Home Blog Page 61

ช้อปปี้จัดใหญ่ Shopee Awards Thailand 2024 ปลุกพลังผู้ขายและแบรนด์ธุรกิจ เสริมทัพเหล่า KOL Partner เตรียมพร้อมธุรกิจโกยยอดครึ่งปีหลัง

งานประกาศรางวัลสำหรับผู้ขายแบรนด์พันธมิตรธุรกิจ และ KOL Partner ที่ทำผลงานโดดเด่นประจำปี พร้อมเผยกลยุทธ์เด็ดมัดใจผู้ใช้งานชาวไทยทั่วประเทศ

จบลงเป็นที่เรียบร้อยแล้วกับงาน ‘Shopee Awards Thailand  2024’ ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2567 ณ ใจกลางกรุงเทพมหานคร สามย่านมิตรทาวน์ โดยถือเป็นกิจกรรมที่ทาง ช้อปปี้ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเบอร์ 1 เพื่อผู้ประกอบการและพันธมิตรธุรกิจ จัดขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมให้ผู้ขายแบรนด์พันธมิตรธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี โดยปีนี้เพิ่มความพิเศษกับการรวมตัวของเหล่านักสร้างสรรค์คอนเท้นท์ KOL Partner ให้ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการเติบโตกับช่วงเวลาเทศกาลจับจ่ายสุดคึกคักของวงการอีคอมเมิร์ซ โดยช้อปปี้ได้เปิดแผนธุรกิจและเผยกลยุทธ์สำคัญเพื่อสนับสนุนการขาย และการสร้างสรรค์คอนเท้นท์ พร้อมผสานโซลูชั่นการตลาดใหม่ๆ เสริมแกร่งให้นักขายออนไลน์ และ KOL Partner ทั่วประเทศ ชนะใจนักช้อปพร้อมปิดยอดขาย มุ่งลุยตลาดโกยยอดอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง

คุณการัน อำบานี ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ ช้อปปี้ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “สำหรับงาน Shopee Awards Thailand  2024 ถือเป็นงานที่มีความสำคัญกับพวกเราทีมช้อปปี้เป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะเป็น
งานประกาศรางวัลให้แก่ ผู้ขาย แบรนด์พันธมิตรธุรกิจ และ KOL Partner ที่ทำผลงานโดดเด่นประจำปีนี้แล้ว ยังถือเป็นโอกาสสำคัญที่เราได้มาพบ กับ ผู้ขาย แบรนด์พันธมิตร และเหล่า KOL Partner นักสร้างสรรค์ ซึ่ง
ทุกท่านที่มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนธุรกิจของช้อปปี้ตลอดระยะเวลากว่า 8 ปีที่ผ่านมา เราในฐานะอีคอมเมิร์ซเบอร์ 1 เพื่อผู้ใช้งานชาวไทย เรายังคงมุ่งมั่นเดินหน้าในการพัฒนาแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง
เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ใช้งานทุกท่าน ทั้งในฝั่ง ผู้ซื้อ ผู้ขาย รวมถึงเปิดพื้นที่ให้เหล่านักสร้างสรรค์ KOL Partner ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการเติบโตที่น่าตื่นเต้นนี้ด้วยกันกับเรา”

ช้อปปี้เผยกลยุทธ์สำคัญปลุกพลังผู้ขายและแบรนด์พันธมิตรธุรกิจลุยครึ่งหลังปี 2024

สำหรับภาพรวมตลาดอีคอมเมิร์ซของประเทศไทย อีคอมเมิร์ซยังคงเป็นแรงผลักดันหลักที่จะทำให้มูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศมุ่งหน้าสู่ 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2025[1]  ทั้งนี้มีปัจจัยสำคัญคือการที่ประชากรไทยมีความเป็นสังคมเมืองมากขึ้น การเพิ่มจำนวนของกลุ่มผู้มีรายได้ชั้นกลาง และการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นระหว่างแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่างๆ สอดคล้องกับภาพรวมของตลาดอีคอมเมิร์ซ ช้อปปี้ในฐานะแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเบอร์ 1 เพื่อผู้ประกอบการและพันธมิตรธุรกิจ เรามุ่งเน้นที่จะเสริมสร้างประสบการณ์ของผู้ใช้งานโดยการสร้างระบบอีคอมเมิร์ซที่มีพื้นฐานที่แข็งแกร่งและพร้อมมอบเนื้อหาที่หลากหลายภายในแพลตฟอร์มช้อปปี้ ทั้งหมดเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานในปัจจุบันที่มีความซับซ้อนมากขึ้น โดยมีอินไซต์ที่น่าสนใจดังนี้

  • มองหาการขนส่งที่มากกว่าส่งฟรี – สำหรับผู้ซื้อออนไลน์ในปัจจุบันไม่เพียงแต่มองหา บริการการขนส่งที่สะดวกคุ้มค่าเท่านั้น แต่ยังต้องการความรวดเร็วในการจัดส่งเพิ่มขึ้นด้วย จึงเป็นที่มาที่ทำให้
    ช้อปปี้มุ่งเน้นการพัฒนาบริการจัดส่งที่รวดเร็วทันใจผู้ซื้อเพิ่มมากขึ้น
  • แพลตฟอร์มใช้งานง่าย และต้องน่าเชื่อถือ – ผู้ใช้งานปัจจุบัน ไม่เพียงมองหาความสะดวกสบาย จากการช้อปปิ้งออนไลน์เท่านั้น แต่ปัจจัยสำคัญคือเรื่องของความปลอดภัยและน่าเชื่อถือของแพลตฟอร์ม ช้อปปี้ให้ความสำคัญในการการสร้างความอุ่นใจและสร้างประสบการณ์หลังการช้อปปิ้งที่มาพร้อมความน่าพึงพอใจ ผ่านบริการต่างๆ อาทิ ช้อปปี้การันตี แค่คลิกเดียว คืนเร็ว คืนฟรี โปรแกรมที่รองรับการคืนสินค้าด้วยบริการมารับถึงบ้านและไม่มีค่าใช้จ่าย และโปรแกรม Shop Safe with Shopee เป็นต้น
  • ความคุ้มค่า ที่มาพร้อมคุณภาพและการรีวิวที่เชื่อถือได้ – เป็นที่ทราบกันดีว่า ความคุ้มค่าเป็นจุดเด่นสำหรับการช้อปปิ้งออนไลน์ ที่นักช้อปชื่นชอบมาโดยตลอด นอกเหนือจากนี้สิ่งสำคัญที่ควบคู่
    ก็คือเรื่องของคุณภาพ โดยในปัจจุบัน นักช้อปมีความละเอียดรอบคอบ และใส่ใจเรื่องของการเลือก
    ช้อปสินค้าคุณภาพ โดยผู้ใช้งานมองหาการรีวิวที่เชื่อถือได้ ช้อปปี้จึงได้พัฒนาฟีเจอร์ที่เข้ามาตอบโจทย์การรีวิว ด้วยฟีเจอร์ยอดนิยมอย่าง Shopee Live และ Shopee VDO ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ใช้งาน

แอปส้มฯ เสริมทัพนักสร้างสรรค์คอนเท้นท์ KOL Partner เตรียมพร้อมธุรกิจโกยยอดครึ่งปีหลัง  
ช้อปปี้พร้อมสนับสนุนให้เหล่า KOL Partner ได้มีส่วนร่วมกับเทศกาลช้อปปิ้งออนไลน์สุดคึกคักปลายปี ผ่านโปรแกรม Shopee Affiliate  ที่เชื่อมต่อ KOL Partner และแบรนด์ร้านค้าผู้ขาย เพื่อช่วยโปรโมทสินค้าผ่านเครือข่าย KOL Partner เพื่อสร้างการรับรู้และเพิ่มอัตราการมองเห็นแบรนด์หรือร้านค้าได้ อีกทั้งยังเพื่อช่วยกระตุ้นให้เกิด Traffic ในการเข้าชมร้านค้าบนช้อปปี้จนเกิดเป็นคำสั่งซื้อได้ในที่สุด โดยในปี 2024 ตัวเลขจำนวน KOL Partner ที่เข้าร่วมกับโปรแกรม Shopee Affiliate เพิ่มสูงขึ้นถึง 10 เท่าเลยทีเดียว

เพิ่มเติมความพิเศษในงาน ‘Shopee Awards Thailand 2024’

ช้อปปี้เดินหน้าส่งเสริมผู้ขายให้ธุรกิจออนไลน์เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยภายในงานได้มีการจัดพื้นที่ Matchmaking เพื่อเปิดโอกาสให้ แบรนด์ร้านค้า และ KOL Partner ได้พบปะเจรจา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นข้อมูล รวมถึงข้อเสนอสุดพิเศษส่วนหนึ่งในเครือข่ายโปรแกรม Shopee Affiliate โดยมุ่งหวังให้ผู้ขายและ
แบรนด์ร้านค้า สามารถพูดคุยและสามารถเลือกกลุ่ม KOL และ Influencer ได้อย่างเจาะจงมากยิ่งขึ้น ทำให้สินค้าของผู้ขาย แบรนด์ร้านค้า ถูกสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้ อีกทั้งสามารถสร้างรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการอย่างง่ายดายในยุคเฟื่องฟูแห่งโลกออนไลน์ในปัจจุบันที่ผู้คนส่วนใหญ่สามารถเข้าถึงโซเชียลได้ง่ายดายขึ้น

“พวกเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ทำงานด้วยกันอย่างใกล้ชิดกับผู้ขาย แบรนด์พันธมิตร เหล่า KOL Partner
นักสร้างสรรค์ เพื่อร่วมกันส่งมอบความคุ้มค่าที่หลากหลายให้กับผู้ซื้อ และด้วยแรงสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากทุกภาคส่วนจะเป็นกำลังสำคัญที่ทำให้ช้อปปี้สามารถมอบประสบการณ์ช้อปปิ้งออนไลน์ที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้งานชาวไทยและขับเคลื่อนให้ธุรกิจออนไลน์ของเราเติบโตไปด้วยกันครับ” คุณการัน กล่าวทิ้งท้าย

ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันช้อปปี้ได้ฟรีจาก App Store, Google Play Store และ App Gallery

[1] รายงาน e-Conomy SEA 2023 โดย Google, Temasek และ Bain

ทีพี-ลิงค์ เอเชียแปซิฟิก เชื่อมั่นศักยภาพการลงทุนในประเทศไทย จัดประชุม TP-Link APAC Enterprise Partner Summit 2024 สุดยิ่งใหญ่ ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย มีพันธมิตรธุรกิจเข้าร่วมงานกว่า 800 คน

บริษัท ทีพี-ลิงค์ เอเชีย – แปซิฟิก ผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์ระบบเครือข่ายสำหรับธุรกิจองค์กร (SMB) และระบบเฝ้าระวังความปลอดภัย จัดงานประชุม TP-Link APAC Enterprise Partner Summit 2024 ครั้งแรกในประเทศไทย สุดยิ่งใหญ่ ในงานมีการแสดงนวัตกรรมและความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเครือข่ายและระบบเฝ้าระวังความปลอดภัย โดยมีผู้บริหารระดับสูง ประกอบด้วย นาย Brian Dong รองประธานบริษัท ทีพี-ลิงค์ เอเชีย – แปซิฟิก กล่าวเปิดงาน, นาย Gary Wen ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทีพี-ลิงค์ เอ็นเตอร์ไพรส์ หน่วยธุรกิจ เน็ตเวิร์ค กล่าวในหัวข้อ Beyond Connectivity : Insights into Enterprise Networking , นาย Eden Xu ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทีพี-ลิงค์ เอ็นเตอร์ไพรส์ หน่วยธุรกิจ ระบบกล้องวงจรปิดเฝ้าระวังความปลอดภัย กล่าวในหัวข้อ : Challenges and Opportunities in the Surveillance Market โอกาสนี้ยังได้รับเกียรติจาก นาย ST Liew รองประธานและประธาน Qualcomm ไต้หวัน และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้เกียรติกล่าวสุนทรพจน์ หัวข้อ Qualcomm Leading the World into Wi-Fi 7 Era ร่วมด้วยพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ เข้าร่วมงานกว่า 800 คน จัดขึ้น ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

นาย Brian Dong รองประธานบริษัท ทีพี-ลิงค์ เอเชีย แปซิฟิก กล่าวว่า การจัดประชุม TP-Link APAC Enterprise Partner Summit 2024 ครั้งนี้ เป็นการจัดประชุมครั้งแรกในประเทศไทยที่รวบรวมพันธมิตรธุรกิจ Business to Business (B2B) ในระดับเอเชียแปซิฟิกเพื่อใช้เป็นเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์การดำเนินธุรกิจและเรียนรู้กลยุทธ์สู่ความสำเร็จจากการนำผลิตภัณฑ์ TP-Link ไปใช้ในโครงการต่างๆ สามารถตอบโจทย์การทำงานในสถานการณ์ต่างๆ (Product Scenario) ได้อย่างยืดหยุ่นและยังเป็นการรับรู้เสียงผู้บริโภคที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของ TP-Link สำหรับการเลือกกรุงเทพฯ ประเทศไทย ในการจัดประชุมครั้งนี้ ประการหนึ่งเพราะ TP-Link มีการดำเนินธุรกิจประมาณ 30 ประเทศในภูมิภาคนี้ ครอบคลุมถึงอินเดีย ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย

ขณะเดียวกันกรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีสถานที่ตั้งเสมือนเป็นจุดศูนย์กลางโลกเพราะมีระบบการขนส่งที่เชื่อมต่อไปยังหลายประเทศ และมีโครงสร้างพื้นฐานที่ยอดเยี่ยมมาก ทั้งนี้ จากประสบการณ์ในแต่ละปี ตนมีโอกาสได้เดินทางไปติดต่อทางธุรกิจทั่วโลก อาจกล่าวได้ว่าประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานดีที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะมีจุดเด่นในด้านงานภาคบริการและการอำนวยความสะดวกสบาย รวมถึงบุคลากรที่ทำงานด้านนี้ (Service & Hospitality) มีศูนย์ประชุมที่การเดินทางสะดวกสบาย ทั้งทางรถยนต์และรถไฟฟ้า ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกที่อยู่ในบริเวณโดยรอบ

รวมทั้ง TP-Link ยังได้เลือกให้กรุงเทพฯ ประเทศไทยเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) ของ TP-Link อีกด้วย นอกจากนี้ TP-Link มีผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่หลากหลายและสามารถนำไปใช้งานในด้านต่างๆ การจัดประชุมครั้งนี้ จึงถือโอกาสเปิดตัวผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ เพื่อแสดงถึงพลังของการดำเนินธุรกิจที่ไม่หยุดนิ่งเพื่อให้พันธมิตรธุรกิจได้เห็นถึงการผนึกกำลังสู่ความสำเร็จไปด้วยกัน (Together Power The Future)

นาย Brian Dong รองประธานบริษัท ทีพี-ลิงค์ เอเชีย แปซิฟิก กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันเป็นยุคของ AI โดยปีที่ผ่านมา TP-Link ได้ย้ายศูนย์ออกแบบผลิตภัณฑ์ไปยังแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกาเพื่อมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีล่าสุดเข้ามาผนึกรวมเข้ากับผลิตภัณฑ์ อีกทั้งจัดหาและทดสอบเทคโนโลยีให้กับพันธมิตรและลูกค้า สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ทั้ง VIGI และ OMADA ล้วนมีคุณสมบัติเทคโนโลยี AI มาในอุปกรณ์ โดยล่าสุด บริษัทยังได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ OMADA ที่ใช้ประสิทธิภาพของ AI เพื่อรองรับการใช้งานร่วมกับระบบ Cloud ซึ่งจะให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีและมีประสิทธิภาพสูงให้กับลูกค้า พร้อมเสริมด้วยคุณสมบัติการทำงานใหม่ๆ

ปัจจุบัน AI เข้ามาอยู่ในทุกอุปกรณ์ (Devices) ซึ่งจะเห็นการใช้งานรูปแบบใหม่ๆ จากผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้ TP-Link มองว่า AI คือเครื่องมือพัฒนาแอปพลิเคชันใหม่ๆ ให้กับลูกค้า ที่จะมาช่วยยกระดับอุปกรณ์ ไม่ว่าจะใช้งานกับเครือข่ายแบบมีสาย หรือ Wi-Fi สร้างโอกาสมหาศาลให้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์กล้องวงจรปิดเพื่อรักษาความปลอดภัย ขณะเดียวกันกลุ่มที่จะได้รับประโยชน์ ยังรวมไปถึงผู้ใช้งานทั่วไป ทั้งภาคการศึกษา บริการภาครัฐ เป็นต้น และจากประสิทธิภาพการใช้งานที่เพิ่มขึ้น ทำให้ลูกค้าสามารถควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น การตรวจจับและประมวลผลรวดเร็วขึ้น ลดการใช้บุคลากรในการดูแลจัดการระบบ เป็นต้น

เราขอให้คำมั่นกับทั้งพันธมิตร และทีมงานทุกคนของ TP-Link ในประเทศไทยว่าจะให้การสนับสนุนในทุกก้าวย่างเพื่อไปสู่ความสำเร็จ อีกทั้งเสริมความแข็งแกร่ง (Empower) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ราคาเหมาะสม ควบคู่การติดอาวุธทางความรู้ที่จำเป็นสำหรับการแข่งขันในตลาด โดยตลอดทั้งปีนี้จะดำเนินการผ่านหลักสูตรฝึกอบรมที่เตรียมจัดไว้ให้ตลอดทั้งปี ทางด้านกลยุทธ์ธุรกิจสำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ VIGI บริษัทจะใช้สูตรการตลาด 4E คือการใช้งานง่าย (Easy to use) และติดตั้งง่าย (Easy to deploy) สนับสนุนการจัดการระบบอย่างง่ายดาย ได้ผ่านแพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์

นาย Gary Wen ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทีพี-ลิงค์ เอ็นเตอร์ไพรส์ หน่วยธุรกิจ อุปกรณ์เน็ตเวิร์ค (OMADA) และ นาย Eden Xu ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทีพี-ลิงค์ เอ็นเตอร์ไพรส์ หน่วยธุรกิจ ระบบกล้องวงจรปิดเฝ้าระวังความปลอดภัย (VIGI) กล่าวถึงกลยุทธ์ธุรกิจว่า บริษัทฯ มุ่งให้ความสำคัญกับลูกค้า จึงเน้นการประสานรวมระบบการจัดการของกลุ่มผลิตภัณฑ์กล้องวงจรปิดในอุตสาหกรรมรักษาความปลอดภัยภายใต้แบรนด์ VIGI และผลิตภัณฑ์ระบบเครือข่ายแบรนด์ OMADA เข้าไว้ด้วยกัน ด้วยการจัดสร้าง Ecosystem ของทั้ง 2 กลุ่มผลิตภัณฑ์เข้าด้วยกันเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการให้บริการกับลูกค้า ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างความแตกต่างให้กับ TP- Link เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งรายอื่นๆ ในตลาด เนื่องจากโดยทั่วไปแต่ละบริษัทจะเน้นให้บริการเพียงผลิตภัณฑ์กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เช่น ทำเฉพาะตลาดกล้องวงจรปิด หรือเฉพาะตลาดระบบเครือข่าย

ขณะที่ในส่วนของบริษัท TP-Link มีการพัฒนาแพลตฟอร์มระบบการจัดการแบบรวมศูนย์ สำหรับสนับสนุนผลิตภัณฑ์กลุ่มกล้องวงจรปิด VIGI และกลุ่มผลิตภัณฑ์เครือข่าย OMADA ร่วมกัน โดยใช้จุดแข็งด้านเทคโนโลยีของ VIGI มาเสริมความแข็งแกร่งให้กับลูกค้าที่ใช้กล้องวงจรปิดเพื่อรักษาความปลอดภัย สามารถสร้างธุรกิจใหม่ๆ และยกระดับประสิทธิภาพการให้บริการ ตลอดจนขยายขอบข่ายการทำธุรกิจให้ไปได้ไกลมากขึ้น

นาย Chen Kun กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีพี-ลิงค์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์ธุรกิจในตลาดประเทศไทย TP-Link เน้นขับเคลื่อนการเติบโตโดยแบ่งตามกลุ่มผลิตภัณฑ์ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผลิตภัณฑ์ระบบเครือข่าย OMADA มีการกำหนด Brand Strategy ไว้ เพื่อให้ครอบคลุมการหากลุ่มลูกค้าเป้าหมายและการวางตำแหน่งทางการตลาดที่ชัดเจน และกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับธุรกิจระดับ SMEs และธุรกิจระดับ SMBs ที่ทำการตลาดมาก่อนหน้า บริษัทฯ มุ่งชูจุดขายเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพดีที่ใช้งานง่าย ( Easy to use) และมีราคาที่เหมาะสม

รวมทั้ง การเปิดตัว OMADA Pro เพื่อจับกลุ่มลูกค้าที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่ (Enterprise) ซึ่งจากการวิเคราะห์ตลาดพบว่าลูกค้าองค์กรใหญ่ มองหาผลิตภัณฑ์ที่มีโซลูชันที่ดี และสามารถตอบโจทย์ความต้องการใช้งานขององค์กร ดังนั้นผลิตภัณฑ์ที่ดีต้องถูกขับเคลื่อนด้วยโซลูชันที่ดีจะทำให้มีข้อได้เปรียบ และผลิตภัณฑ์ของ TP-Link มีจุดแข็งด้านนี้อยู่แล้ว ส่วนการผลักดันตลาด OMADA Pro เราจะทำควบคู่กันไป ทั้งด้านผลิตภัณฑ์ และการพัฒนาช่องทางจัดจำหน่าย โดยจะมีการเพิ่มแรงจูงใจให้กับพันธมิตรตัวแทนจำหน่าย เพื่อนำผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ไปต่อยอดสร้างโครงการใหม่ๆ ขยายธุรกิจใหม่ เพิ่มโอกาส รวมทั้งแหล่งรายได้ใหม่ให้กับพันธมิตรได้อีกด้วย อีกทั้งการที่ TP-Link มีแพลตฟอร์มการจัดการแบบรวมศูนย์ ถือเป็นประเด็นสำคัญที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเหนือคู่แข่ง และความพร้อมเหล่านี้สนับสนุนให้บริษัทสามารถให้บริการกับลูกค้าได้ทั่วถึง ซึ่งอยู่ในแผนการตลาดประเทศไทยภายในสิ้นปีนี้

งานประชุม TP-Link APAC Enterprise Partner Summit 2024 ครั้งนี้ ยังมีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ในโครงการเด่น ๆ จากพันธมิตรในหลายประเทศที่นำโซลูชันจากผลิตภัณฑ์ OMADA และ VIGI ไปติดตั้งและให้บริการลูกค้าในหลากหลายภาคธุรกิจ ได้แก่ โครงการที่พักอาศัยระดับสูงในออสเตรเลีย การติดตั้งระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และระบบเฝ้าระวังความปลอดภัย สำหรับ Business Apartment ในประเทศญี่ปุ่น รวมถึงการติดตั้งระบบ CCTV และ ผลิตภัณฑ์ OMADA เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับโรงเรียนสำหรับเด็กเล็ก ที่อยู่ภายใต้เครือข่ายการบริหารของบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการนี้ เป็นการยกระดับประสิทธิภาพรักษาความปลอดภัยสำหรับเด็ก เป็นต้น

ขณะที่ในส่วนของลูกค้า TP-Link เราได้ผสานรวมการสนับสนุนการจัดการ ทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์ ระบบเครือข่าย และ กลุ่มผลิตภัณฑ์กล้องวงจรปิดเพื่อรักษาความปลอดภัย ไว้ในแพลตฟอร์มเดียวกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินผ่านเทคโนโลยีอัจฉริยะ สร้างความปลอดภัยในสังคมเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ลูกค้าก็สามารถจัดซื้อผลิตภัณฑ์ได้ในราคาที่เหมาะสมยิ่งขึ้น

ในงาน TP-Link APAC Enterprise Partner Summit 2024 ครั้งนี้ โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ทั้งพาร์ทเนอร์ ในประเทศไทย และต่างประเทศ เข้าร่วมงาน อาทิ The Engineering Craft จากประเทศไทย, Infinity Networks Security Sdn Bhd จากประเทศมาเลเซีย, Tecco จากประเทศออสเตรเลีย, Jnets Co,.Ltd จากประเทศญี่ปุ่น, Ammel Technology จากประเทศสิงคโปร์, Fore Solutions Private จากประเทศอินเดีย, และ t’order จากประเทศเกาหลีใต้

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมของผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีต่าง ๆ ได้ที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ TP-Link: https://www.tp-link.com/th/ หรือติดตามข้อมูลข่าวสารบน Facebook TP-Link VIGI & Omada Business Networking – TH https://www.facebook.com/tplinkbiz
และสำหรับผู้ที่กำลังมองหาระบบเฝ้าระวังความปลอดภัย สามารถศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับคุณประโยชน์จากผลิตภัณฑ์ VIGI ได้ที่: https://bit.ly/5reasonsVIGI หรือปรึกษาข้อมูลเกี่ยวกับโซลูชัน OMADA ระบบเน็ตเวิร์คสำหรับธุรกิจ และ VIGI ระบบกล้องวงจรปิดเฝ้าระวังความปลอดภัย ได้ที่: https://bit.ly/3ONQRZH

เคาะแล้ววันสุดท้าย ยืนยันตัวตนซิมการ์ด ก่อนถูกระงับสัญญาณ 13 ก.ค.

ยืนยันตัวตนรักษาสิทธิ์การใช้งานสำหรับผู้ลงทะเบียนใช้ซิมการ์ดตั้งแต่ 6 เบอร์ขึ้นไปต่อค่าย สำนักงาน กสทช. ขอความร่วมมือประชาชนยืนยันตัวตนก่อนถูกระงับสัญญาณ

ในวันที่ 13 .. 2567 จะเป็นวันครบกำหนดการยืนยันตัวตนสำหรับผู้ที่ลงทะเบียนซิมการ์ดตั้งแต่ 6-100 เลขหมาย เพื่อยับยั้งการใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในเรื่องผิดกฎหมาย 

กสทช. จึงขอความร่วมมือประชาชนที่ได้ลงทะเบียนเปิดใช้ซิมการ์ดตั้งแต่ 6-100 เลขหมายต่อค่าย ดำเนินการยืนยันตัวตนกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในช่องทางที่ผู้ให้บริการแต่ละค่ายกำหนด โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลักคือ

1.กลุ่มผู้ลงทะเบียนซิมการ์ดตั้งแต่ 6-100 เลขหมาย

2.กลุ่มผู้ลงทะเบียนซิมการ์ด 101 เลขหมายขึ้นไป  

หากเลยระยะเวลาดังกล่าวเลขหมายจะถูกระงับบริการ ไม่สามารถโทรออก ส่งข้อความสั้น (SMS) หรือใช้งานอินเทอร์เน็ตได้

จากข้อมูลเมื่อวันที่ 30 มิ.. 2567 มีผู้ใช้บริการดำเนินการยืนยันตัวตนแล้วประมาณ 1.6 ล้านเลข และยังอีก 2.3 ล้านเลขหมายจะต้องทำการยืนยันตัวตนภายในวันที่ 13 .. นี้ แต่หากเข้ามายืนยันตัวตนก็จะกลับมาใช้บริการต่อไปได้

กสทช. เริ่มใช้วิธีสกัดมิจฉาชีพหลอกโอนเงิน ด้วยการปิดช่องโหว่ซิมผีมาระยะนึงแล้ว เพื่อเร่งคัดกรองบัญชีม้านั้นเอง

อ่านเพิ่มเติม >> techhub 

 

#กสทช #ซิมการ์ด #บัญชีม้า #TechhubUpdate

ครั้งแรกในประเทศ DronTech Asia 2024 โชว์ศักยภาพและความก้าวหน้าอุตสาหกรรมโดรนในประเทศไทย

DronTech Asia 2024

โดรน (Drone) หรือ อากาศยานไร้คนขับ (Unmanned Aerial Vehicles: UAVs) นับเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ถือกำเนิดขึ้นเพื่อปฏิวัติอุตสาหกรรม และมีอัตราการเติบโตมากที่สุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แน่นอนว่าโดรนมักถูกใช้ในหลายแวดวงอุตสาหกรรม เนื่องจากสามารถทำงานแทนแรงงานมนุษย์ได้ โดยเฉพาะในเชิงพาณิชย์ ทั้งเพื่อสร้างรายได้ ต่อยอดธุรกิจ เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานด้านความปลอดภัย ด้วยศักยภาพของโดรนที่ครอบคลุมการทำงานในหลายรูปแบบ ผู้ประกอบการในหลายอุตสาหกรรมจึงนำโดรนเข้ามาใช้งาน เพื่อลดปัญหาการทำงาน เพิ่มประสิทธิภาพ มีความปลอดภัยสูง และลดต้นทุน เช่น อุตสาหกรรมการเกษตร พลังงาน อุตสาหกรรมก่อสร้าง โลจิสติกส์ และคลังสินค้า การถ่ายทำภาพยนตร์และการถ่ายภาพ กีฬาและความบันเทิง สิ่งแวดล้อม ความปลอดภัยและภัยพิบัติ การค้นหาและช่วยเหลือ

อย่างไรก็ตาม หลายอุตสาหกรรมทั้งในไทยและทั่วโลกใช้เทคโนโลยีโดรนมากขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) อุตสาหกรรมเกษตร (Agriculture) และอุตสาหกรรมคมนาคมขนส่ง (Transport) ส่งผลให้มูลค่าตลาดของโดรนอาจเพิ่มสูงขึ้นถึง 1,205 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2573

นายมนู เลียวไพโรจน์ ประธาน บริษัท จีเอ็มแอล เอ็กซิบิชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้จัดงาน DronTech Asia 2024’ กล่าวว่า ปัจจุบันโดรนมีบทบาทในหลายอุตสาหกรรม ช่วยลดทอนการทำงานของแรงงานมนุษย์ สร้างประโยชน์ให้เกิดขึ้นทางการค้า เราใช้โดรนเพื่อเพิ่มความสะดวกในหลายมิติ เช่น การตรวจสอบสินค้าในคลัง การทำงานด้านการเกษตร รดน้ำ ใส่ปุ๋ย ใช้โดรนสร้างความบันเทิง หรือ เก็บภาพถ่ายวิดีโอ ฯลฯ บริษัทฯ มองเห็นว่าอุตสาหกรรมโดรนเริ่มมีทิศทางการขยายตัวและเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เราจึงอยากเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนและสนับสนุนอุตสาหกรรมนี้

ดังนั้น จีเอ็มแอล เอ็กซิบิชั่น ในฐานะเอกชนที่ถือเป็นแพลตฟอร์มกลางในการประสานงานและเป็นภาคส่วนหนึ่งที่ช่วยส่งเสิรมอุตสาหกรรม จึงเตรียมจัดงาน ‘DronTech Asia 2024’ งานนิทรรศการและการประชุมระดับนานาชาติครั้งแรกในประเทศไทยที่เกี่ยวข้องกับโดรนและเทคโนโลยี ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานการบินพลเรือน (CAAT) สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (DTI) สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB) สมาคมอากาศยานไร้คนขับแห่งประเทศไทย และอีกหลายหน่วยงานภาครัฐ โดยที่ ‘DronTech Asia 2024’ จะเป็นเวทีแสดงศักยภาพและความเป็นผู้นำที่สำคัญของอุตสาหกรรมโดรนที่กำลังเติบโตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ งานในครั้งนี้จะสร้างโอกาสให้แก่ผู้ผลิตในอุตสาหกรรมโดรนและเทคโนโลยีทั้งไทยและต่างประเทศ ได้พบกับผู้ใช้งานเทคโนโลยีโดรนโดยตรง เพื่อสร้างความร่วมมือและต่อยอดพัฒนาอุตสาหกรรมโดรนต่อไป

นายปรีสาร รักวาทิน ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ กลุ่มงานส่งเสริมการประยุกต์ใช้ดิจิทัล สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) กล่าวว่า แนวทางการส่งเสริมเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมโดรนเพื่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งได้แก่ โครงการ 1 ตำบล 1 ดิจิทัล (ชุมชนโดรนใจ) มุ่งพัฒนาความรู้ ความเข้าใจ และทักษะที่ถูกต้องเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้และซ่อมบำรุงโดรน เพื่อการเกษตรแก่ชุมชนและเกษตรกรทั่วประเทศ พร้อมส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านธุรกิจดั้งเดิมสู่ ศูนย์บริการซ่อมบำรุง ฉีดพ่น และจำหน่ายโดรนเพื่อการเกษตร คาดใน 1 ปีของการดำเนินโครงการจะเกิดศูนย์บริการฯ ทั่วประเทศ 50 ศูนย์ ผลักดันให้ชุมชนเกิดการประยุกต์ใช้โดรนเพื่อการเกษตร 500 ชุมชน และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 350 ล้านบาท ตอบสนองเป้าหมายสำคัญในเรื่องของการเพิ่มขีดความสามารถด้านดิจิทัลเพื่อสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขันของประเทศ ภายใต้แผนงานเครื่องยนต์เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล

นายฉัตรชัย ปั่นตระกูล ผู้จัดการฝ่ายมาตรฐานอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) กล่าวถึงแนวทางการกำกับดูแลและกฎระเบียบ เพื่อการใช้งานโดรนในอนาคต ว่า สิ่งที่จะดำเนินการอย่างเร่งด่วน ได้แก่ ด้านการรับรองการบินโดรนแบบต่าง ๆ เช่น BVLOS, โดรนขนาดกลาง การจดทะเบียนอากาศยาน, การรับรองศูนย์ฝึกอบรมนักบินโดรนประเภทต่าง ๆ และการออกใบอนุญาตนักบินโดรนในแต่ละประเภท (พื้นฐาน, ขั้นสูง)

สำหรับ DronTech Asia 2024’ เป็นงานแสดงโดรนและเทคโนโลยีที่จะแสดงให้เห็นถึงการทำงานของโดรนในหลายอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมการเกษตร อุตสาหกรรมพลังงาน อุตสาหกรรมการก่อสร้าง อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงและก๊าซ และอุตสาหกรรมด้านการรักษาความปลอดภัย รวมถึงการสัมมนาทางวิชาการเกี่ยวกับโดรน การนำเสนอเทคโนโลยีจากหน่วยงานต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันทางด้านเทคโนโลยี การสาธิตผลิตภัณฑ์จากผู้ออกงาน มีทั้งผู้ผลิตโดรนและเทคโนโลยี ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์และฮาร์ตแวร์โดรน ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่าย นักพัฒนาเทคโนโลยีต่อต้านโดรน ผู้เชี่ยวชาญการจัดการจราจรระบบอากาศยานไร้คนขับ และผู้ใช้โดรนในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ส่วนผู้เข้าชมงานมีทั้งผู้ที่มีความสนใจเรื่องโดรน ผู้เชี่ยวชาญจากอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การเกษตร การก่อสร้าง พลังงาน ความปลอดภัยสาธารณะ ผู้คนในแวดวงสื่อ ความบันเทิง นักลงทุน ผู้ร่วมทุน นักวิจัยและนักวิชาการ เป็นต้น

อนึ่ง DronTech Asia 2024’ งานนิทรรศการและการประชุมสัมมนาชั้นนำของประเทศไทยที่เน้นเรื่องโดรนและเทคโนโลยี จัดขึ้นในวันที่ 25 – 27 พฤศจิกายน 2567 ตั้งแต่เวลา 10:00 – 18:00 น. ที่ อาคาร 12 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี

6 เครื่องมือ AI สุดเจ๋ง ตัวช่วยประหยัดเวลาทำงาน

Techhub แนะนำเครื่องมือ AI ที่เข้ามาช่วยประหยัดเวลาการทำงานในด้านต่างๆ อย่างงานเอกสาร แปลภาษา เป็นผู้ช่วยตอนประชุม ตัดต่อภาพและวิดีโอ ได้แบบประหยัดเวลามากขึ้น กับ 6 เครื่องมือสุดเจ๋ง ที่ถูกอัปเกรดด้วย AI แบบที่ใช้ดีจนอยากบอกต่อ รับรองว่ามีประโยชน์แน่นอน

1. ChatGPT

 

Chatbot ผู้ช่วยสารพัดประโยชน์ที่ยุคนี้ใครไม่ใช้ถือว่าพลาดมาก ถ้ารู้สึกตันขึ้นมาเมื่อไหร่ถามหาเอไอตัวนี้ได้เลยโดยรวมแล้วเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการเป็นผู้ช่วยเราในงานด้านต่าง ๆ เช่น ค้นคว้าหาข้อมูล สร้างข้อความทางการตลาด เขียนอีเมลติดต่อลูกค้า หรือสร้างเอกสารทางธุรกิจสามารถใช้งานได้หลากหลาย สามารถเข้าไปใช้งานได้ ที่นี่

2. Grammarly

AI ที่ช่วยตรวจสอบไวยากรณ์การสะกดคำและรูปแบบประโยค ปรับไวยากรณ์ ให้คำแนะนำที่เหมาะสมในการเขียนประโยคภาษาอังกฤษ Grammarly ถูกออกแบบมาช่วยให้พิมพ์ได้ถูกต้อง และภาษาอังกฤษที่ใช้ดูมีความ Professional มากขึ้น เหมาะสำหรับคนที่ต้องติดต่อธุรกิจ และใช้งานเอกสารสำคัญได้มากเลย ลอง
เข้าไปใช้งานได้ ที่นี่

3. Transkriptor

 

AI ถอดความอัตโนมัติที่ใช้แปลงไฟล์ วิดีโอ หรือ เสียง เป็นข้อความเพื่อแปลงไฟล์เสียงของคุณให้เป็นข้อความ อย่างเช่น ถอดเสียงการประชุม การสัมภาษณ์ การบรรยาย และการสนทนาอื่นๆ ได้แบบอัตโนมัติ ข้อดีคือถอดเสียงเป็นข้อความใน 40+ ภาษา แถมยังถอดภาษาไทยได้อีกด้วยสามารถเข้าไปใช้งานได้ ที่นี่

4. Evernote

 

ตัวช่วยสำคัญของการจดโน้ตเลยก็ว่าได้ evernote จะช่วยการสร้าง Productivity ไม่ว่าจะทำโปรเจคหรืองานในแต่ละวัน แถมยังมีฟีเจอร์ AI ช่วยให้ทำงานอย่างชาญฉลาดยิ่งขึ้น ช่วยค้นหาโน้ตและสร้างโน้ตได้อย่างรวดเร็ว และสามารถแก้ไขคำที่พิมพ์ผิดโดยอัตโนมัติ แปลได้ 15 ภาษา อีกหนึ่งจุดเด่นคือ OCR ค้นหาเนื้อหาหรือคำที่ต้องการรวมไปถึงข้อความที่อยู่บนรูปภาพได้ด้วย ลองใช้งานได้ ที่นี่


5. Midjourney

 


AI ที่สร้างภาพจากคำอธิบายของผู้ใช้ โดยผู้ใช้สามารถกำหนดลักษณะของภาพที่ต้องการได้สไตล์ สีสัน องค์ประกอบโดยใช้คำอธิบายเป็นภาษาธรรมชาติมีประโยชน์สำหรับหลายๆ คน เช่น นักออกแบบ ศิลปิน ช่างภาพ หรือแม้แต่คนทั่วไปที่ต้องการสร้างภาพได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับศิลปะหรือการออกแบบเลย เข้าไปใช้งานได้ ที่นี่


6. Capcut

 


โปรแกรมและแอปพลิเคชั่น ตัดต่อ ที่มีฟีเจอร์ที่นำความสามารถของเอไอมาช่วยในการสร้างคอนเทนท์แบบอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นคลิปวีดีโอ สคริปต์วีดีโอสั้น และอื่นๆ มากมาย ล่าสุดก็ได้มีฟังก์ชั่นสร้างคำบรรยายเป็น subtitle ให้อัตโนมัติ ที่สำคัญคือยังสามารถรองรับการแปลภาษาด้วย เข้าไปใช้งานได้ ที่นี่

เชื่อว่าหลายๆ tools อาจจะเคยลองใช้กันมาบ้างแล้ว แต่หลังจากอัปเกรดใส่ AI เข้าไป ช่วยให้การทำงานง่ายและรวดเร็วขึ้นกว่าเดิม ไปลองใช้งานในเวอร์ชั่นใหม่ดูได้ครับ

OPPO 7.7 ช้อปสนุก ลดสนั่น ต้อนรับน้องใหม่ เริ่ม 7-8 กรกฎาคม 2567 นี้ มอบส่วนลดสมาร์ตโฟนและอุปกรณ์ IoT สูงสุด 60% ที่ OPPO Official Store บน Shopee และ Lazada

OPPO แบรนด์เทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก จัดโปรแรงผ่านแคมเปญ “OPPO 7.7 ช้อปสนุก ลดสนั่น ต้อนรับน้องใหม่” จัดเต็มส่วนลดสมาร์ตโฟนและอุปกรณ์ IoT สูงสุด 60% และคูปองลดสูงสุด 10,000 บาท เริ่มวันที่
7-8 กรกฎาคม นี้ ที่ OPPO Official Store บน Shopee และ Lazada 

เป็นเจ้าของสมาร์ตโฟนและอุปกรณ์ IoT ในราคาเด็ดตลอดวันที่ Shopee และ Lazada 

โปรโมชั่นเริ่มวันที่  7-8 กรกฎาคม 2567 ทาง Shopee  

Shopee

  • OPPO A18 (4+64GB) สมาร์ตโฟนน้องเล็กราคาประหยัด ลดเหลือ 3,049.- จาก 3,399.- | เมื่อใช้โค้ดลด 80.- + โค้ด Shopee 15% สูงสุด 300.-
  • OPPO A18 (4+128GB) สมาร์ตโฟนน้องเล็กราคาประหยัด ลดเหลือ 3,599.- จาก 3,999.- | เมื่อใช้โค้ดลด 100.- + โค้ด Shopee 15% สูงสุด 300.-
  • OPPO A38 (6+128GB) สมาร์ตโฟนให้คุณใช้งานลื่นไหลทุกเอ็นเตอร์เทน ลดเหลือ 4,399.- จาก 6,299.- | เมื่อใช้โค้ดลด 300.- + โค้ด Shopee 15% สูงสุด 300.-
  • OPPO A58 (8+128GB) สมาร์ตโฟนราคาคุ้มค่า ลดเหลือ 5,199.- จาก 5,999.- | เมื่อใช้โค้ดลด 500.- + โค้ด Shopee 15% สูงสุด 300.-
  • OPPO A60 (8+128GB) สมาร์ตโฟนพร้อมก้าวไปอีกขั้นของความสนุก ลดเหลือ 5,499.- จาก 5,999.- | เมื่อใช้โค้ดลด 200.- + โค้ด Shopee 15% สูงสุด 300.-
  • OPPO A60 (8+256GB) สมาร์ตโฟนพร้อมก้าวไปอีกขั้นของความสนุก ลดเหลือ 6,399.- จาก 6,999.- | เมื่อใช้โค้ดลด 300.- + โค้ด Shopee 15% สูงสุด 300.-
  • OPPO A79 (4+128GB) สมาร์ตโฟนพร้อมให้คุณได้ป๊อปทุกความสนุก ลดเหลือ 6,199.- จาก 6,999.- | เมื่อใช้โค้ดลด 500.- +โค้ด Shopee 15% สูงสุด 300.-
  • OPPO A79 (8+256GB) สมาร์ตโฟนพร้อมให้คุณได้ป๊อปทุกความสนุก ลดเหลือ 7,999.- จาก 8,999.- | เมื่อใช้โค้ดลด 700-. + โค้ด Shopee 15% สูงสุด 300.-
  • OPPO Find N3 Flip สมาร์ตจอพับกับกล้องที่ดีกว่า ลดเหลือ 25,190.- จาก 34,990.- | เมื่อใช้โค้ดลด 1,500.- + โค้ด Shopee 15% สูงสุด 300.-
  • OPPO Find N3 สมาร์ตโฟนสานตานิยามใหม่แห่งการพับ ลดเหลือ 59,690.- จาก 69,990.- | เมื่อใช้โค้ดลด 10,000.- + โค้ด Shopee 15% สูงสุด 300.-
  • OPPO Enco Buds2 Pro หูฟังไร้สายมอบพลังเสียงเหนือสุดทุกจังหวะ ลดเหลือ 764.- จาก 1,299 | เมื่อใช้โค้ดลด 400.- + โค้ด Shopee 15% สูงสุด 300.-
  • OPPO Pad Neo LTE แท็บแล็ตบางเบา สุดทันสมัย ลดเหลือ 9,690.- จาก 10,990 | เมื่อใช้โค้ดลด 1,000.- + โค้ด Shopee 15% สูงสุด 300.- 

โปรโมชันเริ่มวันที่ 6 – 8 กรกฎาคม 2567 ที่ Lazada 

  • OPPO A18 (4+64GB) สมาร์ตโฟนน้องเล็กราคาประหยัด ลดเหลือ 3,299.- จาก 3,399.- | เมื่อใช้คูปองลด 100.-
  • OPPO A18 (4+128GB) สมาร์ตโฟนน้องเล็กราคาประหยัด ลดเหลือ 3,799.- จาก 3,999.- | เมื่อใช้คูปองลด 200.-
  • OPPO A38 (6+128GB) สมาร์ตโฟนให้คุณใช้งานลื่นไหลทุกเอ็นเตอร์เทน ลดเหลือ 4,181.- จาก 6,299.- | เมื่อใช้คูปองลด 80.- + Laz Bonus 15%
  • OPPO A58 (8+128GB) สมาร์ตโฟนราคาคุ้มค่า ลดเหลือ 4,929.- จาก 5,999.- | เมื่อใช้คูปองลด 200.- + Laz Bonus 15%
  • OPPO A60 (8+128GB) สมาร์ตโฟนพร้อมก้าวไปอีกขั้นของความสนุก ลดเหลือ 5,599.- จาก 5,999.- | เมื่อใช้คูปองลด 400.-
  • OPPO A60 (8+256GB) สมาร์ตโฟนพร้อมก้าวไปอีกขั้นของความสนุก ลดเหลือ 6,399.- จาก 6,999.- | เมื่อใช้คูปองลด 600.-
  • OPPO A79 (4+128GB) สมาร์ตโฟนพร้อมให้คุณได้ป๊อปทุกความสนุก ลดเหลือ 5,822.- จาก 6,999.- | เมื่อใช้คูปองลด 150.- + Laz Bonus 15%
  • OPPO A79 (8+256GB) สมาร์ตโฟนพร้อมให้คุณได้ป๊อปทุกความสนุก ลดเหลือ 7,437 .- จาก 8,999.- | เมื่อใช้คูปองลด 250.-  + Laz Bonus 15%
  • OPPO Find N3 Flip สมาร์ตจอพับกับกล้องที่ดีกว่า ลดเหลือ 22,942.- จาก 34,990.- | Laz Bonus 15%
  • OPPO Find N3 สมาร์ตโฟนสานตานิยามใหม่แห่งการพับ ลดเหลือ 54,392.- จาก 69,990.- | เมื่อใช้คูปองลด 6,000.- + Laz Bonus 15%
  • OPPO Enco Buds2 Pro หูฟังไร้สายมอบพลังเสียงเหนือสุดทุกจังหวะ ลดเหลือ 854.- จาก 1,299.- | เมื่อใช้คูปองลด 250.-  + Laz Bonus 10%
  • OPPO Pad Neo LTE แท็บแล็ตบางเบา สุดทันสมัย ลดเหลือ 9,002.- จาก 10,990.- | เมื่อใช้คูปองลด 300.-  + Laz Bonus 15%

* ราคานี้เป็นราคาที่ใช้โค้ดส่วนลดทั้งหมดแล้ว 

* โค้ดหรือคูปองมีจำนวนจำกัด

โปรโมชั่นต้อนรับสินค้าใหม่ 

Shopee

  • OPPO Reno12 5G (12+256GB) ก้าวไปอีกขั้นกับ OPPO AI เครื่องแรก ดีที่สุดสำหรับคนรุ่นใหม่ในราคาระดับกลาง ราคาเพียง 14,999.- 
  • OPPO Reno12 5G (12+512GB) ก้าวไปอีกขั้นกับ OPPO AI เครื่องแรก ดีที่สุดสำหรับคนรุ่นใหม่ในราคาระดับกลาง ราคาเพียง 16,999.- | โค้ดส่วนลดเริ่มต้น 500.-
  • OPPO Reno12 Pro 5G ก้าวไปอีกขั้นกับ OPPO AI เครื่องแรก ดีที่สุดสำหรับคนรุ่นใหม่ ราคาเพียง 19,999.- | โค้ดส่วนลดเริ่มต้น 500.-
  • OPPO Enco Air4 Pro หูฟังไร้สายให้คุณสัมผัสทุกจังหวะที่ใช่ ราคาเพียง 2,999.- | โค้ดส่วนลดเริ่มต้น 500.-
  • OPPO Pad Neo (8+256GB) LTE Purple แท็บแล็ตบางเบา สุดทันสมัย ราคาเพียง 12,999.- | โค้ดส่วนลดเริ่มต้น 1,000.-

Lazada

  • OPPO Reno12 5G (12+256GB) ก้าวไปอีกขั้นกับ OPPO AI เครื่องแรก ดีที่สุดสำหรับคนรุ่นใหม่ในราคาระดับกลางราคาเพียง 14,999.- 
  • OPPO Reno12 5G (12+512GB) ก้าวไปอีกขั้นกับ OPPO AI เครื่องแรก ดีที่สุดสำหรับคนรุ่นใหม่ในราคาระดับกลาง ราคาเพียง 16,999.- 
  • OPPO Reno12 Pro 5G ก้าวไปอีกขั้นกับ OPPO AI เครื่องแรก ดีที่สุดสำหรับคนรุ่นใหม่ ราคาเพียง 19,999.- 
  • OPPO Enco Air4 Pro หูฟังไร้สายให้คุณสัมผัสทุกจังหวะที่ใช่ ราคาเพียง 2,999.- 
  • OPPO Pad Neo (8+256GB) LTE Purple แท็บแล็ตบางเบา สุดทันสมัย ราคาเพียง 12,999.- 

Flash Sale สมาร์ตโฟนเฉพาะเวลาที่กำหนด *โปรโมชั่นเริ่มวันที่ 7 ก.ค. 67

Lazada

  • OPPO A18 (4+64) ลดเหลือ 2,959.- จากราคา Flash Sale | เมื่อใช้คูปองลด 100.- + คูปอง Lazada Bonus 339.-
  • OPPO A18 (4+128) ลดเหลือ 3,301.- จากราคา Flash Sale | เมื่อใช้คูปองลด 200.- + คูปอง Lazada Bonus 389.-
  • OPPO A38 (6+128) สีทอง ลดเหลือ 3,529.- จากราคา Flash Sale | เมื่อใช้คูปองลด 80.- + คูปอง Lazada Bonus 499.-
  • OPPO A58 (8+128) สีเขียว ลดเหลือ 4,915.- จากราคา Flash Sale | เมื่อใช้คูปองลด 200.- + คูปอง Lazada Bonus 384.-
  • OPPO A79 (4+128) สีเขียว ลดเหลือ 5,406.- จากราคา Flash Sale | เมื่อใช้คูปองลด 150.- + คูปอง Lazada Bonus 489.-

* โค้ดและสินค้าที่ร่วมรายการมีจำนวนจำกัด 

 * เงื่อนไขเป็นไปตามบริษัทฯ กำหนด

โค้ดลดสุดพิเศษ แจกหนักทั้งวัน

  • Focus Brand Voucher on Shopee แจกส่วนลดเพิ่มพิเศษทั้งวัน สามารถเก็บได้ตั้งแต่วันที่ 7 – 8 ก.ค. 67 และใช้ได้วันที่ 7 – 8 ก.ค 67 เท่านั้น *โค้ดจำนวนจำกัดเฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการเท่านั้น 
  • ใช้โค้ดจากร้านลดเพิ่มสูงสุด 10,000.- เมื่อช้อป OPPO Find N3 
  • ใช้โค้ดจากร้านลดเพิ่มสูงสุด 1,500.- เมื่อช้อป OPPO Find N3 Flip 
  • ใช้โค้ดจากร้านลดเพิ่มสูงสุด 700.- เมื่อช้อป OPPO A79 (8+256)
  • ใช้โค้ดจากร้านลดเพิ่มสูงสุด 500.- เมื่อช้อป OPPO A58 (8+128), A79 (4+128)
  • ใช้โค้ดจากร้านลดเพิ่มสูงสุด 300.- เมื่อช้อป OPPO A38 (6+128) 
  • โค้ดลดเพิ่มจาก Shopee

เฉพาะวันที่ 7 ก.ค. 67 เท่านั้น

  • ใช้โค้ดจากช้อปปี้ลด 15% สูงสุด 300.- ไม่มีขั้นต่ำ
  • All Day Voucher on Lazada แจกคูปองลดเพิ่มพิเศษทั้งวัน สามารถเก็บได้ตั้งแต่วันที่ 6 (20.00 น.) – 8 ก.ค. 67 และใช้ได้วันที่ 6 (20.00 น.) – 8 ก.ค. 67 เท่านั้น *คูปองจำนวนจำกัดเฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการเท่านั้น
  • ใช้คูปอง ลดสูงสุด 6,000.- เมื่อช้อป OPPO Find N3 ขั้นต่ำ 60,000.-
  • ใช้คูปอง ลดสูงสุด 1,000.- เมื่อช้อป OPPO Pad Neo ขั้นต่ำ 12,000.-
  • ใช้คูปอง ลดสูงสุด 500.- เมื่อช้อป OPPO A58 (8+128) ขั้นต่ำ 5,900.-
  • ใช้คูปอง ลดสูงสุด 200.- เมื่อช้อป OPPO A18 (4+128) ขั้นต่ำ 3,900.-
  • ใช้คูปอง ลดสูงสุด 100.- เมื่อช้อป OPPO A18 (4+64) ขั้นต่ำ 3,000.-
  • คูปองลดเพิ่มจาก Lazada กดรับคูปองรับส่วนลดพิเศษ 
  • ใช้คูปอง ลด 15% สูงสุด 10,000.- เมื่อช้อป OPPO A38, OPPO A58, OPPO  A79, OPPO Reno10 Series และ OPPO Find N3 Series  
  • ใช้คูปอง ลด 10% สูงสุด 250.- เมื่อช้อป OPPO A38, OPPO A58, OPPO A79, OPPO Reno10 Series และ OPPO Find N3 Series 
  • ใช้คูปอง ลด 10% สูงสุด 100.- เมื่อช้อป OPPO A38, OPPO A58, OPPO A79, OPPO Reno10 Series และ OPPO Find N3 Series  
  • ใช้คูปอง 2,000 ลดสูงสุด 2,000.- เมื่อช้อป OPPO Find N3, OPPO Find N3 Flip, OPPO Reno10 Pro+ 5G, OPPO Reno10 Pro 5G, OPPO A79 (4+128/8+256), OPPO A38 (6+128) ขั้นต่ำ 9,999.- เฉพาะ วันที่ 6 (20.00 น.) – 7 (02.00 น.) ก.ค. 67
  • Store Follower on Shopee / Lazada เพียงติดตามร้าน OPPO Official Store รับเลยคูปองพิเศษเฉพาะคุณเท่านั้น
  • ลดเพิ่ม 100.- เมื่อช้อปขั้นต่ำ 999.-  ใน OPPO Official Store ที่ Shopee และ Lazada สามารถใช้ได้เฉพาะวันที่ 5 ก.ค. 67 เท่านั้น
  • Lucky Order ช้อปตามลำดับ รับของแถมเพิ่มฟรีทันที! เมื่อช้อปออเดอร์สมาร์ตโฟน เฉพาะที่ OPPO Official Store บน Shopee / Lazada วันที่ 7 ก.ค 67 เท่านั้น
  • ออเดอร์ลำดับที่ 7, 77, 777 รับฟรี! ลำโพงบลูทูธ มูลค่า 2,099.- *ชำระเงินสำเร็จแล้วเท่านั้น
  • Surprise of the Day First 10 orders 00.00 – 02.00 น. รับ Polka Dot Backpack มูลค่า 19,990.- บน  Shopee / Lazada วันที่ 7 ก.ค. 67 เท่านั้น

  • First 20 orders 00.00 – 02.00 10 ออเดอร์แรก ในช่วงเวลา 00.00 – 02.00 น. รับ Polka Dot Backpack มูลค่า 19,990.- บน Shopee / Lazada วันที่ 8 ก.ค. 67 เท่านั้น

เลอโนโว เปิดตัว ThinkPad P1 Gen 7 เวิร์กสเตชันรุ่นพกพาที่มาพร้อม AI เทคโนโลยี

เลอโนโว เปิดตัวโมบายเวิร์กสเตชันพกพารุ่นใหม่ล่าสุด ได้แก่ ThinkPad P1 Gen 7, P16v i Gen 2, P16s i Gen 3 และ P14s i Gen 5 ที่มาพร้อมเทคโนโลยี AI อันล้ำสมัย ทรานส์ฟอร์มการทำงานให้มืออาชีพยิ่งขึ้นด้วยเวิร์กโฟลว์ร่วมกับ AI

ThinkPad P1 Gen 7: หนึ่งในเวิร์กสเตชันพกพาที่มาพร้อมกับ AI ที่ทรงพลังที่สุดจากเลอโนโว

Lenovo ThinkPad P1 Gen 7

ThinkPad P1 Gen 7 เวิร์กสเตชันพกพาประสิทธิภาพสูงที่ออกแบบมาเพื่อการเรียนรู้ขั้นสูงของเครื่อง ในขณะที่ยังคงความยืดหยุ่นให้สามารถทำงานได้จากทุกที่ ด้วยวัสดุตัวเครื่องที่ผลิตขึ้นจากอะลูมิเนียมระดับพรีเมียมที่รองรับการประมวลผลอันทรงพลังภายในเครื่องและเทคโนโลยี AI ที่ล้ำสมัยได้อย่างไรข้อจำกัด มาพร้อมแพลตฟอร์ม Intel® vPro และ Evo™ Edition ล่าสุด ร่วมกับโปรเซสเซอร์ Intel Core Ultra, NPU ในตัว และ GPU NVIDIA RTX™ 3000 Ada Generation ทำให้ ThinkPad P1 Gen 7 มอบพลังและประสิทธิภาพได้อย่างเต็มกำลัง

แล็ปท็อปรุ่นใหม่นี้มีฟีเจอร์กำหนดค่าเพื่อปรับระบายความร้อนด้วยโลหะเหลว ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนและสามารถมั่นใจถึงการใช้งานได้ในระยะยาว ตัวแล็ปท็อปมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลขนาด 16 นิ้ว ที่มีอัตราส่วนภาพ 16:10 ขอบจอแคบซึ่งให้อัตราส่วนหน้าจอใหญ่ถึง 91.7% ด้วยหน้าจอสัมผัส OLED และอีกหลากหลายฟังก์ชันและคุณสมบัติต่างๆ ที่ได้ปรับแต่งเพื่อตอบสนองกับคนทำงานยุคไฮบริด เช่น ดิสเพลย์สีฟ้าต่ำ, Dolby Vision® และ การปรับเทียบสีเพื่อภาพและสีสันที่คมชัด ทำให้ ThinkPad P1 Gen 7 ได้รับการรับรองจาก ISV1 ให้เป็นแล็ปท็อปที่เพอร์เฟ็กต์สำหรับเหล่าครีเอเตอร์, นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล และdata, นักพัฒนาเกม และผู้เชี่ยวชาญด้านแอพพลิเคชัน CAD

นอกจากนี้ ThinkPad P1 Gen 7 ยังเป็นเวิร์กสเตชันแบบพกพาเครื่องแรกของโลก2ที่มีหน่วยความจำ LPDDR5x LPCAMM2 สูงสุดถึง 64GB โดย Lenovo ได้ร่วมมือกับ Micron เพื่อนำ LPCAMM2 ออกสู่ตลาด และนำเสนอให้เป็นหนึ่งในในโซลูชันหน่วยความจำโมดูลาร์ที่จัดการพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วที่สุดสำหรับพีซี

เวิร์คสเตชันพกพารุ่นใหม่ ได้แก่ ThinkPad P1 Gen 7, P16v i Gen 2, P16s i Gen 3 และ P14s i Gen 5 ทั้งหมดมาพร้อมกับนวัตกรรมโปรเซสเซอร์ Intel Core Ultra สูงสุดถึง Core Ultra 9 185H ซึ่งออกแบบมาให้สามารถรวมเอาโปรเซสเซอร์อื่น ๆ CPU, NPU และ GPU เข้าไว้ด้วยกันได้ในตัว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของคุณสมบัติ AI ในแอพพลิเคชันมากกว่า 100 รายการ3ได้อย่างไร้สะดุด

กว่าทศวรรษที่ ไมน์คราฟต์ (Minecraft) ได้เปิดตัวและสร้างความประทับใจให้แก่ผู้เล่นกว่าหลายล้านคนทั่วโลกด้วยพลังแห่งความสร้างสรรค์และโลกจินตนาการอันไร้ขีดจำกัดจนกลายเป็นเกมยอดนิยมตลอดกาล เลอโนโวยินดีในก้าวสำคัญของแบรนด์พันธมิตรอย่างไมน์คราฟต์ จึงถือโอกาสวันครบรอบ 15 ปีนี้ ร่วมมอบของขวัญพิเศษให้กับแฟน ๆ ได้เฉลิมฉลองไปพร้อมกัน

กลุ่มผลิตภัณฑ์เวิร์กสเตชันพกพารุ่นล่าสุดจากเลอโนโวเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้ AI ในการประมวลผล และกราฟิกขั้นสูงเพื่อการทำงานกับชุดข้อมูลขนาดใหญ่โดยไม่ลดทอนประสิทธิภาพ โดยแล็ปท็อปสามารถกำหนดค่า GPU NVIDIA RTX 3000 Ada Generation ได้สูงสุด ซึ่งคำนวนการดำเนินงานเป็น 300 ล้านล้านต่อวินาที4 (TOPS) มอบประสิทธิภาพการประมวลผลที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพิ่มมากขึ้น ในส่วนของ GPU แล็ปท็อป NVIDIA RTX Ada Generation มาพร้อมกับเทคโนโลยี Tensor Core สำหรับการประมวลผลและยกระดับความสามารถของ AI ให้ทรงพลังยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจำลองแสงในเกม (Ray Tracing) และคุณภาพกราฟิกเพื่อรับมือกับเวิร์กโฟลว์งานครีเอทีฟ, การออกแบบ และงานวิศวกรรมระดับมืออาชีพ NVIDIA AI Workbench ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ข้อมูลและนักพัฒนามีอิสระในการทำงานร่วมกันผ่านแล็ปท็อป เวิร์กสเตชัน และเซิร์ฟเวอร์ของเลอโนโว เลอโนโวเวิร์กสเตชันรุ่นพกพาพร้อมฟังก์ชัน AI-Ready ด้วย AI Workbench จะยิ่งช่วยเพิ่มผลลัพธ์และประสิทธิภาพในเวิร์กโฟลว์ต่าง ๆ ให้ผู้ใช้ได้ตั้งแต่งานในด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูล ไปจนถึงการปรับแต่ง AI เชิงสร้างสรรค์และการอนุมาน

เลอโนโวเวิร์กสเตชันรุ่นพกพา ThinkPad กับ AI-Ready

นอกเหนือจาก ThinkPad รุ่นพกพาและไลน์อัพผลิตภัณฑ์เวิร์กสเตชันที่ขับเคลื่อนด้วย Intel Core Ultra แล้ว เลอโนโวยังพร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ได้แก่:

Lenovo ThinkPad P16v i Gen 2

Lenovo ThinkPad P16v i Gen 2 เหมาะสำหรับผู้ใช้ระดับสูง ด้วยตัวเครื่องที่ทันสมัยมาพร้อมหน้าจออัตราส่วน 16:10 ขนาด 16 นิ้ว เชื่อมความต่างระหว่างเวิร์คสเตชันพกพาระดับเริ่มต้นและระดับไฮเอนด์ ระบบระบายความร้อนขั้นสูงแบบคู่ช่วยให้มั่นใจได้ว่าสามารถรองรับเวิร์กโหลดขนาดใหญ่และการทำงานหลายอย่างพร้อมกันอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้นยังรองรับ GPU แล็ปท็อป NVIDIA RTX 3000 Ada Generation ที่เป็นเลิศในด้านประสิทธิภาพของความคล่องตัว และด้านต้นทุน ทำให้เหล่าครีเอเตอร์สามารถประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อนแบบเรียลไทม์ได้อย่างง่ายดาย

Lenovo ThinkPad P14s i Gen 5 and Lenovo ThinkPad P16s i Gen 3

Lenovo ThinkPad P16s i Gen 3 เป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างขุมพลังและประสิทธิภาพในแล็ปท็อปขนาด 16 นิ้วที่บางและเบา และ Lenovo ThinkPad P14s i Gen 5 เป็นหนึ่งในเวิร์กสเตชันแบบพกพาที่บางและเบาที่สุดของเลอโนโว พร้อมด้วยศักยภาพการกำหนดค่า, การขยายขอบเขตความสามารถที่ยอดเยี่ยม และประสิทธิภาพของการใช้งานระดับพรีเมียม สะดวกในการพกพาด้วยตัวเครื่องขนาด 14.5 นิ้วพร้อมจอแสดงผล 16:10 เวิร์กสเตชันทั้งสองรุ่นยังรองรับ GPU แล็ปท็อป NVIDIA RTX™ 500 Ada Generation และหน่วยความจำ DDR5 ซึ่งเป็นเลิศในการประมวลผลด้วย AI และเวิร์กโฟลว์ที่เกี่ยวกับแอพพลิเคชันซอฟต์แวร์ เช่น AutoCAD®, Revit®, SolidWorks® และอื่น ๆ

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเวิร์กสเตชันจากเลอโนโว สู่อนาคตที่พร้อมใช้ AI อย่างชาญฉลาดและรวดเร็วยิ่งขึ้น ได้ทีเว็บไซต์ https://techtoday.lenovo.com/us/en/workstations

Remarks:

1 ดูรายการใบรับรอง ISV ทั้งหมดได้ที่ http://www.thinkworkstations.com/isv-certifications/

2 อิงตามการวิเคราะห์ภายในของ Lenovo และ Micron ของผู้จำหน่ายเวิร์กสเตชันมือถือระดับมืออาชีพที่ได้รับการรับรอง ISV 5 อันดับแรก

3 คุณสมบัติ AI อาจต้องมีการซื้อซอฟต์แวร์ การสมัครสมาชิก หรือการเปิดใช้งานโดยผู้ให้บริการซอฟต์แวร์หรือแพลตฟอร์ม หรืออาจมีข้อกำหนดการกำหนดค่าหรือความเข้ากันได้เฉพาะ รายละเอียดอยู่ที่ www.intel.com/PerformanceIndex ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไป

4  GPU แล็ปท็อป NVIDIA RTX 3000 Ada Generation มอบสูงสุด 319 TOPS – ที่มา: NVIDIA – https://blogs.nvidia.com/blog/rtx-ada-ai-workflows/

# # #

เกี่ยวกับเลอโนโว

เลอโนโว ภายใต้บริษัท Lenovo Group Limited (HKSE: 992) (ADR: LNVGY) เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลกที่มีมูลค่าธุรกิจ 57 พันล้านเหรียญสหรัฐ และอยูในรายชื่อบริษัท Fortune Global 500 อันดับที่ 217 เลอโนโวได้มีสาขาให้บริการลูกค้ากว่าล้านคนใน 180 แห่งทั่วโลก โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการสร้างอุปกรณ์อัจฉริยะเพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยียุคใหม่ พร้อมวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการส่งมอบเทคโนโลยีอันชาญฉลาดยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน เลอโนโวได้สร้างความสำเร็จในฐานะผู้ผลิตพีซี พร้อม Pocket-to Cloud ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ในพอร์ตโฟลิโอ ได้แก่ อุปกรณ์ทีรองรับและปรับแต่งระบบ AI (พีซี, เวิร์กสเตชัน, สมาร์ทโฟน และ แท็บเล็ต) ระบบโครงสร้างพื้นฐาน (ศูนย์ข้อมูล data center, พื้นที่เก็บข้อมูล, Edge, คอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ประสิทธิภาพสูง) รวมไปถึงซอฟต์แวร์ โซลูชัน และการบริการ เลอโนโวมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมที่เชื่อถือได้และชาญฉลาดยิ่งขึ้นสำหรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตเพื่อสร้างสังคมดิจิทัลที่ครอบคลุม เท่าเทียม และยั่งยืนแก่ผู้ใช้ทุกคนทั่วโลก ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเลอโนโวเพิ่มเติมได้ที่ https://www.lenovo.com และอ่านข่าวสารล่าสุดผ่านทาง StoryHub

ไอเดียเจ๋ง ทอเสื่อจากเส้นผม ใช้ดูดคราบน้ำมันรั่ว

Matter of Trust องค์กรไม่แสวงหากำไรในซานฟรานซิสโก ได้รวบรวมเส้นผมที่ทิ้งถูกกลายเป็นขยะกลับมามีประโยชน์อีกครั้ง ด้วยการทำเป็นเสื่อผืนใหญ่ที่สามารถดูดซับน้ำมันได้ในปริมาณมาก

เส้นผมของมนุษย์มีคุณสมบัติดูดซับเป็นทุนเดิม เมื่อน้ำมันสัมผัสกับเส้นผม โมเลกุลของน้ำมันจะเกาะติดกับผิวของเส้นผม ทำให้เกิดชั้นเคลือบขึ้น จึงเป็นหัวใจหลักของงานวิจัยคิดค้นวิธีแก้ปัญหาคราบน้ำมันได้ทั้งบนบกและในน้ำ

โครงการ “Hair Matters Program” เพื่อรวบรวมเส้นผมจากร้านค้าต่างๆ ทั่วสหรัฐ โดยส่วนใหญ่เป็นร้านเสริมสวยและร้านตัดผม เพื่อเข้าสู่ระบบรีไซเคิลเส้นใยจากขยะทั่วประเทศ มาทำเป็นเสื่อชนิดพิเศษดูดซับน้ำมันได้ประมาณ 1.5 แกลลอน (5.6 ลิตร

โดยทดสอบในระหว่างเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลที่หมู่เกาะกาลาปากอส ซึ่งเสื่อที่ทำจากเส้นผมสามารถทำงานได้จริงและประสิทธิภาพ

เพื่อแก้ปัญหาการรั่วไหลของน้ำมันส่งผลกระทบในวงกว้างซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจในหลายๆ ด้าน และอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ทำลายพืชและสัตว์ป่า และทำให้แหล่งน้ำดื่มปนเปื้อนอีกด้วย

ที่มา  : interestingengineering 

 

#TechhubUpdate

ทำสำเร็จ สหรัฐส่งดาวเทียมดวงใหม่ พยากรณ์อากาศได้แม่นยำ

ก้าวไปอีกขั้น สหรัฐส่งดาวเทียมดวงใหม่ พยากรณ์อากาศได้แม่นยำขึ้น

ดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา GOES-U ของ NOAA เป็นดาวเทียมดวงที่สี่และดวงสุดท้ายของตระกูล GOES

ได้ขึ้นบินด้วยจรวด SpaceX Falcon Heavy จากฐานปล่อย 39A ที่ศูนย์อวกาศเคนเนดี (KSC) ของ NASA โดยขึ้นจากแท่นปล่อยเมื่อเวลา 17:26 . เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2024 ส่งจรวดขึ้นสู่อวกาศได้สำเร็จเป็นครั้งที่ 10

เพื่อสังเกตการณ์สภาพอากาศและการตรวจสอบสิ่งแวดล้อม เก็บภาพด้วยความละเอียด  สามารถวัดบรรยากาศ การทำแผนที่เส้นทางฟ้าผ่าได้แบบเรียลไทม์

Advanced Baseline Imager (ABI) เป็นเครื่องมือหลักบนดาวเทียมซีรีส์ GOES ใช้สำหรับการถ่ายภาพสภาพอากาศ มหาสมุทร และสิ่งแวดล้อมของโลก

นักพยากรณ์อากาศจะใช้ข้อมูลดังกล่าว สำหรับการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น สภาพอากาศเลวร้าย พายุเฮอริเคน การบิน ภัยธรรมชาติ บรรยากาศ มหาสมุทร และน้ำแข็ง เป็นต้น

ดาวเทียม GOES-U จะเข้าไปทำหน้าที่แทนดาวเทียมรุ่นเก่าที่เตรียมปลดระวาง รวมถึงทำงานควบคู่ไปกับดาวเทียมดวงอื่น ๆ ที่ถูกส่งไปก่อนหน้านี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและพยากรณ์อากาศได้ละเอียดมากยิ่งขึ้น

ดูคลิปส่งดาวเทียม >> youtube  

ที่มา : nesdis 

 

#ดาวเทียม #GOES-U #TechhubUpdate

วัสดุใหม่ พลาสติกจากข้าวบาร์เลย์ ย่อยสลายได้ใน 2 เดือน

ไอเดียใหม่นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน พัฒนาพลาสติกย่อยสลายผลิตจากแป้งของข้าวบาร์เลย์ผสมกับเส้นใยธรรมชาติ

พลาสติกจากข้าวบาร์เลย์ เป็นไบโอพลาสติกที่แข็งแรงกว่าเดิมและทนต่อน้ำได้มากกว่า แต่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ 100% จุลินทรีย์สามารถแปลงพลาสติกให้เป็นปุ๋ยหมักได้ โดยใช้เวลาเพียงแค่ 2 เดือน หรือนำมาใช้ทำบรรจุภัณฑ์อาหารและสิ่งของอื่น ๆ ได้

นักวิจัยพัฒนาพันธุ์ข้าวบาร์เลย์ชนิดใหม่ที่ละลายได้ยาก บวกกกับเส้นใยนาโนเซลลูโลสจากเส้นใยฝ้ายและลินิน มาทำให้พลาสติกทนทานและยืดหยุ่นมากกว่าเดิม

เตรียมนำพลาสติกจากข้าวบาร์เลย์ ไปใช้ในบรรจุภัณฑ์ เช่น ถาด ขวด หรือใช้เป็นถุงช้อปปิ้งในอนาคต

ที่จะช่วยลดผลกระทบจากการผลิตพลาสติกอีกด้วย เพราะในปัจจุบันมีเพียง 9% ของขยะพลาสติกทั่วโลกเท่านั้นที่ถูกนำกลับมาใช้ใหม่ ส่วนที่เหลือจะถูกเผาหรือทิ้งลงในหลุมฝังกลบแถมใช้เวลาย่อยสลายนานหลายปี

 

ที่มา : interestingengineering 

#ไบโอพลาสติก #TechhubUpdate

Hot Issue