาจทำให้รถยนต์ไฟฟ้าเข้าถึงได้ยากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ยังไม่มั่นใจในรถไฟฟ้า ว่าควรเปลี่ยนมาใช้ตอนนี้หรือไม่

สำหรับการขึ้นภาษีของฝั่ง EU นี้ เกิดขึ้นหลังเดือนก่อนสหรัฐฯ ได้ประกาศเพิ่มภาษีนำเข้ารถไฟฟ้าจีนถึง 4 เท่า เผยเพื่อลดอิทธิพลของจีนที่มีต่อเศรษฐกิจของตน และนอกจากรถไฟฟ้าแล้ว ทางสหรัฐฯ ยังขึ้นภาษีทั้งเซมิคอนดักเตอร์ โซลาร์เซลล์ แบตเตอรี่ และผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่จีนผลิตด้วย เรียกได้ว่าต่อต้านเต็มระบบ ซึ่งก็ต้องรอดูเลยว่าทางจีนจะมีความเคลื่อนไหวอย่างไรต่อไป

ที่มา : Engadget

Meta เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ ต่อยอดเทรนด์ทักแชททางธุรกิจ ยกระดับประสบการณ์ช้อปปิ้งไร้รอยต่อ เพิ่มเอ็นเกจเมนต์ลูกค้า

การส่งข้อความเชิงธุรกิจ (Business Messaging) ได้เติบโตอย่างรวดเร็วและกลายเป็นช่องทางการสื่อสารที่เป็นมาตรฐานใหม่สำหรับผู้บริโภคทั่วโลก จากการที่มีผู้คนจำนวนกว่าหนึ่งพันล้านคนติดต่อกับธุรกิจผ่านแพลตฟอร์มการส่งข้อความในแต่ละสัปดาห์ โดยประเทศไทยถือเป็นผู้นำเทรนด์ด้านการส่งข้อความเชิงธุรกิจอันดับต้น ๆ ของโลก จากข้อมูลเผยว่ามีผู้บริโภคชาวไทยจำนวน 9 ใน 10 คน ติดต่อกับธุรกิจผ่านแอปพลิเคชันแชทต่าง ๆ ในระหว่างขั้นตอนการซื้อสินค้า ในขณะเดียวกัน ครึ่งหนึ่งของนักช้อปชาวไทยยังได้ใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเพื่อการค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสินค้า ล่าสุด Meta เปิดตัวโซลูชันการส่งข้อความทางธุรกิจใหม่ที่ออกแบบขึ้นเพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคชาวไทยโดยเฉพาะ ภายในงาน Business Messaging Summit ในปีนี้

ประเทศไทยเป็นผู้นำเทรนด์การส่งข้อความเชิงธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและทั่วโลก และธุรกิจไทยยังได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้เริ่มเปิดรับโซลูชันด้านการแชทเพื่อธุรกิจเป็นกลุ่มแรก ๆ ของโลก โดย คุณแพร ดำรงค์มงคลกุล Country Director ของ Facebook ประเทศไทย จาก Meta กล่าวว่า “ธุรกิจไทยเป็นผู้ริเริ่มในการนำเทคโนโลยีด้านการส่งข้อความเชิงธุรกิจมาปรับใช้ โดย 91% ของธุรกิจในประเทศไทยมีการสำรวจพบว่า พวกเขามีความพึงพอใจกับการใช้งาน Messenger เพื่อติดต่อสื่อสารกับลูกค้า และธุรกิจกว่า 76% กล่าวว่าพวกเขาสามารถหา lead หรือกลุ่มเป้าหมายที่มีคุณภาพได้จากการวางโฆษณาบน Facebook ที่คลิกไปสู่การสนทนาบน Messenger  ซึ่งตอกย้ำถึงบทบาทสำคัญของ Messenger ที่มีต่อการเติบโตของธุรกิจ และการสร้างการมีส่วนร่วมของลูกค้าในประเทศไทย ในวันนี้ เรามีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้เปิดตัวชุดเครื่องมือใหม่ที่เป็นโซลูชันด้านการส่งข้อความเชิงธุรกิจ ที่เกิดจากการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรของเราในประเทศไทยเพื่อสร้างอีโคซิสเต็มแบบองค์รวมที่สะดวกพร้อมสำหรับธุรกิจ ด้วยการนำเสนอวิธีการใหม่ ๆ เพิ่มเติมที่ช่วยให้ธุรกิจไทยสร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้า ด้วยเครื่องมือที่ตอบโจทย์ความต้องการ ซึ่งจะช่วยให้บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจได้สำเร็จ”

ในประเทศไทย แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และกลายเป็นหนึ่งในช่องทางหลักในการขับเคลื่อนการค้นพบสินค้า โดยผู้บริโภคในประเทศไทยนิยมใช้ Facebook และ Messenger เป็นช่องทางการสื่อสารกับธุรกิจมากกว่าช่องทางอื่น ๆ ตามข้อมูลล่าสุดจาก Meta พบว่า 56% ของผู้บริโภคในประเทศไทยติดต่อธุรกิจผ่าน Messenger เป็นประจำทุกสัปดาห์ ในขณะเดียวกัน ยังมีการรายงานว่า 69% รู้สึกสบายใจกับการสื่อสารกับธุรกิจผ่านแชทบอท AI อีกด้วย

Facebook และ Messenger เป็นแพลตฟอร์มแถวหน้าของการปฏิรูปธุรกิจเชิงดิจิทัล และถูกหลอมรวมเป็นส่วนสำคัญของรากฐานของการสื่อสารระหว่างผู้บริโภคและธุรกิจ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ โดย 50% ของ Gen Z ในประเทศไทยมีการใช้งานแพลตฟอร์มภายในเครือของ Meta เพื่อติดต่อกับร้านค้าในขั้นตอนต่าง ๆ ของเส้นทางการซื้อสินค้า นอกจากนี้ Instagram ยังเป็นแพลตฟอร์มที่มีนัยสำคัญต่อ Gen Z โดย 45% ของ Gen Z ชาวไทยมีการแชร์ความสนใจส่วนตัวและติดต่อกับธุรกิจต่าง ๆ ผ่านทาง Instagram Direct

ภายในงาน Meta Business Messaging Summit ที่จัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ในสัปดาห์นี้ Meta ประกาศปล่อยฟีเจอร์ส่งเสริมเทรนด์ทักแชททางธุรกิจและโซลูชันใหม่ ๆ รวมถึงความร่วมมือล่าสุดกับช้อปปี้ (Shopee) แพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ชั้นนำ โดยได้นำเสนอ ‘ฟีเจอร์ช้อปปิ้งบน Messenger’ ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ให้ร้านค้าสามารถเชื่อมต่อแคตตาล็อคของร้านบน Shopee เข้ากับ Messenger เพื่อให้นักช้อปสามารถเลือกซื้อสินค้าได้อย่างไร้รอยต่อ ไม่มีสะดุด โดย คุณธัญญธร เหล่าวัชระ หัวหน้าฝ่ายจัดการร้านค้าธุรกิจ ช้อปปี้ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “เราสามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการช้อปปิ้งด้วยฟีเจอร์ช้อปปิ้งบน Messenger ที่ Shopee ร่วมมือกับ Meta ธุรกิจต่าง ๆ สามารถใช้ Facebook และ Messenger เพื่อกระตุ้นการค้นหา และการมีส่วนร่วมกับผู้ซื้อ ในขณะที่สามารถใช้ประโยชน์จากแคตตาล็อก ระบบการชำระเงิน และระบบจัดการคำสั่งซื้อของ Shopee ตัวอย่างร้านค้า เช่น Beebox ที่เข้าร่วมการทดสอบการใช้งานฟีเจอร์ พบว่าผลตอบแทนจากค่าโฆษณาเพิ่มขึ้น 87% และเราก็เห็นผลลัพธ์ในทางที่ดีคล้ายคลึงกันจากร้านค้าอื่น ๆ”

นอกจากนี้ Meta ยังได้ร่วมทดสอบระบบชุดเครื่องมือ Live Shopping กับ V Rich App ผู้ให้บริการโซลูชันอีคอมเมิร์ซชั้นนำของประเทศไทย เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการค้นพบสินค้าและปิดการขายผ่านไลฟ์สตรีมได้ดียิ่งขึ้น โดยฟีเจอร์ดังกล่าวจะเริ่มให้บริการแก่ธุรกิจต่าง ๆ ในประเทศไทย ผ่านความร่วมมือกับ V Rich App, ZWIZ.AI, Kaojao และบริษัทพันธมิตรธุรกิจอื่น ๆ ของ Meta ต่อไป

“อีโคซิสเต็มของธุรกิจออนไลน์มีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะยุคหลังการระบาดของโควิด-19 เทรนด์ไลฟ์สตรีมเพื่อขายสินค้าเป็นกลยุทธ์ที่เห็นผลทางธุรกิจแบบก้าวกระโดด ด้วยการสนับสนุนจาก Meta และร่วมสร้างโซลูชันต่าง ๆ ทำให้คนไทยจับโอกาสได้ทัน ร้านค้าต่าง ๆ เรียนรู้ในการทำไลฟ์สดขายของกันอย่างแพร่หลาย และผลักดันให้ไลฟ์สดประสบความสำเร็จจนเป็นเทรนด์ยอดฮิตถึงปัจจุบัน ด้วยเครื่องมือโฆษณาบนแพลตฟอร์มอย่าง Facebook ที่ช่วยให้เราได้โปรโมทขณะไลฟ์สดได้ด้วย ยิ่งทำให้ธุรกิจโตไวยิ่งขึ้น” คุณวิจิตรา อยู่เชียร ผู้บริหารฝ่ายกลยุทธ์ V Rich App และพันธมิตรด้านโซลูชั่นของ Meta กล่าว

ฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่เปิดตัวในงาน Business Messaging Summit ที่จัดขึ้นในประเทศไทย โดย Meta มีอะไรบ้าง

เพื่อช่วยให้ธุรกิจไทยเติบโตและได้รับประโยชน์สูงสุดจากการสนทนากับลูกค้า Meta เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่เพื่อการส่งข้อความผ่านทาง Messenger ดังนี้

เครื่องมือ Live Shopping

  • ธุรกิจที่โฆษณาบน Facebook Live จะสามารถใช้ประโยชน์จากเครื่องมือ Live Shopping ที่ผู้ชมไลฟ์สตรีมจะกดเลือกดูสินค้าที่นำเสนอได้ไปพร้อม ๆ กัน รวมถึงสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมผ่าน Messenger ได้อย่างง่ายดาย
  • Facebook ขยายบริการให้ธุรกิจสามารถใช้การบูสต์วิดีโอไลฟ์สตรีมได้มากขึ้น โดยเริ่มเปิดให้ใช้แล้วในช่วงต้นปีที่ผ่านมา และเมื่อใช้งานร่วมกับฟีเจอร์ Live Shopping ผู้โฆษณาจึงมีชุดเครื่องมือเพิ่มเติมจาก Meta ที่ช่วยสร้างโอกาสที่ต่อเนื่องให้ลูกค้าเข้าถึงได้ตลอดเวลา ตั้งแต่การค้นพบแบรนด์ไปสู่การตัดสินใจซื้อ
  • ปัจจุบัน Meta ได้ทดสอบชุดเครื่องมือ Live Shopping นี้ร่วมกับ V Rich App ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรด้านโซลูชันของ Meta ในประเทศไทย และจะเริ่มเปิดให้ธุรกิจที่สนใจใช้งานผ่านการทำงานร่วมกับบริษัทพันธมิตรด้านโซลูชั่นของ Meta อื่น ๆ ด้วยรวมทั้ง ZWIZ.AI, Kaojao และพันธมิตรอื่น ๆ

ฟีเจอร์ช้อปปิ้งบน Messenger ที่พัฒนาร่วมกับช้อปปี้

  • Meta นำความสามารถของ Discovery Engine เข้ามาผสมผสานกับฟีเจอร์อีคอมเมิร์ซของช้อปปี้ในประเทศไทย เพื่อสร้างประสบการณ์การซื้อของที่ไร้รอยต่อ ตั้งแต่การส่งข้อความไปสู่การซื้อสินค้า
  • ธุรกิจสามารถเชื่อมแคตตาล็อกสินค้าของตนเองขึ้นไปอยู่บน Facebook ได้แล้ว และผู้ซื้อสามารถดูแคตตาล็อกสินค้าเหล่านี้ภายในกล่องข้อความ และสั่งซื้อได้อย่างราบรื่นโดยไม่ต้องออกจากแชท
  • ประสิทธิภาพการโฆษณาที่ดีขึ้น: ผู้ใช้งานสามารถยกระดับประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณาได้ด้วยโฆษณาที่คลิกไปยัง Messenger โดยร้านค้ารายงานว่าต้นทุนต่อยอดซื้อ (cost-per-purchase) ลดลง 23% และผลตอบแทนการใช้จ่ายค่าโฆษณา (ROAS) เพิ่มขึ้นถึง 87%
  • ธุรกิจสามารถเชื่อมแคตตาล็อคสินค้าของตนบน Facebook ได้แล้วผ่านการให้บริการจากพันธมิตรด้านโซลูชันของ Meta ได้ตั้งแต่เดือนเมษายน พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป

AI ในการส่งข้อความทางธุรกิจ

  • Llama 3 โมเดลภาษาขนาดใหญ่ล่าสุดของ Meta ได้พัฒนา ‘AI Agent’ ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบคำถามลูกค้าได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือใหญ่ ก็สามารถใช้ตัวช่วยนี้ในการสานสัมพันธ์กับลูกค้า ซึ่งจะเป็นการช่วยประหยัดเวลาในการทำงานได้อีกเยอะ ขณะนี้ Meta อยู่ระหว่างการทดสอบความสามารถของ AI ในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพในการเปลี่ยนเป็นลูกค้าของธุรกิจในอนาคต และการกระตุ้นการพิจารณาผลิตภัณฑ์ของลูกค้าให้มากขึ้นผ่านการแชท
  • AI จะทำความรู้จักธุรกิจผ่านแคตตาล็อกสินค้า และลูกค้าจะสามารถแชทกับ AI เพื่อเรียกดูแคตตาล็อก พิจารณาสินค้าต่าง ๆ จนกระทั่งตัดสินใจซื้อได้
  • Meta กำลังอยู่ในช่วงเร่งพัฒนาเพื่อทำให้ AI สำหรับการส่งข้อความเชิงธุรกิจเพื่อให้พร้อมใช้งานสำหรับธุรกิจในประเทศไทย

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเทรนด์การส่งข้อความเชิงธุรกิจของ Meta และเคล็ดลับสำคัญสำหรับธุรกิจ สามารถติดตามข้อมูลผ่านช่องทาง Broadcast Channel for Business ของ Meta ประเทศไทย ได้ที่ https://m.me/j/Abb33bI6aY9FYiBx/

รับชมข้อมูลและภาพบรรยากาศจากงาน Business Messaging Summit ในประเทศไทยของ Meta ย้อนหลัง กรุณาเยี่ยมชม https://www.facebook.com/MetaforBusinessAPAC (วิดีโอย้อนหลังจะเปิดให้รับชมได้สองสัปดาห์ต่อจากนี้)

เสียวหมี่ประกาศวางจำหน่ายแท็บเล็ต Xiaomi Pad 6S Pro และ Redmi Pad Pro พร้อมด้วยสมาร์ทโฟน Redmi 13 อย่างเป็นทางการในประเทศไทย

เสียวหมี่ ประเทศไทย ประกาศวางจำหน่ายแท็บเล็ต 2 รุ่น ประกอบด้วย Xiaomi Pad 6S Pro แท็บเล็ตที่ถูกดีไซน์มาเพื่อการอ่านและการใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ และ Redmi Pad Pro แท็บเล็ตเพื่อความบันเทิงบนหน้าจอขนาดใหญ่ โดยแท็บเล็ตทั้ง 2 รุ่น พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นอกจากนี้ ยังเปิดตัวสมาร์ทโฟนราคาประหยัด Redmi 13 อย่างเป็นทางการในประเทศไทยอีกด้วย

Xiaomi Pad 6S Pro แท็บเล็ตเพื่อการสร้างสรรค์ไอเดียที่ยิ่งใหญ่บนหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น

Xiaomi Pad 6S Pro มีหน้าจอแสดงผล 144Hz 3K ขนาด 12.4 นิ้ว ที่มีอัตราส่วน 3:2 ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการอ่านและการใช้งานมัลติมีเดียต่างๆ จึงเหมาะสำหรับการใช้ทำงานและการพักผ่อน นอกจากนี้ความสามารถในการแสดงผลอันโดดเด่นยังถูกเสริมด้วยความละเอียด 3048 x 2032 และ 294 พิกเซลต่อนิ้ว (PPI) ทำให้มอบความคมชัดในการใช้งานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านข้อความที่ดีที่สุดไปจนถึงการแก้ไขภาพที่มีความละเอียดสูง หรือสนุกไปกับเกมใหม่ล่าสุด และยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่แข็งแกร่งขนาด 10000mAh (typ) และการชาร์จ HyperCharge 120W ทั้งยังขับเคลื่อนด้วยชิปเช็ต Snapdragon® 8 Gen 2 พร้อมระบบปฏิบัติการ Xiaomi HyperOS นอกจากนี้ Xiaomi Pad 6S Pro ยังมีอุปกรณ์เสริมปากกา Xiaomi Focus Pen และคีย์บอร์ด Xiaomi Pad 6S Pro Touchpad Keyboard ซึ่งเป็นเครื่องมือเสริมช่วยเป็นเวิร์กสเตชันแบบพกพาได้1 ให้กับคุณอีกด้วย 

Xiaomi Pad 6S Pro ความจุ 8GB+256GB สี Graphite Gray วางจำหน่ายในราคา 18,990 บาท ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่าย IT CITY พร้อมช่องทางออนไลน์ mi.com/th, Lazada และ Shopee พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่สั่งจองล่วงหน้าระหว่างวันที่ 14-27 มิถุนายน 2567 รับฟรี! Xiaomi Pad 6S Pro Touchpad Keyboard มูลค่า 3,999 บาท12

Redmi Pad Pro แท็บเล็ตจอใหญ่ครบทุกความบันเทิง

Redmi Pad Pro มีจอแสดงผลขนาด 12.1 นิ้ว 144Hz พร้อมอัตราส่วน 16:10 ที่กว้างขวาง ทำให้ Redmi Pad Pro ไม่เพียงแต่มอบประสบการณ์การรับชมที่ยอดเยี่ยมแต่ยังมอบความสะดวกสบายในการใช้งานที่ยาวนานอีกด้วย2 ด้วยความละเอียด 2.5K (2560 x 1600) ที่ 249ppi ทำให้ Redmi Pad Pro มอบรายละเอียดและการรับชมที่สมบูรณ์แบบ และด้วยอัตรารีเฟรช 120Hz ช่วยให้มั่นใจได้ว่า Redmi Pad Pro มีการตอบสนองที่ลื่นไหลในการใช้แอปพลิเคชันต่างๆ ตั้งแต่การนำใช้งานทั่วไปจนถึงการเล่นเกมแบบไดนามิก3 

Redmi Pad Pro ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Snapdragon® 7s Gen 2 บนระบบปฏิบัติการ Xiaomi HyperOS ช่วยให้สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นความสะดวกในการแชร์เนื้อหา การถ่ายโอนรูปภาพที่รวดเร็ว และการทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ4 และมีแบตเตอรี่ขนาด 10000mAh (typ) และการชาร์จเร็ว 33W ช่วยให้พร้อมสำหรับการใช้งานตลอดทั้งวัน5 นอกจากนี้ Redmi Pad Pro ยังมีอุปกรณ์เสริม Redmi Smart Keyboard และ Redmi Smart Pen ที่ช่วยตอบโจทย์มากขึ้นทั้งความบันเทิงและการทำงานพร้อมกันในหนึ่งเดียว

Redmi Pad Pro มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Graphite Gray และ Ocean Blue 

  • Redmi Pad Pro รุ่นความจุ 8GB+256GB วางจำหน่ายในราคา 10,990 บาท ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางออนไลน์ พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่สั่งจองล่วงหน้าระหว่างวันที่ 14-27 มิถุนายน 2567 รับฟรี! Redmi Pad Pro Keyboard มูลค่า 1,999 บาท12
  • Redmi Pad Pro รุ่นความจุ 6GB+128GB วางจำหน่ายในราคา 8,990 บาท เฉพาะที่ mi.com/th และ Lazada พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่สั่งซื้อในระหว่างวันที่ 14-20 มิถุนายน 2567 สามารถซื้อสินค้าในราคาพิเศษเพียง 8,690 บาท พร้อมรับฟรี Redmi Pad Pro Cover มูลค่า 1,199 บาท12

Redmi 13 สมาร์ทโฟนกล้อง 108MP ที่คุ้มราคา

Redmi 13 มาพร้อมดีไซน์ที่สวยงามมีสไตล์โดยออกแบบด้านหลังด้วยกระจกอันทันสมัยและประณีตบนตัวเครื่องที่มีความบางเพียง 8.3 มม.7 แต่เต็มไปด้วยความสามารถอันหลากหลาย ได้แก่ กล้องหลักความละเอียดสูง 108MP พร้อมเซ็นเซอร์ซูมได้ 3 เท่า ช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับภาพที่มีรายละเอียดโดดเด่น และมีกล้องหน้าความละเอียด 13MP ที่มาพร้อม soft-light ring ซึ่งช่วยเสริมการถ่ายภาพด้วยการปรับแสงให้เป็นธรรมชาติ ทั้งยังมีฟีเจอร์การปรับแต่งภาพอีกมากมายให้คุณได้สนุกมากขึ้นอีกด้วย

Redmi 13 มีจอแสดงผล FHD+ ที่ผสานเทคโนโลยี AdaptiveSync ขนาดจอใหญ่และกว้าง 6.79 นิ้ว ปรับอัตราการรีเฟรชได้อย่างชาญฉลาดตามสถานการณ์การใช้งาน8 สูงสุด 90Hz ทั้งยังถูกออกแบบโดยคำนึงถึงความสะดวกสบายและความทนทานของผู้ใช้งานเป็นสำคัญ จอแสดงผล Corning® Gorilla® Glass เพื่อทนต่อการสึกหรอจากการใช้งานในชีวิตประจำวัน และการเพิ่มประสิทธิภาพในการจดจำ ควบคุมการสัมผัสที่ดียิ่งขึ้น และป้องกันน้ำกระเด็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ Redmi 13 ยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5030mAh และรองรับการชาร์จที่รวดเร็ว 33W9 ทั้งยังได้รับการรับรอง IP5310 ที่ช่วยป้องกันสภาพอากาศเปียกชื้นหรือน้ำที่กระเซ็นโดยไม่ตั้งใจ โดย Redmi 13 ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต MediaTek Helio G91-Ultra บนระบบปฏิบัติการ Xiaomi HyperOS11 

Redmi 13 ความจุ 8GB+128GB มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Midnight Black, Ocean Blue และ Pearl Pink วางจำหน่ายในราคา 5,499 บาท ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางออนไลน์ โดยจะวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 มิถุนายน 2567 เป็นต้นไป พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่ซื้อ Redmi 13 ในระหว่างวันที่ 28 มิถุนายน – 31 กรกฎาคม 2567 รับฟรี! Redmi 13 Giftbox Artstory by Autistic Thai มูลค่า 599 บาท12

สามารถชมภาพเพิ่มเติมได้ที่: Xiaomi Pad 6S Pro, Redmi Pad Pro, Redmi 13

สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ (One-pager): Xiaomi Pad 6S Pro, Redmi Pad Pro, Redmi 13

หมายเหตุ

1 Xiaomi Focus Pen และ Xiaomi Pad 6S Pro Touchpad Keyboard จำหน่ายแยกต่างหาก ความพร้อมใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามภูมิภาค

2 ขนาดหน้าจอของ Redmi Pad Pro คือประมาณ 12.1 นิ้ว เมื่อวัดในแนวทแยง พื้นที่ในการรับชมมีขนาดเล็กลงเนื่องจากมุมโค้ง การวัดระหว่างผลิตภัณฑ์แต่ละรายการอาจแตกต่างกันไป

3 อัตรารีเฟรชจะถูกปรับเป็น 30/48/50/60/90/120Hz โดยอัตโนมัติ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์จริง ผู้ใช้ยังสามารถตั้งค่าอัตราการรีเฟรชเป็น 60/90/120Hz ด้วยตนเองได้ อัตราการรีเฟรชอาจถูกจำกัดขึ้นอยู่กับแอปพลิเคชันที่รองรับ

4 อุปกรณ์ต้องลงชื่อเข้าใช้บัญชีเสียวหมี่เดียวกัน ทั้งแท็บเล็ตและโทรศัพท์ควรเปิด WLAN และ Bluetooth ต้องเปิดฟังก์ชันนี้ทั้งในแท็บเล็ตและโทรศัพท์ล่วงหน้า

5 การชาร์จแบบมีสาย 33W หมายความว่ากำลังเอาต์พุตของอะแดปเตอร์อยู่ที่ 33W การใช้งานจริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม

6 Redmi Smart Pen และ Redmi Pad Pro Keyboard จำหน่ายแยกต่างหาก ความพร้อมใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามภูมิภาค

7 การวัดจริงระหว่างผลิตภัณฑ์แต่ละรายการอาจแตกต่างกันไป ข้อมูลจำเพาะทั้งหมดขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์จริง

8 อัตรารีเฟรชจะถูกปรับเป็น 36/48/60/90Hz โดยอัตโนมัติ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์จริง ผู้ใช้ยังสามารถตั้งค่าอัตราการรีเฟรชเป็น 60/90Hz ได้ด้วยตนเอง อัตราการรีเฟรชอาจถูกจำกัดขึ้นอยู่กับแอปพลิเคชั่นที่รองรับ

9 อะแดปเตอร์จ่ายไฟมีจำหน่ายเฉพาะในบางประเทศและภูมิภาคเท่านั้น อะแดปเตอร์แปลงไฟและสายข้อมูลจำหน่ายแยกต่างหาก แนะนำให้ใช้ Xiaomi 33W Charge Combo (Type-A)

10 อุปกรณ์ที่มีระดับ IP53 ได้รับการทดสอบว่าทนทานต่อน้ำกระเซ็นและฝุ่นในสภาพห้องปฏิบัติการเฉพาะ โดยมีการจัดประเภทการป้องกันน้ำเข้า IP53 ตาม IEC 60529:1989+A1:1999+A2:2013

11 ความพร้อมใช้งานของคุณสมบัติ แอป และบริการของ Xiaomi HyperOS อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเวอร์ชันซอฟต์แวร์และรุ่นโทรศัพท์

12 ของสมนาคุณมีจำนวนจำกัด และเงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด

ซัมซุง เปิดตัว 3 ซีรีส์จอมอนิเตอร์พรีเมียม เดินหน้าบุกตลาดตระกูล OLED ชูฟีเจอร์อัจฉริยะด้วยเทคโนโลยี AI ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

ซัมซุง เดินหน้าตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านตลาดจอมอนิเตอร์พรีเมี่ยม ยกทัพไลน์อัพที่สุดจอมอนิเตอร์จากซัมซุง เปิดตัว 3 ซีรีส์ใหม่ล่าสุด รับเทรนด์ตลาดจอพรีเมี่ยมเติบโตแรง นำโดย Odyssey OLED จอมอนิเตอร์สำหรับการเล่นเกม, Smart Monitor จอมอนิเตอร์สำหรับคนทำงานพร้อมความบันเทิง และ ViewFinity จอมอนิเตอร์สำหรับการใช้งานด้านกราฟฟิก ภายใต้แนวคิด “Tailored Monitor For You” ที่มาพร้อมฟีเจอร์อัจฉริยะด้วยเทคโนโลยี AI เป็น     เจ้าแรก พร้อมรุกตลาดจอมอนิเตอร์พรีเมี่ยมเต็มสูบ ส่งจอ OLED เป็นเจ้าตลาด เพื่อเปลี่ยนทุกประสบการณ์การใช้งานจอมอนิเตอร์ของคนไทยให้สุดกว่าที่เคย ทั้งคอเกม การทำงาน และความบันเทิง พร้อมเติมเต็ม Innovative Hybrid Lifestyle ของผู้คนได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

นายเซยุน คิม ประธานบริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า “ในฐานะผู้นำระดับโลกในอุตสาหกรรมจอภาพ เรามุ่งมั่นเติมเต็มประสบการณ์และยกระดับมาตรฐานเทคโนโลยีจอมอนิเตอร์ด้วยนวัตกรรมที่ล้ำสมัย เพื่อเดินหน้าจุดประกายเทคโนโลยีจอแสดงผลสุดล้ำแห่งยุค โดยนำศักยภาพของเทคโนโลยี AI เข้ามาปลดล็อคประสบการณ์การใช้งานแก่ผู้ใช้ ซึ่งไลน์อัพจอมอนิเตอร์ใหม่ล่าสุดในปีนี้ ซัมซุงได้นำเสนอทางเลือกที่หลากหลายแก่ผู้ใช้ทั่วโลก ผ่านการส่งมอบเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ตั้งแต่จอเกมมิ่ง Odyssey OLED ที่ขับเคลื่อนด้วย AI และเทคโนโลยีที่เหนือชั้น ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ตระกูล Smart Monitor และ ViewFinity ที่ออกแบบมาเฉพาะจากซัมซุง เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำนวัตกรรม Smart Monitor”

ภาพรวมตลาดจอมอนิเตอร์ในประเทศไทย ตลอดระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สะท้อนได้จากข้อมูลจากซัมซุงที่ระบุว่า ในช่วงปี 2565 – ไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 ยอดขายจอมอนิเตอร์ในประเทศไทย มีอัตราการเติบโตสูง และมีแนวโน้มว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มจอมอนิเตอร์พรีเมี่ยมที่มีความโดดเด่นและมีอัตราการเติบโตสูงที่สุด คือ กลุ่ม Samsung Odyssey OLED ซึ่งมีการเติบโตมากกว่า 100% ตั้งแต่ปี 2565 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 ประเทศไทยมียอดขายสูงสุดเป็นอันดับ 2 ในเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากประเทศอินโดนีเซีย จากข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นเทรนด์การเติบโตของผู้บริโภคที่มีความนิยมในการเลือกซื้อจอมอนิเตอร์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีผลมาจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่มองหาเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย 

นางสาวอภิรดา พัวพรพงษ์ ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์จอภาพ บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด เปิดเผยว่า “ซัมซุงมุ่งมั่นที่จะนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดแก่ผู้บริโภค เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดจอมอนิเตอร์พรีเมี่ยม โดยตั้งเป้าการเติบโตในตลาดจอมอนิเตอร์พรีเมี่ยมเพิ่มขึ้นในปี 2567 ผ่านกลยุทธ์เชิงรุกตลาดจอมอนิเตอร์พรีเมี่ยมที่ครอบคลุมทุก Segment ของจอ OLED ด้วยจุดแข็งด้านเทคโนโลยีจากซัมซุง ล่าสุดเปิดตัวจอ OLED เพิ่มขึ้น 2 รุ่น ได้แก่ Odyssey OLED G80SD และ G60SD ที่มาพร้อมการพัฒนาที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีที่หลากหลายเฉพาะของซัมซุง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการทุกประเภทของผู้ใช้ เนื่องจากจอมอนิเตอร์ได้กลายเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวันของคนรุ่นใหม่ในยุค Innovative Hybrid Lifestyle ที่มองหาตัวช่วยที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ชีวิต 3 ด้าน ได้แก่ การประหยัดเวลา (Time Saving), การเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ชีวิต (Life Efficiency) และการเชื่อมต่อแบบไร้รอยต่อ (Seamless Integration) เพื่อให้ทุกวันในการใช้ชีวิต การทำงาน การผ่อนคลาย สามารถเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไร้รอยต่อ และประหยัดเวลา นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์ที่เราไม่เคยหยุดพัฒนาแล้ว เรามีทีมบริการหลังการขายที่จะดูแลทุกลูกค้าคนสำคัญของเราให้ได้พบกับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุด” 

ล่าสุด ซัมซุง ไม่หยุดยิ่งในการพัฒนานวัตกรรมที่สอดรับพฤติกรรมผู้บริโภคทั่วโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เดินหน้ายกระดับมาตรฐานเทคโนโลยีจอภาพ ภายใต้แนวคิด “Tailored Monitor For You เลือกจอที่ใช่ในสไตล์คุณ” จอมอนิเตอร์ที่ตอบสนองความต้องการในทุกไลฟ์สไตล์ ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์อัจริยะด้วยเทคโนโลยี AI ที่จะตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตและการใช้งานให้สุดกว่าที่เคย กับไลน์อัพจอมอนิเตอร์ขั้นสูง 3 ซีรีส์ ได้แก่ 

Odyssey OLED Series: จอมอนิเตอร์สำหรับการเล่นเกม ที่สุดแห่งจอภาพ ประกอบไปด้วย 2 รุ่น ได้แก่ Odyssey OLED G8 (G80SD) และ Odyssey OLED G6 (G60SD) ที่มีความโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีจอ OLED สุดล้ำ มาพร้อมกับระบบการป้องกันจอเบิร์นด้วย Samsung OLED Safeguard+ เอกสิทธิ์เฉพาะของซัมซุง และเป็นเทคโนโลยีแรกของโลกที่กระจายความร้อนดีกว่าถึง 5 เท่า พร้อมคุณภาพของจอภาพที่เหนือชั้นกว่าด้วย FreeSync Premium Pro ขจัดปัญหาภาพกระตุก หน่วง และฉีกขาด รวมทั้งเทคโนโลยี OLED Glare Free ใหม่รักษาความแม่นยำของสีและลดการสะท้อนแสง  จอภาพทั้งสองรุ่นยังมีดีไซน์บางเฉียบและ Core Lighting+ ที่ซิงค์กับหน้าจอเพื่อเพิ่มประสบการณ์ความบันเทิงและการเล่นเกม

Smart Monitor M8: จอมอนิเตอร์สำหรับคนทำงานที่ผสานความบันเทิงไว้ในจอเดียวที่มาพร้อมกับการประมวลผล AI เสียงและภาพที่คมชัด มาพร้อมการอัปเกรดคุณสมบัติใหม่เพื่อเพิ่มอรรถรสความบันเทิงและประสิทธิภาพในการทำงาน ขับเคลื่อนด้วยโปรเซสเซอร์ NQM AI ช่วยยกระดับภาพและเสียงให้คมชัดขึ้น พร้อมฟีเจอร์ Active Voice Amplifier Pro ตรวจจับเสียงรอบข้าง เพื่อปรับระดับเสียงของลำโพงให้คมชัดมากที่สุด และ 360 Audio Mode ที่จับคู่กับ Galaxy Buds และกล้อง SlimFit ในตัว ช่วยให้การสนทนาทางวิดีโอผ่าน Samsung Dex ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Workout Tracker จับคู่กับ Galaxy Watch แสดงข้อมูลสุขภาพแบบเรียลไทม์บนหน้าจอ

ViewFinity Series: จอมอนิเตอร์สำหรับการใช้งานด้านกราฟฟิก  ถูกพัฒนามาให้เหมาะกับคนทำงานและสายครีเอทีฟ ซึ่งประกอบไปด้วย ViewFinity S8 (รุ่น S80UD) และ ViewFinity S6 (รุ่น S65VC) โดยความพิเศษของซีรีส์นี้ทั้งหมดทำจากพลาสติกรีไซเคิล 10% และไม่ใช้สารเคมีในการประกอบพลาสติก จอภาพมีขาตั้งติดตั้งง่าย รองรับ HDR10 และการแสดงผล 1 พันล้านสี ผสานเทคโนโลยี Intelligent Eye Care ที่ได้รับการรับรองจาก TÜV-Rheinland ว่าช่วยลดความเมื่อยล้าของดวงตาจากการทำงานกับหน้าจอเป็นเวลานาน

ซัมซุงตอกย้ำความเป็นผู้นำในนวัตกรรมจอมอนิเตอร์ขั้นสูง  มุ่งมั่นที่จะยกระดับประสบการณ์และประสิทธิภาพในการใช้ชีวิตของผู้คนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเดินหน้าสู่ชีวิตแบบ  Innovative Hybrid Lifestyle ได้อย่างมีความสุขและมีประสิทธิภาพ ผู้สนใจสามารถสัมผัสประสบการณ์การใช้งานจอมอนิเตอร์จากซัมซุงได้ Online Strore ที่ www.samsung.com และ ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ 

โดนใจนักเดินป่า ฟีเจอร์ใหม่ iOS 18 ส่ง SOS ผ่านดาวเทียม

iOS 18

ไหนใครชอบเดินป่า

ใน iOS 18 ที่ Apple เพิ่งเปิดตัว มีฟีเจอร์ต่าง ๆ มากมายที่น่าสนใจ หนึ่งในนั้นคือฟีเจอร์ใหม่ที่ออกแบบมาสำหรับนักเดินป่า คือ

1. เพิ่มเส้นทางเดินป่าใน Apple โดย Apple ได้เพิ่มเส้นทางเดินป่าสำหรับอุทยานแห่งชาติ 63 แห่งในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีเส้นทางให้เลือกนับพันเส้นทาง ทั้งหมดเรียงตามความยาว ระดับความสูง และประเภทของเส้นทาง และแน่นอนว่าสามารถกดบันทึกเส้นทางไว้สำหรับใช้งานแบบออฟไลน์ได้

2. Messaging via Satellite เป็นฟีเจอร์ใหม่สำคัญของ iPhone ใน iOS 18 ช่วยให้ผู้ใช้ iPhone สามารถติดต่อกับคนที่รักได้ แม้ว่าจะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ก็ตาม นอกจากนี้ ยังมีเครื่องมือ Emergency SOS ที่ใช้ดาวเทียมเพื่อเชื่อมต่อเจ้าของ iPhone กับบริการฉุกเฉิน ซึ่งเปิดตัวพร้อมกับ iPhone 14

น่าเสียดายที่ทั้งสองฟีเจอร์นี้ เหมือนจะยังไม่ได้รองรับในประเทศไทยนะครับ รอดูกันว่า Apple จะอัปเดตให้เมื่อไหร่

ที่มา
https://www.trustedreviews.com/news/apple-is-becoming-a-hikers-best-friend-with-ios-18-4534484

จริงแค่ไหน Tesla ติดตั้งหุ่นยนต์ Optimus 2 ทำงานจริงแล้ว 2 ตัว

Optimus 2
มีข้อมูลว่า ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา Tesla พยายามส่งข่าวประชาสัมพันธ์มากขึ้น และส่วนใหญ่เป็นไปในทำนองว่า “Elon คือซีอีโอที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล และ Tesla คงทำอะไรไม่ได้มาก หากไม่มีเขา” (ชมตัวเองขั้นสุด)
และล่าสุด บัญชีทางการของ Tesla ได้ทวีตข้อความสรุปความสำเร็จของบริษัท “ภายใต้การนำของ Elon Musk” ตั้งแต่ปี 2018 คือ
  • ผลิตรถยนต์ได้มากกว่า 4 ล้านคัน
  • เพิ่มกำลังการผลิตเป็น 4 เท่า
  • เปิดโรงงาน Gigafactory 4 แห่ง
  • พัฒนา Autopilot จากการเปลี่ยนเลนพื้นฐานไปสู่ระบบขับขี่อัตโนมัติในเมือง
  • เปิดตัวรถบรรทุก Semi และ Cybertruck
  • เริ่มติดตั้งระบบกักเก็บพลังงาน Megapack
  • มีมูลค่าตามราคาตลาดเพิ่มขึ้นเกือบ 10 เท่า
  • ติดตั้ง Supercharger มากกว่า 45,000 เครื่อง
  • และติดตั้งหุ่นยนต์ Optimus 2 ตัวที่ทำงานในโรงงานโดยอัตโนมัติ

ข้อมูลส่วนใหญ่ เราพอจะรู้กันดีอยู่แล้วล่ะ ยกเว้นข้อสุดท้าย เพราะที่เราเห็น Optimus ล่าสุดนั้น ก็มาจากคลิปวีดีโอที่เผยแพร่ผ่าน Youtube ของ Tesla เมื่อเดือนธันวาคม 2023 ที่เผยให้เห็นว่า Optimus 2 ทำอะไรได้ เพียงเท่านั้น

หากถามว่า ข่าวนี้เป็นความจริงไหม ก็คงจะจริงแหละ หากเอาไปใช้ตรวจเช็คความปลอดภัยต่าง ๆ ภายใน หรือใช้กับงานง่าย ๆ  ซึ่งก็คือการติดตั้งใช้ในโรงงานแล้ว แต่ส่วนตัวคิดว่า คงยังไม่ถึงขั้นประกอบรถด้วยมือหรอก ซึ่งก็ต้องรอ Tesla มาชี้แจงอีกทีครับ

ที่มา

เน้นส่งข้อความ Facebook เปิดฟีเจอร์ใหม่ สร้างห้องแชทได้ 5,000 คน

ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ Meta เปิดตัวชุมชนบน Messenger สร้างห้องแชทเพิ่มสมาชิกสูงสุดถึง 5,000 คน ฟีเจอร์ “Communities” ออกแบบมาเพื่อให้องค์กร โรงเรียน และกลุ่มส่วนตัวอื่นๆ คล้ายกับชุมชนบน WhatsApp

เป็นพื้นที่สำหรับการสื่อสารแบบเรียลไทม์บน Messenger โดยไม่ต้องเชื่อมต่อ ไปที่กลุ่ม Facebook เหมือนแต่ก่อน และไม่จำเป็นต้องเพิ่มเพื่อนก็สามารถเข้าร่วมกลุ่มนี้ได้เช่นกัน

ขยายฟังก์ชันการทำงานของ Messenger ให้กว้างกว่าเดิม และสร้างความแตกต่างจากแอปส่งข้อความอื่น ๆ เช่น iMessage เป็นต้น แถมสามารถรวมการแชทกลุ่มหลายรายการไว้ในที่เดียว

แต่ละชุมชนจะมีพื้นที่หน้าแรกโดยเฉพาะ ผู้ดูแลระบบจะแบ่งปันการอัปเดตข่าวสารและประกาศต่างๆ จุผู้คนได้มากถึง 5,000 คน เพื่อสร้างพื้นที่ขยาดย่อม เช่น องค์กร โรงเรียน สถานที่ หรือผู้คนที่มีความสนใจคล้ายกัน

ฟีเจอร์ Communities ถูกพัฒนามาตั้งแต่ปี 2022 และจะต่อยอดให้ได้ใช้กันในเร็ว ๆ  

เราจะเห็นได้ว่าช่วยนี้ Facebook เริ่มอัปเดทการใช้งานใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลารวมถึงใช้ AI เข้ามาช่วยตรวจสอบสิ่งผิดปกติอีกด้วย

 

#FacebookMessenger #TechhubUpdate

เลิกผลิต Suzuki ปิดโรงงานในไทย หันมานำเข้ารถ HEVs แทน

ข่าวเรื่องหยุดขายรถในไทยของ Suzuki เริ่มมีประเด็นมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม แต่ก็ได้เงียบไปเพราะทางบริษัทได้ออกมาชี้แจ้งว่าไม่เป็นความจริง ยังคงมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจในประเทศไทย

แต่ล่าสุด Suzuki ได้ออกประกาศอย่างเป็นทางการ แจ้งยุติผลิตรถยนต์ในไทย โดยจะหันมาใช้รถนำเข้าแทน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต และเปิดทางให้รถยนต์ไฟฟ้าได้เข้ามาตีตลาดมากขึ้น

ตั้งแต่ปี พ.. 2555 บริษัท Suzuki ได้ทำการผลิตรถยนต์ทั้งรุ่น Swift Ciaz และ Celerio และสามารถผลิตและส่งออกได้ถึง 60,000 คันโดยบริษัทตัดสินใจปิดโรงงานภายในช่วงสิ้นปี พ.. 2568 และเปลี่ยนเป็นการนำเข้ารถยนต์ทั้งหมดจากประเทศญี่ปุ่นและอินเดีย

ถึงแม้จะยุติการผลิตในไทยลง แต่ยังคงทำการตลาดในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเตรียมนำรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นต่าง ๆ รวมถึง HEVs เข้ามาเป็นตัวเลือก คล้ายกับค่ายรถยนต์ Subaru ที่ก็พึ่งประกาศปิดตัวโรงงานในไทยเช่นกัน 

ข้อเสียของการถอยทัพของค่ายรถยนต์ต่าง ๆ และเปลี่ยนมาเป็นการนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศ อาจทำให้มูลค่าเพิ่มขึ้น ภาษีต่าง ๆ หรืออะไหล่ในการซ่อมอาจจะต้องรอนานกว่าเดิม

 

ที่มา : Suzuki

#TechhubUpdate

คมชัดที่สุด NASA โชว์ภาพใหม่ เนบิวลาหัวม้า ถ่ายจากอวกาศ

กล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เว็บบ์ ของ NASA ได้บันทึกภาพอินฟราเรดที่คมชัดที่สุดของเนบิวลาหัวม้า

บริเวณหนาแน่นที่เรียกว่าเมฆโมเลกุลนายพรานบี เนบิวลาหัวม้า (Horsehead Nebula) เกิดขึ้นจากคลื่นฝุ่นและก๊าซที่ปั่นป่วนซึ่งอยู่ห่างจากโลกประมาณ 1,300 ปีแสง

เนบิวลานี้ก่อตัวขึ้นจากเมฆมวลสารระหว่างดาวฤกษ์ที่กำลังยุบตัว และสว่างขึ้นเพราะได้รับแสงสว่างจากดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้ ๆ โดยแก๊สและฝุ่นจะใช้เวลาประมาณ 5 ล้านปีกว่าจะสลายตัวไป

โดยใช้กล้องอินฟราเรดระยะกลาง (MIRI) และ NIRCam ของ เจมส์ เว็บบ์ จึงทำให้สามารถเก็บภาพเนบิวลาหัวม้าได้คมชัดที่สุดในประวัติศาสตร์ เราจะเห็นเป็นหัวม้าออกมาจากเมฆอย่างสวยงาม 

สำหรับใครที่สนใจอยากชมภาพหรือดูภาพถ่ายอวกาศจากกล้อง เจมส์ เว็บบ์ สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ 

แจกลิงก์โหลดฟรี ภาพถ่ายห้วงอวกาศ ของ NASA ชัดที่สุดจากกล้อง James Webb

>> https://www.techhub.in.th/cosmic-cliffs-form-james-webb-space-telescope/ 

 

ที่มา : nasa

#เนบิวลาหัวม้า  #NASA #TechhubUpdate

Hot Issue