Home Blog Page 64

สงครามไฮเทค กองทัพสหรัฐประกาศเข้าถึงคลาวด์ ควบคุมซูเปอร์คอมพ์จากระยะไกล

[Modern Warfare] สงครามอิเล็กทรอนิกส์เริ่มกี่โมง ? ก็ไม่อาจทราบได้ แต่ล่าสุดทางกองทัพสหรัฐฯ เผยสามารถเข้าถึงซูเปอร์คอมพิวเตอร์หรือ High-Performance Computing (HPC) ผ่านคลาวด์จากระยะไกลได้แล้ว ช่วยให้เข้าถึงเครื่องมือ ‘ไฮเทค’ ในการปฏิบัติภารกิจทางทหารได้อย่างรวดเร็วขึ้น

แม้เราจะมีซูเปอร์คอมพิวเตอร์มานานแล้ว แต่การจะเรียกใช้ได้ให้อย่างเต็มประสิทธิภาพนั้น ก็อาจจำเป็นต้องมีขั้นตอนหลาย ๆ อย่าง แต่จะเป็นอย่างไรหากทางเพนตากอนหรือกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้เปลี่ยนให้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์กลายสภาพเป็นบริการคลาวด์ สำหรับใช้ในทางการทหารโดยเฉพาะ

Defense Innovation Unit (DIU) หน่วยงานนวัตกรรมด้านกลาโหม หรือฝ่ายทดลองนวัตกรรมของเพนตากอน ล่าสุดได้เดินหน้าโครงการ High Performance Computing Modernization Program (HPCMP) ว่าด้วยการนำซูเปอร์คอมพิวเตอร์มาใช้เพื่อ ‘งานวิจัยระดับชาติ’ ให้ใช้งานผ่านบริการคลาวด์ได้ สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจากระยะไกลได้ทุกเวลา

สำหรับโครงการนี้ทาง DIU ได้เลือก 2 บริษัทอย่าง Rescale และ Parallel Works ที่มีประสบการณ์ด้านการย้ายซูเปอร์คอมพิวเตอร์ไปยังคลาวด์ ให้เข้ามาช่วยปรับปรุงพลังการประมวลผลของ HPCMP โดยไม่เพิ่มต้นทุนและมีข้อกำหนดด้านฮาร์ดแวร์อย่างมีนัยสำคัญ

ท้ายนี้ทาง DIU อาจมีการร่วมมือกับผู้ให้บริการคลาวด์รายอื่น ๆ เพื่อสร้างเป็นเครือข่ายทางการทหารแบบใหม่ เปิดให้นักวิจัยของกองทัพเข้าถึง AI หรือ Machine Learning ระดับสูงได้ทันที เพื่อนำมาช่วยพัฒนา ‘นวัตกรรม’ ต่าง ๆ ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ฝั่งกองทัพก็สามารถนำเครือข่ายนี้ไปใช้ปฏิบัติภารกิจทางทหาร หรืออาจช่วยให้เข้าถึงเครื่องมือไฮเทคบางตัวได้ทันที แต่แน่นอนว่าจะใช้ด้านไหนและยังไงนั้น คงไม่เปิดเผย

ที่มา : Techspot

อย่าพูดเกินจริง Bill Gates ยันไม่ต้องกังวล อนาคต AI จะใช้พลังงานน้อยลง

[อย่าไปกลัว] ปัจจุบัน AI ถือเป็นสุดยอดเทคโนโลยีแห่งยุค ประสิทธิภาพก็แสดงให้เห็นโดยทั่วแล้ว ทว่าเบื้องหลังคือ ‘ค่าไฟ’ หลักล้านต่อวัน บ่งบอกเลยว่าเทคโนโลยีนี้กินพลังงานมากขนาดไหน จนหลายฝ่ายเริ่มกังวลเรื่องทรัพยากรแล้ว (Green Tech กำหมัด) อย่างไรก็ตามทางอดีตซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft อย่าง Bill Gates เผยไม่ต้องกังวล เพราะอนาคต AI จะใช้พลังงานน้อยลงอย่างแน่นอน

ย้อนกลับไปสัปดาห์ก่อน ในงานประชุม Breakthrough Energy ที่ลอนดอน Bill Gates ได้กล่าวถึงกรณีการใช้พลังงานของ AI ว่า “ไม่ต้องกังวล” พร้อมขอให้หลายฝ่ายอย่าพูดเกินจริงกับเรื่องนี้เลย

สืบเนื่องจาก Bill Gates เชื่อยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี ต่างก็กำลังมองหาแหล่งพลังงานสะอาดใหม่ ๆ มาใช้ในการประมวลผล AI โดยเฉพาะ แม้จะต้องใช้เงินลงทุนอย่างมหาศาลก็ตาม พร้อมเต็มใจที่จะหนุน Green Tech หรือพลังงานสีเขียวอย่างเต็มที่

และนั้นเองก็อาจส่งผลให้ AI หรือ Data Center จะมียอดการใช้พลังงานน้อยลงอย่างมีนัยยะ โดย Bill Gates ได้ยกกรณีร้ายแรงที่สุดในด้านภาระพลังงาน ว่าแม้อาจมีตัวเลขถึง 6% แต่เชื่อว่าจริง ๆ จะเพิ่มเพียง 2 – 2.5% เท่านั้น และแน่นอนว่าจะลดลงมากกว่า 6% ด้วยในอนาคต

ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า ChatGPT ใช้พลังงานไฟฟ้ามากกว่า Google ถึง 10 เท่า ด้านสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศก็แสดงความกังวลเลยว่า การใช้ไฟฟ้าจาก AI อาจเพิ่มเป็น 2 เท่า จากเดิมระดับ 460 เทราวัตต์ชั่วโมง (TWh) ในเวลา 4 ปี

ท้ายนี้ Bill Gates ก็แอบมีหวั่นใจนิด ๆ ว่า หากความก้าวหน้าของ AI มีมากขึ้น จนต้องใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น ก็อาจส่งผลให้เป้าหมายการปลดปล่อยมลภาวะเป็นศูนย์ (Net zero emissions) ในปี 2050 ต้องเลื่อนไปอีก 10 – 15 ปีก็เป็นได้

สำหรับงาน Breakthrough Energy เป็นโครงการที่ว่าด้วยการเร่งพัฒนานวัตกรรมด้านพลังงานทดแทนและเทคโนโลยีอื่น ๆ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยเฉพาะ ก่อตั้งโดย Bill Gates ร่วมกับองค์กรอีกหลายแห่งที่มีแนวคิดเหมือนกัน

ที่มา : Techspot

ไอเดียเจ๋ง NIKE ผลิตรองเท้านวดได้ ตัวช่วยใหม่ให้นักกีฬา

NIKE และ Hyperice จับมือกันออกแบบรองเท้าและเสื้อกั๊ก เป็นอุปกรณ์สวมใส่ที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงที่ช่วยให้นักกีฬามีประสิทธิภาพในการฝึกซ้อมและแข่งขันได้ดีขึ้น เพราะไอเท็มดังกล่าวจะช่วยนวดเท้าของนักกีฬาและทำให้ร่างกายเย็นสบาย

รองเท้าหุ้มข้อที่ให้ความร้อนและมีระบบนวดด้วยตัวเองจากแรงอัดอากาศที่สามารถกระจายความร้อนอย่างสม่ำเสมอจากเท้าไปถึงข้อเท้า ช่วยทำให้กล้ามเนื้อกระชับและอุ่นขึ้น

ทำให้นักกีฬาเคลื่อนไหวได้ดีขึ้นและฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ควบคุมความร้อนและแรงอัดได้ด้วยปุ่มเดียวโดยใช้แบตเตอรี่ หรือปรับแต่ละข้างได้แยกกัน มีทั้งหมดด 3 ระดับ

ส่วนเสื้อกั๊กจะมีลักษณะเป็นถุงลม คอยตรวจสอบและรักษาอุณหภูมิร่างกายให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติ มาพร้อมเซ็นเซอร์วัดความดัน ที่ปรับให้พอดีกับร่างกายมากขึ้นทำได้ทั้งความร้อนและความเย็น

สำหรับรองเท้าและเสื้อกั๊ก LeBron James และ Sha’Carri Richardson ร่วมกันออกแบบและกำลังรวบรวมข้อมูลจากนักกีฬาเพิ่มเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้าไป เพื่อวางจำหน่ายในภายหลัง

 

ที่มา : NIKE

#NIKE #Hyperice #TechhubUpdate

นิวยอร์กเริ่มแล้ว ใช้กฎหมายคุ้มครองเด็ก ปกป้องเยาวชนจากสื่อโซเชียล

ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ลงนามร่างกฎหมาย 2 ฉบับ คุ้มครองและปกป้องเยาวชนจากสื่อโซเชียลมีเดียที่ปัจจุบันเริ่มไม่ปลอดภัยอีกต่อไป

กฎหมาย Stop Addictive Feeds Exploitation (SAFE) for Kids จะกำหนดให้แอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง โดยห้ามอัลกอริทึมแนะนำ หรือชักจูงเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี 

กฎหมาย New York Child Data Protection Act จะจำกัดการรวบรวมข้อมูล หรือการขอข้อมูลส่วนตัวกับเด็กที่ไม่ได้รับความยินยอม มีผลบังคับใช้ภายใน 1 ปี

ผู้สนับสนุนของ SAFE for Kids Act ของนิวยอร์กเผยจุดประสงค์ของกฎหมายนี้เพื่อปกป้องสุขภาพจิตของเด็กจากฟีดโซเชียลมีเดีย และอยากให้แพลตฟอร์มต่าง ๆ งดส่งแจ้งเตือนข้อความระหว่างเที่ยงคืนจนถึง 6 โมงเช้าอีกด้วย

กฎของอัยการสูงสุดจะมีผลบังคับใช้ 180 วัน และหากบริษัทแพลตฟอร์มไม่ทำตามจะถูกสั่งปรับ 5,000 ดอลลาร์ต่อการละเมิดหนึ่งครั้ง

ผู้นำในรัฐต่าง ๆ ของสหรัฐออกกฎหมายเพื่อปกป้องเด็กบนโลกอินเทอร์เน็ต เพราะเป็นนโยบายหลักของพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตมาตั้งแต่แรก 

 

ที่มา : theverge

#TechhubUpdate

เดลล์ เทคโนโลยีส์ พลิกโฉมสตอเรจด้วย Dell PowerStore ล้ำหน้าทุกองศา ให้สมรรถนะทรงพลัง ยืดหยุ่น และประสิทธิภาพเหนือชั้น

เดลล์ เทคโนโลยีส์ ประกาศเปิดตัว Dell PowerStore ที่พัฒนาและยกระดับสมรรถนะ ประสิทธิภาพ ความยืดหยุ่น และความสามารถในการเคลื่อนย้ายข้อมูลระหว่างมัลติคลาวด์ได้ดียิ่งขึ้น พร้อมกันนี้ เดลล์ยังขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ Dell APEX ด้วยการพัฒนา AIOps แบบใหม่ รวมถึงการจัดการมัลติคลาวด์ และ Kubernetes storage ดีขึ้น ให้ประสิทธิภาพสูงขึ้น

“การที่เราพัฒนา PowerStore และเพิ่มข้อได้เปรียบเรื่องงบประมาณและการดำเนินงานใหม่ๆ ให้ทั้งลูกค้าและคู่ค้าคือการสร้างผลกระทบที่ทรงพลัง และยังช่วยยกระดับมาตรฐานของระบบจัดเก็บข้อมูลแบบ all-flash อีกด้วย” อาร์เธอร์ เลวิส ประธาน กลุ่มธุรกิจ ISG เดลล์ เทคโนโลยีส์ กล่าว “และเราจะไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้ เพราะเรายังขยายความมุ่งมั่นในการสรรสร้างนวัตกรรมไปสู่ Dell APEX ด้วยการปรับปรุงเสถียรภาพที่ให้ความน่าเชื่อถือทั้งโครงสร้างพื้นฐานและแอปพลิเคชันด้วยพลังของ AI และระบบอัตโนมัติ ที่ทำให้การจัดการระบบจัดเก็บข้อมูลในมัลติคลาวด์ และ Kubernetes ง่ายดายยิ่งขึ้น”

ขยายสมรรถนะ ประสิทธิภาพ ความยืดหยุ่นของระบบจัดเก็บข้อมูล และเพิ่มศักยภาพให้มัลติคลาวด์

Dell PowerStore ช่วยจัดการกับปริมาณเวิร์กโหลดที่เพิ่มขึ้น ด้วยเทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลแบบ quad-level cell (QLC) ที่ยืดหยุ่นที่สุดในอุตสาหกรรม และช่วยปรับปรุงสมรรถนะสูงขึ้น

  • หน่วยจัดเก็บข้อมูลแบบ QLC มอบสมรรถนะระดับองค์กร ด้วยราคาต่อเทราไบต์ที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับรุ่นที่ใช้ triple-level cell (TLC) ลูกค้าสามารถเริ่มต้นด้วยการใช้ไดรฟ์ QLC เพียง 11 ลูก และขยายความจุในการใช้งานได้ถึง 9 เพตาไบต์ต่อ PowerStore 1 เครื่อง ซึ่งความสามารถในการจัดการ Load Balancing อย่างชาญฉลาดของ PowerStore ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและช่วยให้จัดวางเวิร์กโหลดในกลุ่มคลัสเตอร์ที่มีทั้ง TLC และ QLC ได้ดียิ่งขึ้น
  • ให้สมรรถนะสูงขึ้น โดยสามารถปรับปรุงสมรรถนะของฮาร์ดแวร์ เพิ่มสูงถึง 66% เมื่ออัปเกรดอุปกรณ์เป็นรุ่นที่สูงขึ้น โดยที่ไม่ต้องย้ายข้อมูล (Data-in-Place)

การพัฒนาซอฟต์แวร์ของ Dell PowerStore ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ เพิ่มความปลอดภัย และให้ความสามารถในการย้ายข้อมูลบนคลาวด์

  • เพิ่มสมรรถนะด้วยซอฟต์แวร์ อัปเดตซอฟต์แวร์ได้โดยที่ระบบไม่ต้องหยุดทำงาน สำหรับลูกค้าปัจจุบันทำได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ช่วยเพิ่มสมรรถนะการทำงานของเวิร์กโหลดที่หลากหลายได้สูงขึ้นถึง 30% และลดเวลาในการทำงานได้ถึง 20%
  • ให้การปกป้องข้อมูลที่ดีขึ้น ลูกค้ามีทางเลือกเพิ่มขึ้น ในการปกป้องระบบงานสำคัญ ด้วยการทำสำเนาข้อมูลด้วยตัวเองระหว่าง PowerStore แบบ Synchronous (Native Synchronous Replication) ที่รองรับทั้งบล็อกและไฟล์ รวมถึงการจำลองข้อมูล และการทำสำเนาข้อมูลด้วยตัวเองแบบ Metro (Native Metro Replication) ที่ทำงานได้พร้อมกันสำหรับระบบ Windows, Linux และ VMware
  • ให้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น การปรับปรุงซอฟต์แวร์ช่วยให้สามารถลดขนาดข้อมูลได้ดีขึ้นถึง 20% และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานได้ถึง 28%
  • เพิ่มความสามารถในการย้ายข้อมูลระหว่างมัลติคลาวด์ ลูกค้าสามารถพัฒนากลยุทธ์ในการใช้งานมัลติคลาวด์และย้ายเวิร์กโหลดได้ง่ายขึ้น ด้วยการเชื่อมต่อ PowerStore เข้ากับ Dell APEX Block Storage ซึ่งเป็น Cloud Block Storage ที่สามารถขยายได้มากที่สุดในโลก

“Dell PowerStore ช่วยให้ Fulgent Genetics ดูแลผู้ป่วยด้านพยาธิวิทยา มะเร็งวิทยา สุขภาพการเจริญพันธุ์ รวมถึงโรคติดเชื้อและโรคหายากได้ดียิ่งขึ้น ด้วยการเร่งความเร็วในการประมวลผลข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ทีมแพทย์ของเราสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกทางพันธุกรรมและผลการทดสอบแก่ผู้ป่วยได้รวดเร็วขึ้น” ไมค์ ลาเซแนร์ รองประธานฝ่ายแอปพลิเคชัน Fulgent Genetics กล่าว “PowerStore ยังช่วยให้เราดำเนินการตามพันธสัญญาด้านความยั่งยืนได้ดียิ่งขึ้น ช่วยลดการใช้พลังงาน รวมถึงลดขนาดของศูนย์ข้อมูลได้ ขณะเดียวกันก็ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก การพัฒนาใหม่ๆ ของ PowerStore ทำให้เราสามารถคาดหวังความสำเร็จ ทั้งด้านสมรรถนะ ประสิทธิภาพ และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยให้เราพัฒนาการดูแลผู้ป่วยได้ดียิ่งขึ้น”

ความก้าวหน้าของ PowerStore คือส่วนหนึ่งของ PowerStore Prime ซึ่งเป็นข้อเสนอใหม่ที่สมบูรณ์แบบ ที่ผสานระบบ PowerStore ที่อัปเดตให้เหมาะกับแผนทางธุรกิจต่างๆ โดยออกแบบมาเพื่อช่วยปกป้องการลงทุนของลูกค้าด้านการจัดเก็บข้อมูลมากขึ้น อีกทั้งช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้กับพันธมิตรของเดลล์เช่นกัน

ปกป้องการลงทุนด้านการจัดเก็บข้อมูลมากขึ้น

PowerStore Prime มอบความยืดหยุ่นให้กับลูกค้ายิ่งขึ้น ช่วยให้ได้รับประโยชน์จากการลงทุนด้านเทคโนโลยีสูงสุดในประเด็นต่อไปนี้

  • รับประกันการลดขนาดข้อมูลในอัตรา 5:1 ลูกค้าสามารถซื้อ PowerStore ได้อย่างมั่นใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและลดการใช้พลังงานพร้อมการรับประกันการลดขนาดข้อมูลที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรม
  • ปรับปรุงระบบให้ทันสมัยได้อย่างต่อเนื่อง บริการ Lifecycle Extension ด้วย Dell ProSupport หรือ ProSupport Plus ช่วยให้เข้าถึงบริการได้ทันทีแบบ 24/7 สามารถอัพเกรดเทคโนโลยีได้อย่างยืดหยุ่น รวมถึงการนำอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลเดิมมาแลกเพื่อรับส่วนลดเมื่อซื้ออุปกรณ์ใหม่(Capacity Trade-ins) และบริการให้คำปรึกษาด้านการจัดเก็บข้อมูลให้กับลูกค้า
  • จ่ายตามการใช้งานจริง (Flexible consumption) ลูกค้าสามารถใช้ PowerStore ผ่านการสมัครเช่าใช้ Dell APEX โดยจ่ายตามการใช้งานจริงเป็นรายเดือน

เพิ่มศักยภาพคู่ค้าเพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าได้ดีขึ้น

PowerStore Prime ยังช่วยให้ขาย PowerStore ได้ง่ายขึ้น ให้ผลตอบแทนมากขึ้น ด้วยการต่อยอดกลยุทธ์ที่เดลล์ให้ความสำคัญกับพันธมิตรเป็นอันดับแรก (partner-first strategy) สำหรับระบบจัดเก็บข้อมูล คู่ค้าสามารถเพิ่มยอดจำหน่าย PowerStore ได้ด้วยการขายผลิตภัณฑ์ร่วมกันเป็นเซ็ต (bundle) ในราคาที่แข่งขันได้ และนำเสนอการใช้งานที่หลากหลายให้กับลูกค้าร่วมกัน โดยสามารถจัดการกับกระบวนการขายได้ง่ายขึ้น เมื่อขายผลิตภัณฑ์ PowerStore และ PowerProtect ร่วมกัน

“การรับประกันการลดขนาดข้อมูลในอัตราใหม่ 5:1 ของ PowerStore และหน่วยเก็บข้อมูล QLC แบบใหม่ คือบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของเดลล์ในการช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายด้านประสิทธิภาพ ในขณะที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายการจัดเก็บข้อมูลที่ล้ำหน้า” จอห์น ลอเคาเซ่น technical solution architect ของ  World Wide Technology กล่าว “ทั้งการรับประกันและการให้ผลตอบแทนแบบใหม่แก่คู่ค้าของเดลล์ คือจุดร่วมที่ทำให้เราและลูกค้าประสบความสำเร็จไปพร้อมกันบนความก้าวหน้าใหม่ของหน่วยเก็บข้อมูลแบบ all-flash”

ปลดปล่อยพลังของ AI เพื่อให้จัดการ IT ได้ง่ายในแบบอัตโนมัติ

เดลล์ เทคโนโลยีส์ ยังคงพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์ Dell APEX อย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในส่วนที่มุ่งเน้นความสำคัญอย่าง AI และมัลติคลาวด์ ทั้งนี้ นวัตกรรมของ Dell APEX ให้ความสามารถด้าน AIOps ชั้นนำ พร้อมช่วยให้บริหารจัดการการจัดเก็บข้อมูล และ Kubernetes ได้ดียิ่งขึ้น

Dell APEX AIOps ซอฟต์แวร์ในรูปแบบบริการ หรือ Software-as-a-Service (SaaS) ที่ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพให้กับระบบโครงสร้างพื้นฐานและความพร้อมด้านบริการของเดลล์ ด้วยการตรวจสอบและวิเคราะห์แบบ Full Stack และบริหารจัดการเหตุการณ์ต่างๆ ด้วยขุมพลังของ AI  ซึ่งเป็นการขยายความสามารถของเครื่องมือ AIOps ของเดลล์ได้อย่างโดดเด่น ช่วยให้การดำเนินงานง่ายขึ้น เพิ่มความคล่องตัวของ IT และสามารถควบคุมแอปพลิเคชันและระบบโครงสร้างพื้นฐานได้ดียิ่งขึ้น ด้วยการผสานรวมความสามารถ 3 ด้านไว้ด้วยกัน

  • การสังเกตและตรวจสอบโครงสร้างพื้นฐาน ช่วยแก้ไขปัญหาโครงสร้างพื้นฐานได้เร็วกว่าวิธีเดิมถึง 10 เท่าผ่านข้อมูลเชิงลึกและคำแนะนำที่ขับเคลื่อนด้วย AI ให้ทั้งความปลอดภัยทางไซเบอร์ และความยั่งยืน ทั้งนี้ Dell APEX AIOps Assistant ที่ขับเคลื่อนด้วย GenAI สามารถตอบสนองได้ในทันที สำหรับคำถามเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานอีกทั้งสามารถให้คำแนะนำในการแก้ไขปัญหาอย่างละเอียด
  • การสังเกตและตรวจสอบแอปพลิเคชัน ช่วยลดระยะเวลาแก้ไขปัญหาของแอปพลิเคชันได้ถึง 70% ด้วยการให้ภาพรวมโครงสร้างการทำงานของแอปพลิเคชัน และการวิเคราะห์อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อรับประกันความพร้อมใช้งานและประสิทธิภาพของแอปพลิเคชัน
  • การจัดการเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพความพร้อมใช้งานของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ด้วยการตรวจจับและแก้ไขเหตุการณ์ด้วย AI ซึ่งช่วยลดปัญหาระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบมัลติคลาวด์จากผู้จำหน่ายหลายรายตามที่ลูกค้ารายงาน ได้มากถึง 93%

Dell APEX Navigator SaaS ขยายความสามารถเพื่อรวมการจัดการ Kubernetes storage และเพิ่มการสนับสนุนบริการ Dell APEX Storage สำหรับ Public Cloud ดังนี้

  • Dell APEX Navigator for Kubernetes พร้อมให้บริการแล้ว ช่วยให้จัดการ Kubernetes storage บน Dell PowerFlex ได้ง่ายขึ้น และเร็วๆ นี้จะรองรับ Dell PowerScale และ Dell APEX Cloud Platform for Red Hat OpenShift ด้วยการนำบริการด้านข้อมูลขั้นสูงต่างๆ เช่น การทำซ้ำข้อมูล การเคลื่อนย้ายแอปพลิเคชัน และการสังเกตการทำงานมาสู่ระบบคอนเทนเนอร์
  • Dell APEX Navigator for Multicloud Storage เพิ่มการรองรับ Dell APEX File Storage for AWS และมีแผนที่จะรองรับ Dell APEX File Storage for Microsoft Azure ต่อไปในปีนี้ ความสามารถนี้ช่วยลดความซับซ้อนในการตั้งค่าระบบจัดเก็บข้อมูล การนำไปใช้งาน ตลอดจนการตรวจสอบข้ามระบบจัดเก็บข้อมูลของเดลล์ทั้งบน On-premise และพับลิกคลาวด์

ลูกค้าสามารถเริ่มต้นใช้งาน Dell APEX Navigator for Multicloud Storage และ Dell APEX Navigator for Kubernetes ผ่านการทดลองใช้นาน 90 วันโดยไม่ต้องรับความเสี่ยงใดๆ

ความพร้อมในการใช้งาน

  • ซอฟต์แวร์ของ Dell PowerStore ที่ได้รับการปรับเพิ่มประสิทธิภาพ พร้อมให้ใช้งานได้ทั่วโลกแล้วตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม
  • Dell PowerStore รุ่น QLC และความสามารถในการอัพเกรดเป็นรุ่นที่สูงขึ้นโดยไม่ต้องย้ายข้อมูล สำหรับลูกค้า Gen 2 จะพร้อมให้ใช้งานได้ทั่วโลกในเดือนกรกฏาคม
  • ความสามารถในการย้ายข้อมูลข้ามมัลติคลาวด์ของ Dell PowerStore จะพร้อมให้ใช้งานได้ทั่วโลกในไตรมาสที่ 2 ของปี 2024
  • Dell APEX Navigator for Multicloud Storage สำหรับ Dell APEX File Storage for AWS เปิดให้บริการในสหรัฐอเมริกาแล้ว
  • การสนับสนุน Dell APEX Navigator for Multicloud Storage สำหรับ Dell APEX File Storage for Microsoft Azure จะพร้อมให้บริการในสหรัฐอเมริกาในช่วงครึ่งหลังของ 2024
  • Dell APEX AIOps Infrastructure Observability and Incident Management เปิดให้บริการแล้วในขณะนี้ ส่วน Application Observability มีแผนเปิดตัวในเดือนตุลาคม 2024
  • Dell APEX Navigator for Kubernetes พร้อมให้บริการสำหรับ PowerFlex แล้วในสหรัฐอเมริกา พร้อมการสนับสนุน Dell APEX Cloud Platform for Red Hat OpenShift Dell PowerScale และมีแผนขยายบริการไปยังภูมิภาคอื่นๆ เพิ่มเติมในช่วงครึ่งหลังของปี 2024

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับเดลล์ เทคโนโลยีส์

เดลล์ เทคโนโลยีส์ ช่วยให้องค์กรธุรกิจและปัจเจกบุคคลสามารถสร้างอนาคตทางดิจิทัล พร้อมทั้งช่วยในการปฏิรูปทั้งรูปแบบการทำงาน การดำเนินชีวิต และการพักผ่อน เดลล์ เทคโนโลยีส์ให้การดูแลสนับสนุนลูกค้าด้วยสายผลิตผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีและการบริการที่กว้างที่สุด และมีความเป็นนวัตกรรมอย่างสูงสุดในยุคของดาต้า

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค จับมือ ออนวัลล่า รุกตลาดเครื่องชาร์จอีวี สร้างความยั่งยืนไปด้วยกัน

นายมงคล ตั้งศิริวิช (ขวา) ประธานกลุ่มคลัสเตอร์ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ดูแลประเทศไทย ลาว และเมียนมา และ นายองอาจ ปัณฑุยากร (ซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออนวัลล่า จำกัด ภายใต้การดูแลของบริษัท ออลล่า จำกัด (มหาชน) ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันพัฒนา และต่อยอดธุรกิจด้านสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าอย่างครบวงจร มุ่งมั่นต่อยอดแนวคิดสร้างความยั่งยืนให้กับโลก ด้วยสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าความเร็วสูง EVlink Pro DC ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ที่มีระบบ Ultra Fast Charge ให้ความรวดเร็วไม่ต้องรอนาน

แคนนอนตอกย้ำผู้นำการพิมพ์ระดับโลก ฉลองความสำเร็จในงาน Drupa 2024 จัดเต็มกับโซลูชันและผลิตภัณฑ์การพิมพ์ครบวงจร พร้อมตอบโจทย์ลูกค้าในทุกอุตสาหกรรม

แคนนอน (CANON) แบรนด์ผู้นำด้านเทคโนโลยีอิมเมจจิ้งระดับโลก สร้างปรากฏการณ์ระดับโลกอีกครั้ง หลังประสบความสำเร็จอย่างสูงกับการออกบูธผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมในงาน Drupa 2024 ณ ประเทศเยอรมนี เนรมิตบูธสุดยิ่งใหญ่ภายใต้ธีม “The Power to Move บนพื้นที่ใหญ่ถึง 4,600 ตร.ม. เพื่อสื่อถึงพลังแห่งการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการพิมพ์อย่างมั่นคงในยุคดิจิทัล ชูโซนหลักอย่าง “The Core” นำผู้ชมดื่มด่ำกับนวัตกรรมการพิมพ์สุดล้ำสมัยอันน่าตื่นตาตื่นใจแบบ Immersive Experience พร้อมเผยโอกาสสำคัญเพื่อการยกระดับชีวิตและธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านศักยภาพของโซลูชันงานพิมพ์จากแคนนอน

Drupa คืองานแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านการพิมพ์และสื่อสิ่งพิมพ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก กำหนดจัดขึ้นทุก 4 ปี โดยในครั้งนี้จัดขึ้นในช่วงวันที่ 28 พฤษภาคม – 7 มิถุนายน 2567 ณ ดุสเซลดอร์ฟ แฟร์กราวด์ ประเทศเยอรมนี รวบรวมผู้ประกอบการ ผู้เชี่ยวชาญ ตลอดจนแบรนด์สินค้าและนวัตกรรมด้านการพิมพ์และสื่อสิ่งพิมพ์ระดับสากล โดยในการจัดงานแต่ละครั้ง มีผู้เข้าชมงานจำนวนหลายแสนรายจากมากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก

มร.อุย ชิค โฮ รองประธานกลุ่มผลิตภัณฑ์บิสซิเนสอิมเมจจิ้งโซลูชั่น บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แคนนอนประสบความสำเร็จในการร่วมมือกับผู้ให้บริการด้านการพิมพ์หลากหลายประเภท และได้สร้างชื่อเสียงในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรมการพิมพ์อิงค์เจ็ท ครองตำแหน่งผู้นำในกลุ่มการพิมพ์ระบบป้อนม้วน ป้อนแผ่น และการพิมพ์วัสดุหน้ากว้างมาอย่างยาวนาน ซึ่งในการจัดแสดงบูธผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมที่งาน Drupa 2024 ที่ประเทศเยอรมนีในครั้งนี้ เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้นำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางธุรกิจบนเวทีระดับโลก ซึ่งครอบคลุมทั้งเทคโนโลยีการพิมพ์ดิจิทัล การพิมพ์ฉลาก และบรรจุภัณฑ์ที่เปี่ยมประสิทธิภาพของเรา โดยได้รับความสนใจและเสียงชื่นชมจากผู้ประกอบการและผู้ให้บริการด้านการพิมพ์เป็นอย่างมาก ช่วยตอกย้ำถึงสถานะผู้ด้านอุตสาหกรรมการพิมพ์ของแคนนอนให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น และความสำเร็จครั้งนี้จะเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันที่จะทำให้แคนนอนยังคงมุ่งมั่นคิดค้นนวัตกรรมเพื่อส่งเสริมการเติบโตให้แก่ลูกค้าของเรา พร้อมสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายในอุตสาหกรรมการพิมพ์โลกอย่างยั่งยืน”

แนวคิด “The Power to Move หรือพลังแห่งการขับเคลื่อน สื่อถึงการผสมผสานอันทรงพลังระหว่างนวัตกรรมเทคโนโลยี  ทีมผู้เชี่ยวชาญ บริการสนับสนุนที่เป็นเลิศและการทำงานร่วมกันแบบไดนามิกของแคนนอน เพื่อสนับสนุนให้ผู้ให้บริการด้านการพิมพ์สามารถยกระดับขีดความสามารถในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจของตนให้ทันต่อโลกอุตสาหกรรมที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยโซนแรกที่เปิดต้อนรับผู้เข้าชมบูธแคนนอนภายในงานคือ โซน “The Core” นำผู้ชมไปสัมผัสเรื่องราวของเทคโนโลนีการพิมพ์ผ่านหน้าจอ UHD ขนาดยักษ์และระบบแสงสีเสียงเต็มรูปแบบ เพื่อมอบ Immersive Experience อันน่าประทับใจในทุก ๆ วินาที ทำให้ผู้ชมได้รู้จักกับแคนนอนในมุมมองที่แตกต่างและรับรู้ถึงศักยภาพของแบรนด์ได้อย่างแท้จริง

ต่อมาคือ โซนงานพิมพ์ Printworks นำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับ “ผู้คน โลก และโอกาส” เพื่อส่งเสริมแรงบันดาลใจจากการเรียนรู้ถึงกลยุทธ์ต่างๆ ที่ลูกค้าของแคนนอนนำมาใช้เพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายด้านการเติบโตที่ยั่งยืน ตลอดจนความร่วมมือของแคนนอนในการส่งมอบโซลูชันที่มีประสิทธิภาพจนประสบความสำเร็จ พร้อมพื้นที่เพื่อการพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาธุรกิจ แอปพลิเคชัน และการดำเนินงานของแคนนอน เพื่อการเรียนรู้เกี่ยวกับระบบงานพิมพ์แบบครบวงจร

สำหรับ โซนจัดแสดงผลิตภัณฑ์ “The Product นำเสนอโซลูชันการพิมพ์แบบครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่กระบวนการทำงาน (Workflow) เทคโนโลยีงานพิมพ์ ผลิตภัณฑ์ในหมวดหมู่ต่าง ๆ ไปจนถึงผลิตภัณฑ์สื่อสิ่งพิมพ์จากพันธมิตรของแคนนอน เพื่อสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการคิดค้นนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์งานพิมพ์ของลูกค้าในทุก ๆ อุตสาหกรรม ซึ่งโซนนี้แบ่งการจัดแสดงออกเป็น 6 ส่วน ได้แก่ 1) Commercial Print 2) Promotional Communications 3) Publishing 4) Inhouse & CAD 5) Interior Décor และ 6) Labels & Packaging

โดยงาน Drupa 2024 นี้ นับเป็นครั้งแรกที่แคนนอนจัดแสดงเทคโนโลยีการพิมพ์ฉลากและบรรจุภัณฑ์ ซึ่งมีทั้งการสาธิตการผลิตฉลาก กระดาษลูกฟูก และกล่องแบบพับได้ในหลากหลายโซน เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้ประกอบการว่าแคนนอนมีเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมนี้แล้วอย่างเต็มรูปแบบ

นอกเหนือจากการได้สร้างเครือข่ายธุรกิจกับพันธมิตรรายใหม่ ๆ จำนวนมากและการขยายขอบเขตความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ แล้ว อีกหนึ่งความสำเร็จจากการร่วมงาน Drupa 2024 ของแคนนอน คือการประกาศจุดยืนในการลงทุนด้านการวิจัยและการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และแสดงถึงความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ในการยกระดับอุตสาหกรรมการพิมพ์ เพื่อร่วมขับเคลื่อนการเติบโต วิวัฒนาการ และการพัฒนาเชิงบวก ซึ่งไม่แต่เฉพาะกับลูกค้าและพันธมิตรของบริษัทฯ เท่านั้น แต่ยังขยายไปสู่ห่วงโซ่มูลค่าและภาคอุตสาหกรรมการพิมพ์ทั้งหมด ในฐานะที่เป็นบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีอิมเมจจิ้งแบบครบวงจรระดับโลกที่แท้จริง

การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลสู่การผลิตอัจฉริยะ สร้างกลยุทธ์การจัดการข้อมูลเชิงรุกเพื่อความสำเร็จในอนาคต

ในภูมิทัศน์ดิจิทัลที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว การบรรจบกันของเทคโนโลยี และการผลิตได้นำไปสู่ระบบการผลิตอัจฉริยะ จาก รายงานแนวโน้มอุตสาหกรรมการผลิตปี 2024 โดย Deloitte  เทคโนโลยีขั้นสูงที่รวมเข้าด้วยกันเช่น AI และการวิเคราะห์ข้อมูลที่ใช้ในการสร้างข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์ในการผลิตอัจฉริยะต่างให้ความสำคัญกับการที่ระบบจัดเก็บข้อมูล และโซลูชันการจัดการข้อมูลสามารถปกป้องข้อมูล และเพิ่มความพร้อมด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์

อย่างไรก็ตาม การเตรียมความพร้อมด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลนำมาซึ่งความท้าทายต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นจากเครื่องมือและการใช้งานที่ขับเคลื่อนด้วย AI ดังนั้นกลยุทธ์การจัดการข้อมูลเชิงรุกเพื่อจัดการชุดข้อมูลขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนจึงกลายเป็นแกนหลักของความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจภาคการผลิตทุกราย กลยุทธ์นี้มักประกอบด้วยองค์ประกอบที่จำเป็นสี่ประการซึ่งจัดเรียงตามลำดับการประมวลผลข้อมูล: การจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ การแบ่งปันข้อมูลแบบเรียลไทม์ การปกป้องข้อมูล และการวิเคราะห์อัจฉริยะ

การจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่สำหรับข้อมูลการผลิต

ปริมาณข้อมูลที่เกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมการผลิตที่ทันสมัยนั้นมากมายมหาศาล งานวิจัยจาก Roland Berger แสดงให้เห็นว่าปริมาณข้อมูลที่เกิดขึ้นในโลกธุรกิจจะถึง 181 เซตตาไบต์ในปี 2025 ไซต์การผลิตสร้างข้อมูลจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เมตริกของเครื่องจักรไปจนถึงการบันทึกวิดีโอควบคุมคุณภาพ ข้อมูลนี้มักกระจายอยู่ในหลายสถานที่ ทำให้ยากต่อการจัดการและวิเคราะห์อย่างมีประสิทธิภาพ

สถานการณ์นี้เป็นตัวบ่งชี้ถึงแนวโน้มที่กว้างขึ้นในอุตสาหกรรม องค์กรมีความต้องการการจัดเก็บข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและกำลังค้นหาโซลูชันการจัดการข้อมูลที่สามารถขยายได้และเป็นศูนย์กลางเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลที่เป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลของธุรกิจมีความสม่ำเสมอ

การจัดการข้อมูลระหว่างโรงงานและสำนักงานใหญ่

การใช้งานระบบดั้งเดิมและเทคโนโลยีที่ล้าสมัยต่อเนื่อง รวมถึงระบบ CRM ฮาร์ดแวร์ และ ERP ทำให้ประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจลดลงเนื่องจากขาดการจัดการข้อมูลที่ดี ข้อมูลมักจะกระจัดกระจายอยู่ในหลายสถานที่และบนหลายแพลตฟอร์มของผู้ให้บริการโซลูชันต่างๆ ซึ่งทำให้ขาดการควบคุมจากศูนย์กลางและทำให้เกิดการตัดสินใจที่ไม่มีประสิทธิภาพ บริษัทในอุตสาหกรรมการผลิตที่มุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงสู่ระบบการผลิตอัจฉริยะ จำเป็นต้องประเมินหรือตรวจสอบโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลที่มีอยู่และมองหาโซลูชันการจัดการข้อมูลใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

การปกป้องข้อมูลโดยเน้นความปลอดภัยเพื่อความยืดหยุ่น

เมื่อธุรกิจภาคการผลิตนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้มากขึ้น ความเสี่ยงจากการละเมิดข้อมูลและการโจมตีจากแรนซัมแวร์ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น การปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อนเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการรักษาความต่อเนื่องในการดำเนินงานและความไว้วางใจ กลยุทธ์การจัดการข้อมูลเชิงรุกต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและการปกป้องข้อมูล และที่สำคัญต้องมีการสำรองข้อมูลและกลไกการกู้คืนที่เพียงพอเพื่อให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลสามารถกู้คืนได้ในกรณีที่มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นดังนั้น ธุรกิจต่างๆ จึงมองหาโซลูชันที่มีการเข้าถึงตัวตนอย่างปลอดภัยและการยืนยันตัวตนสองขั้นตอน (2FA) เพื่อปกป้องข้อมูลที่สำคัญของพวกเขา โซลูชันการปกป้องข้อมูลที่ครอบคลุมซึ่งติดตั้งโดยตรงในเซิร์ฟเวอร์จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลที่ละเอียดอ่อนจะได้รับการปกป้องจากการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตและภัยคุกคามทางไซเบอร์

การวิเคราะห์และการตรวจสอบอย่างชาญฉลาด

สุดท้ายกลยุทธ์การจัดการข้อมูลเชิงรุกในระบบการผลิตอัจฉริยะเกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์จากการวิเคราะห์ข้อมูลและการตรวจสอบข้อมูลอย่างชาญฉลาดเพื่อขับเคลื่อนการปรับปรุงเวิร์กโฟลว์อย่างต่อเนื่อง เซิร์ฟเวอร์ที่มีประสิทธิภาพและติดตั้งความสามารถของ AI จะช่วยให้ระบบการตรวจจับอัจฉริยะสามารถวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยระบุรูปแบบและความผิดปกติที่ยากต่อการตรวจจับด้วยตนเอง นอกจากนี้ ธุรกิจจำนวนมากยังนิยมใช้โซลูชันที่สามารถรองรับเครื่องมือของบุคคลที่สาม (Third party) เช่น เครื่องสแกนบาร์โค้ดและระบบตรวจจับที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งช่วยเพิ่มกระบวนการตรวจสอบโดยรวมให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

เสริมสร้างการผลิตอัจฉริยะด้วยการจัดเก็บข้อมูลที่ทันสมัย

โซลูชันขั้นสูงของ Synology ช่วยแก้ปัญหามากมายและสอดรับกับแนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมการผลิต โดยมอบรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับระบบการผลิตอัจฉริยะ เมื่อผู้ผลิตนำการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลมาปรับใช้มากขึ้น ความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลที่รองรับอนาคต, การซิงค์ไฟล์ข้ามไซต์, ความปลอดภัยและการปกป้องข้อมูล, และการเฝ้าระวังหลายไซต์อัจฉริยะของ Synology จะเป็นตัวช่วยที่สำคัญ มาดูรายละเอียดว่าโซลูชันของ Synology มีส่วนช่วยธุรกิจภาคการผลิตได้อย่างไรบ้าง

การจัดเก็บข้อมูลที่รองรับอนาคต

เพื่อรองรับความต้องการการจัดเก็บข้อมูลที่มากขึ้นและเติบโตอย่างรวดเร็วของผู้ผลิตยุคใหม่ Synology นำเสนอเซิร์ฟเวอร์จัดเก็บข้อมูลที่มีความจุสูงหลากหลายรูปแบบเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการทางธุรกิจที่แตกต่างกัน สำหรับองค์กรที่มีความต้องการจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีขนาดเกิน 2PB HD6500 ของ Synology สามารถช่วยตอบโจทย์ความต้องการในส่วนนี้ได้ ทางกลับกัน สำหรับองค์กรที่มีความต้องการการจัดเก็บข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง SA6400 มีความสามารถในการขยายขนาดได้อย่างยืดหยุ่น

การจัดการข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ

การซิงโครไนซ์ไฟล์อย่างไร้รอยต่อข้ามหลายไซต์ การรองรับโปรโตคอลต่างๆ และการผสานรวมกับ VMs แสดงถึงการจัดการข้อมูลที่มีประสิทธิภาพในอุตสาหกรรมการผลิต โซลูชันคลาวด์ส่วนตัวและไฮบริดของ Synology ตอบสนองความต้องการเหล่านี้ได้ โดยมีฟีเจอร์ นอกเหนือจากการแชร์ไฟล์ธรรมดา ธุรกิจภาคการผลิตมักพบกับข้อกำหนดด้านกฎระเบียบในการจัดเก็บข้อมูล Synology มีฟังก์ชันการเก็บบันทึกเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดเหล่านี้ และเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลสำคัญจะถูกเก็บรักษาและเข้าถึงได้ตามที่ต้องการ

กลไกการสำรองและปกป้องข้อมูล

ความปลอดภัยและการปกป้องข้อมูลมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับระบบการผลิตอัจฉริยะ Synology มีชุดแพ็กเกจการสำรองข้อมูลที่ครบวงจร รวมถึงการกำหนดค่า RAID เพื่อความสมบูรณ์ของข้อมูลในไซต์ ตัวเลือกการสำรองข้อมูลบนคลาวด์ และการจำลองข้อมูลข้ามไซต์แบบ Snapshot สำหรับการกู้คืนข้อมูลจากภัยพิบัติ ความสามารถเหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจภาคการผลิตสามารถใช้กลยุทธ์การสำรองข้อมูลแบบ 3-2-1 ที่แข็งแกร่ง โดยผสมผสานโซลูชันแบบ on-premise และบนคลาวด์สำหรับโครงสร้างพื้นฐานไฮบริดที่ช่วยให้มั่นใจในความปลอดภัยของข้อมูลในทุกชั้นตัวอย่างเช่น ภาคการผลิตสามารถปกป้องข้อมูลที่สำคัญโดยการจัดเก็บข้อมูลสามชุดในสื่อสองประเภทที่แตกต่างกัน โดยเก็บหนึ่งชุดไว้นอกสถานที่ การผสานรวมเซิร์ฟเวอร์ในสถานที่และโซลูชันคลาวด์ของ Synologyช่วยให้การใช้กลยุทธ์นี้เป็นไปอย่างง่ายดาย โดยให้การปกป้องหลายชั้นต่อการสูญเสียข้อมูล การโจมตีของแรนซัมแวร์ และภัยคุกคามอื่นๆ

ระบบเฝ้าระวังอัจฉริยะสำหรับหลายไซต์

นอกเหนือจากการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลแล้ว การปกป้องทรัพย์สินทางกายภาพและการดูแลความปลอดภัยของบุคลากรในหลายไซต์เป็นสิ่งสำคัญสำหรับภาคการผลิต โซลูชันการเฝ้าระวังหลายไซต์อัจฉริยะของ Synology มอบความสามารถในการจัดการและการตรวจสอบจากศูนย์กลาง ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับองค์กรขนาดใหญ่

ตัวอย่างที่น่าสนใจ คือการใช้งานที่ Chausson Matériaux บริษัทวัสดุก่อสร้างชั้นนำในยุโรป พวกเขาเผชิญกับปัญหาการถูกขโมยสินค้าเนื่องจากขาดระบบเฝ้าระวังจากศูนย์กลางที่มีประสิทธิภาพในการตรวจสอบร้านค้าทั้ง 350 แห่งของพวกเขา หลังจากการนำระบบ Centralized Management System (CMS) บน Surveillance Station ของ Synology มาใช้ Chausson Matériaux ได้สร้างโครงสร้างพื้นฐานการเฝ้าระวังที่ครอบคลุมด้วยการจัดการจากสำนักงานใหญ่ในตูลูส ซึ่งประกอบด้วยเซิร์ฟเวอร์บันทึก 350 ตัว กล้อง IP 2,000 ตัวและ CMS แบบรวมศูนย์ และ Maps ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถตรวจสอบแบบเรียลไทม์ด้วยความแม่นยำ ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสามารถระบุการบุกรุกได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง ระบบที่รวมศูนย์ยังช่วยให้การสตรีมแบบเรียลไทม์มีความละเอียดต่ำได้เพื่อประหยัดแบนด์วิดท์ และการขยายระบบโดยเพิ่มเซิร์ฟเวอร์ใหม่ได้อย่างง่ายดาย การใช้งานนี้ไม่เพียงลดการถูกขโมยสนค้า แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมในการจัดการความปลอดภัยของพวกเขาอย่างมีนัยสำคัญ

การจัดการและรักษาความปลอดภัยข้อมูลอย่างชาญฉลาดในยุคของการผลิตอัจฉริยะ

ในขณะที่ภูมิทัศน์การผลิตยังคงพัฒนาไป การนำเทคโนโลยีอัจฉริยะและโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลมาใช้กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจที่ต้องการการเติบโตอย่างยั่งยืนและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน โซลูชันของ Synology อยู่ในแนวหน้าของการแก้ปัญหาความท้าทายที่ภาคการผลิตกำลังเผชิญในยุคดิจิทัล โดยการเสนอการจัดเก็บข้อมูลที่รองรับอนาคต การซิงค์ไฟล์ข้ามไซต์ที่มีประสิทธิภาพ ความปลอดภัยและการปกป้องข้อมูลที่แข็งแกร่ง และการเฝ้าระวังหลายไซต์ขั้นสูง Synology ช่วยให้ผู้ผลิตสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน รักษาความปลอดภัยของข้อมูลและทรัพย์สิน และบรรลุการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน

VNG GreenNode ร่วมมือ NVIDIA เปิดตัวโครงสร้างพื้นฐาน AI Cloud ขนาดใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อให้บริการแพลตฟอร์ม AI Cloud ระดับโลก

GreenNode หนึ่งในธุรกิจของ VNG ผู้เชี่ยวชาญบริการ AI Cloud และเป็นพันธมิตร NVIDIA Cloud Partner (NCP) เปิดตัวคลัสเตอร์ข้อมูล AI ขนาดใหญ่ หรือ large-scale AI Data cluster ในกรุงเทพฯ ประเทศไทย อย่างเป็นทางการ โดย GreenNode ตั้งเป้าเป็นผู้นำบริการ AI Cloud ในภูมิภาคเอเชีย ด้วยการเพิ่มทรัพยากร AI ที่มีประสิทธิภาพการประมวลผลขั้นสูงเพื่อเพิ่มศักยภาพแก่ธุรกิจ AI ในภูมิภาค

ดาต้าเซ็นเตอร์แห่งนี้เป็นหนึ่งในดาต้าเซ็นเตอร์ระดับไฮเปอร์สเกลที่รองรับ AI เป็นแห่งแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งดำเนินการโดยทีม Cloud Operation Excellence ของ GreenNode มร.เดนนิส แอง ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจองค์กร ประจำภูมิภาคอาเซียนและออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ ของ NVIDIA ย้ำถึงองค์ประกอบสำคัญสองประการที่ทำให้องค์กรก้าวนำหน้าท่ามกลางกระแส GenAI ณ ปัจจุบัน ได้แก่ ดาต้าเซ็นเตอร์ AI และ โรงงาน AI ซึ่งเป็นสิ่งที่ NVIDIA ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับทั้งทีม VNG GreenNode และ ST Telemedia Global Data Centres (STT GDC) “จากความร่วมมือนี้ เราได้ร่วมกันสร้างและส่งมอบองค์ประกอบสำคัญทั้งสองด้านนี้ให้แก่ลูกค้า ผมขอแสดงความยินดีกับ VNG GreenNode กับความสำเร็จนี้ และ NVIDIA พร้อมให้ความร่วมมือเพิ่มเติมในอนาคต”

คลัสเตอร์ AI Cloud ของ GreenNode ในดาต้าเซ็นเตอร์ STT Bangkok 1 ที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ เป็นไปตามมาตรฐานระดับโลก โดยได้รับการรับรองมากมาย อาทิ LEED ระดับ Gold[1], TIA 942 Rating-3 DCDV[2] และมาตรฐาน Uptime Tier III ซึ่ง GreenNode มีเป้าหมายสำคัญในการส่งมอบโซลูชันครบวงจรให้กับทุกธุรกิจที่เดินหน้าสู่เส้นทางของ AI โดยปรับใช้โครงสร้างพื้นฐาน AI ที่มีขนาดกำลังไฟสูงถึง 20 เมกะวัตต์ และติดตั้งเครือข่าย InfiniBand ล่าสุด ซึ่งให้แบนด์วิดท์สูงถึง 3.2 เทระไบต์ต่อวินาที สำหรับรันการทำงานเซิร์ฟเวอร์ของ GreenNode รวมถึงมีแพลตฟอร์มการจัดเก็บข้อมูลแบบไฮเปอร์สเกลสำหรับผู้เช่าหลายรายที่แตกต่างกัน พร้อมมอบบริการ AI Cloud ที่แข็งแกร่งและโครงสร้างพื้นฐาน GPU แก่ทุกลูกค้า

ระหว่างการกล่าวบรรยายในช่วงพิธีการของ มร.ลิโอเนล เยียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอสที เทเลมีเดีย โกลบอล ดาต้า เซ็นเตอร์ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า “อีก 4 ปีข้างหน้านี้ การลงทุน AI จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมาจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกประมาณ 30% ซึ่งในภูมิภาคนี้มีความเคลื่อนไหวไดนามิกเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้ความร่วมมือในวันนี้มีความสำคัญยิ่งขึ้น ผมขอแสดงความยินดีกับ VNG GreenNode กับความสำเร็จที่สามารถนำ AI Cloud มาใช้เชิงพาณิชย์ได้ภายในระยะเวลาเพียง 6 เดือน และเชื่อว่าหากเราร่วมมือกัน ภายในไม่กี่ปีข้างหน้านี้จะสามารถผลักดันให้ภูมิภาคเอเชียก้าวขึ้นเป็นผู้นำในกระแสเทคโนโลยีระดับโลก

ผลิตภัณฑ์พอร์ตโฟลิโอของ GreenNode ประกอบด้วย 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กราฟิกการ์ด แบบ Bare Metal ที่มีชิปประมวลผล H100 Tensor Core นับพันตัว, แพลตฟอร์มแมชชีนเลิร์นนิ่ง (Machine Learning หรือ ML) และสิทธิ์การเข้าถึงทรัพยากร บริการ หรือ เทคโนโลยีใน NVIDIA AI Factory โดย GreenNode เป็นบริษัทที่มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในโครงสร้างพื้นฐานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการฝึกอบรมโมเดลและแพลตฟอร์ม AI ขั้นสูง โดยอาศัยความเชี่ยวชาญเพื่อสนับสนุนบริษัทสตาร์ทอัพผ่านรูปแบบของตนเอง วิธีการนี้ถือเป็นจุดขายที่ย้ำถึงพันธกิจของ GreenNode ที่มุ่งมั่นสร้างความเป็นเลิศในด้านการดำเนินงาน

GreenNode ยังเป็นผู้บุกเบิกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สร้างและนำเสนอแพลตฟอร์มการจัดการพารามิเตอร์ระยะไกล ช่วยให้ลูกค้ากลุ่มธุรกิจในทุกขนาดทั่วโลกสามารถเข้าถึงและปรับขนาดพารามิเตอร์การฝึกอบรมได้อย่างยืดหยุ่น ประหยัดทั้งเวลาและกำลังคน

การเปิดตัวคลัสเตอร์ข้อมูล AI ครั้งนี้เป็นหมุดหมายสำคัญที่ให้สัญญาณเชิงบวกทั้งในด้านความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและผลการดำเนินงานทางธุรกิจ เนื่องจากแนวคิดดังกล่าวได้ถูกนำไปใช้จริงอย่างรวดเร็วในระยะเวลาอันสั้น นี่เป็นเพียงก้าวแรกและเรามุ่งมั่นที่จะลงทุนในระยะยาวเพื่อเป็นผู้ให้บริการ AI Cloud ชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มร. เล ฮอง มิน ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ VNG กล่าว

เมื่อเร็ว ๆ นี้ GreenNode ได้บรรลุข้อตกลงมูลค่าหลายล้านดอลลาร์เพื่อมอบโครงสร้างพื้นฐาน AI และโซลูชัน AI ขั้นสูงให้กับลูกค้าทั่วโลก

GreenNode ตั้งเป้าที่จะเป็นผู้ให้บริการโซลูชันแบบครบวงจรสำหรับลูกค้าทั่วโลกด้วยพลังจากชิป GPU อันนับพันในดาต้าเซ็นเตอร์มาตรฐานสากลของ Nvidia และ STT GDC  อย่างไรก็ตามยังมีอีกหลายสิ่งที่เราต้องทำ รวมถึงการลงทุนอย่างต่อเนื่องในการวิจัยและพัฒนาเพื่อเป็นผู้บุกเบิกด้าน AI ในภูมิภาคนี้” มร. เหงียน ลี ทัน ซีอีโอของ GreenNode และ VNG Digital Business กล่าว

 ในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี VNG 2024 ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ VNG  มร. เล ฮอง มิน ได้เน้นย้ำถึงปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตเชิงกลยุทธ์ของบริษัทในปีต่อ ๆ ไป 3 ประการ ได้แก่ AI, “Go Global” และแพลตฟอร์ม VNG มีความโดดเด่นในฐานะหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีไม่กี่แห่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เปิดรับการใช้งาน AI อย่างรวดเร็วและเต็มรูปแบบ ด้วยการลงทุนจำนวนมากในโครงสร้างพื้นฐาน แพลตฟอร์ม และแอปพลิเคชัน VNG ตั้งเป้าที่จะเป็นผู้ให้บริการ AI ชั้นนำในเวียดนามและภูมิภาค

เกี่ยวกับ GreenNode

GreenNode ผู้ให้บริการคลาวด์ Nvidia ชั้นนำในเอเชียที่เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างพื้นฐาน AI และนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ AI GreenNode มุ่งมั่นที่จะตอบสนองความต้องการ AI ทั่วโลกและรับประกันความน่าเชื่อถือของบริการที่ไม่มีใครเทียบได้และความเป็นเลิศทางเทคโนโลยีด้วยการดำเนินงานคลาวด์ GPU ขนาดใหญ่ในประเทศไทยและเวียดนามที่สอดคล้องกับสถาปัตยกรรมอ้างอิงของ Nvidia การขยายตัวอย่างรวดเร็วของบริษัทในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้รับการสนับสนุนจาก VNG Digital Business ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านการส่งมอบโซลูชันดิจิทัลที่แข็งแกร่งให้กับองค์กรมากกว่า 1,000 แห่ง

เกี่ยวกับ VNG

VNG เป็นระบบนิเวศดิจิทัลชั้นนำในเวียดนาม ก่อตั้งขึ้นในปี 2547 โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลายใน 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ เกมออนไลน์ Zalo และ AI ฟินเทค และธุรกิจดิจิทัล ภารกิจของ VNG คือการ “สร้างเทคโนโลยีและทำให้ผู้คนเติบโตจากเวียดนามสู่โลก” นวัตกรรมของ VNG ได้ขยายปฏิสัมพันธ์ทางดิจิทัลทั่วโลกของผู้ใช้อย่างมีนัยสำคัญ ปัจจุบันบริษัทมีพนักงานมากกว่า 3,600 คนในสิบเมืองทั่วโลก

[1] issued by the U.S. Green Building Council for energy efficiency and low environmental impact

[2] certified by the American Institute of IT and Communications for operational sustainability and disaster recovery

ไปรษณีย์ไทย ยกพลพี่ไปรฯช่วยส่งด่วน ช้อปหนังสือชิลไม่ต้องหิ้วกลับ ในงาน “เชียงใหม่บุ๊คแฟร์ ครั้งที่ 9

บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เอาใจนักอ่านเคลื่อนพล ยกพลพี่ไปรฯออกบูธในงาน “เชียงใหม่บุ๊คแฟร์ ครั้งที่ 9” พร้อมให้บริการขนส่งหนังสือด่วน จัดส่งตรงถึงบ้านโดยไม่ต้องหิ้วกลับเองด้วยบริการ EMS ในราคาเหมาจ่ายเริ่มต้นเพียง 50 บาท อีกทั้งยังสามารถจับจองจำแสตมป์และของที่ระลึกคอลเลกชันพิเศษได้ภายในงานฯ  ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป – 7 กรกฏาคม 2567 ณ เชียงใหม่ฮอลล์ เซ็นทรัลพลาซาเชียงใหม่แอร์พอร์ต จ.เชียงใหม่

ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทยพร้อมสนับสนุนนักอ่านทุกคน ด้วยการเป็นส่วนหนึ่งของงานเชียงใหม่บุ๊คแฟร์ ครั้งที่ 9 โดยส่งมอบค่าส่งพิเศษสุดคุ้ม ให้สามารถช้อปหนังสือภายในงานได้อย่างเต็มที่ เยอะแค่ไหนไม่ต้องขนกลับเอง โดยพี่ไปรฯ เตรียมส่งหนังสือให้ถึงบ้านในราคาเหมาจ่ายที่คุ้มค่าเริ่มต้นที่ 50 บาท ส่งได้เต็มกล่อง ไม่ต้องชั่งน้ำหนัก
ส่งด่วน EMS ทั่วไทย ถึงปลายทางภายใน 1-2 วันทำการ สามารถเช็กสถานะได้ตลอดการจัดส่งผ่าน Line @Thailandpost นอกจากบริการส่งด่วน พี่ไปรฯ ยังคัดสรรแสตมป์ สินค้าที่ระลึกคอลเลกชันพิเศษที่ไม่ควรพลาดอีกมาย

นักช้อปหนังสือ ติดต่อใช้บริการได้ที่บูธไปรษณีย์ไทย ในงานเชียงใหม่บุ๊คแฟร์ ครั้งที่ 9 ณ เชียงใหม่ฮอลล์ เซ็นทรัลพลาซาเชียงใหม่แอร์พอร์ต จ.เชียงใหม่ พร้อมให้บริการตลอดการจัดงานฯ 10 วันเต็ม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ THP Contact Center 1545

 

Hot Issue