Home Blog Page 58

วิกฤตใหม่ เมื่อ AI เร่งเครื่องทำลายโลก ผลกระทบเบื้องหลัง ChatGPT

AI เร่งเครื่องทำลายโลก

ตั้งแต่ ChatGPT เปิดตัวเมื่อพฤศจิกายน 2565 การลงทุน พัฒนา และใช้งานเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ก็เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด และ คาดการณ์ว่าพลังประมวลผลที่ใช้สำหรับ AI นั้นก็เพิ่มขึ้นเท่าตัวในทุก ๆ 100 วัน

และนั่นก็กลายผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจที่ทำให้หลายฝ่ายเริ่มตื่นตัว หน่วยงานกำกับดูแลในยุโรปเพิ่งกดดันให้ Meta ชะลอแผนการฝึกฝนโมเดล AI ด้วยข้อมูลจาก Facebook และ Instagram

อย่างไรก็ตาม ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมยังไม่เป็นที่พูดถึงมากนัก ทั้งที่การถามคำถามเดียวกับแชทบอท AI อาจใช้พลังงานมากกว่าการค้นหาด้วย Google แบบเดิมถึง 10 เท่า และอาจใช้พลังงานมากกว่าซอฟต์แวร์แบบดั้งเดิมถึง 33 เท่าในการทำงานให้เสร็จสิ้น

แอปพลิเคชัน AI ส่วนใหญ่ทำงานบนเซิร์ฟเวอร์ในศูนย์ข้อมูล ซึ่งในปี 2566 ก่อนที่ AI จะบูมจริงจัง สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศประเมินว่า ศูนย์ข้อมูลต่าง ๆ คิดเป็น 1-1.5% ของการใช้ไฟฟ้าทั่วโลก และประมาณ 1% ของการปล่อย CO₂ ที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทั่วโลก

การเติบโตอย่างรวดเร็วของการใช้ AI เปลี่ยนแปลงตัวเลขเหล่านี้อย่างไร ? รายงานด้านสิ่งแวดล้อมล่าสุดจาก Microsoft, Meta และ Google ให้ข้อมูลเชิงลึกไว้อย่างน่าสนใจ

โดย Microsoft ได้ลงทุนใน AI อย่างมาก ถือหุ้นใหญ่ใน OpenAI บริษัทผู้สร้าง ChatGPT รวมถึงแอปพลิเคชัน Copilot ของตัวเองสำหรับ Windows ตั้งแต่ระหว่างปี 2563 ถึง 2566 ซึ่งการปล่อยมลพิษประจำปีที่ Microsoft ได้เปิดเผยนั้น เพิ่มขึ้นประมาณ 40% จาก 12.2 ล้านตัน เป็น 17.1 ล้านตัน (CO₂)

Meta ก็ทุ่มทรัพยากรมหาศาลให้กับ AI เช่นกัน ในปี 2566 บริษัทเปิดเผยว่าการปล่อยมลพิษ เพิ่มขึ้นกว่า 65% ในเวลาเพียงสองปี จาก 5 ล้านตัน ในปี 2563 เป็น 8.4 ล้านตันในปี 2565 (CO₂)

การปล่อยมลพิษของ Google ในปี 2566 สูงกว่าในปี 2562 เกือบ 50% โดยรายงานด้านสิ่งแวดล้อมประจำปี 2567 ของ Google ระบุว่าแผนการลดการปล่อยมลพิษจะเป็นเรื่องยาก เนื่องจากความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นจากการประมวลผล AI ที่เข้มข้นขึ้น

และต้องยอมรับว่า ศูนย์ข้อมูลนั้นสร้างความร้อนจำนวนมาก และใช้น้ำปริมาณมากเพื่อระบายความร้อนให้กับเซิร์ฟเวอร์ จากการศึกษาในปี 2564 ศูนย์ข้อมูลในสหรัฐอเมริกาใช้น้ำประมาณ 7,100 ลิตรต่อการใช้พลังงานหนึ่งเมกะวัตต์-ชั่วโมง และศูนย์ข้อมูลของ Google ในสหรัฐอเมริกาเพียงอย่างเดียว ใช้น้ำจืดประมาณ 12.7 พันล้านลิตรในปี 2564

ในปัจจุบัน หลาย ๆ แห่งทั่วโลกนั้น มีอุณหภูมิสูงกว่า 50°C และหลาย ๆ ที่นั้นมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นในทุก ๆ ทศวรรษนับตั้งแต่ปี 2523 เดือน กรกฎาคม 2566 เป็นเดือนที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกไว้

ความร้อนจัดส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชากรในท้องถิ่น การศึกษา Lancet 2022 พบว่าแม้แต่อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น 1°C ก็ทำให้อัตราการเสียชีวิตและการเจ็บป่วยเพิ่มขึ้น

ทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลว่า ทำไมเราถึงต้องให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และในฐานะผู้บริโภค เราสามารถช่วยได้ ด้วยการซื้อสินค้าและบริการจากบริษัทที่มีธรรมาภิบาลเรื่องความยั่งยืนมากกว่า

ที่มา
theconversation

PDPC เปิดเวทีเสวนาสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับกฎหมายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลระดับนานาชาติ

สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) หรือ PDPC ขานรับนโยบาย DE เดินหน้าทำงานในเชิงรุก ยกระดับมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสู่ระดับสากล พร้อมสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ด้วยการเปิดเวทีระดับนานาชาติ  จัดเสวนาสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับกฎหมายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลระดับนานาชาติ “PDPA International Conference 2024 : Key Global Trends in Data Privacy”  เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนชาวไทยและต่างชาติร่วมกัน “ป้องกัน-ระวัง-เข้าใจ” การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล ภายใต้แคมเปญ Take Control of your Data #ตะโกนให้โลกรู้ข้อมูลส่วนตัวสำคัญที่สุด โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย PDPA จากหลายประเทศทั่วโลกเข้าร่วมเสวนาถกประเด็นข้อสงสัย พร้อมให้ข้อมูลความรู้แบบจัดเต็ม นอกจากนี้ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานในงานแถลงข่าวและร่วมกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “Key Global Trends in Data Privacy”

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ DE ตระหนักถึงความสำคัญของการละเมิดข้อมูลส่วนตัวเป็นอย่างมาก ที่ผ่านมาได้มอบหมายให้ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) หรือ PDPC ทำงานในเชิงรุก เพื่อกระตุ้นให้ภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงประชาชน ตระหนักถึงความสำคัญของข้อมูลส่วนตัวที่เปรียบเสมือนสมบัติล้ำค่า ดังนั้นที่ผ่านมา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จึงได้วางนโยบายการทำงานให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน ยุคที่ธุรกิจและการตลาดขับเคลื่อนด้วยข้อมูล หรือการนำ Big Data และ AI มาใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก พร้อมกับการถ่ายโอน หรือแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลระหว่างประเทศ นำไปสู่การเข้าถึง และการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในมิติต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น ซึ่งการเปิดเผยหรือการใช้งานข้อมูลในทางที่ผิดทำให้เกิดการตื่นตัว และความตระหนักรู้ทั่วโลกเกี่ยวกับสิทธิในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงบทบาทและความรับผิดชอบของผู้ที่มีหน้าที่ตามกฎหมายในการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล และการบังคับใช้กฎหมายโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

กฎหมาย PDPA ถอดแบบมาจากกฎหมายต้นแบบอย่างกฎหมาย GDPR (General Data Protection Regulation) ซึ่งเป็นกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป วัตถุประสงค์ของการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ไม่ประสงค์ดีทำการแฮ็กข้อมูลหรือละเมิดความเป็นส่วนตัว เพื่อข่มขู่หวังผลประโยชน์จากทั้งจากตัวเจ้าของข้อมูลเองหรือจากบุคคลที่ดูแลข้อมูล โดยกฎหมายนี้ได้เริ่มบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2565 เป็นกฎหมายที่ให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ รูปถ่าย บัญชีธนาคาร อีเมล ไอดีไลน์ บัญชีผู้ใช้ของเว็บไซต์ ลายนิ้วมือ ประวัติสุขภาพ เป็นต้น ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สามารถระบุถึงตัวเจ้าของข้อมูลนั้นได้ อาจเป็นได้ทั้งข้อมูลในรูปแบบเอกสาร กระดาษ หนังสือ หรือจัดเก็บในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้

นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า เรื่องของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เป็นเรื่องที่รัฐบาลชุดนี้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เราได้กำหนดแนวทางและมาตรการยกระดับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPC ดำเนินการแบบเชิงรุก ให้ความรู้ “ป้องกัน-ระวัง-เข้าใจ” การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลแก่ประชาชนทั่วไป หน่วยงานราชการ-ภาคธุรกิจที่จัดเก็บดูแลข้อมูล พร้อมกับการให้บริการสอบถาม ขอคำปรึกษา ร้องทุกข์ต่าง ๆ ในทุก ๆ ช่องทาง โดยมี Formwork ต่าง ๆ ถอดแบบมาจากประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นแนวทางที่ได้รับการยอมรับระดับสากล

การจัดเสวนาสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลระดับนานาชาติ “PDPA International Conference 2024 : Key Global Trends in Data Privacy” ในครั้งนี้ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้กับผู้ควบคุมข้อมูล ผู้ประมวลผลข้อมูล และประชาชนทั่วไป พร้อมทั้งมีเป้าหมายเพื่อยกระดับความเข้าใจเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในประเทศไทยให้เทียบเท่ากับมาตรฐานสากล

ทางด้าน ดร.ศิวรักษ์ ศิวโมกษธรรม เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กล่าวเสริมว่า การจัดเสวนาสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับกฎหมายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลระดับนานาชาติ “PDPA International Conference 2024 : Key Global Trends in Data Privacy”  เป็นการเปิดเวทีนานาชาติครั้งแรก เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยเฉพาะในหมู่ผู้ควบคุมข้อมูล ผู้ประมวลผลข้อมูล รวมถึงประชาชนทั่วไป เพื่อยกระดับความเข้าใจในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในประเทศไทยให้สอดคล้องกับมาตรฐานระดับสากล

สำหรับหัวข้อสำคัญในการสนทนาครั้งนี้ คือเรื่อง “Unlocking the Power of ASEAN Model Contractual Clauses (MCCs)” เพื่อช่วยให้ผู้เข้าร่วมเข้าใจเงื่อนไข และข้อกำหนดในสัญญาที่สนับสนุนการโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังประเทศสมาชิกอาเซียนอย่างราบรื่นและปลอดภัย ผู้เข้าร่วมยังจะได้รับความรู้ที่มีคุณค่าจากผู้เชี่ยวชาญในกฎหมาย เทคโนโลยี และรัฐบาลเกี่ยวกับการใช้ ASEAN MCCs อย่างมีประสิทธิภาพ และการต่อสู้กับข้อจำกัดที่ท้าทาย ผู้เชี่ยวชาญทุกท่านจะรวมตัวกัน เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ต่อการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การบริหารความสมดุลระหว่างนวัตกรรม AI และการคุ้มครองสิทธิของบุคคล ประเมินความเสี่ยงและหาวิธีการใช้งาน AI อย่างเหมาะสม เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมาย PDPA

โรงพยาบาลในเครือรามกรุ๊ป จับมือ Metthier ยกระดับมาตรฐานการทำความสะอาดในโรงพยาบาล ด้วยเทคโนโลยี AI อัจฉริยะ

โรงพยาบาลในเครือรามกรุ๊ป เสริมประสิทธิภาพด้านระบบทำความสะอาดแบบเดิม จับมือ Metthier นำเทคโนโลยีขั้นสูงเสริมบริการด้วยบุคลากรแม่บ้านผู้เชี่ยวชาญ และหุ่นยนต์ทำความสะอาดที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่ช่วยบริหารจัดการความสะอาดและอำนวยความสะดวกภายในอาคารหรือพื้นที่ทั้งหมดของโรงพยาบาลให้มีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยง และป้องกันการแพร่เชื้อ พร้อมเจ้าหน้าที่คอยดูแลตลอด 24 ชม. ยกระดับการให้บริการ Healthcare เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีแก่บุคคลากรทางการแพทย์ และผู้ที่มาใช้บริการ

พลโทนายแพทย์สกล เอี่ยมตระกูล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิภาราม ภายใต้กลุ่มบริษัท โรงพยาบาลรามคำแหง จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่และให้บริการทางการแพทย์ครบวงจรในประเทศไทย เปิดเผยว่า โรงพยาบาลในเครือรามกรุ๊ป 5 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลรามคำแหง โรงพยาบาลรามคำแหง 2 โรงพยาบาลวิภาราม พัฒนาการ โรงพยาบาลวิภาราม อมตะนคร และโรงพยาบาลวิภาราม แหลมฉบัง ได้ตกลงในความร่วมมือกับทางบริษัท เมทเธียร์ จำกัด (Metthier) ในการเข้ามาดูแลการรักษาความสะอาดของโรงพยาบาล โดยทาง เมทเธียร์ เป็นผู้ประกอบกิจการซึ่งมีความรู้ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการด้านการรักษาความสะอาดอาคารสถานที่ และได้นำเสนอการดูแลรักษาความสะอาดด้วยทีมบุคลากรแม่บ้าน ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์มีความรู้ในการดูแลรักษาความสะอาดในโรงพยาบาล พร้อมกับนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยด้วย Smart Cleaning Robots (หุ่นยนต์ทำความสะอาดอัจฉริยะ) ที่ขับเคลื่อนด้วย Artificial Intelligence (AI) เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ เป็นการตอบโจทย์ในเรื่องของการดูแลรักษาความสะอาดโรงพยาบาล

พลโทนายแพทย์สกล กล่าวต่อว่า การรักษาความสะอาดเป็นเรื่องที่ทุกโรงพยาบาลให้ความสำคัญมาก และมีรายละเอียดแตกต่างจากธุรกิจอื่น ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม หรือห้างสรรพสินค้า เนื่องจากโรงพยาบาลเป็นแหล่งรวมของเชื้อโรคต่างๆ ดังนั้น นอกจากเรื่องของการดูแลทำความสะอาดสถานที่ต่างๆ ภายในโรงพยาบาลแล้ว ยังต้องคำนึงถึงเรื่องของการป้องกัน และควบคุมการติดเชื้อ ลดการแพร่กระจายเชื้อโรคในโรงพยาบาล การปนเปื้อนต่างๆ เรื่องความสะอาดจึงเป็นมาตรการที่สำคัญในการป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล และเป็นเครื่องชี้วัดอย่างหนึ่งของมาตรฐานในการดูแลรักษาคุณภาพการบริการของโรงพยาบาล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและเพิ่มความปลอดภัยให้บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วย และผู้ที่มาใช้บริการในโรงพยาบาล การทำความสะอาดจำเป็นต้องใช้บุคลากรที่มีความรู้ในการป้องกันการแพร่กระจายของโรคและความชำนาญในการทำความสะอาดเป็นพิเศษ ยกตัวอย่างเช่น หากเราพบเลือดหยดบนพื้นในสถานที่อื่น เราอาจจะนำผ้ามาเช็ดทันที แต่พอเกิดขึ้นในโรงพยาบาล เราไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เพราะหากเรานำผ้าผืนเดียวกันนั้นไปเช็ดบริเวณอื่นต่อ อาจจะทำให้เชื้อโรคกระจายเป็นวงกว้างได้ ดังนั้นเราจึงต้องฆ่าเชื้อก่อน แล้วจึงเช็ดหยดเลือดนั้นได้ ทางบริษัทที่ให้บริการทำความสะอาดในโรงพยาบาลจึงจำเป็นต้องฝึกฝนพนักงานอย่างเข้มงวดตามข้อกำหนดของกรมควบคุมโรค ทั้งในเรื่องของวิธีในการทำความสะอาดที่ถูกต้อง การใช้อุปกรณ์ต่างๆ ต้องมีความรู้ในเรื่องของการป้องกันตัวเอง การกำจัดเชื้อโรคไม่ให้แพร่กระจาย เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโรค เป็นต้น

“ทางโรงพยาบาลวิภาราม และโรงพยาบาลในเครือรามกรุ๊ป มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและยกระดับการให้บริการทางการแพทย์และบริการด้านอื่นๆอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการให้ความสำคัญกับการรักษาความสะอาดภายในและสิ่งแวดล้อมรอบโรงพยาบาล เพื่อให้บุคลากรของเราและผู้เข้ารับบริการได้รับสิ่งที่ดีที่สุด และไม่ต้องกังวลว่าจะติดเชื้อโรคอื่นๆ เวลาที่อยู่โรงพยาบาล ความร่วมมือกับทาง Metthier ครั้งนี้ ทำให้เราสามารถวางแผนจัดระบบการทำความสะอาดอย่างมีประสิทธิภาพตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีการบูรณาการการทำงานระหว่างคนและหุ่นยนต์ทำความสะอาดอัจฉริยะ ช่วยลดข้อจำกัดด้านชั่วโมงการทำงานของพนักงานและเสริมภาพลักษณ์ที่ดีและดูทันสมัยให้โรงพยาบาล” พลโทนายแพทย์สกล กล่าว

นายขยล ตันติชาติวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมทเธียร์ จำกัด (Metthier) ผู้ดำเนินธุรกิจการให้บริการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์อัจฉริยะ (Smart Facility Management) แบบครบวงจร กล่าวว่า ธุรกิจโรงพยาบาลถือเป็นฟันเฟืองหนึ่งที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย และมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยรายงานของศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี คาดว่าธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนจะมีรายได้รวมแตะ 3.22 แสนล้านบาทในปี 2567 ขยายตัว 4% จากปี 2566 ที่มีรายได้รวม 3.14 แสนล้านบาท โดยปัจจัยหลักมาจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่คาดหวังบริการคุณภาพสูงในราคาที่เหมาะสม กลุ่มโรงพยาบาลเอกชนจึงเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงและจำเป็นต้องเร่งปรับตัวพัฒนาการให้บริการในทุกด้าน รวมถึงมองหาเทคโนโลยีชั้นสูงที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับโรงพยาบาล ส่งผลให้ผู้ให้บริการการบริหารจัดการอาคารที่มาพร้อมเทคโนโลยีอย่าง Metthier ตอบโจทย์ความต้องการและเจาะกลุ่มลูกค้าในธุรกิจนี้ได้อย่างรวดเร็ว

“Metthier ได้ยกระดับการทำความสะอาดและการอำนวยความสะดวกภายในพื้นที่โรงพยาบาล เพื่อให้ผู้รับบริการมั่นใจว่าทุกอาคารภายในโรงพยาบาล และสถานที่ต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การดูแลของ Metthier มีสภาพแวดล้อมที่ดีมีความสะอาดอยู่เสมอ ด้วยทีมบุคลากรแม่บ้านที่มีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการดูแลทำความสะอาดโรงพยาบาล ที่ได้รับการอบรมโดยทีมงานที่มีประสบการณ์ในการทำความสะอาดและให้บริการกับโรงพยาบาลหลายสิบปี มาช่วยเพิ่มศักยภาพในการดูแลรักษาความสะอาดที่ถูกต้องตามมาตรฐาน พร้อมหุ่นยนต์ทำความสะอาด ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ใช้ LiDAR (Light Detection and Ranging System) ในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพื้นที่ ทำให้การทำความสะอาดมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมติดตามการทำงานผ่านแดชบอร์ดได้แบบเรียลไทม์ ใช้ได้กับพื้นที่หลากหลายขนาดตั้งแต่ 100 ตารางเมตร หรือจนถึงพื้นที่ขนาดใหญ่กว่า 4,000 ตารางเมตร เป็นการผสานการทำงานด้วยคนพร้อมกับเทคโนโลยี เพื่อส่งมอบประสิทธิภาพในการบริการที่เหนือกว่าให้กับลูกค้าของเรา” นายขยล กล่าว

#โรงพยาบาลวิภาราม #โรงพยาบาลรามคำแหง #เครือรามกรุ๊ป #Metthier #เมทเธียร์ #RiseAboveOrdinary #ที่เมทเธียร์เราเหนือกว่า #SmartFacilityManagement #บริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์อัจฉริยะ

กลุ่มบริษัท โรงพยาบาลรามคำแหง จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนาดขนาดใหญ่ ประกอบไปด้วย 6 โรงพยาบาลในเครือ 3 โรงพยาบาลสาขา และคลินิกเครือข่ายอีก 3 แห่ง มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาศักยภาพในด้านต่างๆ มาโดยตลอด ทั้งด้านคุณภาพและความเชี่ยวชาญการให้บริการทางการแพทย์ พร้อมการบริหารที่เน้นการปรับปรุงโรงพยาบาล การควบคุมคุณภาพการให้บริการรักษาอยู่ตลอด ตอกย้ำการเป็นโรงพยาบาลที่ให้บริการรักษาพยาบาลตามมาตรฐานสากลชั้นนำของไทย

 บริษัท เมทเธียร์ จำกัด (Metthier) เป็นผู้ให้บริการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์อัจฉริยะแบบครบวงจร (Smart Facility Management) ด้วยเทคโนโลยีแห่งอนาคตรายแรกของไทย ในเครือบริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ สกาย กรุ๊ป

ปลอดภัยขั้นสุด ข้อมูลไม่หาย ธุรกิจปลอดภัยได้ ไม่ต้องลงทุนอุปกรณ์เพิ่ม

SME Secure Corporate

ต้องยอมรับว่าในปัจจุบัน ธุรกิจ SME ตกเป็นเป้าการโจมตีทางไซเบอร์เพิ่มมากขึ้น รายงานจาก Thaicert ยังบอกอีกว่า อัตราการโจมตีธุรกิจ SME ในปี 2566 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ เหตุเพราะ SME อาจไม่ได้มีต้นทุน ขาดความตระหนัก หรือไม่มีความเข้าใจในการจัดการเรื่องความปลอดภัยมากพอ

ต้องยอมรับว่า ตอนนี้ข้อมูลลูกค้าของ SME มีจำนวนเพิ่มขึ้นและมีความสำคัญมากว่าแต่ก่อน ทำให้ตกเป็นเป้าการโจมตีได้ง่าย และเมื่อข้อมูลหลุด ธุรกิจก็อาจพังลงได้ในชั่วข้ามคืน  อาจต้องเสียเงินจำนวนมาก ทั้งเรื่องของการจ่ายค่าไถ่ ค่าเสียหายที่ธุรกิจต้องหยุดชะงัก สูญเสียข้อมูล และอาจต้องชดเชยความเสียหายในด้านต่าง ๆ  ดังนั้น SME จึงควรให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างจริงจัง เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต 

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้อีกว่า การลงทุนทางไซเบอร์นั้นมีต้นทุนที่สูงเกินไปสำหรับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น ทั้งเรื่องของฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ รวมทั้งบุคคลากรด้านไอที เป็นต้นทุนที่สูงเกินกว่าธุรกิจ SME จะแบกรับไหว และมองว่า ควรนำเงินไปลงทุนกับส่วนอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดผลตอบแทนโดยตรงกลับมา

จะดีกว่าหรือไม่ หากมีระบบความปลอดภัยที่มาพร้อมกับอินเทอร์เน็ตที่ใช้ภายในบริษัท ให้ SME สามารถโฟกัสกับการทำธุรกิจได้อย่างมุ่งมั่น หมดห่วงว่าบริษัทจะโดนล้วงข้อมูล  สามารถจ่ายเพิ่มแค่หลักร้อยจากราคาแพ็คเกจอินเทอร์เน็ต แต่ได้ความปลอดภัยระดับพรีเมี่ยมเทียบเท่ากับระบบความปลอดภัยในบริษัทใหญ่ ๆ  

Techhub พาไปรู้จักกับ SME Secure Corporate Internet by AIS Business บริการอินเทอร์เน็ตสำหรับธุรกิจ (Leased Lined ) ที่ผสานระบบความปลอดภัยไซเบอร์ระดับโลกจาก Fortinet รวมไว้ด้วยกัน ช่วยให้ธุรกิจสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย มีความเสถียร เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และยังมีทีมวิศวกรของ AIS ที่จะคอยช่วยตรวจสอบความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นในเครือข่าย 

ความสามารถของ  SME Secure Corporate Internet 

Security Features 

  • Advanced Malware Protection ฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูง ช่วยปกป้องธุรกิจจากภัยคุกคามต่าง ๆ ทั้ง แรนซัมแวร์ และมัลแวร์อื่น ๆ
  • Intrusion Prevention ป้องกันการบุกรุกเข้าถึงเครือข่าย โดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมทั้งตรวจจับกิจกรรมดูน่าสงสัยและอันตราย
  • Web and Video Filtering ตั้งค่ากรองและการบล็อกการเข้าถึงเว็บไซต์ที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสม  โดยสามารถใช้เทมเพลตมาตรฐานของ AIS 
  • Zero-Day Protection  ระบบจะทำการอัปเดตฐานข้อมูลภัยคุกคามอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สามารถป้องกันภัยคุกคามใหม่ๆ ได้อย่างทันท่วงที

Security Service 

  • Security Configuration & Patch Update  มีผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยปรับตั้งค่า และอัปเดตระบบปฏิบัติการเวอร์ชันให้เป็นเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดเสมอ
  • High Availability System​ ปกป้องระบบอย่างต่อเนื่องด้วยระบบสำรองทีมี SLA สูงถึง 99.9%
  • Traffic Analysis Report ส่งสรุปรายงานเหตุการณ์เกี่ยวกับความปลอดภัยผ่านช่องทางอีเมลทุกสองสัปดาห์
  • 24/7 Security Monitoring & Support ดูแลความปลอดภัยโดยผู้ใช้งานตลอด 24 ชม. ด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์

SME Secure Corporate Internet

จุดเด่นของ SME Secure Corporate Internet by AIS  Business เป็นบริการอินเทอร์เน็ตแบบ Leased Lined รายแรกและรายเดียวในตอนนี้ ที่มาพร้อมกับระบบความปลอดภัยแบบครบวงจร เหมาะสำหรับธุรกิจ SME ในระยะเริ่ม โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนระบบความปลอดภัยให้ยุ่งยาก เพียงใช้งานอินเทอร์เน็ตองค์กรจาก AIS Business ก็จะได้ระบบความปลอดภัยที่ทัดเทียมกับบริษัทใหญ่ ๆ ซึ่งระบบ มีทั้งการป้องกันมัลแวร์ การตรวจสอบเครือข่ายป้องกันการบุกรุก ตัวกรองเว็บอันตราย มีผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมดูแล 24 ชั่วโมง และอีกหลายบริการที่ได้อธิบายไปข้างต้น 

โดยหากเทียบกับการลงทุนซื้อระบบมาใช้งานเอง ไหนจะต้องติดตั้ง ไหนจะต้อง Config กว่าจะได้ใช้งานจริง จำเป็นต้องใช้เวลาและเงินทุนที่ค่อนข้างมาก นอกจากนี้ ยังต้องจ้างแผนกความปลอดภัยเข้ามาดูแลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งงานส่วนนี้เปรียบดั่งมนุษย์ทองคำที่มีอัตราค่าตอบแทนสูง และยังขาดแคลนทั่วโลก  ดังนั้น บริการ SME Secure Corporate Internet by AIS  Business ก็นับว่าเป็น Security-as-a-Service (SECaaS) ที่คุ้มค่ากว่ามาก 

อีกหนึ่งข้อดีของ SME Secure Corporate Internet นั่นคือ ระบบจะไม่สร้างกระทบต่อประสบการณ์ของผู้ใช้ ไม่มีอาการหน่วง หรือสร้างปัญหาใด ๆ เพราะระบบจะทำการตรวจสอบอยู่เบื้องหลังผ่านบริการ Security on Cloud ของ Fortinet  ที่มีมาตรฐานระดับสกล ทำให้การใช้งาน เป็นไปอย่างลื่นไหล 

SME Secure Corporate Internet

พูดเรื่องระบบความปลอดภัยกันไปเยอะ เรามาดูจุดเด่นของ AIS Leased Lined กันบ้างดีกว่า โดยปกติแล้ว SME  ในระดับกลางขึ้นไป จะเริ่มมีการใช้งานอินเทอร์เน็ตแบบท่อตรง หรือ Leased Line ซึ่งจะให้ความเร็วในการอัปโหลดและดาวน์โหลดข้อมูลที่เท่ากันและคงที่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะมีผู้ใช้งานมากหรือน้อย เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องรับส่งข้อมูลจำนวนมาก หรือใช้งานแอปพลิเคชันที่ต้องการความเร็วสูง เช่น วิดีโอคอนเฟอเรนซ์   

ที่สำคัญคือมีระดับความปลอดภัยสูงกว่าอินเทอร์เน็ตบ้าน เนื่องจากเป็นวงจรปิดที่ไม่ต้องผ่านเครือข่ายสาธารณะ ทำให้ข้อมูลขององค์กรมีความปลอดภัยจากการถูกโจมตีหรือขโมยข้อมูลได้ยากขึ้น ซึ่งจุดเด่นของ AIS Leased Lined ไม่ได้มีแค่นั้น 

SME Secure Corporate Internet

ระบบการันตีด้วย SLA สูงถึง 99.9% รองรับการขยายระบบเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต รองรับการขยายสาขา รองรับการ Gateway สำหรับชื่อมต่อไปยังสาขาต่างประเทศ Downtime ไม่เกิน 10% ช่วยเพิ่มความมั่นใจในระบบเครือข่าย ทำธุรกิจดำเนินไปได้อย่างราบลื่น 

สำหรับโซลูชัน SME Secure Corporate Internet ทาง AIS Business ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา ณ AIS EEC ศูนย์นวัตกรรมดิจิทัล แห่งแรกใจกลาง Thailand Digital Valley  ภายในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นศูนย์กลางแห่งการเรียนรู้เรื่องเทคโนโลยีดิจิทัลที่ล้ำสมัย และ 5G เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมต่าง ๆ   

ในศูนย์ดังกล่าว AIS Business ได้จัดโชว์นวัตกรรมต่าง ๆ  ทั้ง 5G Ecosystem ,  Intelligent Network and Infrastructure , AI and Data Analytics , Digital Platform and APIs และ  Industry Transformation หากธุรกิจใดสนใจ สามารถเข้าไปดูตัวอย่างการใช้งาน หรือทำ Business Matching ได้แบบครบจบที่เดียว ภายในศูนย์แห่งนี้เลยครับ  

สำหรับท่านที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Secure Internet สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://m.ais.co.th/wxHqd3Li1

Prime Video ชวนกระตุกต่อมฮา ในงานแถลงข่าวเปิดตัวและฉายรอบปฐมทัศน์ LOL: Last One Laughing Thailand หัวเราะทีหลังปังกว่า  รายการคอเมดี้เรียลลิตี้สุดแหวกแนว ที่ดัดแปลงจากรายการยอดฮิตในหลายประเทศทั่วโลก

ยกทัพ 10 เอนเตอร์เทนเนอร์ตัวท็อปของวงการจากทุกย่านความตลก ลงสนามประชันความขำ…ที่ห้ามขำ!
เป็กกี้-ดรุณี, เผือก-พงศธร, คิวเทโอปป้า, ติช่า-กันติชา, ปิงปอง-ธงชัย, ตั๊ก-บริบูรณ์, ตั้ม-วราวุธ, ซานิ-นิภาภรณ์, บอล เชิญยิ้ม, ต้นหอม-ศกุนตลา พร้อมด้วย 2 พิธีกรอารมณ์ดี โอ๊ต-ปราโมทย์ และ ซี-ศิวัฒน์

เริ่มสตรีม 4 กรกฎาคมนี้ ที่ Prime Video เท่านั้น

*หมายเหตุ: ชื่อแบรนด์ที่ถูกต้องของบริการสตรีมมิ่งคือ Prime Video (ไม่ใช่ Amazon Prime Video)*

Prime Video ยกทัพนักแสดงสายฮาอารมณ์ดีตัวท็อปของวงการ เปิดประสบการณ์ความตลกในงานแถลงข่าวเปิดตัวผลงานออริจินัล LOL: Last One Laughing Thailand หัวเราะทีหลังปังกว่า รายการคอเมดี้เรียลลิตี้รูปแบบใหม่ ที่เหล่านักแสดงจะต้องงัดทุกกลยุทธ์ความฮาออกมาระดมใส่ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ โดยห้ามเผลอหัวเราะออกมาเสียเอง งานจัดขึ้นเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ณ พารากอน ซีนีเพล็กซ์ โดยขนทัพทีมนักแสดงและพิธีกรรายการมาร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง ทั้ง โอ๊ต-ปราโมทย์ ปาทาน, ซี-ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์, เป็กกี้-ดรุณี สุทธิพิทักษ์, เผือก-พงศธร จงวิลาส, คิวเท ซิม (คิวเทโอปป้า), ติช่า-กันติชา ชุมมะ, ปิงปอง-ธงชัย ทองกันทม, ตั้ม-วราวุธ โพธิ์ยิ้ม, ซานิ-นิภาภรณ์ ฐิติธนการ, ต้นหอม-ศกุนตลา เทียนไพโรจน์ พร้อมด้วยผู้บริหารจาก Prime Video ดาริน ดารกานนท์ (Head of Central Scripted Series & Movies, International Originals ของ Amazon MGM Studios) รวมถึงตัวแทนทีมผู้สร้าง นภัสริญญ์ พรหมพิลา (ผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร) และ หม่อมหลวง ปิยะจันทร์ ประวิตร (ผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร)

ภายในงานแถลงข่าว ได้เนรมิตพื้นที่ส่วนหนึ่งให้เป็นเหมือนฉากถ่ายทำของรายการในธีมคอมมูนิตี้มอลล์ แหล่งพักผ่อนหย่อนใจของชาวไทย ขณะที่ผู้บริหารจาก Prime Video และทีมผู้สร้างได้มาร่วมพูดคุยถึงเรื่องราวที่มาที่ไปและเบื้องหลังการปลุกปั้นรายการ พร้อมด้วยเหล่านักแสดงที่มาแบ่งปันความรู้สึกและประสบการณ์แปลกใหม่ที่ได้จากการถ่ายทำรายการเรียลลิตี้สุดแหวกแนวกันอย่างครึกครื้น นอกจากนี้ ทีมนักแสดงตัวท็อปสายฮาทั้งหมดยังได้ร่วมเล่นเกมบนเวที เพื่อจำลองบรรยากาศความสนุกแบบสุดจะกลั้นในสมรภูมิกลั้นขำของรายการ LOL: Last One Laughing Thailand หัวเราะทีหลังปังกว่า ให้สื่อมวลชนได้สัมผัสกันแบบสดๆ ก่อนจะตบท้ายด้วยการรับชมการฉายรอบปฐมทัศน์ของรายการตอนที่ 1 ในโรงภาพยนตร์ก่อนใคร

ทั้งนี้ รายการ LOL: Last One Laughing Thailand หัวเราะทีหลังปังกว่า มีจำนวนทั้งหมด 6 ตอน จะเริ่มสตรีม 2 ตอนแรกในวันพฤหัสบดีที่ 4 กรกฎาคม 2567 และสามารถรับชมตอนใหม่ได้ทุกวันพฤหัสบดี สัปดาห์ละ 2 ตอน 

รายการ LOL: Last One Laughing เป็นรายการที่ได้รับความนิยมในหลายประเทศทั่วโลกของ Prime Video โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากรายการต้นฉบับในญี่ปุ่นที่ชื่อว่า Documental และเมื่อนำมาดัดแปลงเป็นรายการเวอร์ชั่นท้องถิ่น ก็ได้กลายเป็นรูปแบบรายการที่มีผู้ชมมากที่สุดตลอดกาลบน Prime Video ในอิตาลี ฝรั่งเศส และเยอรมนี และประสบความสำเร็จมากในอีกหลายประเทศทั่วโลก” ดาริน ดารกานนท์ Head of Central Scripted Series & Movies, International Originals ของ Amazon MGM Studios กล่าว “เราพบว่าผู้ชมชาวไทยมีความชื่นชอบคอนเทนต์ที่สนุกสนาน คอนเทนต์ใดๆ ก็ตามที่มีองค์ประกอบของอารมณ์ขันมักจะได้รับความนิยมมากในไทย ที่ Amazon เรายึดมั่นในแนวคิด ‘Customer Obsession’ ซึ่งให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกค้ามาเป็นอันดับแรก ดังนั้นเราจึงเชื่อมั่นว่ารูปแบบรายการที่มีความแปลกใหม่นี้จะโดนใจและได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากผู้ชมชาวไทย”

รายการนี้มีรูปแบบที่มีความสดใหม่และไม่เหมือนรายการไหนที่เราเคยเห็นมาก่อนในประเทศไทย เรารู้สึกตื่นเต้นที่มีโอกาสได้ผลิตรายการนี้ในแบบฉบับของไทย เพื่อนำเสนอความคิดสร้างสรรค์และอารมณ์ขันแบบไทยๆ สู่สายตาผู้ชมทั่วโลก ที่ผ่านมาพวกเราทำงานกันอย่างหนักเพื่อให้แน่ใจว่ารายการนี้จะมอบประสบการณ์ที่สนุกที่สุดให้กับผู้ชม” นภัสริญญ์ พรหมพิลา ผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร

หม่อมหลวง ปิยะจันทร์ ประวิตร ผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร เล่าถึงการเตรียมถ่ายทำของทีมงานว่า “หนึ่งในเรื่องที่ท้าทายมากในการสร้างสรรค์รายการนี้ คือการค้นหาส่วนผสมที่ลงตัวของทีมนักแสดง ซึ่งมีแนวทางและลีลา ความตลกที่แตกต่างกัน เนื่องจากความตลกเป็นเรื่องของความชอบส่วนบุคคล ดังนั้นการรวมนักแสดงที่มีความตลกที่หลายหลายไว้ด้วยกันจะทำให้รายการสามารถเข้าถึงและโดนใจผู้ชมในวงกว้าง พวกเราใช้เวลายาวนานในขั้นตอนเตรียมการถ่ายทำ รวมถึงการเนรมิตฉากที่เป็นเหมือนคอมมูนิตี้มอลล์ซึ่งติดตั้งกล้องจำนวนเกือบ 50 ตัวไว้ทั่วทุกมุม มากไปกว่านั้น ทีมงานของเรายังได้เตรียมเกมและกิจกรรมไว้จำนวนมาก เพื่อที่จะสามารถเลือกหยิบขึ้นมาใช้ในระหว่างการถ่ายทำได้ทันทีตามบรรยากาศของรายการในขณะนั้นอีกด้วย”

นอกจากนักแสดงที่เข้าร่วมงานแถลงข่าวแล้ว ยังมี ตั๊ก-บริบูรณ์ จันทร์เรือง และ บอล-ชัชชัย จำเนียรกุล (บอล เชิญยิ้ม) เป็นผู้เข้าแข่งขันในรายการด้วย โดยเป็นสองตัวเต็งที่ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ เชื่อว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งและน่าจับตามองที่สุด

รายการ LOL: Last One Laughing เป็นรูปแบบรายการที่มีผู้ชมมากที่สุดตลอดกาลบน Prime Video ในอิตาลี ฝรั่งเศส และเยอรมนี และประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามในเวอร์ชั่นท้องถิ่นในเม็กซิโก ออสเตรเลีย อินเดีย สเปน แคนาดา เนเธอร์แลนด์ โคลอมเบีย อาร์เจนตินา บราซิล และสวีเดน โดยผู้รับหน้าที่พิธีกรในรายการเวอร์ชั่นท้องถิ่นในแต่ละประเทศ ได้แก่ Jay Baruchel (แคนาดา), Eugenio Derbez (เม็กซิโก), Fedez (อิตาลี), Michael “Bully” Herbig (เยอรมนี), Rebel Wilson (ออสเตรเลีย), Graham Norton (ไอร์แลนด์) และ Trevor Noah (แอฟริกาใต้) ทั้งนี้ LOL: Last One Laughing Thailand เป็นผลงานดัดแปลงเวอร์ชั่นล่าสุดของรายการต้นฉบับที่ประสบความสำเร็จในญี่ปุ่นของ Prime Video ที่มีชื่อว่า Documental ซึ่งพิธีกรจะพานักแสดงตลกทั้งหมด 10 คนเข้าสู่สนามประลองแห่งเสียงหัวเราะ

ใครจะกลั้นหัวเราะได้นานที่สุด ในศึกสังเวียนเดือดแห่งการกลั้นครั้งนี้…ติดตามได้ในรายการ LOL: Last One Laughing Thailand หัวเราะทีหลังปังกว่า เริ่มสตรีมวันพฤหัสบดีที่ 4 กรกฎาคมนี้ ที่ Prime Video

HUAWEI MatePad 11.5″S วางขายแล้ววันนี้ แท็บเล็ตฟังก์ชันครบพร้อมโปรคุ้มซื้อก่อนใครรับของแถมครบเซ็ต

HUAWEI MatePad 11.5″S วางขายแล้ววันนี้ในราคา 17,990 บาท สำหรับลูกค้าที่สั่งซื้อก่อนใครตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม 2567 – 31 กรกฎาคม 2567 รับของแถมพิเศษ ได้แก่ ปากกา HUAWEI-M Pencil รุ่นที่ 3 มูลค่า 4,990 บาท เคสคีย์บอร์ด HUAWEI Smart Keyboard มูลค่า 4,990 บาท และ HUAWEI Wireless Mouse มูลค่า 1,490 บาท ที่หน้าร้าน HUAWEI Experience Store และ ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ รวมถึงร้านค้าอย่างเป็นทางการของหัวเว่ยบน Lazada, Shopee และ TikTok

HUAWEI MatePad 11.5″S มาพร้อมจอเทคโนโลยี PaperMatte ป้องกันแสงสะท้อนให้สัมผัสวาดเขียนลื่นเหมือนเขียนบนกระดาษ มอบประสบการณ์การเขียนด้วยลายมือที่ใช้ประโยชน์จากแท็บเล็ตได้อย่างเต็มพิกัดด้วยแอป HUAWEI Notes เขียนได้ว่องไว และการเพิ่มเอกสารในหลายรูปแบบ อีกทั้งยังมีแอปวาดภาพ GoPaint ซึ่งเป็นแอปวาดภาพที่ใช้งานได้จริงแบบมืออาชีพ ชาญฉลาด ตัวเลือกหัวแปรงมากกว่า 100 แบบ ครอบคลุมการวาดแบบหมึก สีน้ำมัน และสีน้ำ แถมเพิ่มเลเยอร์แบ่งไฟล์วาดได้มากมาย

ติดตามข่าวสารก่อนใครได้ที่  HUAWEI Mobile TH สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการซื้อสินค้า คอมมิวนิตี้ และบริการ ง่ายๆ ในคลิกเดียว เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน My HUAWEI ใน AppGallery

ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมของ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) ได้ที่: 
Website: http://consumer.huawei.com/th
Facebook: http://www.facebook.com/HuaweiMobileTH 
LINE: HuaweiMobileThailand, IG: Huawei.TH

ASUS เตรียมวางจำหน่ายโน้ตบุ๊ก ASUS Next-level AI PCs! พร้อมข้อเสนอพิเศษสำหรับการจองล่วงหน้า ร่วมสัมผัสประสบการณ์ AI ครั้งใหม่ กับโปรเซสเซอร์ AMD Ryzen™ AI 300 Series รุ่นล่าสุด นำโดย Vivobook S 14, Zenbook S 16 และ ProArt P 16 / PX 13 

เอซุส (ประเทศไทย) เตรียมวางจำหน่ายโน้ตบุ๊ก ASUS Next-level AI PCs รุ่นล่าสุด นำโดย Vivobook S 14 (D5406WA) โน้ตบุ๊กขนาด 14 นิ้ว พร้อมความมินิมอล พกพาสะดวก เหมาะสำหรับนักเรียน นักศึกษา, Zenbook S 16 (UM5606) พรีเมียมโน้ตบุ๊ก ดีไซน์เรียบหรู ให้ประสิทธิภาพการทำงานระดับสูง และ ProArt P 16 (H7606) / PX 13 (HN7306) ครีเอเตอร์โน้ตบุ๊กสำหรับการทำงานระดับมืออาชีพ ทุกรุ่นมาพร้อมโปรเซสเซอร์ใหม่ AMD Ryzen™ AI 300 Series โดดเด่นด้านการประมวลผล AI อย่างเต็มรูปแบบด้วย NPU ในโปรเซสเซอร์ที่มาพร้อมความสามารถในการประมวลผล AI กว่า 50 TOPS ทั้งยังช่วยประหยัดพลังงาน ใช้งานได้ยาวตลอดวัน โดยเอซุสพร้อมมอบข้อเสนอพิเศษสำหรับผู้ที่สนใจสั่งจองล่วงหน้า ณ ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับสิทธิ์* ตั้งแต่วันที่ 9-24 กรกฎาคม 67 กับของแถมสุดพิเศษ รวมมูลค่าสูงสุดกว่า 9,970 บาท! พร้อมรับสินค้าได้ระหว่างวันที่ 30 กรกฎาคม 14 สิงหาคม 67 

ASUS Vivobook S14 (D5406WA)

โน้ตบุ๊กขนาด 14 นิ้ว หน้าจอคุณภาพสูง ความละเอียด 3K OLED 120Hz พกพาง่าย สำหรับนักเรียน นักศึกษา พร้อมดีไซน์โฉมใหม่ สีดำ (Neutral Black) ตัวเครื่องอะลูมิเนียม ดีไซน์เบาบางลงเพียง 1.39 ซม. หนัก 1.3 กก. นำเสนอโปรเซสเซอร์ใหม่ AMD Ryzen AI 9 HX 370, การ์ดจอ AMD Radeon™ 890M, RAM 32GB LPDDR5X และหน่วยเก็บข้อมูลขนาด 1TB M.2 NVMe™ PCIe® 4.0 SSD ให้ประสิทธิภาพการทำงานระดับสูง พร้อมความสามารถในการประมวลผล AI และเพิ่มประสิทธิภาพระบายความร้อน ด้วยเทคโนโลยี ASUS IceCool ด้วยฮีทไปป์สองเส้น, พัดลม Ice Blade 97 ใบพัด และช่องระบายความร้อนสองช่อง พร้อมให้คุณสั่งจองล่วงหน้าเป็นเจ้าของในราคา 49,990 บาท พิเศษ! รับเพิ่มลำโพง Marshall Willen Portable Speaker และประกันอุบัติเหตุ (Perfect Warrant) ปีที่สอง มูลค่ารวม 5,980 บาท

ASUS Zenbook S 16 (UM5606)

โน้ตบุ๊กพรีเมียม ได้รับการออกแบบตัวเครื่องให้มีความบางเป็นพิเศษ เพียง 1.1 ซม. พร้อมดีไซน์ทันสมัย น้ำหนักเบา 1.5 กก. ในขณะเดียวกันยังมาพร้อมประสิทธิภาพการทำงานระดับสูงด้วยค่า TDP กว่า 28 W และความสามารถในการประมวลผล AI 50 TOPS จากชิป NPU ในโปรเซสเซอร์ AMD Ryzen AI 9 HX 370 ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยระบบระบายความร้อนแบบ 3D vapor-chamber พร้อมแนะนำวัสดุตัวเครื่องพิเศษเฉพาะแบบใหม่ เซราลูมิเนียม (Ceraluminum™) ซึ่งเป็นการผสมผสานความสวยงามและสัมผัสของเซรามิกเข้ากับความแข็งแกร่งของอะลูมิเนียม ให้ความทนทาน พร้อมสัมผัสที่อบอุ่น และความรู้สึกพิเศษเมื่อเทียบกับอะลูมิเนียมทั่วไป โดยตัวเครื่องมาในสีขาวอันหรูหรา (Scandinavian White) 

ASUS Zenbook S 16 มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 78 Wh พร้อมพอร์ตเชื่อมต่อครบครัน ได้แก่ USB4®, USB 3.2 Type-A, HDMI®, พอร์ต audio jack และ SD card reader ตอบสนองได้รวดเร็วด้วยหน่วยเก็บข้อมูล 1TB M.2 NVMe™ PCIe® 4.0 SSD และ RAM 32 GB LPDDR5x และดื่มด่ำกับหน้าจอคุณภาพสูง 3K OLED 16:10 120Hz ขนาด 16 นิ้ว พร้อมถนอมดวงตาจากแสงสีฟ้า ผ่านการรับรองจาก TÜV Rheinland ช่วยลดแสงสีฟ้าที่ทำลายดวงตาได้กว่า 70% ทั้งยังช่วยเติมเต็มประสบการณ์ด้านความบันเทิง ให้เสียงที่ทรงพลัง หลากหลายมิติด้วยเทคโนโลยี Dolby Atmos ®  มาพร้อมกล้อง FHD AiSense IR รองรับ Windows Hello, Adaptive Lock ตรวจจับตัวตนของผู้ใช้ พร้อมจดจำใบหน้าเพื่อเข้าระบบโดยอัตโนมัติ สามารถสั่งจองล่วงหน้าได้ในราคา 65,990 บาท พิเศษ! รับเพิ่มลำโพง Marshall Willen Portable Speaker และประกันอุบัติเหตุ (Perfect Warrant) ปีที่สอง มูลค่ารวม 5,980 บาท

ProArt P16 (H7606) / PX13 (HN7306)

เป็นโน้ตบุ๊กประสิทธิภาพสูง ที่เจเนอเรชันนี้ได้รับการออกแบบให้ตอบรับกับการใช้งานนอกสถานที่ของเหล่าคอนเทนต์ครีเอเตอร์มืออาชีพ หรือผู้ต้องการโน้ตบุ๊กที่ประสิทธิภาพสูงสำหรับการมัลติทาสก์ ผ่านดีไซน์ที่ให้ความบาง และน้ำหนักที่เบากว่าเดิม พร้อมจัดเต็มในแง่ของประสิทธิภาพการประมวลผลอันชาญฉลาด ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างสรรค์งานได้ทุกที่ รวดเร็ว เหมาะสมต่องานระดับสูง

โน้ตบุ๊ก ProArt P16 มาพร้อมหน้าจอขนาด 16 นิ้ว ความละเอียด 4K (3840 x 2400) OLED 16:10 มอบประสบการณ์สร้างสรรค์เหนือระดับได้ทุกที่ ทุกเวลา ตัวเครื่องบางเพียง 14.9 มม. น้ำหนัก 1.85 กก. นำเสนอความสามารถในการประมวลผล AI กว่า 50 TOPS ด้วย NPU ที่อยู่ในโปรเซสเซอร์ล่าสุด Ryzen AI 300 Series และการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 4070 ทำให้ความสามารถในการประมวลผลรวมสูงสุด 321 TOPS จัดเป็น AI PC เครื่องแรกที่สามารถส่งมอบประสิทธิภาพการทำงาน AI ขั้นสูงทั้งในด้านการสร้างสรรค์งาน ไม่ว่าจะเป็นงานตัดต่อวิดีโอ งานเรนเดอร์ 3D รวมไปถึงการเล่นเกม สตรีมเกม เป็นต้น มาพร้อม RAM 64GB LPDDR5X on board และหน่วยเก็บข้อมูลขนาด 2TB M.2 NVMe™ PCIe® 4.0 SSD ตอบโจทย์นักสร้างสรรค์ที่ต้องใช้เนื้อที่ในการจัดเก็บไฟล์ภาพและวีดีโอขนาดใหญ่ 

สำหรับนักสร้างสรรค์ที่เน้นการใช้งานนอกสถานที่ ขอแนะนำ ProArt PX13 ครีเอเตอร์โน้ตบุ๊กขนาด 13.3 นิ้ว มาพร้อมหน้าจอ 3K ASUS Lumina OLED อัตราส่วน 16:10 ให้ความสะดวกในการพกพาด้วยน้ำหนักเครื่อง 1.38 กก. ตอบโจทย์ทุกสถานการณ์ สามารถพับหน้าจอได้ 360 องศา ใช้งานได้หลากหลายโหมด ขับเคลื่อนด้วยโปรเซสเซอร์ AMD Ryzen AI 9 HX 370 และการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 4070 ใช้งานด้าน AI ได้อย่างรวดเร็วเต็มประสิทธิภาพ มาพร้อมหน่วยเก็บข้อมูล 1TB M.2 NVMe™ PCIe® 4.0 SSD และ RAM 32 GB LPDDR5x เชื่อมต่อได้รวดเร็วด้วย Wifi 7 พร้อมพอร์ตเชื่อมต่อครบครัน รวมถึง USB4 ความเร็วสูงกว่า 40Gbps 

ProArt P16 (H7606) พร้อมเปิดสั่งจองล่วงหน้าในราคา 100,990 บาท และสำหรับโน้ตบุ๊ก ProArt PX13 (HN7306) พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของได้ในราคา 79,990 บาท พิเศษ! สำหรับผู้ที่สั่งจองโน้ตบุ๊ก ProArt สองรุ่นข้างต้น รับฟรี! ลำโพงพกพา Marshall Willen, ประกันอุบัติเหตุ ปีที่ 2 (Perfect warrantyและ AMD Camping Cart มูลค่ารวม 9,970 บาท ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการสั่งจองสินค้าได้ที่ https://th.asus.click/udul4b  

  • เปิดรับการสั่งจองล่วงหน้า วันที่ 9 – 24 ก.ค. 2567 เฉพาะร้านตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับสิทธิ์*
  • ลูกค้าที่ทำการวางมัดจำ สั่งจองสินค้า Zenbook S 16 หรือ Vivobook S 14 ล่วงหน้า รับฟรี ลำโพงพกพา Marshall Willen และ ประกันอุบัติเหตุ ปีที่ 2 (Perfect warranty) มูลค่ารวม 5,980.-
  • ลูกค้าที่ทำการวางมัดจำ สั่งจองสินค้า ProArt P16 หรือ ProArt PX13 รับฟรี ลำโพงพกพา Marshall Willen, ประกันอุบัติเหตุ ปีที่ 2 (Perfect warranty) และ AMD Camping Cart มูลค่ารวม 9,970.-
  • ลูกค้าสามารถรับเครื่องสินค้าที่สั่งจองล่วงหน้าทุกรุ่น ระหว่างวันที่ 30 ก.ค. ถึง วันที่ 14 ส.ค. 67 ณ ร้านที่ได้ดำเนินการสั่งจองไว้
  • ของแถม Marshall Willen และ AMD Camping Cart จะถูกจัดส่งตามที่อยู่ที่ลูกค้าระบุ (ตามที่ให้ไว้กับร้านค้าตัวแทนจำหน่าย) โดยมีเงื่อนไข

   – จัดส่งวันที่ 9 ส.ค. เป็นต้นไป สำหรับลูกค้าที่รับเครื่องระหว่างวันที่ 30 ก.ค. – 4 ส.ค. 67

   – จัดส่งวันที่ 19 ส.ค. เป็นต้นไป สำหรับลูกค้าที่รับเครื่องระหว่างวันที่ 5 ส.ค. – 14 ส.ค. 67

  • ของแถม ประกันอุบัติเหตุปีที่ 2 (Perfect warranty) บริษัทฯ จะการดำเนินการอัปเกรดประกันแก่ลูกค้า แล้วเสร็จภายในวันที่ 27 ก.ย. 67 โดยบริษัทฯ จะส่งอีเมลแจ้งเมื่อทำการอัปเกรดเสร็จสิ้น ผ่าน asus_marketing@asus.com เท่านั้น
  • ของแถมไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสด หรือของรางวัลอื่นได้
  • สงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงของแถมโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า

*ร้านตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับสิทธิ์ ได้แก่ Advice, BaNANA, IT CITY, JIB, Speed Computer

รวมไปถึงร้านค้า ASUS Exclusive Store และช่องทางออนไลน์ เช่น ASUS Online store และ Official Store บน Shopee, Lazada

ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ https://www.facebook.com/ASUSTHAILAND 

ASUS Online Store: https://www.asus.com/th/store/  

ASUS Official Store บน Shopee: https://bit.ly/2UEpBCb 

ASUS Official Store บน Lazada: https://bit.ly/2UBBmcJ 

แคนนอน เปิดตัวเครื่องพิมพ์หน้ากว้างรุ่นใหม่ในซีรีส์ plotWAVE และ colorWAVE ตอบโจทย์งานเอกสารเฉพาะทางปริมาณมาก

เครื่องพิมพ์ T-series รุ่นใหม่มอบประสิทธิภาพการพิมพ์ขั้นสูงและโซลูชันที่ช่วยให้ทำงานได้เร็วขึ้น พร้อมยกระดับบริการเพื่อเสริมแกร่งความปลอดภัย ความเสถียร และการใช้งานที่ง่ายดาย

แคนนอน เปิดตัวเครื่องพิมพ์หน้ากว้างรุ่นใหม่ในซีรีส์ plotWAVE และ colorWAVE สำหรับการพิมพ์เอกสารเฉพาะทาง มาพร้อมกับเทคโนโลยี CrystalPoint และ Radiant Fusing โดยเครื่องพิมพ์เหล่านี้ผนวกนวัตกรรมทันสมัยและดีไซน์สุดล้ำเพื่อสร้างระบบการพิมพ์ที่เสถียรและใช้งานง่าย สามารถพิมพ์งานคุณภาพสูง ทั้งแบบร่าง โปสเตอร์ และสื่อส่งเสริมการขาย นอกจากนี้เครื่องพิมพ์ T-series รุ่นใหม่ยังมี PRISMA Tech Suite ซึ่งเป็นชุดโซลูชันเวิร์กโฟลว์แบบใหม่ พร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัยด้านไอทีเพื่อการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงและดีไซน์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

เครื่องพิมพ์ plotWAVE และ colorWAVE T-seires ออกแบบมาตอบโจทย์ผู้ใช้งานในบริษัทสถาปัตยกรรม วิศวกรรม การก่อสร้าง และการผลิต รวมถึงหน่วยงานราชการและผู้ให้บริการการพิมพ์เชิงพาณิชย์ที่ต้องพิมพ์เอกสารเฉพาะทางในปริมาณมาก โดยเครื่องพิมพ์รุ่นใหม่นี้ติดตั้งไปแล้วกว่า 62,000 เครื่องทั่วโลก มอบงานพิมพ์ที่แม่นยำและคุณภาพสูง พร้อมการใช้งานที่สะดวกสบาย

เครื่องพิมพ์ขาวดำ plotWAVE T-series รุ่นใหม่มาแทนซีรีส์ plotWAVE รุ่นก่อน โดยมีให้เลือกถึง 5 รุ่น ได้แก่ T30/35, T50/55 และ T75 สามารถพิมพ์งานขนาด A1 ได้สูงสุด 10 แผ่นต่อนาที พร้อมความจุกระดาษสูงสุด 1,200 เมตรบน 6 ม้วน ที่ความกว้างสูงสุด 914 มม.1 ส่วนเครื่องพิมพ์สี colorWAVE T65 สามารถพิมพ์งานสีขนาด A1 ได้ 4 แผ่นต่อนาที มาพร้อมกับโหมดการพิมพ์คุณภาพสูงสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการงานที่เน้นคุณภาพ นอกจากนี้ยังเพิ่มความจุกระดาษสูงสุดถึง 1,200 เมตรบน 6 ม้วน1 จึงรองรับวัสดุการพิมพ์ได้หลากหลายยิ่งขึ้น ซึ่งนอกจากจะเป็นเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชันแล้ว ผู้ใช้งานยังสามารถเลือกติดตั้งเครื่องสแกนในตัว รวมถึงระบบจัดเรียงหรือพับกระดาษแบบครบวงจรได้อีกด้วย

ระบบการพิมพ์ขั้นสูงที่ใช้งานง่าย

แคนนอนพัฒนาคอนโทรลเลอร์ POWERsync+ และยกระดับเครื่องพิมพ์ plotWAVE และ colorWAVE T-series ด้วยฮาร์ดแวร์ขั้นสูง เพิ่มหน่วยความจำเพื่อการประมวลผลงานที่รวดเร็ว พร้อมฟังก์ชันการรักษาความปลอดภัยของ Microsoft Windows รุ่นล่าสุดเพื่อความปลอดภัยของระบบ สามารถส่งงานพิมพ์ได้จากทุกที่ผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆ และด้วยฟังก์ชันการเปิดเครื่องระยะไกลแบบใหม่ “Remote ON” ทำให้เครื่องพิมพ์พร้อมใช้งานแทบจะทันที ที่ด้านบนของตัวเครื่องมีไฟสัญญาณแบบใหม่ที่บอกสถานะของเครื่องพิมพ์ และมีเซนเซอร์ในถาดใส่สื่อสิ่งพิมพ์ซึ่งช่วยคำนวณและบอกความยาวสื่อสิ่งพิมพ์ที่เหลืออยู่บนม้วนโดยอัตโนมัติ

เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วยโซลูชัน PRISMA Tech Suite

PRISMA Tech Suite เป็นชุดโซลูชันเวิร์กโฟลว์สำหรับเครื่องพิมพ์ plotWAVE และ colorWAVE T-series ที่ใช้งานง่าย ช่วยให้ผู้ใช้พิมพ์งานได้เร็วขึ้นด้วยระบบจัดการการพิมพ์ที่มีประสิทธิภาพ โดยโซลูชันสำหรับการพิมพ์ใน PRISMA Tech Suite มีดังนี้

  • PRISMAproduce Tech ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้าง จัดการ และส่งชุดเอกสารจากเว็บเบราว์เซอร์ไปยังเครื่องพิมพ์หลายเครื่องในครั้งเดียว มอบกระบวนการพิมพ์ที่เสถียร คุณภาพคงที่ เทมเพลตเฉพาะแต่ละงานพิมพ์ และการบำรุงรักษาด้านไอทีที่ง่ายขึ้น
  • PRISMAlytics Accounting เป็นเครื่องมือบนระบบคลาวด์ที่ปลอดภัยสำหรับการเก็บข้อมูลเพื่อตรวจสอบต้นทุนและการใช้งานเครื่องพิมพ์
  • PRISMAlytics Dashboard คือเครื่องมือบนระบบคลาวด์ที่ปลอดภัยซึ่งช่วยให้เห็นภาพรวมในการตรวจสอบและเพิ่มการผลิตงานพิมพ์ให้ได้สูงสุด
  • PRISMAservice แพลตฟอร์มส่วนกลางที่รวมเครื่องมือบริการต่าง ๆ ในที่เดียว ช่วยให้แคนนอนสามารถให้การสนับสนุนลูกค้าได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

เพิ่มการป้องกันด้วยฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูง

แคนนอนพัฒนาเทคโนโลยีความปลอดภัยในการพิมพ์ SMARTshield ในเครื่องพิมพ์ plotWAVE และ colorWAVE T-series รุ่นใหม่ ซึ่งรวมถึงการอัปเดตแพตช์ความปลอดภัย Microsoft โดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ผู้ใช้สามารถตั้ง PIN หรือรหัสผ่านบนจอผู้ใช้งานในซอฟต์แวร์ ClearConnect เพื่อป้องกันการเข้าถึงการพิมพ์โดยไม่ได้รับอนุญาต

ระบบการพิมพ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

เครื่องพิมพ์ plotWAVE T-series ที่ชูเทคโนโลยี Radiant Fusing และเครื่องพิมพ์ colorWAVE T65 ที่มาพร้อมเทคโนโลยี CrystalPoint ได้รับการรับรอง ENERGY STAR โดยทั้งสองรุ่นมีโหมดประหยัดพลังงานที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตัวเครื่องพิมพ์ทำจากวัสดุที่ส่วนใหญ่สามารถรีไซเคิลหรือนำกลับมาผลิตซ้ำได้ และเครื่องพิมพ์ T-series ยังรองรับไดรเวอร์อัจฉริยะของแคนนอน นอกจากนี้ยังมีโซลูชันเวิร์กโฟลว์ PRISMA Tech Suite ที่ช่วยลดการสิ้นเปลืองงานพิมพ์ ผงหมึก หมึก  พร้อมช่วยประหยัดการใช้ไฟฟ้า

นอกจากผู้ใช้งานจะมั่นใจกับคุณภาพและความทนทานของเครื่องพิมพ์ plotWAVE และ colorWAVE T-series ยังอุ่นใจด้วยการยกระดับการบริการให้ผู้ใช้งานด้วยบริการเปลี่ยนวัสดุสิ้นเปลืองและชิ้นส่วนอะไหล่ การอัปเดตซอฟต์แวร์บำรุงรักษาและระบบความปลอดภัยตลอดอายุการใช้งานของเครื่องพิมพ์2

วันและเวลาวางจำหน่าย

เครื่องพิมพ์ plotWAVE และ colorWAVE T-series รุ่นล่าสุดวางจำหน่ายแล้ววันนี้ ณ ตัวแทนจำหน่ายของแคนนอนทั่วประเทศ

1 ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของเครื่องพิมพ์

2 อ้างอิงอายุการใช้งานโดยเฉลี่ยของเครื่องพิมพ์ T-series ซึ่ง Canon Production Printing กำหนดไว้ที่ 7 ปี

ตอกย้ำความสำเร็จครั้งใหญ่! แฟนออเนอร์ต่อคิวแน่นรับเครื่อง HONOR 200 Series พร้อมร่วมกิจกรรมอย่างคึกคักในงาน The Ai Portrait Studio Event

ออเนอร์ (HONOR) ผู้ให้บริการอุปกรณ์อัจฉริยะชั้นนำระดับโลก ตอกย้ำความสำเร็จครั้งใหญ่หลังจากประกาศเปิดตัว HONOR 200 Series สมาร์ตโฟนสเปคเรือธงมาพร้อม AI ที่ยกระดับการถ่ายภาพเหมือนพกสตูดิโอชั้นนำไปด้วยทุกที่ทุกเวลา ซึ่งได้รับการสนับสนุนและตอบรับอย่างล้นหลามจากลูกค้าและเหล่าแฟน ๆ ต่อคิวแน่นรับเครื่องในงาน HONOR 200 Series – The Ai Portrait Studio Event เมื่อวันที่ 6 – 7 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ณ Craft Studio ชั้น 5 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

หลังการเปิดตัว HONOR 200 Series ไปเมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มีผู้บริโภคต่างให้ความสนใจและให้การตอบรับที่ดีเกินคาด จนกลายเป็นกระแสมาแรงในวงการโทรศัพท์มือถือ ส่งผลให้ผู้บริโภคแห่ซื้อกันอย่างคับคั่งและมียอดขายพุ่งทะลุเป้าในเวลาอันรวดเร็ว โดยบรรยากาศการรับเครื่องจากการที่ลูกค้าพรีออเดอร์ในช่องทางต่าง ๆ เป็นไปอย่างคึกคัก มีคนมาร่วมงานอย่างมากมาย โดยทุกคนต่างตื่นเต้นและดีใจหลังจากมารอเข้าคิวกันตั้งแต่เช้า

สำหรับการต่อคิวรับเครื่องจัดขึ้นในกิจกรรม HONOR 200 Series – The Ai Portrait Studio Event” ซึ่งนอกจาก จะมอบโอกาสให้ทุกคนได้เป็นเจ้าของสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดในราคาที่คุ้มค่าแล้ว ยังมีกิจกรรมบูธถ่ายภาพระดับสตูดิโอด้วย HONOR 200 Series พร้อมกิจกรรมความบันเทิงจุใจและของแจกมากมายมาให้ลูกค้าที่เข้าร่วมงานทุกคนตลอดการจัดงานทั้ง 2 วัน

วันเสาร์ที่ 6 ก.ค. กิจกรรมแรกกับ พ่อมดติ๊กต๊อกที่มาแชร์เทคนิกการถ่ายภาพด้วยมือถือเพียงเครื่องเดียวกันแบบสด ๆ พร้อมโชว์ประสิทธิภาพนวัตกรรมกล้อง AI สุดล้ำ ต่อด้วยเซอร์ไพรส์จากนักแสดงสาว “เกรซ กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า” ที่มาร้องเพลงและเต้น ซึ่งเรียกเสียงกรี๊ดจากผู้เข้าร่วมงานได้เป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นนางแบบจำเป็นให้แชะภาพกันอย่างสนุกสนานและเป็นตัวแทนมอบของรางวัลให้กับผู้โชคดีที่ร่วมตอบคำถามในงาน

วันอาทิตย์ที่ 7 ก.ค. บรรยากาศคึกคักไม่แพ้กันกับไฮไลต์สำคัญด้วยมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินวง bamm วงทรีโอ้สุดปังที่เป็นที่รู้จักกันดีในวงการเพลงไทยและมีผลงานเพลงฮิตติดหูมากมาย ซึ่งได้มาร่วมสร้างสีสันและความมันส์ด้วยการร้องและเต้นอย่างเต็มพิกัด ทำให้ผู้เข้าร่วมงานทุกคนได้สัมผัสประสบการณ์ดนตรีสุดพิเศษและความประทับใจกลับบ้านกันไปอย่างฟิน ๆ แน่นอน

HONOR 200 Series สมาร์ตโฟนดีไซน์สวย ภายใต้คอนเซปต์ “The Ai Portrait Master” นำเสนอนวัตกรรมการถ่ายภาพด้วยกล้อง AI สุดล้ำ พร้อมจับมือ Harcourt Studio สตูดิโอถ่ายภาพชั้นนำระดับโลกจากปารีส ร่วมกันออกแบบ HONOR AI Portrait Engine เพื่อมอบประสบการณ์ให้ผู้ใช้ถ่ายภาพบุคคลระดับสตูดิโอได้บนมือถือ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมสมาร์ตโฟน โดยรุ่นท็อปในซีรีส์นี้อย่าง HONOR 200 Pro โดดเด่นด้วยกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล จอแสดงผลถนอมสายตาขนาดใหญ่ 6.78 นิ้ว ที่มาพร้อมเทคโนโลยี HONOR Eye Comfort และแบตเตอรี่ซิลิคอนคาร์บอนความจุ 5200mAh รองรับชาร์จไว 100W

เป็นเจ้าของสมาร์ตโฟน HONOR 200 Series ได้แล้ววันนี้! โดยรุ่น HONOR 200 Pro มีทั้งหมด 2 สี ได้แก่
สีฟ้า (Ocean Cyan) และ สีดำ (Black) ราคา 19,990 บาท และรุ่น HONOR 200 มีทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีเขียว (Emerald Green), สีขาว (Moonlight White) และ สีดำ (Black) ราคา 14,990 บาท สามารถซื้อได้ที่ HONOR Experience Store ทุกสาขา และร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

ห้ามพลาด! อีกรุ่นที่น่าสนใจ HONOR 200 Lite โดยสีที่วางจำหน่ายในไทยมี 2 สี ได้แก่ สีฟ้า (Starry Blue) และ สีดำ (Midnight Black) ราคาคุ้มค่าเพียง 8,999 บาท จำหน่ายแบบเอ็กซ์คลูซีฟผ่านทาง Shopee แล้ววันนี้ และจะมีโปรโมชันพิเศษ Early Bird เมื่อซื้อสินค้าตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคม 2567 รับฟรี HONOR Choice Earbuds X5 มูลค่า 899 บาท และ HONOR Choice Band มูลค่า 1,299 บาท ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://www.hihonor.com/th หรือติดตามข่าวสารและกิจกรรมได้ที่เฟซบุ๊ก HONOR Thailand

เลอโนโว เปิดตัว ThinkPad P1 Gen 7 เวิร์กสเตชันรุ่นพกพาที่มาพร้อม AI เทคโนโลยี

เลอโนโว เปิดตัวโมบายเวิร์กสเตชันพกพารุ่นใหม่ล่าสุด ได้แก่ ThinkPad P1 Gen 7, P16v i Gen 2, P16s i Gen 3 และ P14s i Gen 5 ที่มาพร้อมเทคโนโลยี AI อันล้ำสมัย ทรานส์ฟอร์มการทำงานให้มืออาชีพยิ่งขึ้นด้วยเวิร์กโฟลว์ร่วมกับ AI

ThinkPad P1 Gen 7: หนึ่งในเวิร์กสเตชันพกพาที่มาพร้อมกับ AI ที่ทรงพลังที่สุดจากเลอโนโว

Lenovo ThinkPad P1 Gen 7

ThinkPad P1 Gen 7 เวิร์กสเตชันพกพาประสิทธิภาพสูงที่ออกแบบมาเพื่อการเรียนรู้ขั้นสูงของเครื่อง ในขณะที่ยังคงความยืดหยุ่นให้สามารถทำงานได้จากทุกที่ ด้วยวัสดุตัวเครื่องที่ผลิตขึ้นจากอะลูมิเนียมระดับพรีเมียมที่รองรับการประมวลผลอันทรงพลังภายในเครื่องและเทคโนโลยี AI ที่ล้ำสมัยได้อย่างไรข้อจำกัด มาพร้อมแพลตฟอร์ม Intel® vPro และ Evo™ Edition ล่าสุด ร่วมกับโปรเซสเซอร์ Intel Core Ultra, NPU ในตัว และ GPU NVIDIA RTX™ 3000 Ada Generation ทำให้ ThinkPad P1 Gen 7 มอบพลังและประสิทธิภาพได้อย่างเต็มกำลัง

แล็ปท็อปรุ่นใหม่นี้มีฟีเจอร์กำหนดค่าเพื่อปรับระบายความร้อนด้วยโลหะเหลว ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนและสามารถมั่นใจถึงการใช้งานได้ในระยะยาว ตัวแล็ปท็อปมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลขนาด 16 นิ้ว ที่มีอัตราส่วนภาพ 16:10 ขอบจอแคบซึ่งให้อัตราส่วนหน้าจอใหญ่ถึง 91.7% ด้วยหน้าจอสัมผัส OLED และอีกหลากหลายฟังก์ชันและคุณสมบัติต่างๆ ที่ได้ปรับแต่งเพื่อตอบสนองกับคนทำงานยุคไฮบริด เช่น ดิสเพลย์สีฟ้าต่ำ, Dolby Vision® และ การปรับเทียบสีเพื่อภาพและสีสันที่คมชัด ทำให้ ThinkPad P1 Gen 7 ได้รับการรับรองจาก ISV1 ให้เป็นแล็ปท็อปที่เพอร์เฟ็กต์สำหรับเหล่าครีเอเตอร์, นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล และdata, นักพัฒนาเกม และผู้เชี่ยวชาญด้านแอพพลิเคชัน CAD

นอกจากนี้ ThinkPad P1 Gen 7 ยังเป็นเวิร์กสเตชันแบบพกพาเครื่องแรกของโลก2ที่มีหน่วยความจำ LPDDR5x LPCAMM2 สูงสุดถึง 64GB โดย Lenovo ได้ร่วมมือกับ Micron เพื่อนำ LPCAMM2 ออกสู่ตลาด และนำเสนอให้เป็นหนึ่งในในโซลูชันหน่วยความจำโมดูลาร์ที่จัดการพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วที่สุดสำหรับพีซี

เวิร์คสเตชันพกพารุ่นใหม่ ได้แก่ ThinkPad P1 Gen 7, P16v i Gen 2, P16s i Gen 3 และ P14s i Gen 5 ทั้งหมดมาพร้อมกับนวัตกรรมโปรเซสเซอร์ Intel Core Ultra สูงสุดถึง Core Ultra 9 185H ซึ่งออกแบบมาให้สามารถรวมเอาโปรเซสเซอร์อื่น ๆ CPU, NPU และ GPU เข้าไว้ด้วยกันได้ในตัว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของคุณสมบัติ AI ในแอพพลิเคชันมากกว่า 100 รายการ3ได้อย่างไร้สะดุด

กว่าทศวรรษที่ ไมน์คราฟต์ (Minecraft) ได้เปิดตัวและสร้างความประทับใจให้แก่ผู้เล่นกว่าหลายล้านคนทั่วโลกด้วยพลังแห่งความสร้างสรรค์และโลกจินตนาการอันไร้ขีดจำกัดจนกลายเป็นเกมยอดนิยมตลอดกาล เลอโนโวยินดีในก้าวสำคัญของแบรนด์พันธมิตรอย่างไมน์คราฟต์ จึงถือโอกาสวันครบรอบ 15 ปีนี้ ร่วมมอบของขวัญพิเศษให้กับแฟน ๆ ได้เฉลิมฉลองไปพร้อมกัน

กลุ่มผลิตภัณฑ์เวิร์กสเตชันพกพารุ่นล่าสุดจากเลอโนโวเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้ AI ในการประมวลผล และกราฟิกขั้นสูงเพื่อการทำงานกับชุดข้อมูลขนาดใหญ่โดยไม่ลดทอนประสิทธิภาพ โดยแล็ปท็อปสามารถกำหนดค่า GPU NVIDIA RTX 3000 Ada Generation ได้สูงสุด ซึ่งคำนวนการดำเนินงานเป็น 300 ล้านล้านต่อวินาที4 (TOPS) มอบประสิทธิภาพการประมวลผลที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพิ่มมากขึ้น ในส่วนของ GPU แล็ปท็อป NVIDIA RTX Ada Generation มาพร้อมกับเทคโนโลยี Tensor Core สำหรับการประมวลผลและยกระดับความสามารถของ AI ให้ทรงพลังยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจำลองแสงในเกม (Ray Tracing) และคุณภาพกราฟิกเพื่อรับมือกับเวิร์กโฟลว์งานครีเอทีฟ, การออกแบบ และงานวิศวกรรมระดับมืออาชีพ NVIDIA AI Workbench ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ข้อมูลและนักพัฒนามีอิสระในการทำงานร่วมกันผ่านแล็ปท็อป เวิร์กสเตชัน และเซิร์ฟเวอร์ของเลอโนโว เลอโนโวเวิร์กสเตชันรุ่นพกพาพร้อมฟังก์ชัน AI-Ready ด้วย AI Workbench จะยิ่งช่วยเพิ่มผลลัพธ์และประสิทธิภาพในเวิร์กโฟลว์ต่าง ๆ ให้ผู้ใช้ได้ตั้งแต่งานในด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูล ไปจนถึงการปรับแต่ง AI เชิงสร้างสรรค์และการอนุมาน

เลอโนโวเวิร์กสเตชันรุ่นพกพา ThinkPad กับ AI-Ready

นอกเหนือจาก ThinkPad รุ่นพกพาและไลน์อัพผลิตภัณฑ์เวิร์กสเตชันที่ขับเคลื่อนด้วย Intel Core Ultra แล้ว เลอโนโวยังพร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ได้แก่:

Lenovo ThinkPad P16v i Gen 2

Lenovo ThinkPad P16v i Gen 2 เหมาะสำหรับผู้ใช้ระดับสูง ด้วยตัวเครื่องที่ทันสมัยมาพร้อมหน้าจออัตราส่วน 16:10 ขนาด 16 นิ้ว เชื่อมความต่างระหว่างเวิร์คสเตชันพกพาระดับเริ่มต้นและระดับไฮเอนด์ ระบบระบายความร้อนขั้นสูงแบบคู่ช่วยให้มั่นใจได้ว่าสามารถรองรับเวิร์กโหลดขนาดใหญ่และการทำงานหลายอย่างพร้อมกันอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้นยังรองรับ GPU แล็ปท็อป NVIDIA RTX 3000 Ada Generation ที่เป็นเลิศในด้านประสิทธิภาพของความคล่องตัว และด้านต้นทุน ทำให้เหล่าครีเอเตอร์สามารถประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อนแบบเรียลไทม์ได้อย่างง่ายดาย

Lenovo ThinkPad P14s i Gen 5 and Lenovo ThinkPad P16s i Gen 3

Lenovo ThinkPad P16s i Gen 3 เป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างขุมพลังและประสิทธิภาพในแล็ปท็อปขนาด 16 นิ้วที่บางและเบา และ Lenovo ThinkPad P14s i Gen 5 เป็นหนึ่งในเวิร์กสเตชันแบบพกพาที่บางและเบาที่สุดของเลอโนโว พร้อมด้วยศักยภาพการกำหนดค่า, การขยายขอบเขตความสามารถที่ยอดเยี่ยม และประสิทธิภาพของการใช้งานระดับพรีเมียม สะดวกในการพกพาด้วยตัวเครื่องขนาด 14.5 นิ้วพร้อมจอแสดงผล 16:10 เวิร์กสเตชันทั้งสองรุ่นยังรองรับ GPU แล็ปท็อป NVIDIA RTX™ 500 Ada Generation และหน่วยความจำ DDR5 ซึ่งเป็นเลิศในการประมวลผลด้วย AI และเวิร์กโฟลว์ที่เกี่ยวกับแอพพลิเคชันซอฟต์แวร์ เช่น AutoCAD®, Revit®, SolidWorks® และอื่น ๆ

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเวิร์กสเตชันจากเลอโนโว สู่อนาคตที่พร้อมใช้ AI อย่างชาญฉลาดและรวดเร็วยิ่งขึ้น ได้ทีเว็บไซต์ https://techtoday.lenovo.com/us/en/workstations

1 ดูรายการใบรับรอง ISV ทั้งหมดได้ที่ http://www.thinkworkstations.com/isv-certifications/

2 อิงตามการวิเคราะห์ภายในของ Lenovo และ Micron ของผู้จำหน่ายเวิร์กสเตชันมือถือระดับมืออาชีพที่ได้รับการรับรอง ISV 5 อันดับแรก

3 คุณสมบัติ AI อาจต้องมีการซื้อซอฟต์แวร์ การสมัครสมาชิก หรือการเปิดใช้งานโดยผู้ให้บริการซอฟต์แวร์หรือแพลตฟอร์ม หรืออาจมีข้อกำหนดการกำหนดค่าหรือความเข้ากันได้เฉพาะ รายละเอียดอยู่ที่ www.intel.com/PerformanceIndex ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไป

4  GPU แล็ปท็อป NVIDIA RTX 3000 Ada Generation มอบสูงสุด 319 TOPS – ที่มา: NVIDIA – https://blogs.nvidia.com/blog/rtx-ada-ai-workflows/

Hot Issue