Home Blog Page 69

Tesla เป็นเรื่องอีก ขังเด็กไว้ข้างในรถ แบตหมดประตูเปิดไม่ได้

เป็นเรื่องใหญ่ เมื่อของแบตเตอรี่ 12 โวลต์ ที่ใช้สำหรับควบคุมระบบอิเล็กทรอนิกส์ของรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model Y เกิดหมดทำให้ไม่สามารถใช้ประตูและหน้าต่างได้

Renee Sanchez โทรหาเจ้าหน้าที่อย่างเร่งด่วนเพื่อขอความช่วยเหลือเพราะหลานอายุ 20 เดือน ติดอยู่ในรถยนต์ไฟฟ้า Tesla เพียงลำพัง

เธอเผยว่าเมื่อนำหลานสาวนั่งคาร์ซีตและรัดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย เธอได้ทำการปิดประตูและอ้อมไปนั่งในฝั่งคนขับเพื่อพาหลานสาวไปสวนสัตว์ แต่แบตเตอรี่ของรถนั้นเกิดปัญหา

ทำให้ไม่สามารถใช้งานได้เธอพยายามใช้สมาร์ทโฟนในการปลดล็อก (Phone Key) ก็ยังไม่สามารถช่วยหลานได้ 

แถมช่วงนี้รัฐแอริโซนามีอุณหภูมิสูงเรื่อย ๆ และกลัวว่าจะเป็นอันตรายต่อตัวเด็ก จึงได้ติดต่อขอความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ดับเพลิงโดยใช้ขวานทุบกระจกเพื่อช่วยเด็กได้อย่างปลอดภัย 

แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความกังวลว่าทำไมจึงไม่มีวิธีที่ง่ายในการเปิดรถจากภายนอกเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน หรือไม่ได้รับการแจ้งเตือนให้ทราบถึงจำนวนของแบต

เมื่อไม่นาน Tesla ก็เจอปัญหาแบตเสีย ทำรถล็อคและต้องจ่ายค่าเปลี่ยนแบตเกือบแสน

อ่านเพิ่มเติม >> https://www.techhub.in.th/tesla-driver-locked-out-of-car/

 

ที่มา : theverge

#Tesla #ModelY #TechhubUpdate

ไม่เป็นผล TikTok เคยยื่น Kill Switch ปุ่มปิดตาย เลี่ยงโดนสหรัฐแบน

[ปัดข้อเสนอ] ตามกำหนดในเดือนมกราคมปีหน้า TikTok จะต้องตัดสินใจว่าจะขายกิจการให้สหรัฐฯ หรือถอนตัวออกจากสหรัฐฯ สืบเนื่องจากความกังวลด้านข้อมูลและความมั่นคงของชาติ ตามที่ทางการสหรัฐฯ ได้ตั้งข้อสังเกต อย่างไรก็ตามทาง TikTok เผยจะสู้เต็มที่ ล่าสุดเผยเคยถึงขั้นเสนอ ‘Kill Switch’ มาก่อนหน้านี้แล้ว

ByteDance เจ้าของแอปฯ TikTok เผยเคยเสนอ Kill Switch หรือปุ่มปิดตายแอปฯ กับทางรัฐบาลสหรัฐฯ มาตั้งแต่ปี 2022 แล้ว โดยหากพบว่าตัวแอปฯ เป็นภัยต่อความมั่นคงจริง ก็กดปุ่มนี้ได้ทันที เสมือนเป็นการยื่นอำนาจให้กับทางการโดยตรง และเป็นการรับรองว่ากลาย ๆ ว่าจะไม่ยุ่งกับข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ในสหรัฐฯ อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ทนายความของ TikTok เผยหลังยื่นข้อเสนอดังกล่าวไปแล้ว ทางรัฐบาลสหรัฐฯ กลับเพิกเฉยต่อข้อเสนอนี้ และเดินหน้ากดดันตามเดิม

กลับมาปัจจุบัน ByteDance มีกำหนดยื่นอุทธรณ์ต่อศาลที่สหรัฐฯ ในเดือนกันยายนปีนี้ ก่อนจะถึงเส้นตายเดือนมกราคม 2025 ที่ทาง ByteDance ต้องเลือกว่าจะทิ้งผู้ใช้ TikTok ในสหรัฐฯ กว่า 170 ล้านคน หรือขายกิจการให้กับทางสหรัฐฯ ล่าสุดทางฝั่งยุโรปหรือ EU ก็เริ่มมีความเคลื่อนไหวคล้ายกันด้วย

ที่มา : Techspot

สุดเจ๋ง PillBots หุ่นยนต์ตรวจกระเพาะ เริ่มทดสอบใช้งานจริง

PillBots

เคยเห็นใครต้องส่องกล้องเพื่อดูแผลในลำไส้ไหม แต่นี่อาจจะง่ายกว่านั้น

ตอนนี้ หุ่นยนต์ยาหรือ PillBots กำลังเข้าสู่การทดสอบใช้งานจริง ซึ่งคนไข้สามารถกลืนหุ่นยนต์ยาแคปซูลนี้ลงในลำไส้ เพื่อเป็นการส่องกล้องตรวจภายในโดยไม่ต้องผ่าตัด โดยใช้กล้องและเซ็นเซอร์

หุ่นยนต์นี้จะช่วยให้แพทย์สามารถดูภายในกระเพาะอาหารได้รวดเร็ว โดยไม่ต้องใช้ยาชาและผู้ป่วยก็ไม่จำเป็นต้องอดอาหารนาน

การทำงานคือ เมื่อเรากลืน PillBot ลงไปแล้ว หุ่นยนต์จะเคลื่อนที่ไปรอบ ๆ ร่างกายโดยใช้ระบบขับเคลื่อนแบบ multi-pumpjet ที่ควบคุมโดยแพทย์ และหุ่นยนต์จะส่องแสงในทางเดินอาหารและส่งวิดีโอความละเอียดสูงที่ 2.3 ล้านพิกเซลต่อวินาทีให้แพทย์ดู

เมื่อแพทย์ตรวจเสร็จแล้ว PillBot จะปิดตัวเอง จากนั้นจะค่อย ๆ ไหลผ่านระบบทางเดินอาหารและถูกขับถ่ายออกมาภายใน 24 ชั่วโมงครับ

ตอนนี้หุ่นยนต์ PillBot กำลังรออนุมัติจากทาง FDA หรือ Food and Drug Administration หรือ องค์การอาหารและยา ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ เพื่อใช้ยาดังกล่าว โดยคาดว่าจะพร้อมใช้เชิงพาณิชย์ในปี 2569 ครับ

ที่มา
https://www.newsnationnow.com/health/pillbots-robot-pill-gi-health/

เล็กเท่าไฟฉาย Maus ถังดับเพลิงแบบใหม่ ดับไฟง่ายไม่ทิ้งคราบ

Maus

นับว่าเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ามากขึ้น กับอุปกรณ์ดับเพลิงขนาดเท่าไฟฉาย แต่สามารถดับไฟได้รวดเร็ว

อุปกรณ์นี้ชื่อว่า Maus ครับ เป็นอุปกรณ์ดับไฟขนาดเล็กที่สามารถดับไฟได้หลายประเทศเภท เช่น ไฟจากน้ำมัน จาระบี เครื่องยนต์ แบตเตอรี่ หรือแม้แต่ในห้องเซิร์ฟเวอร์ โดยเทคโนโลยีที่ใช้คือ Pyrotechnic ซึ่งไม่ทิ้งคราบสกปรกใดๆ ไว้บนอุปกรณ์เรา

Maus มีขนาดเล็กกระทัดรัด พกพาสะดวกเหมือนไฟฉายขนาดยาว (24.5 ซม.) ใช้งานง่าย เพียงดึงแถบและกดปุ่ม ก็จะปล่อยควันโพแทสเซียมออกมาเป็นเวลา 9 วินาทีในระยะ 3 เมตร

โพแทสเซียมในควันจะทำปฏิกิริยากับออกซิเจน ไฮโดรเจน และอนุมูลไฮดรอกไซด์ในอากาศ ทำให้ปฏิกิริยาการเผาไหม้หยุดชะงัก และดับไฟในระยะเริ่มต้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ที่สำคัญคือ ไอเจ้าควันโพแทสเซียมนี้ไม่เป็นพิษ สามารถหายใจได้ (แต่ไม่ค่อยน่าอภิรมย์นัก) และไม่ลดปริมาณออกซิเจนในอากาศ จึงปลอดภัยต่อการใช้งานในพื้นที่ปิดที่มีคนอยู่ ไม่เหมือนกับเครื่องดับเพลิงชนิด CO2 ครับ

Maus ใช้งานได้ทั้งแบบแมนนวล โดยฉีดพุ่งไปที่เปลวไฟโดยตรง หรือแบบ “ระเบิดดับเพลิง” โยนเข้าไปในรถยนต์ หรือห้องขนาดเล็กที่เกิดเพลิงไหม้ ควันจะกระจายไปทั่วบริเวณและดับไฟได้อย่างรวดเร็ว

เห็นอย่างนี้แล้ว อยากมีไว้ติดรถเหมือนกันนะ ช่วงนี้ให้ข่าวไฟใหม่รถยนต์บ่อยอยู่ด้วย… เจ๋งสุด

ที่มา
newatlas

เทียบให้เห็น เผยผลทดสอบแมสก์ กันเชื้อโรคได้ดีที่สุด

ทีมนักวิจัยจาก University of Maryland ในสหรัฐฯ ทำการทดลองโดยให้ผู้ป่วย COVID-19 จำนวน 44 คนหายใจเข้าเครื่อง Gesundheit II ที่สามารถวัดอนุภาคของไวรัสที่ออกมาได้

พวกเขาได้ทดสอบกับหน้ากาก 4 แบบ พร้อมให้ผู้ร่วมทดลองเปล่งเสียงต่างๆ เช่น ร้องเพลง Happy Birthday ให้แต่ละคนหายใจในหน้ากาก 30 นาที และอีก 30 นาทีโดยไม่ใส่หน้ากาก

ผลปรากฏว่า หน้ากาก N95 ชนิดปากเป็ด (duckbill) กันอนุภาคขนาดใหญ่และเล็กได้ถึง 99% และ 98% ตามลำดับ และป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสได้ถึง 98% นอกจากนี้ยังทดสอบหน้ากากผ้า สามารถป้องกันได้ 87% หน้ากากอนามัย 74% และหน้ากาก KN95 (71%) ซึ่งแต่ละแบบนั้นมีประสิทธิภาพต่างกัน

ถึงแม้ว่าหน้ากาก KN95 ที่มีการใช้กันแพร่หลายจะได้คะแนนน้อยสุด แต่ทีมวิจัยก็บอกว่าอาจเป็นเพราะมีลมหายใจรั่วออกด้านข้างได้มากกว่า ส่วนหน้ากาก N95 ได้คะแนนสูงเพราะประสิทธิภาพของตัวกรอง และการแนบสนิทกับผิวหน้า แต่สำหรับใครที่เคยใส่ N95 แบบถูกวิธีจริง ๆ จะเข้าใจว่า มันหายใจลำบากมาก และมีก็ราคาแพงมากที่สุดด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม การศึกษานี้ไม่ได้วัดปริมาณไวรัสที่เข้ามาจากภายนอกนะ หรือพูดอีกอย่างคือไม่ได้วัดว่าหน้ากากแต่ละแบบป้องกันผู้สวมใส่จากไวรัสในอากาศได้แค่ไหน แต่วัดจากจุดประสงค์จริง ๆ ของหน้ากากคือดูว่า หากเราติดเชื้อแล้ว หน้ากากแบบไหน จะกันการแพร่เชื้อได้ดีที่สุดครับ

ที่มา
sciencealert

Zyxel Networks ถูกจัดอันดับในหมวด Firewall ให้เป็น หนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดในด้าน Security Solution

ได้รับจากประสบการณ์ผู้ใช้งานจริง เน้นย้ำถึงการใช้งานง่าย มีความน่าเชื่อถือ และฟังก์ชันการทำงานของผลิตภัณฑ์ของ Zyxel Networks ที่มอบประสิทธิภาพระดับองค์กรในราคา SMB

Zyxel Networks ผู้นำด้านโซลูชันระบบเครือข่ายคลาวด์ที่ปลอดภัยและขับเคลื่อนด้วย AI ประกาศว่าเราเป็นผู้ชนะในหมวด Firewall Solution จากการสำรวจของผู้ใช้งานจริง Professional User Ratings (PUR) ซึ่งครอบคลุมโซลูชันด้านความปลอดภัยจาก Techconsult – องค์กรวิจัยและวิเคราะห์อิสระที่มีชื่อเสียงของเยอรมนี และเป็นส่วนหนึ่งจากนิตยสาร Heise group

ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยมากกว่า 3,500 ราย ได้เข้าร่วมการสำรวจ Professional User Rating: Security Solutions 2024 จาก Techconsult ให้คะแนนผลิตภัณฑ์และบริการในหลายด้าน โดยแต่ละองค์กรจะได้รับการจัดอันดับตามผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมทั้งในด้านโซลูชัน/เทคโนโลยี Zyxel Networks เป็นหนึ่งในผู้จำหน่ายเพียงแปดรายที่ถูกจัดอันดับ ‘Champion’ อันดับต้นๆ โดยได้รับคะแนนความเป็นเลิศด้านโซลูชั่น/เทคโนโลยีโดยรวมสูงสุด และถูกจัดเป็นบริษัทที่ยอดเยี่ยมอยู่ในอันดับ 4 ไฟร์วอลล์ของ Zyxel Networks ได้รับการจัดอันดับต้นๆในด้านของการใช้งาน และความน่าเชื่อถือรวมไปถึงในด้านฟังก์ชันที่ครอบคลุม โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ Zyxel Networks ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด สามารถซัพพอร์ตและเป็นที่ปรึกษาด้านเทคนิค ให้กับพันธมิตรของเราอย่างต่อเนื่อง Ken Tsai, Vice President of Zyxel Networks’ Gateway Strategic Business Unit stated Networks กล่าวว่า “จากการสำรวจของผู้เชี่ยวชาญ ถือว่าเป็นข้อมูลที่สำคัญต่อเราเป็นอย่างมากเนื่องจากเป็นการให้มุมมองที่เป็นข้อเท็จจริง โดยพิจารณาจากประสบการณ์ของผู้ใช้จริง ทั้งในด้านประสิทธิผลของ Security Solution จากการสำรวจ PUR Security Solutions ประจำปี 2024 ระบุว่า โซลูชั่น Firewall ของ Zyxel Networks อยู่ในกลุ่มที่ดีที่สุด ทั้งในแง่ของการป้องกันให้กับเครือข่าย และการบริการระดับสูงที่เรามอบให้กับคู่ค้าและลูกค้าของเรา เป็นการรับรองอันทรงเกียรติถึงความสามารถในการสร้างสรรค์และส่งมอบประสิทธิภาพที่ดีที่สุด มีคุณสมบัติระดับองค์กรในราคา SMB เราเชื่อว่าเราเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในอุตสาหกรรม” จากการสำรวจจากผู้เชี่ยวชาญ ได้จัดวางให้ผู้จำหน่ายอยู่ในกุล่ม ‘PUR diamond’  ” ซึ่งแสดงลำดับของผู้จำหน่ายแต่ละราย ตามการประเมินของลูกค้าต่อผลิตภัณฑ์และบริการ โดยใช้เกณฑ์ครบทั้งโซลูชั่น สำรวจด้านการใช้งานรวมถึงประสิทธิภาพฟังก์ชันการทำงาน, ความง่ายในการใช้งาน และความพึงพอใจของผู้ใช้ โดยมีผู้จำหน่ายทั้งหมด 22 ราย ที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม ‘PUR diamond’    Raphael Napieralski นักวิเคราะห์ของ techconsult อธิบายว่า: “โซลูชั่นไฟร์วอลล์เป็นส่วนสำคัญต่อความปลอดภัยของแผนก IT ในแต่ละบริษัท นอกจากในมุมรับประกันความปลอดภัยในปัจจุบันและในอนาคตแล้ว ความง่ายในการใช้งานยังมีบทบาทที่สำคัญมากขึ้น สิ่งที่เคยเป็นจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ ตอนนี้กลายเป็นมาตรฐานในมุมมองของผู้ใช้ไปแล้ว ผู้ใช้คาดหวังโซลูชั่นที่เรียบง่ายและสามารถใช้งานได้อย่างรวดเร็ว”

“Zyxel Networks รวมมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด และความง่ายในการใช้งาน โดยได้รับรางวัลอันดับต้นๆในด้านผลิตภัณฑ์ที่มีอัตราการแนะนำสูง ทำให้ความแข็งแกร่งนี้ส่งผลให้คะแนนโดยรวมของ Zyxel Networks แสดงถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า”

สำหรับรายงานของ techconsult ไฟร์วอลล์ยถูกกำหนดให้เป็นโซลูชั่นในหลายด้วน ไม่ว่าจะเป็นฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรือบนคลาวด์ ที่สามารถป้องกันระบบเครือข่ายได้ techconsult เป็นบริษัทวิจัยและวิเคราะห์เฉพาะทางที่ดำเนินการสัมภาษณ์มากกว่า 35,000 ครั้งต่อปีต่อผู้ตัดสินใจทางธุรกิจและเทคโนโลยี สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมดูที่ www.techconsult.de

เกี่ยวกับ Zyxel Networks

Zyxel Networks ผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชันเครือข่ายผ่านระบบคลาวด์ที่ปลอดภัย และขับเคลื่อนด้วย AI เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMBs) เรามอบการเชื่อมต่อที่ราบรื่นและความยืดหยุ่นในการปรับขนาดระบบเครือข่ายผ่านบริการสมัครสมาชิก โดยมีความปลอดภัยที่แข็งแกร่งรองรับ ด้วยประสบการณ์ยาวนานกว่า 30 ปี ในการปลดล็อกศักยภาพ และช่วยให้ผู้คนปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป Zyxel Networks ได้รับความไว้วางใจจากธุรกิจกว่า 1 ล้านแห่งใน 150 ประเทศทั่วโลก

อัปเดตเทรนด์เทคโนโลยี AI PC มาแรง

อัปเดตเทรนด์เทคโนโลยี AI PC มาแรง กับ 3 สัญญาณที่ตอกย้ำว่า AI กำลังเข้ามาเปลี่ยนเจน PC ที่เริ่มเห็นแนวโน้มมากขึ้นในงานคอมมาร์ตรอบกลางปีวันที่ 11-14 ก.ค. 67 ที่ไบเทค บางนา

1. ชิปรุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการประมวลผล AI โดยเฉพาะ เห็นได้จากแบรนด์ผู้ผลิตชิปประมวลผลอาทิ Intel, AMD, Apple, Qualcomm มีการพัฒนาหน่วยประมวลผลที่รองรับการใช้งาน AI PC พร้อมชูเรื่องการประหยัดพลังงานแทบจะเหมือน ๆ กัo

2. แบรนด์ดังเริ่มออกผลิตภัณฑ์ที่รองรับการใช้งาน AI PC รวมถึงอุปกรณ์อื่นๆ รองรับการใช้งาน ฟีเจอร์ Copilot ของ Microsoft และ OpenAI เช่น HP , Dell , Acer, ASUS, Lenovo และ Microsoft ก็ได้เปิดตัวคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ที่ใช้ AI บุกตลาด PC ที่คาดการณ์การเติบโตอย่างรวดเร็ว  ซึ่งโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ ๆ ก็จะมาพร้อมกับปุ่ม Copilot ที่เป็นปุ่มสำหรับเรียกใช้งาน AI บนเครื่อง สื่อถึงแบรนด์ต่าง ๆ ที่ได้ตอบรับฟีเจอร์ AI ที่มาบน Windows 11 และ

โน้ตบุ๊ก รุ่นใหม่ นอกจากจะเน้นความบางเบา ประหยัดพลังงานมากขึ้นแล้ว ยังมาพร้อมชิป AI ในตัว โดยเฉพาะฝั่ง Intel ดูได้จากโลโก้ใหม่อย่าง “Intel Core Ultra” ส่วนฝั่ง AMD ก็ใช้เป็น “Ryzen AI” เป็นต้น

3. AI ถูกย่อส่วนให้อยู่บนสมาร์ทโฟน ช่วยเพิ่มการเข้าถึง AI และทำให้เกิดประสบการณ์ในการใช้งานที่มากขึ้น ทั้ง IOS และ Android จนทำให้คนเริ่มมองว่า AI เป็นเรื่องใกล้ตัว และพร้อมที่จะตัดสินใจเปลี่ยนอุปกรณ์เพื่อรองรับการใช้งานได้ง่ายมากขึ้น

Smart Phone ทั้งฝั่ง iOS และ Android ต่างก็มีฟีเจอร์ AI ที่เพิ่มความสามารถมากกว่าเดิม รวมถึง Gadgets อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น จอคอมพิวเตอร์ ทีวี เราเตอร์ สมาร์ทวอทช์ และอุปกรณ์พกพาอื่น ๆ ก็เริ่มมีรองรับฟีเจอร์อัจฉริยะอย่าง AI มากขึ้น

นอกจากนี้ ในงานคอมมาร์ตรอบกลางปียังมีสินค้าไอทีตัวใหม่ที่น่าสนใจอีกหลายตัว อาทิ Desktop PC ที่เปิดตัว SSD Gen 5 ที่มาพร้อมพัดลมระบายความร้อน หรือกระทั่งใส่ชุดน้ำ จากปกติมักจะเห็นในซีพียูหรือการ์ดจอมากกว่า

ถัดมาก็มีแรมแบบใหม่อย่าง CAMM2 ที่มีขนาดกะทัดรัดมากยิ่งขึ้น ใช้พลังงานน้อยลง ซึ่งอาจมาแทนที่แรม SO-DIMM ที่นิยมใช้ในโน้ตบุ๊กหรือ Mini-PC นั่นเอง

ทั้งหมดนี้สามารถมาพบได้ที่งานคอมมาร์ตครั้งนี้ และงานนี้ยังจัดเต็มโปรโมชั่น ส่วนลด แจกกันฉ่ำๆ ตลอดงาน

อ่านต่อ >> https://www.techhub.in.th/commart-megatech-ai-pc-trend/

Etix Everywhere กรุยทางสู่ Data center ยั่งยืนด้วยพลังงานสะอาด ติดโซล่าเซลล์ 6,000 ต.ร.ม. ตั้งเป้าปี 68 ใช้ไฟฟ้า 100% จากพลังงานหมุนเวียน

Etix Everywhere เดินหน้าผลักดันนวัตกรรมสู่ความยั่งยืนโดยประกาศพันธสัญญาโซลูชั่นพลังงานสะอาด สำหรับ Data center ไนประเทศไทย ประเด็นสำคัญหลักคือ ติดตั้งแผงโซล่าเซลล์พลังแสงอาทิตย์มากกว่า 6,000 ตารางเมตร และจะเพิ่มขึ้น 5 เท่าภายใน 3 ปีข้างหน้า และวางเป้าหมายภายในปี 2568 ไฟฟ้าที่ใช้ในศูนย์ข้อมูล100% จะผลิตจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทย รวมทั้งแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ที่ดิน ติดแผงเซลล์แสงอาทิตย์บนชั้นดาดฟ้าของศูนย์ข้อมูลและคลังสินค้าใกล้เคียงเพื่อหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงหรือขยายตัวของพื้นที่

นายปิแอร์ ปาทริส ซีอีโอ ประจำภูมิภาคเอเชียของ ETIX Everywhere กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ติดตั้งแผงโซล่าไปกว่า 6,000 ตารางเมตรในดาต้าเซ็นเตอร์ ETIX Bangkok#1 ที่บางโฉลง การผลิตพลังไฟฟ้าแสงอาทิตย์ คิดเป็นการใช้งาน 11 % ของการใช้พลังงานไฟฟ้ารวมในดาต้าเซ็นเตอร์แผงโฟโตวอลเทอิก หรือโซล่าบนหลังคาของดาต้าเซ็นเตอร์ ETIX Bangkok #1 นั้นสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 480 ตันต่อปี หรือเทียบเท่ากับการลดจำนวนรถยนต์ 580 คันออกจากท้องถนนต่อปี หรือเทียบได้กับการปลูกต้นไม้ 23,000 ต้น

อย่างไรก็ดีนี่เป็นเพียงก้าวแรกของการพัฒนา ETIX Everywhere ไปสู่ความยั่งยืน ในปี พ.ศ. 2568 ไฟฟ้าทั้งหมด 100% ที่ใช้ที่ศูนย์ข้อมูล ETIX Bangkok#1 จะผลิตจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้าพลังน้ำหรือพลังงานแสงอาทิตย์ ทั้งนี้ การใช้ไฟฟ้า 100% ภายใต้การรับรองเครดิตการผลิตพลังงานหมุนเวียนจะช่วยให้ลูกค้า ETIX Everywhere ทุกรายสามารถเข้าถึงโซลูชันศูนย์ข้อมูลคาร์บอนต่ำ

อีกทั้ง กำลังการผลิตไฟฟ้าที่ศูนย์ข้อมูล ETIX กรุงเทพฯ#1 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นไปจนถึงปี 2569 และ 2570
จากการเพิ่มความจุของแผงโซล่าใหม่ที่จะสร้างกระแสไฟฟ้า การเติบโตนี้จะได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มกำลังการผลิตแผงเซลล์แสงอาทิตย์ใหม่ ซึ่งจะเพิ่มปริมาณการผลิตไฟฟ้าจากแผงเซลล์แสงอาทิตย์ที่ศูนย์ข้อมูล เป็น 20% ของการใช้ไฟฟ้าทั้งหมด

จุดเด่นสำคัญอยู่ที่การใช้งานแผงโซล่าเซลล์ มีการติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์มากกว่า 6,000 ตารางเมตร และจะเพิ่มขึ้น 5 เท่าภายใน 3 ปีข้างหน้า และภายในปี 2568 ไฟฟ้าที่ใช้ในศูนย์ข้อมูลทั้งหมด 100% จะผลิตจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทย และยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ที่ดิน โดยแผงเซลล์แสงอาทิตย์จะตั้งอยู่บนชั้นดาดฟ้าของศูนย์ข้อมูลและคลังสินค้าใกล้เคียงเพื่อหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงหรือขยายตัวของพื้นที่

นายวิทัคธ์ ภาอาภรณ์ หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการของ ETIX ประจำภูมิภาคเอเชีย กล่าวเสริมว่า ศูนย์ข้อมูลของ Etix Everywhere ในประเทศไทยได้รับการยอมรับในด้านประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่เหมาะสมที่ สุด โดยมีอัตราส่วนต่อประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (PUE) ที่ดีที่สุดในภูมิภาค ซึ่งไม่เพียงแต่รับประกันการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อีกด้วย
การมุ่งมั่นเพื่อความยั่งยืนของเรานั้นฝังอยู่ในทุกขั้นตอนของการก่อสร้างและการ ดำเนินงานในศูนย์ข้อมูล
โดยนำแนวทางด้านสิ่งแวดล้อมมาใช้เพื่อลดผลกระทบจากการปล่อยคาร์บอน

นอกเหนือจากการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ (PUE) แล้ว การพิจารณาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพการใช้น้ำ (Water Use Effectiveness, WUE) ในระบบหล่อเย็นยังเป็นสิ่งสำคัญอีกด้วยในภาวะขาดแคลนน้ำทั่วโลกจากภาวะความแห้งแล้ง การลดการใช้น้ำในระบบหล่อเย็นถือเป็นเรื่องสำคัญ Etix Everywhere มุ่งหาเทคโนโลยีที่ลดการสูญเสียน้ำเพื่อให้อัตราการใช้น้ำเกิดประสิทธิภาพสูงสุดในตลาด Etix Everywhere มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำอุตสาหกรรมศูนย์ข้อมูลในด้านความยั่งยืนและการดูแลสิ่งแวดล้อม พร้อมสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อลดรอยเท้าทางนิเวศน์
————————–

เกี่ยวกับ Etix Everywhere
ETIX Everywhere หนึ่งในองค์กรที่โดดเด่นในอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ที่ให้โซลูชั่นการเชื่อมต่อศูนย์ข้อมูลที่ปลอดภัยไปยังลูกค้าผ่านเครือข่ายระดับโลกซึ่งเป็นดาต้าเซ็นเตอร์ถึง 15 แห่ง ด้วยพันธสัญญาการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพผ่านดาต้าเซ็นเตอร์ที่อยู่ใกล้กับอุปกรณ์ปลายทาง หรือเอดจ์ดาต้าเซ็นเตอร์ รวมถึงการเติบโตแบบก้าวกระโดด Etix จึงได้ขับเคลื่อนนวัตกรรมและกำหนดบริการดาต้าเซ็นเตอร์ในอนาคตให้ครอบคลุมทั้งทวีปยุโรปและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

การเปลี่ยนผ่านของประเทศไทยสู่ AI ด้วยการสร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมกับความปลอดภัยทางไซเบอร์

บริษัท เช็ค พอยท์ ซอฟต์แวร์ เทคโนโลยีส์ จำกัด(NASDAQ: CHKP) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มความปลอดภัยทางไซเบอร์ชั้นนำ เผยว่า การปรากฎของ AI ถือเป็นสัญญาณแห่งโอกาสความก้าวหน้าที่ไม่เคยมีมาก่อนในหลายภาคส่วน ท่ามกลางการพัฒนาทางเทคโนโลยีของประเทศไทยเพื่อเป็นศูนย์กลางด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายในปี 2570(The leading hub for Artificial Intelligence (AI) in Southeast Asia by 2027)  และการริเริ่มโครงการ AI ที่สำคัญ  6 โครงการของรัฐบาลไทย(Six Pivotal AI projects)   ทำให้ประเทศไทยอยู่   แถวหน้าในการเปิดรับศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงของ AI    อย่างไรก็ตาม ขณะที่ประเทศไทยกำลังมุ่งสู่การบูรณาการด้าน AI ซึ่งต้องไม่เพียงมุ่งสู่นวัตกรรมและการเติบโตทางเศรษฐกิจเท่านั้น ยังต้องเข้าใจถึงความสำคัญและลำดับความสำคัญของความปลอดภัยทางไซเบอร์ด้วย

จากรายงานของ Check Point Threat Intelligence Report  ระบุว่า องค์กรในประเทศไทยถูกโจมตี           โดยเฉลี่ย 1,956 ครั้งต่อสัปดาห์ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกถึง 61% สถิติที่น่าตกใจนี้       ทำให้เกิดภาพที่น่ากังวลเกี่ยวกับภาพรวมความปลอดภัยในปัจจุบันของประเทศไทย จากการโจมตีทาง     ไซเบอร์ที่บ่อยครั้ง ควบคู่ไปกับแผน AI เชิงรุก ประเทศไทยจึงจำเป็นต้องคำนึงถึงในหลากหลายมิติเพื่อการเปลี่ยนผ่านอย่างราบรื่น

อุปสรรคสำคัญประการหนึ่งอยู่ที่การเชื่อมต่อช่องว่างระหว่างนวัตกรรม AI และการใช้งานจริง แม้ว่าประโยชน์ที่เป็นไปได้ของ AI จะมีอยู่มากมาย แต่องค์กรต่างๆ ก็มักจะเผชิญกับความซับซ้อนในการบูรณาการโซลูชัน AI เข้ากับเวิร์คโฟลวและโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ นอกจากนี้ความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ความปลอดภัย และการพิจารณาด้านจริยธรรมยังคงเป็นเรื่องใหญ่ กระตุ้นให้เกิดแนวทางการนำ AI มาใช้อย่างระมัดระวังในทุกภาคส่วน ผลสำรวจของ ESG พบว่า 87% ของผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย ยอมรับศักยภาพของ AI ในโลกไซเบอร์ แต่ยังลังเลที่จะดำเนินการ ข้อควรระวังนี้เกิดขึ้นจากการตระหนักว่าเทคโนโลยีเดียวกันเหล่านี้สามารถนำไปใช้ประโยชน์โดยฝ่ายตรงข้ามเพื่อเตรียมการโจมตีทางไซเบอร์ที่ซับซ้อนมากขึ้นด้วย

ความท้าทายของ AI ในประเทศไทย

เพื่อให้ประเทศไทยประสบความสำเร็จในยุค AI นี้  มีหลายด้านที่ต้องเติมเต็ม  เพื่อให้กลยุทธ์ AI บรรลุผล ประเทศไทยต้องมั่นใจในโครงสร้างพื้นฐานและการเชื่อมต่อที่แข็งแกร่งก่อน การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเป็นส่วนสำคัญยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ชนบทที่ความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลยังคงมีความสำคัญ ปัจจุบัน อัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยอยู่ที่  78.3% และคาดว่าสูงถึง  86.6% ในปี 2572   แม้ว่านี่จะเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเริ่มต้น แต่การปิดช่องว่างนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้แน่ใจว่าจะได้รับประโยชน์จาก AI ได้อย่างครอบคลุม และป้องกันความแตกต่างในการเข้าถึงการบริการ  AI  นอกจากนี้ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานการประมวลผลแบบคลาวด์จะเป็นรากฐานที่จำเป็นสำหรับการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูล AI

สำหรับกรอบการกำกับดูแลที่ครอบคลุมยังจำเป็นเพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาและใช้งาน AI ข่าวดีก็คือ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทย (PDPA) สอดคล้องกับมาตรฐานสากล เช่น GDPR ของสหภาพยุโรป จึงทำให้มั่นใจได้ถึงการปกป้องข้อมูลที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามการพัฒนาแนวปฏิบัติด้านจริยธรรมของ AI จะช่วยให้มั่นใจได้ถึงการใช้เทคโนโลยี AI อย่างมีความรับผิดชอบและยุติธรรม หน่วยงานกำกับดูแล AI โดยเฉพาะควรเข้ามามีบทบาทเพื่อดูแลการพัฒนา AI สิ่งนี้ทำให้มั่นใจได้ถึงการปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมและกฎหมายในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมความไว้วางใจแก่สาธารณะ

การมุ่งเน้นไปที่ภาคส่วนเฉพาะสำหรับการบูรณาการ AI จะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ และจัดการกับความท้าทายเฉพาะภาคส่วน ตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมการผลิตถือเป็นแกนหลักทางเศรษฐกิจประการหนึ่งของประเทศไทย ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) และการจ้างงานของประเทศ เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก  AI สามารถนำไปใช้เพื่อปฏิวัติกระบวนการผลิต ปรับปรุงประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์

ภาคส่วนที่สำคัญอีกภาคส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจไทยคือ ภาคเกษตรกรรม การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตผ่านแอปพลิเคชัน AI เช่น การทำฟาร์มที่แม่นยำ การตรวจสอบพืชผล และการเพิ่มประสิทธิภาพห่วงโซ่อุปทาน ไม่เพียงแต่จะช่วยรับประกันความมั่นคงด้านอาหารเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมแนวทางปฏิบัติด้านการเกษตรที่ยั่งยืน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของการเกษตร และการเติบโตในระยะยาว

คนเป็นปัจจัยสำคัญสู่ความสำเร็จของ AI

ความสำเร็จจากความมุ่งมั่นด้าน AI ของประเทศไทยขึ้นอยู่กับแรงงานที่มีทักษะและการรับรู้ของสาธารณชน การส่งเสริมการรับรู้เพื่อให้ความรู้แก่สาธารณชนเกี่ยวกับประโยชน์และความเสี่ยงของ AI จะช่วยแก้ไขความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนและความหวาดกลัวที่ผิด เช่น การถูกไล่ออกจากงาน และการละเมิดความเป็นส่วนตัว    การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ รวมถึงธุรกิจ ภาคประชาสังคม และประชาชนทั่วไป ในการอภิปรายเกี่ยวกับผลกระทบทางสังคมของ AI จะส่งเสริมแนวทางการพัฒนา AI ที่ครอบคลุมมากขึ้น การส่งเสริมความโปร่งใสในแอปพลิเคชัน AI ยังช่วยให้แน่ใจว่าการตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วย AI นั้นเป็นที่เข้าใจได้สำหรับผู้ที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะสร้างความไว้วางใจจากสาธารณะต่อไป

นอกจากนี้ การเสริมสร้างความเข้มแข็งในด้าน สะเต็มศึกษา (STEM education) ในทุกระดับถือเป็นสิ่งสำคัญต่อการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับบุคลากรที่มีความสามารถด้าน AI ในอนาคต    ดังที่ได้ทราบว่าเกิดความขาดแคลนผู้มีทักษะความสามารถด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์จำนวนมากทั่วโลก             การสำรวจล่าสุดเผยให้เห็นว่า การจ้างผู้มีความสามารถที่มีทักษะด้าน AI เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกสำหรับนายจ้าง ถึง 94%  แต่ 64% ประสบปัญหาในเรื่องระบบการรักษาความปลอดภัย     ช่องว่างนี้จะขยายกว้างขึ้นหากไม่ได้รับจัดการที่ถูกต้อง โปรแกรมการฝึกอบรมและการรับรอง AI เฉพาะทางจะช่วยเพิ่มทักษะให้กับพนักงานในปัจจุบัน เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะมีความพร้อมที่จะรับมือกับเทคโนโลยี AI ความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในการจัดตั้งศูนย์วิจัย AI และเสนอหลักสูตรและปริญญาที่เน้น AI จะช่วยเร่งขีดความสามารถด้าน AI ของประเทศไทยให้เร็วขึ้น

ในทำนองเดียวกัน การเพิ่มเงินทุนสำหรับการวิจัยและพัฒนา AI ถือเป็นสิ่งสำคัญ ภาครัฐและเอกชนต้องร่วมมือกันสนับสนุนการเงินในโครงการด้าน AI เพื่อผลักดันนวัตกรรม การสร้างศูนย์กลางนวัตกรรมและอุทยานเทคโนโลยีจะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่หล่อเลี้ยงสตาร์ทอัพด้าน AI และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาและอุตสาหกรรม ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนจะขับเคลื่อนความก้าวหน้าของ AI เพื่อให้มั่นใจว่าประเทศไทยได้ประโยชน์จากการมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย

นายคงศักดิ์ ก่อตระกูล  ผู้อำนวยการด้านวิศวกรความปลอดภัย ประจำภูมิภาคอาเซียนและเกาหลี บริษัท เช็ค พอยท์ ซอฟต์แวร์ เทคโนโลยีส์ จำกัด  กล่าวว่า “จากการประเทศไทยกำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคของ AI  สิ่งสำคัญคือต้องรักษาสมดุลระหว่างนวัตกรรมและความปลอดภัยทางไซเบอร์           การบรรจบกันของเทคโนโลยี AI กับกฎระเบียบด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เข้มแข็ง ถือเป็นกุญแจสำคัญในการปลดล็อกศักยภาพสูงสุดของ AI  ในขณะที่ต้องป้องกันภัยคุกคามที่เกิดขึ้นใหม่        นอกจากนี้ การมองสิ่งต่าง ๆ ในแง่มุมของมนุษย์ การส่งเสริมตระหนักรู้ของสาธารณชน และการทำงานเพื่อมุ่งสู่แรงงานที่ได้รับการฝึกอบรมด้าน AI เพื่อรับมือกับความท้าทายและเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จาก AI  สุดท้ายนี้ ด้วยการลงทุนเชิงกลยุทธ์และความพยายามที่ร่วมมือกัน ประเทศไทยสามารถปูทางไปสู่อนาคตที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่ยั่งยืนและปลอดภัยได้” 

เกี่ยวกับบริษัท เช็ค พอยท์ ซอฟต์แวร์ เทคโนโลยีส์ จำกัด  

บริษัท เช็ค พอยท์ ซอฟต์แวร์ เทคโนโลยีส์ จำกัด  (www.checkpoint.com) เป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ชั้นนำที่มาพร้อมกับ AI และระบบบคลาวด์ ให้การปกป้ององค์กรมากกว่า 100,000 แห่งทั่วโลก  เช็ค พอยท์ ได้ใช้พลังของ AI ในทุกที่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำให้กับระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ผ่านแพลตฟอร์ม Infinity   ด้วยการประเมินตรวจจับระดับชั้นนำของอุตสาหกรรมทำให้สามารถคาดการณ์ภัยคุกคามในเชิงรุกและเวลาตอบสนองได้เร็วขึ้น พร้อมทั้งชาญฉลาดมากกว่าเดิม  แพลตฟอร์มที่ครอบคลุมประกอบด้วยเทคโนโลยีสำหรับระบบคลาวด์ ซึ่งประกอบด้วย Check Point Harmony เพื่อรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ทำงาน Check Point CloudGuard เพื่อรักษาความปลอดภัยบนคลาวด์ Check Point Quantum เพื่อรักษาความปลอดภัยเครือข่าย และ Check Point Infinity Core Services สำหรับการดำเนินงานและบริการรักษาความปลอดภัยร่วมกัน

AI พารวย Nvidia ขึ้นแท่นเบอร์หนึ่ง มูลค่าบริษัทมากที่สุดในโลก

[ตามคาด] ทะยานไปไกลแล้วกับ Nvidia ล่าสุดขึ้นแท่นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก แซงหน้า Apple และโค่น Microsoft ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งแทน ด้วยมูลค่าสูงถึง 3.33 ล้านล้านดอลลาร์ฯ\

ช่วงบ่ายวันอังคารที่ผ่านมา พบหุ้นของ Nvidia เพิ่มขึ้น 3% ส่งผลให้บริษัทมีมูลค่าการตลาดสูงถึง 3.33 ล้านล้านดอลลาร์ฯ โดยแซงหน้า Microsoft อย่างหวุดหวิด ที่ปัจจุบันอยู่ที่ 3.32 ล้านล้านดอลลาร์ฯ ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งแทนเรียบร้อย

ย้อนกลับไปช่วงต้นปีที่ Nvidia เคยมีมูลค่าการตลาดอยู่ 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ฯ ซึ่งน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของมูลค่าตลาดของ Microsoft และ Apple ในขณะนั้น จากนั้นก็พุ่งขึ้นสูงถึง 177% จนมีมูลค่ามากที่สุดในปัจจุบัน ส่งผลให้ Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia ปัจจุบันมีทรัพย์สินอยู่ที่ 118.8 พันล้านดอลลาร์ฯ กลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดอันดับที่ 11 ของโลก

เอาดีด้าน AI แทนเกม ?

อย่างไรก็ตาม ก็มีความกังวลในฝั่งผู้ใช้การ์ดจอเล่นเกมอยู่บ้าง ว่าอาจส่งผลให้การเปิดตัว RTX 5000 Series มีความล่าช้าไปอีก สืบเนื่องจาก Nvidia มีความสนใจในฝั่ง AI มากกว่าชัดเจน ซึ่งก็ช่วยให้บริษัทกลายเป็นผู้นำในวงการนี้ และสร้างมูลค่าอย่างมหาศาลให้กับบริษัท ท่ามกลางคู่แข่งหลายรายไม่ว่าจะเป็น Microsoft , Meta , Amazon และ Alphabet

แต่ทั้งนี้ก็เห็นการนำ AI มาช่วยประมวลผลการเล่นเกมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น DLSS , Ray Tracing หรือการนำการ์ดจอ RTX มาประมวลผล Generative AI ก็มี โดยส่วนตัวจึงมองว่าเป็นเรื่องของ ‘จังหวะ’ เหมือนตอนที่ Bitcoin มาแรง ก็มีการพัฒนาการ์ดจอสำหรับใช้ (ขุด) งานด้านนี้โดยเฉพาะ เชื่อว่ายังไง Nvidia ก็ไม่ทิ้งจุดเด่นแรกเริ่มแน่นอน และปีหน้าอาจเป็นปีทองของทั้งฝั่ง AI และเกมมิ่งก็เป็นได้

ที่มา : Forbes

Hot Issue