Home Blog Page 65

แอลจี มอบเครื่องปรับอากาศแก่ศูนย์อภิบาลกลุ่มคริสตชนเกาหลี สนับสนุนภารกิจส่งต่อความช่วยเหลือแก่กลุ่มผู้ต้องการที่พึ่งพิง

บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย มร.เควิน ควอน (ที่ 2 จากซ้าย)  ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมภูมิภาคเอเชีย และคุณอำนาจ สิงหจันทร์ (ซ้ายสุด) หัวหน้าฝ่ายการตลาด มอบเครื่องปรับอากาศ LG DUALCOOL ICE จำนวน 11 เครื่อง พร้อมติดตั้งมูลค่ารวม 430,000 บาท ให้แก่ศูนย์อภิบาลกลุ่มคริสตชนเกาหลี ให้แก่ มร. โยเซฟ ชเว (ที่ 3 จากซ้าย) บาทหลวงผู้ปฏิบัติหน้าที่ ณ ศูนย์อภิบาลกลุ่มคริสตชนเกาหลี และ มร. ยงมิน ลี (ที่ 4 จากซ้าย) รองประธานผู้ดูแลศูนย์อภิบาลกลุ่มคริสตชนเกาหลี เพื่อสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมของสมาชิก รวมถึงการดำเนินการช่วยเหลือกลุ่มคนผู้ต้องการที่พึ่งพิง

บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย มร.เควิน ควอน   ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมภูมิภาคเอเชีย และคุณอำนาจ สิงหจันทร์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมส่งมอบเครื่องปรับอากาศ LG DUALCOOL™ ICE จำนวน 11 เครื่อง มูลค่ารวม 430,000 บาท พร้อมบริการติดตั้งให้แก่ศูนย์อภิบาลกลุ่มคริสตชนเกาหลี เพื่อสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมของสมาชิก รวมถึงกิจกรรมการดำเนินการช่วยเหลือกลุ่มผู้ต้องการที่พึ่งพิง ต่าง ๆ อาทิ การจัดหาที่พักอาศัย การจัดกิจกรรมจิตอาสาและบริจาคสิ่งของจำเป็นแก่ศูนย์ที่พักพิงต่าง ๆ รวมถึงการส่งมอบความช่วยเหลือทางการเงิน โดยมี มร. โยเซฟ ชเว บาทหลวงผู้ปฏิบัติหน้าที่ ณ ศูนย์อภิบาลกลุ่มคริสตชนเกาหลี และ มร. ยงมิน ลี  รองประธานสภาอภิบาล เป็นผู้รับมอบ ณ ศูนย์อภิบาลกลุ่มคริสตชนเกาหลี เมื่อวานที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา

บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ตระหนักถึงความสำคัญและความตั้งใจของศูนย์อภิบาลกลุ่มคริสตชนเกาหลีที่ได้มุ่งมั่นจัดกิจกรรมส่งเสริมจริยธรรมแก่สมาชิก เป็นจุดศูนย์รวมจิตใจของกลุ่มคริสตชนเกาหลีที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย รวมทั้งยังดำเนินการจัดกิจกรรมอาสาสมัครส่งมอบความช่วยเหลือแก่กลุ่มคนผู้ต้องการที่พึ่งพิงมาอย่างต่อเนื่อง แอลจีจึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการปฏิบัติกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม และส่งมอบความช่วยเหลือของสมาชิกศูนย์อภิบาลกลุ่มคริสตชนเกาหลี ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางการช่วยกันสนับสนุนเรื่องคุณภาพชีวิตที่ดี ตรงกับแนวทางเรื่อง “Life’s Good.” ของแอลจี

แอลจีมุ่งมั่นส่งมอบนวัตกรรมที่มุ่งเน้นการตอบโจทย์การใช้งานและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายด้วยนวัตกรรม
ต่าง ๆ ที่พัฒนาขึ้นเพื่อการยกระดับคุณภาพชีวิต  โดยผลิตภัณฑ์ LG DUALCOOL™ ICE (รุ่น ICE) มีฟังก์ชันที่สำคัญด้านการมอบคุณภาพอากาศที่สะอาดบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น ผ่านฟีเจอร์ที่โดดเด่นด้วย Fine Dust Filter กำจัดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เพื่ออากาศที่สะอาดยิ่งขึ้น และ Auto Cleaning ระบบไล่ความชื้นอัตโนมัติ ลดปัญหากลิ่นอับและแบคทีเรียที่สะสมในตัวเครื่อง พร้อม ด้วยระบบดูอัล อินเวอร์เตอร์ เย็นเร็ว ประหยัด และทำงานเงียบ โดยการสนับสนุนการดำเนินงานและกิจกรรมของศูนย์อภิบาลกลุ่มคริสตชนเกาหลีในครั้งนี้ยังเป็นการสานต่อความมุ่งมั่นของแอลจีในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภค ตามสโลแกน “นวัตกรรมเพื่อชีวิตที่ดีกว่า” หรือ “Innovation for a Better Life” ของแอลจีอีกด้วย

OPPO Reno12 Series 5G ก้าวไปอีกขั้นกับ AI Phone เครื่องแรกที่ดีที่สุดสำหรับคนรุ่นใหม่ มาแรง กระแสตอบรับล้นหลาม กวาดยอดขายอันดับ 1 ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มวางจำหน่าย!

“OPPO Reno12 Series 5G” เปิดตัวแรง กระแสตอบรับดีเยี่ยม กวาดยอดขายเป็นอันดับ 1 ในตลาดสมาร์ตโฟนช่วงราคา 10,000 – 20,000 บาท ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มวางจำหน่ายแล้วเป็นที่เรียบร้อย เปิดตัวแรง ยอดขายพุ่งกระฉูด! กับ  AI Phone เครื่องแรกจาก OPPO ที่มอบประสบการณ์ AI เต็มรูปแบบกับ OPPO Reno12 Series 5G ได้รับกระแสตอบรับที่ดีเกิดคาดทั้งจากสื่อมวลชน ลูกค้า และตัวแทนจำหน่ายหลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ ที่ OPPO Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ 

ออปโป้ชวนก้าวไปอีกขั้นกับประสบการณ์สุดอัจฉริยะด้วย OPPO AI Phone เครื่องแรกที่ดีที่สุดสำหรับคนรุ่นใหม่กับ OPPO Reno12 Series 5G รุ่นล่าสุดในแนวคิด The AI Portrait Expert อัปเกรดฟีเจอร์ถ่ายภาพสุดปังด้วยเทคโนโลยี AI ให้ได้ภาพคุณภาพสูง โดดเด่น และสวยเป็นธรรมชาติ มาพร้อมฟีเจอร์ที่มอบประสบการณ์การทำงานที่เสถียรและรวดเร็ว ในดีไซน์ไอคอนิคสุดเทรนดี้ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากอนาคต 

ถูกใจคนรุ่นใหม่ให้ถ่ายรูปคนอย่างโปรกับ AI Portrait ด้วย OPPO Reno12 5G และ OPPO Reno12 Pro 5G รุ่นล่าสุดที่ก้าวไปอีกขั้นจาก The Portrait Expert สู่ The AI Portrait Expert ด้วยความสามารถระดับสูงจากเทคโนโลยี AI มอบฟีเจอร์เพื่อการถ่ายภาพที่สนุกยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ฟีเจอร์ยางลบ AI 2.0 รีทัชเนียนกริบเพียงปลายนิ้ว สามารถกำจัดโฟโต้บอมบ์ เสาไฟ ถังขยะ วัตถุอื่นๆ รวมไปถึงลบคนที่ไม่ต้องการในภาพแบบอัตโนมัติเพียงครั้งเดียว พร้อมกับเติมพื้นหลังเนียน สนุกไปกับการถ่ายภาพด้วยฟีเจอร์ AI Studio ที่ช่วยเนรมิตรูปธรรมดาให้กลายเป็นภาพในจินตนาการแบบที่อยากเป็น ไม่ว่าจะเป็น ภาพในโลกไซเบอร์พังก์ ภาพวาด ฯลฯ ที่เอาไปใช้เป็นภาพอวตารดิจิทัลได้ 

นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ AI Clear Face ที่ประมวลผลและปรับปรุงรายละเอียดโครงหน้า ผม และคิ้วได้สูงสุดถึง 10 คน มอบภาพคมชัด ไม่มีใครดร็อป และการถ่ายภาพหมู่กับเพื่อนจะไม่มีคำว่ากล้องใครคนนั้นรอดอีกต่อไป เพราะ AI Best Face จะซ่อมรูปพังให้ปัง รอดกันทุกคนด้วยการแก้ไขใบหน้าที่พลาด ไม่ว่าใครจะเผลอหลับตาตอนถ่ายภาพก็จะถูกแก้ไขให้ภาพกลับมาเป๊ะทุกคน

OPPO Reno12 5G มาในดีไซน์ไอคอนิคสุดเทรนดี้ด้วยจอโค้ง 3D ไร้ขอบขนาด 6.7 นิ้ว ใช้งานลื่นไหลไม่มีสะดุดในรีเฟรชเรท 120Hz น้ำหนักเบา เพรียวบาง จับถือสบายมือ มาพร้อมฝาหลังที่ได้รับแรงบันดาลใจจากอนาคต Futuristic Fluid มอบริ้วคลื่นสุดล้ำในสีเงิน Astro Silver ให้ความรู้สึกผสมผสานระหว่างจินตนาการไซไฟและแฟชั่นล้ำสมัย นำเสนอพร้อมตัวเลือกสีใหม่ อย่าง สีชมพู Sunset Pink และสีน้ำตาล Matte Brown ที่ให้สัมผัสสุดคลาสสิกและป้องกันรอยนิ้วมือ

อัปเกรดสู่รุ่นท็อปเพื่อประสบการณ์ใช้งานแบบโปรไปอีกขั้นกับ OPPO Reno12 Pro 5G ที่มอบความจุอย่างจุใจ RAM 12GB+ROM 512GB สำหรับการใช้งานแอปฯ หรือพื้นที่เก็บภาพถ่าย เพิ่มตัวเลือกดีไซน์ตัวเครื่องในสองสไตล์ที่แตกต่างกันทั้งสีเงิน Nebula Silver ที่ผสมกับสีม่วงพร้อมสัมผัสแบบริ้วคลื่นบนพื้นกระจกเรียบ และสีน้ำตาล Space Brown ในดีไซน์มันเงาแบบทูโทนสุดเก๋

พร้อมใช้งานสื่อสารได้อย่างลื่นไหล มอบสัญญาณเสถียรและเชื่อมต่อไวด้วย AI LinkBoost เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพสัญญาณเครือข่ายที่ออปโป้พัฒนาขึ้นเอง ขจัดปัญหาสัญญาณไม่เสถียรเวลาอยู่ในลานจอดรถ ลิฟต์ รถไฟฟ้าใต้ดิน หรือในฮอลล์คอนเสิร์ต เสริมความสามารถด้วย BeaconLink ที่อัปเกรดการเชื่อมต่อ Bluetooth ได้ดีขึ้น 300% สามารถโทรด้วยเสียงระหว่างอุปกรณ์ผ่าน Bluetooth ในระยะทางสูงสุด 200 เมตร แม้อยู่ในที่อับสัญญาณ นอกจากนี้ ตัวเครื่องยังทนทานด้วยการปกป้องรอบด้านด้วยกรอบโลหะผสมทนทานสูงและฟองน้ำไบโอนิคกันกระแทก มาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP65 และ Splash Touch ที่ทำให้สัมผัสหน้าจอได้ไม่มีสะดุดแม้หน้าจอเปียก แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000mAh ที่มาพร้อมระบบชาร์จไว 80W SUPERVOOC ที่สามารถชาร์จจาก 1% ถึง 100% ได้ภายใน 46 นาที

เป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้กับ OPPO Reno12 Series 5G สมาร์ตโฟน AI เครื่องแรกที่ดีที่สุดสำหรับคนรุ่นใหม่ โดย OPPO Reno12 5G มาพร้อมความจุให้เลือก 2 ขนาด RAM 12GB+ROM 256GB วางจำหน่ายในราคา 14,999 บาท และรุ่น RAM 12GB+ROM 512GB ราคา 16,999 บาท และ OPPO Reno12 Pro 5G วางจำหน่ายในราคา 19,999 บาท สามารถไปทดลองสัมผัสและเป็นเจ้าของได้แล้วที่ OPPO Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

ติดตามรายละเอียดผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ : https://bit.ly/4csqAus

#Reno12SeriesTH #AIPortraitExpert #ก้าวไปอีกขั้นกับOPPOAI

AIS Business โชว์ศักยภาพดิจิทัลโซลูชันส์อัจฉริยะ พร้อมเป็นแรงส่งอุตสาหกรรมไทยเติบโตยั่งยืน ปักหมุด AIS EEC ศูนย์นวัตกรรมดิจิทัล แห่งแรกใจกลาง Thailand Digital Valley พร้อมเปิดให้องค์กรแสดงความจำนงใช้บริการ GSA Data Center ได้แล้ว

AIS Business ในฐานะผู้นำบริการด้านดิจิทัลเทคโนโลยีเพื่อองค์กรภาคธุรกิจของไทย กางแผนธุรกิจ 2024-2025 ชูแนวคิด AIS Business Digital Evolution: Sustainable Business for a Sustainable Nation พร้อมนำศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานและโครงข่ายอัจฉริยะติดสปีดการทำงานขององค์กรภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม ช่วยหนุนขีดความสามารถและความได้เปรียบทางการแข่งขันให้ประเทศ รวมถึงยังสร้างแลนด์มาร์คใหม่ใจกลาง Thailand Digital Valley ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) กับการเปิดตัว ศูนย์นวัตกรรมดิจิทัลเพื่อธุรกิจหรือ AIS EEC ที่จะเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีโซลูชันส์เพื่อภาคธุรกิจ ทั้งในมิติด้านองค์ความรู้ การทดลองทดสอบ พร้อมสัมผัสประสบการณ์ Use Cases จริงสุดล้ำ เสริมภาพเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเป็นรูปธรรม

นายภูผา เอกะวิภาต  รักษาการหัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร AIS กล่าวว่า “ปี 2024 ยังเป็นปีที่ท้าทาย จากผลกระทบของสถานการณ์ด้านภูมิรัฐศาสตร์ ที่กระทบโดยตรงไปยังระบบเศรษฐกิจโลก และของไทย  ดิจิทัลจึงกลายเป็น Norm ของการสร้างสรรค์ Business Model ที่แตกต่างในทุกธุรกิจ ดังนั้นการจะเดินหน้าได้อย่างแข็งแรงและยั่งยืนนั้น จำเป็นอย่างมากที่จะต้อง Transform องค์กรด้วย ดิจิทัลเทคโนโลยี เพื่อให้องค์กรมีขีดความสามารถใหม่ๆ ที่พร้อมรับมือและสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

ในฐานะผู้ให้บริการดิจิทัลโซลูชันส์และ ICT สำหรับองค์กรภาคธุรกิจ ด้วยแนวคิด AIS Business Digital Evolution: Sustainable Business for a Sustainable Nation จึงพร้อมสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบายด้านอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ ให้เติบโต อุ่นใจ อย่างยั่งยืน รับมือความท้าทาย ผ่านการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ชั้นนำระดับโลกและหน่วยงานหลักด้านนวัตกรรม รวมไปถึงสถาบันการศึกษา ทั้งภาครัฐและเอกชน   ผ่าน 5 ขุมพลังด้านดิจิทัล ประกอบด้วย

  • 5G Ecosystem ขุมพลัง 5G อัจฉริยะ  จากศักยภาพและคลื่นความถี่ซึ่งมีมากที่สุดในรูปแบบหลากหลายทั้ง Network Slicing,  Private Network เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมสามารถประยุกต์ใช้ในกระบวนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังเช่น ล่าสุด โรงงาน Midea Smart Factory ผู้นำการผลิตเครื่องปรับอากาศและอุปกรณ์ไฟฟ้ารายใหญ่ ได้เลือกใช้ AIS Dedicated 5G Private Network เป็นโครงข่ายหลัก นอกจากนั้นด้วยศักยภาพของ  Paragon Platform แพลตฟอร์มที่รวบรวม 5G  โซลูชัน อาทิ  5G Network Orchestrator, MEC, Edge, Cloud,  Application Ecosystem ก็เริ่มมีกว่า 17 องค์กร ที่เริ่มใช้งานจริงแล้วเช่นกัน อาทิ  Mitsubishi Electric, Schneider Electric , AI and Robotics Ventures เป็นต้น 
  • Intelligent Network and Infrastructure ขุมพลังแห่งโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะ เพื่อยกระดับการบริหารจัดการองค์กรและการประมวลผลข้อมูลอย่างรวดเร็วและปลอดภัยในยุคปัจจุบัน พร้อมให้บริการตอบโจทย์ทุกองค์กร ครบครันตั้งแต่ On-Premise Cloud ไปจนถึงระดับไฮเปอร์สเกล ยืนยันด้วยรางวัล Microsoft Partner of the Year – Thailand 3 ปีซ้อน (2022-2024), ผู้ให้บริการ Broadcom’s VMware Cloud Service Provider อันดับหนึ่งในไทย พร้อมความร่วมมือกับ Oracle เพียงรายเดียวในประเทศไทย ที่จะให้บริการ Cloud ที่สนับสนุนการบริหารจัดการสำหรับองค์กรที่เติบโตอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังพร้อมแล้วที่จะให้องค์กรต่างๆ สามารถแสดงความจำนงการใช้บริการ ศูนย์ GSA ดาต้าเซ็นเตอร์ จากความร่วมมือของ Gulf, Singtel และ AIS ขนาดกว่า 20 เมกะวัตต์ ที่มุ่งนำเทคโนโลยีล้ำสมัย จากพลังงานสะอาด ได้แล้ว ก่อนเตรียมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในปี 2025 
  • AI and Data Analytics ขุมพลังแห่งปัญญาประดิษฐ์เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ที่พร้อมเปิดตัวบริการ Analytic X บริการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (Data Insight) ที่ช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถนำข้อมูลไปปรับใช้ในการวางกลยุทธ์และสร้างโอกาสทางธุรกิจได้อย่างตรงจุด 
  • Digital Platform and APIs ขุมพลังแห่งการเชื่อมต่อ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล อย่าง AIS Open APIs มาตรฐานระดับโลกของ GSMA และ CAMARA ที่ทำให้นักพัฒนา สามารถออกแบบบริการที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และ AIS  CPaaS – Communication Platform as a service แพลตฟอร์มการสื่อสารในรูปแบบบนคลาวด์ ที่ช่วยยกระดับการสื่อสารขององค์กร ให้สามารถสื่อสารได้แบบเรียลไทม์ ทั้ง เสียง วิดีโอ และ SMS โดยวันนี้ ไปรษณีย์ไทย ได้มอบความไว้วางใจเลือกใช้บริการนี้เป็นช่องทางการสื่อสารระหว่างบุรุษไปรษณีย์กับผู้รับ ผ่าน ระบบสมาร์ทคอล ที่นอกจากจะช่วยให้สื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้บริการอีกด้วย
  • Industry Transformation ขุมพลังการยกระดับภาคอุตสาหกรรม เพื่อสนับสนุนให้มีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปทรานสฟอร์มองค์กร โดยเน้นให้ความสำคัญกับองค์กรในทุกระดับ โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต, ธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์, ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีก, ธุรกิจ SME, องค์กรสาธารณะและภาครัฐ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมในเขตพื้นที่ EEC จึงเป็นที่มาของการทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง 

ล่าสุด เปิดตัว AIS EEC – Evolution Experience Center หรือ ศูนย์นวัตกรรมดิจิทัลเพื่อธุรกิจ AIS EEC  แห่งแรกที่ตั้งอยู่ใจกลาง Thailand Digital Valley ภายในพื้นที่ EEC เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก โดยตั้งเป้าเป็นศูนย์กลาง การเรียนรู้เทคโนโลยีโครงสร้างดิจิทัล 5G และ Platform พร้อม สัมผัสประสบการณ์ ทดลอง ทดสอบ การใช้เทคโนโลยีกับการ Transform ภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมได้เสมือนจริง พร้อมเปิดให้เยี่ยมชมได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป 

พร้อมกับเดินหน้ายกระดับทักษะด้านดิจิทัลเทคโนโลยีให้กับบุคลากรและตลาดแรงงานให้มีขีดความสามารถพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในทุกรูปแบบ ผ่านการทำงานร่วมกับ สำนักงานคณะทำงานด้านการพัฒนาบุคลากรในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC HDC ทั้ง 8 ศูนย์ผู้เชี่ยวชาญความเป็นเลิศด้านอุตสาหกรรม ประกอบไปด้วย 1. ศูนย์ความเป็นเลิศด้าน Automation 2. ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการท่องเที่ยว 3. ศูนย์ความเป็นเลิศด้านยานยนต์ไฟฟ้า 4. ศูนย์ความเป็นเลิศด้านพาณิชย์นาวี 5. ศูนย์ความเป็นเลิศด้านแมคคาทรอนิกส์ 6. ศูนย์ความเป็นเลิศด้านอากาศยาน 7. ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการผลิตอัตโนมัติและหุ่นยนต์ และ 8. ศูนย์ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยี Digital AI & 5G ภายใต้ 6 เครือมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยบูรพา, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตบางพระ, วิทยาลัยเทคนิคสัตหีบ, สถาบันพัฒนาบุคลากรสาขาเทคโนโลยีการผลิตอัตโนมัติและหุ่นยนต์ และสถาบันไทย-เยอรมัน

“จากการลงทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง ทำให้เรามั่นใจว่า จะสามารถใช้ศักยภาพของดิจิทัลเทคโนโลยีมาสนับสนุนและช่วยทรานส์ฟอร์มภาคอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ผ่านเครื่องมือ และโซลูชันส์ที่ตอบโจทย์ ซึ่งแน่นอนว่าเป้าหมายการทำงานครั้งนี้ไม่เพียงขับเคลื่อนการเติบโตเท่านั้น แต่ต้องเป็นการเติบโตอย่างยั่งยืน อันจะเป็นแรงส่งสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศให้มีขีดความสามารถใหม่ๆ สร้างการเติบโตได้อย่างแข็งแรงและยั่งยืนท่ามกลางความท้าทายในปัจจุบันและอนาคต” นายภูผา กล่าวทิ้งท้าย

ฟูจิฟิล์ม ชวนเปิดรับความสนุกให้กว้างขึ้นด้วย INSTAX WIDE 400 กล้องอินสแตนท์อนาล็อกที่ถ่ายรูปได้กว้างจุใจกับแท็กไลน์ “Make room for more”

บริษัท ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด ชวนเปิดมุมมองการถ่ายภาพกลุ่มและภาพทิวทัศน์สวยๆ ด้วยกล้องอินสแตนท์อนาล็อกรุ่นใหม่ล่าสุด INSTAX WIDE 400 (WIDE 400) ที่เตรียมวางจำหน่ายในไทยสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ กล้องรุ่นใหม่ พร้อมแท็กไลน์ “Make room for more” สานต่อเสน่ห์ภาพสวยแบบกว้างจุใจจากรุ่น WIDE 300 ที่เปิดตัวในปี 2014 เพื่อรองรับฟิล์ม WIDE ขนาดใหญ่กว่าฟิล์มมินิถึง 2 เท่า โดย WIDE 400 มาพร้อมดีไซน์ที่ใช้งานสะดวกเพียงหมุนเลนส์ไปทางซ้ายเพื่อเปิดเครื่อง แถมยังเก็บภาพมุมกว้างได้ง่าย ๆ ด้วยปุ่มชัตเตอร์ปุ่มเดียว นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับฟังก์ชันตั้งเวลาถ่ายโฉมใหม่ที่ทำให้ทุกคนเข้ามาอยู่ในเฟรมได้พร้อมกัน เติมเต็มความสนุกในการเก็บช่วงเวลาพิเศษได้แบบไม่มีสะดุด

ภาพโปรโมตหลักของกล้อง WIDE 400

กล้องอินสแตนท์ตระกูล INSTAX เปิดตัวครั้งแรกในปี 1998 และนับจากนั้นก็ได้รังสรรค์เทคโนโลยีใหม่ ๆ สอดรับกับเทรนด์และยุคสมัยที่เปลี่ยนอยู่ตลอด กลุ่มผลิตภัณฑ์ INSTAX จึงต่อยอดจากกล้องอินสแตนท์อนาล็อกไปสู่กล้องอินสแตนท์ไฮบริดที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล รวมไปถึงเครื่องปรินต์รูปจากสมาร์ตโฟนและกล้องดิจิทัลตัวจิ๋วขนาดเล็กกว่าฝ่ามือ โดย INSTAX ยังคงมุ่งมั่นนำเสนอผลิตภัณฑ์การถ่ายภาพรูปแบบที่หลากหลายเพื่อขยายกลุ่มผู้ใช้จากกลุ่มวัยรุ่นผู้หญิงไปยังกลุ่มผู้ชายวัยกลางคน

การถ่ายภาพแบบฟิล์ม WIDE ช่วยให้เก็บภาพได้กว้างขึ้น เหมาะสำหรับการถ่ายรูปแบบกลุ่มและภูมิทัศน์ กล้องรุ่นนี้สามารถเก็บภาพวัตถุและบรรยากาศโดยรอบได้อย่างสมบูรณ์ คุณสมบัตินี้ช่วยเพิ่มการนำเสนอรูปแบบการถ่ายภาพได้มากขึ้น ทำให้ผู้ใช้งานทั่วโลกชื่นชอบรูปแบบฟิล์ม WIDE

รูปแบบฟิล์ม WIDE

ผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัว

(1) กล้อง INSTAX WIDE 400

คุณสมบัติหลัก

(1) กล้องอินสแตนท์อนาล็อกมุมกว้างที่เก็บทุกช็อตได้อย่างสมบูรณ์แบบ

กล้อง WIDE 400 ออกแบบโดยเน้นการใช้งานที่เรียบง่าย เปิดเครื่องได้สะดวกเพียงหมุนเลนส์ไปทางซ้าย และกดถ่ายรูปได้ทันทีด้วยปุ่มชัตเตอร์ปุ่มเดียว ถ่ายภาพระยะไกลตั้งแต่ 3 เมตรขึ้นไป สามารถหมุนเลนส์เพื่อปรับเป็นโหมดภูมิทัศน์ได้ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับเลนส์ระยะใกล้ที่ช่วยให้ถ่ายภาพในระยะ 40 ซม. ได้อย่างคมชัด

(2) สนุกกับระบบตั้งเวลาถ่ายด้วยคันโยกแบบอนาล็อก

ตัวตั้งเวลาถ่ายที่อยู่ด้านหน้าของกล้องนั้นใช้งานง่าย เพียงเลื่อนคันโยกตามตำแหน่งของไฟ LED ก็สามารถเลือกระยะเวลานับถอยหลังได้สูงสุด 10 วินาที การจับเวลาจะเริ่มหลังกดปุ่มชัตเตอร์ โดยทุก 2 วินาที ไฟ LED แต่ละดวงจะดับลงเพื่อให้ทุกคนเตรียมตัวเข้าเฟรม นับเป็นลูกเล่นในสไตล์อนาล็อกที่ใส่เข้ามาได้อย่างลงตัว

(3) หามุมถ่ายภาพได้ดั่งใจด้วยอุปกรณ์เสริมสำหรับปรับองศากล้อง

หามุมสวย ๆ ถ่ายภาพได้ง่ายขึ้นด้วย “อุปกรณ์เสริมสำหรับปรับองศากล้อง” ที่ใช้แทนขาตั้งกล้องในการตั้งเวลาถ่ายได้ โดยสามารถปรับมุมมองได้ 2 ระดับตามมุมที่อยากได้

วันวางจำหน่ายและราคา

กล้อง INSTAX WIDE 400 จะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทยในช่วงสิ้นเดือนกรกฎาคม 2567 ในราคา 5,690 บาท ผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของฟูจิฟิล์ม โดยแฟน ๆ สามารถติดตามอัปเดตล่าสุดเกี่ยวกับวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการได้ที่เพจเฟซบุ๊ก: Instax Thailand

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมล่าสุดเกี่ยวกับกล้องตระกูล INSTAX รุ่นใหม่จากฟูจิฟิล์มได้ทาง Facebook Page: Instax Thailand, IG: @instax_thailand, Line OA: @instaxthailand และติดต่องานได้ที่ instaxthmarketing@gmail.com

 

OPPO เปิดตัว OPPO Reno12 Series 5G รุ่นใหม่ มอบประสบการณ์การถ่ายภาพระดับมือโปร ดีไซน์ล้ำสมัย และพลังแห่ง AI อันไร้ขีดจำกัด พร้อมจับมือ AIS มอบโปรโมชันสุดพิเศษ ในราคาเริ่มต้น 8,849 บาท

ผู้บริหาร OPPO และ AIS ร่วมกันส่งมอบประสบการณ์อัจฉริยะ จาก OPPO Reno12 Series 5G สมาร์ตโฟน OPPO AI เครื่องแรกที่ดีที่สุดสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ผสานรวมเทคโนโลยีล้ำสมัย ดีไซน์อันน่าทึ่ง และพลังแห่ง OPPO AI เข้าไว้ด้วยกัน พร้อมมอบโปรโมชันสุดพิเศษจาก AIS เมื่อจอง OPPO Reno12 series 5G สมาร์ตโฟนถ่ายคนแบบมือโปร โดย คุณชานนท์ จิรายุกุล ประธานกรรมการอาวุโสฝ่ายบริหาร ออปโป้ แห่งประเทศไทย (คนที่2 จากซ้าย) จับมือกับพันธมิตร คุณศรัณย์ ผโลประการ หัวหน้าฝ่ายงานผลิตภัณฑ์โทรศัพท์เคลื่อนที่ กลุ่มลูกค้าทั่วไป AIS (คนที่ 1 จากซ้าย)  พร้อมข้อเสนอและราคาสุดพิเศษเริ่มต้นเพียง 8,849 บาท สั่งซื้อได้แล้ววันนี้ ที่เอไอเอสช็อปและร้านเทเลวิซทุกสาขา หรือ AIS Online Store 

OPPO Reno12 Series 5G สมาร์ตโฟน OPPO AI แบบเต็มรูปแบบเครื่องแรกสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ช่วยยกระดับการถ่ายพอร์ตเทรต

พร้อมวางจำหน่ายใน 3 รุ่น ได้แก่ OPPO Reno12 5G, OPPO Reno12 Pro 5G และ OPPO Reno12 F 5G อีกทั้งยังมาพร้อมกับความสามารถที่ช่วยให้สามารถถ่ายรูปพอร์ตเทรตแบบมือโปรด้วย AI Portrait กับฟีเจอร์ที่อัปเกรด อย่าง ยางลบ AI 2.0 รีทัชเนียนด้วย AI ลบคนและวัตถุได้พร้อมกันในคลิกเดียว พร้อมเติมพื้นหลังเนียนไม่บ้ง ไม่พลาดทุกโมเมนต์สำคัญในการถ่ายรูปด้วย AI Best Face ซ่อมรูปพังให้ปัง และถ่ายรูปกับกลุ่มเพื่อนโดดเด่น ปรับผิวเนียน พร้อมทนทานด้วยมาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP65 และ Splash Touch ใช้งานไม่สะดุดแม้หน้าจอเปียก และทนต่อการตกกระแทก ให้คุณเชื่อมต่อได้รวดเร็วด้วย AI LinkBoost และ BeaconLink เสริมด้วยความทนทานรอบด้าน กันกระแทก กันน้ำ ชาร์จไว แบตจุใจ อีกด้วย

OPPO Reno12 5G ดีไซน์ล้ำสมัยไม่เหมือนใคร 3 สีใหม่ให้เลือก ได้แก่ สีเงิน Astro Silver, สีชมพู Sunset Pink และ สีน้ำตาล Matte Brown, OPPO Reno12 Pro 5G มาใน สีเงิน Nebula Silver และ สีน้ำตาล Space Brown และ OPPO Reno12 F 5G มาพร้อมดีไซน์แรงบันดาลใจจากอนาคต Halo Light วงแหวนไฟกะพริบ โดดเด่นด้วยสีใหม่ สีส้ม Amber Orange และ สีเขียว Olive Green

โดย OPPO Reno12 Series 5G พร้อมให้คุณสัมผัสประสบการณ์ถ่ายภาพระดับมือโปรกับ GenAI ที่มอบการถ่ายภาพที่ก้าวไปอีกขั้นด้วยราคาสุดพิเศษจาก AIS เริ่มต้นเพียง 8,849 บาท พร้อมชุดของขวัญสุดพิเศษมูลค่าสูงสุด 10,999.-  รวมถึงส่วนลดจากเอไอเอสพอยท์ และ ผ่อน 0% นานสูงสุด 36 เดือน สามารถสั่งซื้อได้แล้ววันนี้ ที่เอไอเอสช็อปและร้านเทเลวิซทุกสาขา หรือ AIS Online Store 

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://m.ais.co.th/LJHa708Fx 

#Reno12SeriesTH #AIPortraitExpert #ก้าวไปอีกขั้นกับOPPOAI

OPPO Reno12 Series 5G ใหม่ ถ่ายรูปแบบโปร ดีไซน์ล้ำ สัมผัสประสบการณ์ AI เต็มรูปแบบ พร้อมโปรโมชันพิเศษจากทรู! ในราคาสุดคุ้ม เริ่มต้นเพียง 8,849 บาท

OPPO โดย คุณชานนท์ จิรายุกุล ประธานกรรมการอาวุโสฝ่ายบริหาร ออปโป้แห่งประเทศไทย จับมือพันธมิตร กลุ่มทรู โดย คุณนิลวรรณ แสงทองนิรันดร หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ดีไวซ์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ทรู คอร์ปอเรชั่น มอบประสบการณ์อัจฉริยะ และข้อเสนอสุดพิเศษที่คัดสรรสำหรับลูกค้าทรู ดีแทค ไปพร้อมกับ OPPO Reno12 Series 5G OPPO AI เครื่องแรกที่ดีที่สุดสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ผสานรวมเทคโนโลยีล้ำสมัย ดีไซน์อันน่าทึ่ง และพลังแห่ง OPPO AI เข้าไว้ด้วยกัน นอกจากนี้ ยังมอบสิทธิพิเศษสุดคุ้ม ให้ลูกค้าทรู ดีแทค คนสำคัญ ได้เป็นเจ้าของด้วยข้อเสนอที่ดีที่สุด เริ่มต้นเพียง 8,849 บาท ตั้งแต่วันนี้ – 31 กรกฎาคม 2567 ที่ ทรูช็อป ดีแทคช็อป ทรูช็อปใน 7-Eleven, ทรูพาร์ทเนอร์ทั่วประเทศ ทรูสเฟียร์ ทุกสาขา และเว็บไซด์ทรูสโตร์ ดีแทคออนไลน์สโตร์ และสำหรับลูกค้าที่ซื้อเครื่องเปล่า ใช้ 10 Truepoint / 50 dtac coin รับส่วนลดสูงสุด 1,500 บาท พร้อมผ่อน 0% ได้สูงสุด 10 เดือน ตั้งแต่วันนี้ – 31 กรกฎาคม 2567 เฉพาะสาขาที่ร่วมรายการ *ที่ทรูช็อป บาย ไวร์เออร์ & ไวร์เลส, ทรูช็อปใน 7-Eleven บาย ไวร์เออร์ & ไวร์เลส ศูนย์บริการดีแทคทั่วประเทศ *เฉพาะสาขาที่ร่วมรายการ

OPPO Reno12 Series 5G สมาร์ตโฟน OPPO AI แบบเต็มรูปแบบเครื่องแรกสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ช่วย
ยกระดับการถ่ายพอร์ตเทรต 

พร้อมวางจำหน่ายใน 3 รุ่น ได้แก่ OPPO Reno12 5G, OPPO Reno12 Pro 5G และ OPPO Reno12 F 5G อีกทั้งยังมาพร้อมกับความสามารถที่ช่วยให้สามารถถ่ายรูปพอร์ตเทรตแบบมือโปรด้วย AI Portrait กับฟีเจอร์ที่อัปเกรด อย่างยางลบ AI 2.0 รีทัชเนียนด้วย AI ลบคนและวัตถุได้พร้อมกันในคลิกเดียว พร้อมเติมพื้นหลังเนียนไม่บ้ง ไม่พลาดทุกโมเมนต์สำคัญในการถ่ายรูปด้วย AI Best Face ซ่อมรูปพังให้ปัง และถ่ายรูปกับกลุ่มเพื่อนโดดเด่น ปรับผิวเนียน พร้อมทนทานด้วยมาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP65 และ Splash Touch ใช้งานไม่สะดุดแม้หน้าจอเปียก และทนต่อการตกกระแทก ให้คุณเชื่อมต่อได้รวดเร็วด้วย AI LinkBoost และ BeaconLink เสริมด้วยความทนทานรอบด้าน กันกระแทก กันน้ำ ชาร์จไว แบตจุใจ อีกด้วย

OPPO Reno12 5G ดีไซน์ล้ำสมัยไม่เหมือนใคร 3 สีใหม่ให้เลือก ได้แก่ สีเงิน Astro Silver, สีชมพู Sunset Pink และ สีน้ำตาล Matte Brown, OPPO Reno12 Pro 5G มาใน สีเงิน Nebula Silver และ สีน้ำตาล Space Brown และ OPPO Reno12 F 5G มาพร้อมดีไซน์แรงบันดาลใจจากอนาคต Halo Light วงแหวนไฟกะพริบ โดดเด่นด้วยสีใหม่ สีส้ม Amber Orange และ สีเขียว Olive Green

โดย OPPO Reno12 Series 5G พร้อมให้คุณสัมผัสประสบการณ์ถ่ายภาพระดับมือโปรกับ GenAI ที่มอบการถ่ายภาพที่ก้าวไปอีกขั้นด้วยราคาสุดพิเศษ เริ่มต้นเพียง 8,849 บาทต่อเดือน ตั้งแต่วันนี้ – 31 กรกฎาคม 2567 ที่ทรูช็อป, ทรูช็อปใน 7-Eleven, ทรูพาร์ทเนอร์ทั่วประเทศ หรือสั่งผ่านช่องทางออนไลน์ส่งฟรีถึงบ้านได้ที่ True Store และ LINE@ True Store และ ศูนย์บริการดีแทคทั่วประเทศ หรือ Dtac online store

True | dtac: https://www.true.th/devices/oppo

#Reno12SeriesTH #AIPortraitExpert #ก้าวไปอีกขั้นกับOPPOAI

ออปโป้ เปิดตัว “OPPO Enco Air4 Pro” หูฟังไร้สายรุ่นใหม่ ในราคา 2,999 บาท มากับฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนได้ดีที่สุดในหูฟังระดับเดียวกัน เปิดตัวพร้อมกับ OPPO Reno12 Series 5G

ออปโป้ ไทยแลนด์ เปิดตัวหูฟังไร้สายรุ่นใหม่ล่าสุด “OPPO Enco Air4 Pro” ภายใต้สโลแกน “สัมผัสทุกจังหวะที่ใช่” ที่จะพาผู้ใช้เข้าสู่ภวังค์ของทุกจังหวะโดยไม่มีเสียงไหนมารบกวนด้วยฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนที่ดีที่สุดในหูฟังระดับเดียวกัน ปรับอัตโนมัติได้สูงสุด 49dB มอบเสียงทรงพลังคุณภาพระดับ Hi-Res ด้วย LHDC 5.0 พร้อมเชื่อมต่อเสถียรผ่านสัญญาณบลูทูธ 5.4 ความหน่วงต่ำ ใช้งานได้ยาวนาน 44 ชั่วโมง วางจำหน่ายในราคา 2,999 บาท เปิดตัวพร้อมกับโปรโมชันที่น่าสนใจ มาสัมผัสผลิตภัณฑ์ IoT รุ่นล่าสุดจากออปโป้ได้แล้ววันนี้ ณ OPPO Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่ว

ที่สุดของหูฟังไร้สาย ตัดเสียงรบกวนปรับอัตโนมัติได้สูงสุด 49dB 

OPPO Enco Air4 Pro จะพาเข้าสู่ภวังค์ของทุกจังหวะที่ใช่โดยไม่มีเสียงไหนมารบกวน กับความสามารถในการตัดเสียงรบกวนปรับอัตโนมัติได้สูงสุด 49dB ซึ่งดีที่สุดเมื่อเทียบกับหูฟังไร้สายในระดับเดียวกัน ทำให้ผู้ใช้สามารถได้ยินอย่างชัดเจนแม้อยู่ในสถานการณ์ที่วุ่นวายและเสียงดัง โดยมีช่วงการตัดเสียงรบกวนความถี่กว้างพิเศษสูงถึง 4000Hz ทำให้มั่นใจได้ถึงประสบการณ์การฟังที่คมชัดในช่วงความถี่กลางและสูง ออกแบบร่วมกับไมโครโฟน 3 ตัวความละเอียดสูงที่รับประกันคุณภาพการโทรที่คมชัด ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมแม้ในสภาวะที่ท้าทาย เช่น ลมแรง

มอบคุณภาพเสียงระดับ Hi-Res ด้วย LHDC 5.0 พร้อมการเชื่อมต่อที่เร็วขึ้น ให้ดื่มด่ำไปกับทุกจังหวะที่ใช่

OPPO Enco Air4 Pro สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับหูฟังไร้สายในช่วงราคานี้ด้วยตัวแปลงสัญญาณบลูทูธ LHDC 5.0 ขั้นสูงที่มอบคุณภาพเสียงระดับ Hi-Res ให้ดื่มด่ำกับประสบการณ์การฟังคุณภาพสตูดิโอที่ดียิ่งขึ้น มาพร้อมไดรเวอร์ขนาดใหญ่พิเศษ 12.4 มม. ให้เสียงเบสนุ่มลึก เสียงร้องที่ชัด และช่วงไดนามิกที่กว้างขึ้น เปลี่ยนทุกเซสชันการฟังให้กลายเป็นงานฉลอง รวมถึงฟีเจอร์ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งเสียงให้เหมาะกับอารมณ์และกิจกรรมได้ด้วย Enco Master Equalizer โดยมีโหมดให้เลือกมากมายทั้ง Clear Vocals, Bass Boost หรือ Original Sound สามารถเชื่อมต่อได้อย่างเสถียรและรวดเร็วยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยี Bluetooth 5.4 และ Google Fast Pair ทำให้การซิงค์เร็วขึ้นและเสถียรยิ่งขึ้น ลดความหน่วงเฉพาะของหูฟังไร้สายเพียง 47ms เหมาะสำหรับเกมเมอร์และสตรีมเมอร์

อินไปกับจังหวะที่ใช่ได้ยาวนานถึง 44 ชั่วโมง โดดเด่นด้วยตัวหูฟังสีขาว Moonlight White สวมใส่สบายตลอดวัน

OPPO Enco Air4 Pro มีอายุการใช้งานแบตเตอรีอย่างยาวนานถึง 44 ชั่วโมงให้เพลิดเพลินกับความบันเทิงได้หลายวันโดยไร้กังวล พร้อมลุยทุกสถานการณ์ในชีวิตจริง ไม่ว่าจะเดินกลางสายฝน หรือจ๊อกกิ้งริมชายหาด เพราะสามารถกันน้ำและฝุ่นได้ในมาตรฐาน IP55 ออกแบบมาได้อย่างเบาเป็นพิเศษเพียง 47 กรัม ออกแบบตามสรีรศาสตร์ทำให้สวมใส่สบาย มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาว Moonlight White ดีไซน์แวววาวราวกับไข่มุก และสีดำ Midnight Black สุดคลาสสิก

OPPO Enco Air4 Pro มอบอีกขั้นของประสบการณ์ความบันเทิงที่อัปเกรดทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ทำให้สัมผัสทุกจังหวะที่ใช่ จะวางจำหน่ายในราคา 2,999 บาท พร้อมวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายนเป็นต้นไป พร้อมข้อเสนอโปรโมชันสำหรับลูกค้าคนพิเศษที่สนใจผลิตภัณฑ์ IoT รุ่นใหม่ล่าสุด เมื่อลูกค้าซื้อโทรศัพท์ OPPO หรือ OPPO Pad Series คู่กับ OPPO Enco Air4 Pro จะได้รับส่วนลด 1,000 บาท *เฉพาะร้านค้าที่ร่วมรายการ*

ผู้ที่สนใจสามารถไปทดลองสัมผัสได้แล้ววันนี้ ณ OPPO Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/oppothai/

#EncoAir4ProTH #สัมผัสทุกจังหวะที่ใช่

พร้อมแซงทุกสนามแข่ง! Infinix เปิดตัว GT 20 Pro 5G เกมมิ่งโฟนที่รองรับ 120 FPS สเปคแรงระดับโปรเพลเยอร์ การันตีด้วยการเป็นสมาร์ทโฟนในการแข่งขัน RoV Pro League 2024 Winter

อินฟินิกซ์ (Infinix) แบรนด์สมาร์ทโฟนระดับโลกที่คุ้มค่า ครบครันทุกการใช้งาน และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ เปิดตัว Infinix GT 20 Pro 5G สุดยอดเกมมิ่งสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุด ที่จะมาเขย่าวงการเกมเมอร์ให้คึกคักด้วยขุมพลังชิปเช็ตและเทคโนโลยีสุดล้ำ ที่ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพโดย Garena RoV อย่างละเอียดในด้านต่าง ๆ อาทิ ความเสถียรในการรองรับอัตราเฟรมเรทสูง 120 FPS การรักษาอุณหภูมิเฉลี่ยของตัวเครื่อง และการจัดการพลังงานแบตเตอรี่ เป็นต้น ด้วยประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยม ทำให้ได้การรับรองเป็นเกมมิ่งสมาร์ทโฟนรุ่นแรกสำหรับใช้ในการแข่งขัน RoV Pro League 2024 Winter อย่างเป็นทางการ รวมถึงศึกอีสปอร์ตระดับนานาชาติในอีกหลายประเทศทั่วโลก ในขณะเดียวกันอินฟินิกซ์ยังมอบประสบการณ์ในการเล่นเกมที่เหนือกว่าไปอีกขั้นด้วยการรังสรรค์ผลิตภัณฑ์ Infinix GTBOOK  แล็ปท็อปสุดพิเศษที่ได้พัฒนาขึ้นร่วมกับ NVIDIA และ Infinix INBOOK เพื่อตอบโจทย์ความต้องการและสะท้อนตัวตนของเหล่าเกมเมอร์รุ่นใหม่ได้อย่างครอบคลุม

นายมาร์ลอน หม่า ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท อินฟินิกซ์ ไทยแลนด์ กล่าวว่า “ปัจจุบันเทรนด์ของการเล่นเกมออนไลน์ยังคงได้รับความนิยมและเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้งานคนรุ่นใหม่ที่นิยมเล่นเกมบนสมาร์ทโฟน เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย  รวมถึงการเติบโตของเทรนด์อีสปอร์ตที่มีจำนวนผู้เล่นและผู้ติดตามชมการแข่งขันอีสปอร์ตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก ดังนั้นเพื่อตอบรับความต้องการของเหล่าเกมเมอร์และผู้ที่ชื่นชอบในการเล่นเกม อินฟินิกซ์ จึงเปิดตัว Infinix GT 20 Pro 5G เกมมิ่งสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุด ที่มาพร้อมประสิทธิภาพและฟังก์ชันที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อการเล่นเกมโดยเฉพาะ ซึ่งอินฟินิกซ์ได้ร่วมมือกันกับ Garena RoV โมบายล์เกมที่ได้รับความนิยมจากผู้เล่นทั่วโลกในการพัฒนาอัตราเฟรมเรทจึงทำให้ Infinix GT 20 Pro 5G เป็นสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์รุ่นแรกที่สามารถรองรับเฟรมเรท 120 FPS บนเกม RoV ได้อย่างลื่นไหล จึงมั่นใจได้ว่าผู้เล่นจะได้รับประสบการณ์การเล่นเกมที่เหนือระดับยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน”

สำหรับ Infinix GT 20 Pro 5G มาพร้อมกับขุมพลังที่มอบประสิทธิภาพเหนือขีดจำกัดด้วยชิปเซ็ต Dimensity 8200 Ultimate โปรเซสเซอร์ 4nm 5G ความจำ RAM 12 GB ผสานได้สูงสุด 24GB ROM 256 GB และ Pixelworks X5 Turbo ชิปเซ็ตประมวลผลภาพเพื่อการเล่นเกมโดยเฉพาะ บนจอแสดงผล FHD+ AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว  อัตรารีเฟรชเรท 144Hz แบบไร้ขอบ กับดีไซน์แบบไซเบอร์-เมคานิกส์ เพื่อสะท้อนจิตวิญญาณของรุ่น GT ที่เปรียบเสมือนโลหะ ขุมพลัง และความเร็ว พร้อมด้วยลวดลายใบพัดที่เป็นเอกลักษณ์ที่ให้ความรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวอย่างทรงพลัง

นอกจากนี้หน้าจอ LED แบบวงแหวนยังสามารถปรับแต่งได้อย่างละเอียด ด้วย 8 สีสันและเอฟเฟกต์ 4 รูปแบบ ช่วยให้เกมเมอร์ปรับแต่งอุปกรณ์ได้อย่างเต็มที่ พร้อมลำโพงคู่จาก JBL กล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 108 MP OIS รองรับการชาร์จด้วยโหมดไฮเปอร์ชาร์จและการชาร์จเร็ว 45W พร้อมแบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh และ Stable Frame-rate Engine ที่ช่วยในการจัดการพลังงาน ระบายความร้อนอัจฉริยะ เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานอินเทอร์เน็ตและยกระดับวิดีโอเกมให้รายละเอียดในการเคลื่อนไหวได้ดียิ่งขึ้นติดตั้งมากับระบบปฎิบัติการ Clean & Pure OS 2.0 พร้อมการอัปเกรด Android หลัก 2 รายการ และการอัปเดตแพตซ์ความปลอดภัย 3 ปี 

พร้อมกันนี้ อินฟินิกซ์ ยังได้รังสรรค์ Infinix GTBOOK  แล็ปท็อปที่มาช่วยตอบโจทย์ความต้องการของเหล่าเกมเมอร์ให้สมบูรณ์แบบ ประกอบด้วย GT Book i5 และ GT Book i7 ที่มาพร้อมกับโปรเซสเซอร์ 13th Gen Intel Core i5-12450H และการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 4050 พร้อม Adaptive LED Interface และดีไซน์แบบไซเบอร์-เมคานิกส์สุดล้ำ ซึ่งมีสีเทาและสีเงินให้เลือก รวมถึง INBOOK Y3Max  แล็ปท็อปที่มาพร้อมโปรเซสเซอร์ INTEL Core i5 1235U  GEN 12 PROCESSOR กับหน้าจอ Immersive FHD+  ขนาด 16 นิ้ว พร้อมความจุ 8GB+512GB กับขุมพลังแบตเตอรี่ 70WH เพื่อการใช้งานที่ไม่สะดุดตลอดทั้งวัน

ผลิตภัณฑ์อินฟินิกซ์ GT Series ทั้งหมดออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์ และประสิทธิภาพในการเล่นเกมที่เหนือชั้นให้กับผู้ใช้งาน โดยสมาร์ทโฟน Infinix GT 20 Pro 5G เปิดตัวพร้อมกับสามสีสันให้เลือก ได้แก่ Mecha Blue (ฟ้า) Mecha Orange (ส้ม) และ Mecha Silver (เงิน) ในราคา 12,999 บาท พิเศษ! สำหรับทุกการสั่งซื้อทุกช่องทาง จะได้รับฟรี Game Power Gift Boxset มูลค่า 1,599 บาท พร้อมหูฟัง TWS และ Phone Cooling Fan ในขณะที่แล็ปท็อป Infinix GT BOOK เปิดตัวในราคา 33,990 บาท  ส่วนแล็ปท็อป Infinix INBOOK Y3Max ราคาเริ่มต้นที่ 14,990 บาท โดยทั้งหมดพร้อมวางจำหน่ายในวันที่ 27 มิถุนายน 2567 เป็นต้นไป ผ่านช่องทาง Shopee, Lazada,  TikTok Shop, BaNANA, Jaymart, IT City และ TG Fone 

นอกจากนี้อินฟินิกซ์ยังได้เตรียมกิจกรรมสุดพิเศษไว้ให้แฟน ๆ ได้ร่วมสนุกด้วยการจัดทัวร์นาเมนต์การแข่งขันสุดมันส์ “Infinix GT Master” การแข่งขันเกม RoV ให้กับเหล่าเกมเมอร์ได้มาประลองฝีมือ เพื่อชิงของรางวัลมากมายมูลค่ารวมกว่า 50,000 บาท โดยเปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 20 – 30 มิถุนายน 2567 ตลอดจนเตรียมพบเซอร์ไพรส์จากสองหนุ่มโตโต้ – เมธาสิทธิ หรือ Moowan Brand Ambassador จาก Bacon Time และโอม – พฤทธิ์ หรือ Difoxn จาก Talon Esports ที่ได้มาร่วมงานกับอินฟินิกซ์เป็นครั้งแรกอีกด้วย สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/InfinixMobileThailand/    

ทำสับสน Apple แบนแอปจำลอง ไล่ถอดออกจาก App Store

[เธอไม่ชัดเจน หรือ…] ก่อนหน้านี้มีข่าวดีว่า Apple เปิดให้ใช้แอปฯ จำลองหรือ Emulator บน iOS ได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็น Delta , RetroArch และ PPSSPP อย่างไรก็ตาม ล่าสุดพบ Emulator บางแอปฯ ถูกถอดจาก App Store

ดูเหมือนทาง Apple จะยังคุมเข้มแอปฯ ประเภท Emulator อยู่ โดยเฉพาะแอปฯ ที่จำลองการใช้งาน PC ยุคเก่า อย่างกรณีแอปฯ iDOS 3 ที่จำลองระบบปฏิบัติการ DOS มาใช้งานบน iOS ทว่าถูกทาง Apple ถอดจาก App Store เผยไม่นับเป็น “คอนโซล (Console) เกมย้อนยุค” ตามหลักเกณฑ์ในหัวข้อ 4.7 ของ App Review Guidelines

ด้านผู้พัฒนาเผยกับทาง The Verge บอกได้ถามกับ Apple แล้ว ว่าจะให้ปรับเปลี่ยนอย่างไรได้บ้าง ทว่ากลับไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน พอถามต่ออีกว่า แล้วคอนโซลเกมย้อนยุคที่ว่าต้องเป็นแบบไหน ก็ได้รับคำตอบประมาณว่า ‘ถ้าเห็นก็รู้เมื่อนั้น’

สำหรับแอปฯ iDOS 3 เดิมสานต่อจาก DOSBox เป็นแอปฯ open-source ที่เคยให้บริการบน App Store ตั้งแต่ปี 2014 แล้ว จนมาถูกถอดในปี 2021 แม้จะส่ง iDOS 3 ที่ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับหลักเกณฑ์ของ App Store มากขึ้น แต่ก็ยังโดนถอดออกอยู่ดี

นอกจาก iDOS 3 แล้ว UTM แอปฯ จำลอง Windows และ DOS หรือถึงเกม PC เก่า ๆ บน iOS ก็พบปัญหาคล้ายกัน หลังถูกตรวจสอบนานกว่าสองเดือน สุดท้ายก็โดนถอดเหมือนกัน และถูกตีความกฎแปลก ๆ และไม่สอดคล้องกันว่า “PC ไม่ใช่ Console” ทั้งยังไม่ให้เหตุผลที่ชัดเจนด้วย สร้างความหงุดหงิดให้กับนักพัฒนาอยู่พอควร

สุดท้ายทางผู้พัฒนาแอปฯ UTM ก็ตัดสินใจยอมแพ้กับ Apple พร้อมทิ้งท้ายไว้อย่างเจ็บแสบว่า “experience subpar หรือนับเป็นประสบการณ์สุดแย่ (ต่ำกว่ามาตรฐาน) กันเลย

ย้อนกลับไปเดือนเมษายน 2023 ปีที่แล้ว Apple ได้เริ่มปรับนโยบายต่อแอปฯ Emulator เกมย้อนยุคใหม่ หลังถูกมองว่ากำลังผูกขาดแอปฯ ใน App Store จึงมีการเปิดให้แอปฯ Delta หรือชื่อเดิมคือ GBA4iOS เป็นแอปฯ Emulator ฟรีแบบครบวงจร สามารถใช้งานบน iOS ได้จนทุกวันนี้เอง

ที่มา : Techspot

ลือหนัก Google เล็งเปิดตัว AI แชทบอทเลียนแบบคนดัง

[นึกถึงใครบ้าง] สร้างแรงจูงใจให้ใช้งานแท้ ๆ มีรายงานว่า Google กำลังเจรจากับคนดังและ Influencer เพื่อแชทบอท AI ใหม่ ที่อิงบุคลิกการพูดคุยมาจากคนเหล่านั้นโดยตรง คาดอาจเปิดตัวให้เห็นในปีนี้

ปัจจุบัน Google มีแชทบอทที่ขับเคลื่อนโดย LLM หรือโมเดลภาษาขนาดใหญ่อย่าง Gemini ล่าสุดทาง The Information เผย Google มีแผนจะพัฒนาให้แชทบอทให้มีบุคลิกเหมือนคนดัง หวังสร้างการใช้งานแบบใหม่ ๆ นอกจากถามคำถามทั่วไป และผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่ง (น่าจะเลือกเปลี่ยนบุคลิก) เองได้ด้วย

คาดการณ์ว่า Google อาจเผยรายละเอียดให้เห็นในช่วงสิ้นปีนี้ และเตรียมที่จะรวมในบริการต่าง ๆ อย่าง YouTube หรือ Google One ให้ใช้งานได้ทั่วถึง ทว่าก็มีความเป็นได้ที่จะให้ทดลองใช้ใน Google Labs ก่อน

อย่างไรก็ตาม Google ไม่ใช่รายแรก ก่อนหน้านี้ Meta ก็เคยพัฒนาแชทบอททื่มีบุคลิกเหมือนคนดังมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Snoop Dogg , Tom Brady และ Paris Hilton หรือกระทั่ง TikToker ชื่อดังอย่าง Charli D’Amelio กับ Mr. Beast จาก YouTube และอีกมากมาย

แต่ดูเหมือนยังไม่ประสบความสำเร็จดี อ้างอิงจากแชทบอท Snoop Dogg ของ Meta มีผู้ติดตาม Instagram เพียง 15,000 คน ในขณะที่ ‘ตัวจริง’ มีถึง 87.5 ล้านคน อาจต้องรอพัฒนากันยาว ๆ

ที่มา : Techspot

Hot Issue