Home Blog Page 56

แพลตฟอร์มใหม่ เชื่อมต่อแหวนอัจฉริยะ ตรวจจับคลื่นหัวใจผิดปกติ

ปัจจุบัน อุปกรณ์อย่าง Apple Watch นั้นก็สามารถติดตามข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพของเราได้เป็นอย่างดี รวมทั้งสามารถติดตามภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะได้ด้วย แต่การใส่นาฬิกานอนทุกคืน มันก็อาจทำให้เรารู้สึกรำคาญได้

ล่าสุด Ultrahuman เปิดตัวแพลตฟอร์ม PowerPlugs ที่สามารถติดตามภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะได้ (AFib) เป็นครั้งแรกของโลกที่ทำงานร่วมกับ Ring AIR (แหวนอัจฉริยะ) ซึ่งนอกจากนี้ ยังมีแอปพลิเคชันอื่นๆ อีกมากมายที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดตามสุขภาพได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นการติดตามปริมาณคาเฟอีนที่ดื่ม การตรวจสอบภาวะเจ็ตแล็ก หรือแม้แต่การวางแผนการตั้งครรภ์

สำหรับ AFib หรือ Atrial Fibrillation เป็นภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดหนึ่งที่เกิดห้องบนของหัวใจ ซึ่งจะทำให้หัวใจเต้นเร็วและไม่สม่ำเสมอ มีโอกาสทำให้เลือดคั่งในหัวใจและอาจก่อให้เกิดลิ่มเลือดอุดตัน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคหลอดเลือดสมอง

สำหรับ PowerPlug มันสามารถปรับแต่งสุขภาพได้ตามต้องการ ผู้ใช้สามารถเลือกแอปพลิเคชันที่ต้องการใช้งานได้เอง เพื่อให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์และเป้าหมายสุขภาพของแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมน้ำหนัก การปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับ หรือการดูแลสุขภาพสตรี หรือแม้กระทั่งการติดตั้งภาวะ AFib

Ultrahuman Ring AIR ที่พร้อมฟังก์ชัน AFib Detection นั้นถือเป็นก้าวสำคัญของเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพที่ช่วยให้ผู้คนสามารถเข้าถึงข้อมูลสุขภาพของตนเองได้อย่างง่ายดาย และนำไปสู่การดูแลสุขภาพที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน

แต่ข้อควรระวังสำหรับอุปกรณ์อัจฉริยะเหล่านี้ คือมันไม่ใช่การวินิจฉัยของแพทย์ ถ้าพบเจออาการควรรีบพบหมอเพื่อตรวจสอบโดยละเอียดอีกทีครับ

ที่มา
https://newatlas.com/technology/ultrahuman-smart-ring-app-platform/

คุมเข้ม สหรัฐเสนอกฎหมายใหม่ สกัดใช้ AI สร้าง Deepfake

[ก่อนบานปลาย] ความสะดวกที่ได้จาก AI นับว่ามหาศาล ทว่าขณะเดียวกันก็สร้างความกังวลด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะหากมีการนำไปใช้ในทางที่ผิด ไม่ว่าจะเป็น Deepfake , ข่าวปลอม หรือเนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์ ล่าสุดทางวุฒิสภาสหรัฐฯ ได้เสนอร่างกฎหมายใหม่เพื่อควบคุมแล้ว โดยคุมตั้งแต่การพัฒนากันเลย

ปัจจุบันพบการใช้ AI ปลอมแปลงข้อมูลต่าง ๆ มากมาย ทั้งการใช้ Deepfake เพื่อปลอมแปลงใบหน้าเป็นคนดัง หรือคนอื่น ๆ ให้เกิดความเสียหาย การใช้ให้ช่วยเขียนเนื้อหาหรือข่าวปลอม หากปล่อยไว้นาน ๆ ย่อมไม่เป็นผลดีแน่ เป็นเหตุให้ทางด้านวุฒิสภาของรัฐบาลสหรัฐฯ ได้เสนอร่างกฏหมายใหม่ในชื่อว่า

Content Origin Protection and Integrity from Edited and Deepfaked Media Act (COPIED Act) ว่าด้วยการคุ้มครองแหล่งที่มาและความสมบูรณ์ของเนื้อหา พร้อมกับควบคุมการใช้เทคโนโลยี Deepfake ที่ผิดจรรยาบรรณ โดยจะเริ่มตั้งแต่การฝึกอบรมโมเดล AI หรือ Machine Learning ทั้งนี้ยังคุมไปถึงเนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์ด้วย

ตัวร่างกฏหมายถูกเสนอและสนับสนุนโดยทั้ง Maria Cantwell จากวอชิงตัน กับ Martin Heinrich จากนิวเม็กซิโก พรรคเดโมแครต และ Marsha Blackburn จากเทนเนสซี พรรครีพับลิกัน

“ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ทำให้มีผู้ไม่หวังดีสามารถสร้าง Deepfakes ให้กับทุกคนโดยไม่ได้รับความยินยอมได้ และยังมีการแสวงหาผลกำไรจากเนื้อหาปลอมอีก” Marsha Blackburn กล่าว

ด้านวุฒิสมาชิกยังมองว่า “Deepfake เป็นภัยคุกคามต่อประชาธิปไตยอย่างแท้จริง” จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากฏหมายนี้จะช่วยแก้ไขปัญหาได้ และช่วยปราบปรามเนื้อหาที่สร้างโดย AI ที่เป็นอันตรายกับหลอกลวงไปพร้อม ๆ กันด้วย ซึ่งจะช่วยปกป้องทั้งนักข่าว ศิลปิน และเหล่า Creator ได้ดีขึ้น จากการถูก AI นำเนื้อหาไปใช้โดยไม่ได้รับความยินยอม

ท้ายนี้ตัวร่างกฏหมายได้รับการสนับสนุนจากทั้งฝั่งผู้ผลิตเนื้อหามากมาย ไม่ว่าจะเป็น สมาคมนักแต่งเพลงนานาชาติแนชวิลล์, SAG-AFTRA, สมาคมผู้จัดพิมพ์เพลงแห่งชาติ, RIAA และองค์กรออกอากาศและหนังสือพิมพ์อีกหลายแห่ง โดยต่างออกมาชื่นชมในความพยายามครั้งนี้ ส่วนฝั่ง Google, Microsoft, OpenAI และผู้ให้บริการ AI รายอื่น ๆ ยังไม่มีความเคลื่อนไหว

ที่มา : Techspot

เปลี่ยนคอมเก่าให้เร็วขึ้น ย้ายข้อมูลอย่างไวได้ ไม่ต้องรอนาน

เปลี่ยนคอมเก่าให้เร็วขึ้นด้วย SSD แบบที่ย้ายข้อมูลอย่างไวได้ ไม่ต้องรอนาน

Techhub แนะนำวิธีย้ายข้อมูลจาก HDD รุ่นเก่า ไปยัง SSD ใหม่ แบบไม่ต้องลง Windows ใหม่ ข้อมูลทุกอย่างจะย้ายไปด้วยกัน โดยใช้วิธี System Migration มาดูวิธีทำแบบง่ายๆ กันได้เลย

1. เข้าไปดาวน์โหลดโปรแกรม DiskGenius ที่นี่ ติดตั้งโปรแกรมและใส่ SSD ที่เราต้องการจะย้ายข้อมูลไว้กับเครื่อง ต่อมาเลือก HDD ของเรา > คลิกที่ OSMigration

 

2. เลือกดิสก์ SSD ปลายทางที่ต้องการย้ายข้อมูลไปลง

 


**
คำเตือน: ไฟล์และพาร์ติชั่นบนดิสก์ที่เลือกจะถูกลบทำให้ว่าง ดังนั้นตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีข้อมูลสำคัญอะไรค้างใน SSD ที่ต้องการย้าย

3. กำหนดขนาดพาร์ติชันบนดิสก์ SSD ที่ต้องการ สามารถลากลูกศรระหว่างพาร์ติชันเพื่อกำหนดขนาดพาร์ติชันบนดิสก์ปลายทางได้


4.
พอจัดการข้อมูลที่ต้องการเสร็จแล้วก็กดปุ่ม Start เริ่มต้นการย้ายได้เลย

 

5. เลือกวิธีการย้ายระบบ (เลือก Hot Migration)
– Hot Migration: DiskGenius ย้ายระบบปฏิบัติการไปยังดิสก์เป้าหมายโดยไม่ต้องปิดระบบ
– Reboot WinPE: คอมพิวเตอร์จะรีบูตเป็นรุ่น DiskGenius WinPE เพื่อทำการโยกย้ายระบบให้เสร็จสมบูรณ์

 

6. รอให้กระบวนการย้ายระบบปฏิบัติการเสร็จสิ้น 

ข้อควรระวัง!: การย้ายระบบจะลบข้อมูลและพาร์ติชั่นที่มีอยู่ทั้งหมดบนดิสก์ใหม่ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าไฟล์สำคัญบนดิสก์ได้รับการสำรองข้อมูลไว้ล่วงหน้าและอย่ารีบฟอร์แมตดิสก์ระบบดั้งเดิมหรือล้างข้อมูลก่อนที่จะแน่ใจว่าคอมพิวเตอร์ของคุณสามารถบูตจากดิสก์เป้าหมายได้สำเร็จ

ปลดล็อกพลัง AI กับโน้ตบุ๊ก 2-in-1 Lenovo Yoga 9i 14IMH9

Lenovo Yoga 9i 14IMH9

ในยุคที่ AI กำลังมาแรงขั้นสุด  เราจะได้เห็นการนำเทคโนโลยีนี้มาใส่ในโน้ตบุ๊กมากขึ้นเรื่อย ๆ  โดยมีส่วนช่วยทั้งเรื่องของการประหยัดแบตเตอรี่ และช่วยเร่งความเร็วในงานด้าน AI อย่าง Copilot PC หรือฟีเจอร์ในโปรแกรมต่าง ๆ ที่มีการใช้หน่วยประมวลผล AI เข้ามาร่วมด้วยครับ 

Techhub แนะนำ Lenovo Yoga 9i 2-in-1 14IMH9 โน้ตบุ๊กเรือธงล่าสุดจากทาง Lenovo ที่ออกแบบให้มีความเรียบหรู มีสไตล์  สามารถในการทำงานต่าง ๆ ได้ลงตัว และยังปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การใช้งานในรูปแบบ 2-in-1 ได้อีก จะเปลี่ยนเป็นแท็บเล็ตหรือโหมดเต็นท์ก็ทำได้ และยังมีคุณภาพเสียงที่ดีมาก เพราะมาพร้อมซาวด์บาร์จากแบรนด์ผู้ผลิตเครื่องเสียงระดับโลก ( ลองฟังแล้วเสียงดี สุด ๆ เลยล่ะ)


จุดเด่นของโน้ตบุ๊กรุ่นนี้ คือมาพร้อมกับชิปใหม่ล่าสุดอย่าง
Intel® Core™ Ultra  ที่จะทำให้การทำงานทุกอย่าง เป็นไปอย่างราบลื่น   

การออกแบบของ Lenovo Yoga 9i 2-in-1 14IMH9  จะเน้นความโค้งมนที่สวยงาม ซึ่งแตกต่างจากโน้ตบุ๊กทั่วไปที่มักจะมีขอบเหลี่ยม ทำให้การวางมือขณะพิมพ์นานๆ รู้สึกสบายข้อมือมากกว่า 

และ Lenovo ยังได้ติดตั้งลำโพง Bowers & Wilkins จำนวน 4 ตัว ไว้ที่บานพับเปรียบเสมือนเป็น Sound Bar และด้านล่างของตัวเครื่องอีกสองจุด ทำให้เสียงที่ออกมาดีที่สุดเท่าที่เคยได้ยินจากโน้ตบุ๊กรุ่นอื่น ๆ มาเลย โดยหากเมื่อเราปรับเป็นโหมด “เต็นท์” เพื่อใช้ดูหนัง เสียงจะยิ่งสมจริงมากยิ่งขึ้นไปอีกครับ

นอกจากนี้  Lenovo Yoga 9i 2-in-1 14IMH9 ได้ถูกออกแบบให้เป็นโน้ตบุ๊กรุ่นบางเบาที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ทั้งวัน ไม่ต้องพกอะแดปเตอร์ออกไปชาร์จให้ยุ่งยาก นิ่งชิว ๆ ทำงานที่ร้านกาแฟอย่างมีสไตล์ เบื่อ ๆ ก็เปลี่ยนโหมดเป็นแท็บเล็ตใช้ดูหนังได้

ก่อนจะเข้าเนื้อหาหลัก เราอยากพาทุกคนไปดูเทคโนโลยีล่าสุดจาก Intel ที่ใส่ในโน้ตบุ๊กเครื่องนี้กัน บอกเลยว่ามันได้เข้ามาปฏิวัติวงการ UItrathin ไปอย่างสิ้นเชิง

ชิปประมวลผลที่ใส่มา คือรุ่น Intel® Core™ Ultra 7 155H ขนาด 16 Cores (6P + 8E + 2LPE) / 22 Threads หลายคนอาจจะคุ้นคำว่า Core กับ Thread แต่ LPE คืออะไรกัน 

LPE cores Low Power Efficient cores ซึ่งเป็นคอร์ประมวลผลที่มีประสิทธิภาพในการใช้พลังงานต่ำ ออกแบบมาเพื่อช่วยให้โน้ตบุ๊กสามารถทำงานพื้นหลังได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่สิ้นเปลืองพลังงานมากเกินไป เช่น การอัปเดตซอฟต์แวร์ หรือการซิงค์ข้อมูล ทำให้สามารถใช้งานได้นานขึ้นต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และยังช่วยลดความร้อนที่เกิดขึ้นขณะใช้งานอีกด้วย ซึ่งนี่คือหนึ่งในเคล็ดลับที่ทำให้ใช้งานได้ทั้งวันโดยไม่ต้องพึ่งอะแดปเตอร์

สำหรับ Intel® Core™ Ultra เป็นซีพียู (CPU) เจนเนอเรชันใหม่ล่าสุดจาก Intel ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานกับโน้ตบุ๊กระดับพรีเมียมโดยเฉพาะ โดยมีจุดเด่นสำคัญคือ  สร้างขึ้นบนสถาปัตยกรรมไฮบริด 3D Performance Hybrid Architecture ที่ผสานรวม P-Core (Performance Core) และ E-Core (Efficient Core) เข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในการทำงานที่สูงขึ้นและการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า

ทำให้ไม่ว่าจะทำงาน วิดีโอคอล งานครีเอทีฟสร้างสรรค์ หรือเล่นเกม Intel® Core™ Ultra สามารถช่วยสร้างความเป็นไปได้ทั้งหมด และยังใช้พลังงานต่ำอีกด้วย

ชิปดังกล่าว ยังรองรับเทคโนโลยี Thunderbolt™ 4 ในตัว รองรับการเชื่อมต่อจอ แสดงผลหลายจอ พื้นที่เก็บข้อมูล การชาร์จ และอุปกรณ์ต่อพ่วงอื่น ๆ ได้ รวมทั้งยังรองรับ Intel® WiFi 7 และ Intel® Wi-Fi 6E และ Bluetooth 5.4 และ 5.3 ให้ประสิทธิภาพไร้สายที่เต็มเปี่ยม และช่วยให้การทำงานต่าง ๆ เป็นไปอย่างไหลลื่น

นอกจากนี้ ยังมาพร้อม NPU ในตัว หน่วยประมวลผลเฉพาะทางที่ออกแบบมาเพื่อทำงานเกี่ยวกับ AI และ Machine ทำให้เราสามารถทำงานได้อย่างมั่นใจและใช้งานได้ยาวนานขึ้นต่อวัน นับเป็นโปรเซสเซอร์รุ่นแรกที่มี CPU, NPU และ GPU แยกกันโดยเฉพาะ

Intel® Core™ Ultra ยกระดับ AI ไปอีกขั้น ด้วยความสามารถในการสร้างภาพหรือเพลงจากข้อความ หรือปรับปรุงรูปภาพและวิดีโออย่างเหนือชั้นในไม่กี่คลิก ในขณะที่ยังคงความเป็นส่วนตัวโดยเก็บข้อมูลของเราไว้ในเครื่องครับ และด้วยประสบการณ์ของ Intel เขามั่นใจว่า ชิปตัวนี้จะช่วยเร่งความเร็วให้กับแอปที่เราใช้งานได้เป็นอย่างดี 

ภายในยังมีฟีเจอร์ที่เรียกว่า Intel® AI Boost ซึ่งจะช่วยเร่งความเร็วงานที่เกี่ยวข้องกับ AI ให้ทำงานได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ใช้พลังงานต่ำลง

 ในขณะที่ Intel® Gaussian & Neural Accelerator จะถูกใช้เพื่อประมวลผลแอปพลิเคชันคำพูดและเสียงของ AI และก็ลดการใช้ทรัพยากรของ CPU เพื่อประสิทธิภาพและการตอบสนองของระบบโดยรวม เจ๋งสุด ๆ

โดยสรุปแล้วก็คือ Intel Core Ultra เป็นโปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ล่าสุดของ Intel ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานที่ต้องการแล็ปท็อปที่บางเบาแต่ยังคงประสิทธิภาพสูง โดยมีเหตุผลหลัก ๆ ดังนี้

  1. ประสิทธิภาพที่ทรงพลัง 
  2. AI ที่ชาญฉลาดมากขึ้น
  3. การจัดการพลังงานที่ดีขึ้น ใช้งานได้ยาวนานในแต่ละวัน
  4. กราฟิกที่ทรงพลัง โดยมาพร้อมกับ Intel Arc Graphics ที่ได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 
  5. ตอบโจทย์เทรนด์ ที่ผู้ใช้งานในปัจจุบันต้องการโน้ตบุ๊กที่ทรงพลัง บางเบา และมีหน่วยประมวลผลสำหรับ AI 

นอกจากนี้ Lenovo Yoga 9i 2-in-1 14IMH9 ยังมาพร้อมกับสัญลักษณ์ Intel® Evo™  Edition  ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ Intel ร่วมมือกับผู้ผลิตโน้ตบุ๊กแบรนด์ต่าง ๆ  เพื่อสร้างสรรค์อุปกรณ์ที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้สมบูรณ์แบบ 

Lenovo Yoga 9i 14IMH9

โน้ตบุ๊กรุ่นไหนที่ได้สัญลักษณ์ Intel® Evo™ จะต้องผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวดในด้านต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้จะได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด คุณสมบัติที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ จะถูกสร้างขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มั่นใจว่า โน้ตบุ๊กที่มีสัญลักษณ์ Intel® Evo™ เป็นอุปกรณ์พรีเมี่ยมมากที่สุด  

จุดเด่นของคอมที่มีสัญลักษณ์ Intel® Evo™

แบตเตอรี่อึด ใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่อง แถมยังชาร์จเร็วทันใจ โดยใช้งานได้สูงสุดถึง 8 ชั่วโมง 

การเชื่อมต่อที่รวดเร็ว รองรับ Wi-Fi 7 และ Thunderbolt 4 เพื่อการเชื่อมต่อที่รวดเร็วและเสถียร

ภาพและเสียงคมชัด  หน้าจอแสดงผลคุณภาพสูงและระบบเสียงที่ยอดเยี่ยม มอบประสบการณ์การรับชมคอนเทนต์ที่สมจริง

การออกแบบที่ทันสมัย: บางเบา พกพาสะดวก เหมาะกับการใช้งานนอกสถานที่

การตอบสนองที่รวดเร็ว สามารถเปิดเครื่องจากโหมด Sleep ได้ภายใน 1 วินาที

และด้วยเหตุผลเหล่านี้ ทำให้ Intel Core Ultra เป็นโปรเซสเซอร์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในโน้ตบุ๊กรุ่นบางเบาในปัจจุบัน

ชมความเจ๋งของชิปประมวลกันไปแล้ว เรามาดูตัวเครื่องกันบ้าง ว่ามันทำอะไรได้บ้างครับ

สเปค Lenovo Yoga 9i 2-in-1 14IMH9

Lenovo Yoga 9i 14IMH9

  • CPU : Intel® Core™ Ultra 7 155H, 16C (6P + 8E + 2LPE) / 22T, Max Turbo up to 4.8GHz, 24MB
  • GPU :  Intel® Arc™ Graphics 
  • Memory :  32GB LPDDR5X-7467  แบบฟังบอร์ด ไม่สามารถอัปเกรดได้ 
  • Display :  จอทัช ขนาด 14 นิ้ว 14.0″ 4K (3840 x 2400) 60Hz PureSight OLED display with glass,16:10, 100% DCI-P3, 400 nits (nominal) / 600 nits (peak), VESA Certified Display HDR™ 500 True Black, Dolby Vision®, 92.7
  • Storage :  1TB SSD M.2 2242 PCIe® 4.0×4 NVMe®
  • Wi-Fi/Bluetooth : Wi-Fi® 6E, 11ax 2×2 + Bluetooth 5.3
  • Ports I/O :  2x USB Type-C Thunderbolt™ 4 (USB 4.0, DisplayPort, Power Delivery), 1x USB Type-C (USB 3.2 Gen2, DisplayPort), 1x USB Type-A (USB 3.2 Gen2), 1x Audio combo jack
  • Camera : 5 MP IR Camera, ambient light sensor รองรับ Windows Hello
  • Security : Firmware Trusted Platform Module (TPM) 2.0 
  • Speaker : 4 x Bowers & Wilkins® Speakers (2 x 2W Tweeter, 2 x 2W Woofer)
  • Battery : 75 Whr lithium-ion polymer  battery, supports Rapid Charge Boost
  • Adaptor : 65W USB-C® AC adapter, supports PD 3.0
  • Dimension (WxDxH) :.  316 x 220 x 15.9 มม
  • Weight : 1.32 kg 
  • Color : Luna Grey , Cosmic Blue
  • OS : Windows 11 Home

ดีไซน์และการออกแบบ

Lenovo Yoga 9i 2-in-1 14IMH9 ดีไซน์ให้รอบตัวเครื่องขอบมนสวยงาม ใช้งานได้ยาวนานไม่ต้องกลัวเจ็บมือ ตัวเครื่องมีขนาดบางเฉียบเพียง 15.9 มม. แบบ 2 in 1 ให้เราปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้แบบ 360° อย่างเต็มที่ พับเป็นเต็นท์เพื่อความบันเทิง ใช้เป็นแท็บเล็ตเพื่อทำงาน หรือพลิกกลับมาเป็นโน้ตบุ๊กเพื่อพิมพ์งานได้อย่างสะดวกครับ 

ฝาพับมีขนาดเล็กลงบริเวณด้านข้าง เพื่อทำให้ให้ขอบจอแคบลงเล็กน้อย ซึ่งจะทำให้เรารู้สึกว่า ภาพได้จากหน้าจอนั้นเต็มตามากขึ้น และด้วยขอบจอที่ขนาดเล็กมาก ทำให้การใส่กล้องเว็บแคมจำเป็นต้องขยายพื้นที่ขอบจอด้านบนขึ้นอีกนิดหน่อย แต่นั่นก็เป็นข้อดีที่ทำให้เราสามาถเปิดฝาพับได้ด้วยมือเดียวครับ

และสิ่งสำคัญคือ Lenovo มีการดีไซน์ให้น้ำหนักตัวเครื่องลดลง เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน โดยหากเทียบกับ Ultrathin แบรนด์อื่นโน้ตบุ๊กตัวนี้จะมีน้ำหนักเบามากกว่าถึง 200 กรัม 

โดยรวมแล้ว ดีไซน์และการออกแบบอาจไม่ได้มีความแตกต่างจากเจนก่อนมากนัก แต่รุ่นนี้จะชูโรงเรื่องชิปตัวใหม่ที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดการใช้พลังงานน้อยลง ความร้อนน้อยลง ทำให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้นในแต่ละวัน  

คีย์บอร์ดและทัชแพด

Lenovo Yoga 9i 14IMH9

คีย์บอร์ดออกแบบให้มีสีตัดกับตัวเครื่องเล็กน้อย เพื่อที่จะเพิ่มมิติให้ตัวเครื่องดูมีไสตล์มากขึ้น ระยะห่างของปุ่มอยู่ที่ 1.5 มิลลิเมตร ถือว่าเป็นระยะห่างมาตรฐานสำหรับโน้ตบุ๊กสมัยใหม่ มาพร้อมไฟ Backlit ที่สามารถเปิด-ปิด และปรับความสว่างได้

นอกจากนี้ หากใครเคยใช้ Yoga series 9 มาก่อน จะรู้ว่า มันมาพร้อมปุ่มคีย์ลัดสุดเจ๋งที่อยู่ทางขวามือของตัวเครื่อง เช่น 

Lenovo Yoga 9i 14IMH9

  1. ปุ่มปรับรูปแบบการใช้งานของตัวเครื่อง สามารถปรับได้ 3 โหมดคือ โหมด 1. Performance เน้นให้ระบบทำงานเต็มประสิทธิภาพ  2 .โหมด Intelligent Cooling เน้นปรับสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและการระบายความร้อน เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป 3 .Eco  โหมดนี้จะเน้นการประหยัดพลังงาน เพื่อให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้น
  2. ปุ่มเปลี่ยนโหมดเสียง ได้ 3 โหมด คือ สำหรับเล่นเกม ฟังเพลง และวีดีคอล 
  3. ปรับปรับลดแสงสีฟ้า กดเพียงครั้งเดียว หน้าจอก็จะลดแสงสีฟ้าให้ทันที เหมาะกับการนั่งทำงานนาน ๆ
  4. ปุ่ม Favorite ตั้งค่าแอปที่ชอบใช้เป็นประจำ กด 1 ครั้งเรียกใช้งานแอป กด 2 ครั้ง ตั้งค่าว่า จะตั้งแอปไหนเป็นแอปประจำ
  5. ปุ่ม Fingerprint เพิ่มความปลอดภัยในการล็อกอินใช้งานเครื่องครับ

อีกส่วนที่ไม่มีไม่ได้คือ ปุ่ม Copilot ซึ่งโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ ๆ จะมีมาให้หมดแล้ว สำหรับเรียกใช้งาน Copilot ผู้ช่วยเหลือส่วนตัวของ Microsoft ครับ

สำหรับ TouchPad มีขนาดกว้างประมาณ 5.5 นิ้ว ซึ่งใหญ่กว่ามาตรฐานโดยปกติของโน้ตบุ๊กขนาด 14 นิ้ว ถือว่าเยี่ยมเลย เวลาใช้งานให้ความรู้สึกเบาและลื่นดี สมเป็นโน้ตบุ๊กพรีเมียมเรือธงของ Lenovo ครับ 

จอแสดงผล

Lenovo Yoga 9i 14IMH9

สำหรับจอแสดงผลของ ทาง Lenovo  ให้มาคือ เป็นเทคโนโลยี OLED PureSight ซึ่งจะให้สีสันที่สดใส แม่นยำ และดำสนิท ทำให้ภาพดูมีมิติและสมจริงยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับการรับชมภาพยนตร์ ทำงานกราฟิก หรือเล่นเกม

ความสว่าง 400 nits นั้นเพียงพอสำหรับการใช้งานในสภาพแสงต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ขณะที่ขอบเขตสี 100% DCI-P3 ทำให้มั่นใจได้ว่าสีสันที่แสดงออกมานั้นครอบคลุมและตรงตามมาตรฐานอุตสาหกรรมภาพยนตร์

จอยังรองรับมาตรฐาน VESA Certified DisplayHDR True Black 500 และ Dolby Vision ช่วยให้การรับชมคอนเทนต์ HDR มีความสมจริง คมชัด และสีสันสวยงาม

หน้าจอสัมผัสที่ให้มาก็ไม่ใช่เล่นนะ เป็นหน้าจอสัมผัสแบบ Multi-touch 10 จุด ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหลและแม่นยำ รองรับทั้งการใช้นิ้วมือและปากกา

โดยรวมแล้ว หน้าจอของ Lenovo Yoga 9 2-in-1 14IMH9 เป็นตัวเลือกที่ดีสุด ๆ สำหรับผู้ที่ต้องการโน้ตบุ๊กที่มีหน้าจอคุณภาพสูง ตอบโจทย์ทั้งการทำงานและความบันเทิง

ลำโพง 

Lenovo Yoga 9i 14IMH9

อันนี้ต้องบอกว่า เป็นสิ่งที่ผมแฮปปี้มาก ๆ ของโน้ตบุ๊กรุ่นนี้ กล้าบอกเลยว่ามันให้เสียงที่ดีกว่าโน้ตบุ๊กทุกรุ่นที่เคยทำรีวิวมา  โดยมีลำโพงทั้งหมด 6 ตัว เป็น Stero Sound bar อยู่ที่บานพับใต้หน้าจอทั้งหมด 4 ตัว ซึ่งเป็นลำโพงของ  Bowers & Wilkins® และอีก 2  ตัวนั้นเป็น Woofer ขนาด 2 วัตต์ อยู่ใต้ตัวเครื่องทั้งสองฝั่งครับ 

ด้วยประสิทธิภาพของลำโพง Bowers & Wilkins® แบรนด์ผู้ผลิตเครื่องเสียงระดับโลก ทำให้โน้ตบุ๊กเครื่องนี้ มีระบบเสียงรอบทิศทาง ทำให้เรารู้สึกเหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริง ไม่ว่าจะเป็นการชมภาพยนตร์ ฟังเพลง หรือเล่นเกม 

นอกจากนี้ ยังมีเสียงที่คมชัดและมีมิติ ให้เสียงเบสที่หนักแน่น และยังมีซอฟต์แวร์ปรับแต่งเสียงให้เหมาะกับความชอบส่วนตัวได้ง่าย ๆ ครับ บอกเลยนี่เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้อยากซื้อเจ้าเครื่องนี้มาใช้เองเลย 

พอร์ตเชื่อมต่อ

พอร์ตเชื่อมต่อนั้นให้มาเพียงพอสำหรับการใช้งานในสไตล์ โน้ตบุ๊ก Ultrathin ครับ ซึ่ง Thunderbolt 4 ที่ให้มาถึง 2 ช่องนั้น สามารถรองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์หลายชนิด  ทั้งต่อจอ หรือ Hub ต่าง ๆ  พร้อมทั้งยังจ่ายไฟให้อุปกรณ์อื่นได้อีกด้วยครับ 

ส่วนพอร์ตอื่น ๆ ก็เป็นมาตรฐานครับ ทั้งพอร์ต 3.5mm combo audio หรือ พอร์ต USB A ไว้ใช้งานกับแฟลชไดรฟ์รุ่นเก่า ๆ 

ระบบระบายความร้อนและการอัปเกรด

Lenovo Yoga 9i 14IMH9

ตัวเครื่องมีฮีทไปป์ 2 เส้น เชื่อมโยงกับพัดลม 2 ตัว  ดูดอากาศเย็นจากฐานใต้ตัวเครื่องและปล่อยออกทางด้านหลัง โดยจากการใช้งาน เมื่อใช้งานหนัก ๆ หรือมี Load สูงๆ เช่นเรนเดอร์วีดี จะมีเสียงให้พัดลมให้ได้ยินชัด ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ที่ตัวเครื่องต้องรีดประสิทธิภาพสูงสุดออกมาครับ  แต่หากใช้งานทั่วไป ก็ต้องบอกว่าไม่ได้ยินเสียงพัดลมเลย   

ส่วนการอัปเกรด แรมในเครื่องไม่สามารถอัปเพิ่มได้ เพราะมาแบบฝังบอร์ด ซึ่งจะให้ความสเถียรมากกว่า มีเพียง SSD ที่สามารถอัปเพิ่มความจุได้ครับ 

แบตเตอรี่และการชาร์จ

แบตเตอรี่ที่ให้มา เป็นแบต Li-Polymer  ขนาด 75Wh ซึ่งเป็นมาตรฐานของโน้ตบุ๊กบางเบา จากการทดสอบใช้งานทั่วไป ใช้งานได้ 10 ชั่วโมง + ถือว่าสอบผ่าน ไม่ผิดหวังจากการมีสติ๊กเกอร์ Intel Evo ครับ 

และตัวเครื่องยังรองรับการชาร์จไว สามารถชาร์จ  0 – 80 เปอร์เซ็นต์ได้ในเวลาเพียง 1 ชั่วโมงครับ 

พลังจาก AI ทำให้ทุกอย่างเป็นเรื่องง่าย

อย่างที่เกริ่นไว้เบื้องต้นว่า Lenovo Yoga 9 2-in-1 14IMH9 นั้นมาพร้อมชิปที่มี NPU ในตัวอย่าง  Intel® Core™ Ultra 7 155H ซึ่งจะทำให้งานที่เกี่ยวกับ AI นั้นประมวลเร็วขึ้น  โดย NPU หรือ  Neural Processing Unit เป็นหน่วยประมวลผลเฉพาะทางที่ออกแบบมาเพื่อเร่งความเร็วการทำงานของงานที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) โดยเฉพาะ ซึ่งรับงานที่เกี่ยวข้องกับ AI มารันด้วยตัวเอง และนั่นจะทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของเครื่องเพิ่มขึ้นเช่น 

การประหยัดพลังงาน  การใช้ NPU ในการประมวลผลงาน AI สามารถช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่าการใช้ CPU หรือ GPU เพียงอย่างเดียว ซึ่งเป็นประโยชน์มากสำหรับคนที่ต้องการยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่

การทำงาน Multitasking ที่ดีขึ้น โดยเมื่อ NPU รับหน้าที่งานด้าน AI ไป CPU และ GPU จะมีทรัพยากรเหลือมากขึ้นสำหรับงานอื่น ๆ ทำให้การทำงานหลายอย่างพร้อมกัน (Multitasking) เป็นไปอย่างลื่นไหลมากขึ้นครับ

ตัวอย่างงานด้าน AI ในโปรแกรทำงานสำคัญอย่าง Adobe 

Photoshop ซึ่ง NPU สามารถเร่งความเร็วฟีเจอร์ AI เช่น Neural Filters, Sky Replacement, และ Content-Aware Fill

Premiere Pro  สามารถเร่งความเร็วฟีเจอร์ AI เช่น Auto Reframe, Scene Edit Detection, และ Speech to Text ได้ครับ

นอกจากนี้ ยังมีส่วนสำคัญในการประมวลผลของ Copilot บน Windows 11 ให้ทำงานได้ดีและรวดเร็วมากขึ้น 

การรับประกัน

Lenovo มีประกันตัวเครื่องให้ 1 ปี ครับ แต่สามารถอัปเกรดเป็น Lenovo Premium Care Plus เพิ่มได้อีก 2 ปี ซึ่งจะได้สิทธิ์พิเสษต่าง ๆ เพิ่มเข้ามาคือ

  • จะได้รับบริการซ่อมที่รวดเร็วกว่าเมื่อเทียบกับการรับประกันมาตรฐาน
  • คุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากอุบัติเหตุ เช่น การตกหล่น การหกของเหลว หรือไฟกระชาก
  • บริการช่วยเหลือด้านเทคนิคตลอด 24 ชั่วโมง สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญได้ตลอดเวลา
  • บริการซ่อมถึงบ้านหรือที่ทำงาน+
  • สามารถขยายระยะเวลารับประกันของอุปกรณ์ของเราได้นานกว่าเดิม

 

Performance

CPU & GPU-Z

PC Mark

3D Mark 

3D Mark CPU

Cinebench R24

Baterrymon

CrystalDiskMark

สรุป

Lenovo Yoga 9i 2-in-1 14IMH9 เป็นโน้ตบุ๊กเรือธงที่ผสานความหรูหราและประสิทธิภาพไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ด้วยดีไซน์โค้งมนสวยงาม น้ำหนักเบา และความสามารถในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานแบบ 2-in-1 ทำให้เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์การทำงานและความบันเทิง

ลำโพง Bowers & Wilkins® ที่ให้มานั้นถือว่าถูกใจวัยรุ่นสุด ๆ เสียงสมจริงแถมยังปรับโปรไฟล์เสียงได้ 3 แบบง่าย ๆ ผ่านปุ่มคีย์ลัดที่มีมาให้  ลองแล้วไม่อยากปิดเสียงเลย 

ภาพรวมการดีไซน์ของตัวเครื่อง ต้องยอมรับว่าไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากจากเจนก่อนมากนัก เพียงแต่ชิปใหม่รุ่นใหม่ที่ให้มานั้น สามารถให้ประสิทธิภาพการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้นกว่ารุ่นเก่า  เพราะส่วนใหญ่แล้ว คนที่ซื้อโน้ตบุ๊กแบบเบาบาง อาจไม่ได้ต้องการพกอะแดปเตอร์ออกไปทุกครั้ง

ข้อดี

  • ประสิทธิภาพสูง มาพร้อมกับ Intel Core Ultra ทำให้ทำงานได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น เหมาะสำหรับงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง เช่น ตัดต่อวิดีโอหรือทำงานกราฟฟิก
  • หน้าจอทัชพรีเมี่ยม 4K OLED สัมผัสลื่นไหล สร้างสรรค์งานครีเอทีฟได้ไม่ยาก
  • ปุ่มคีย์ลัดที่ช่วยเพิ่มความสะดวกมากขึ้น
  • เสียงลำโพงแจ่มสุด ๆ 

ข้อสังเกต

  • ไม่มีช่องอ่านการ์ด SD อาจไม่สะดวกสำหรับผู้ที่ใช้งานการ์ด SD บ่อย ๆ
  • ตัวเลือก GPU  มีเฉพาะ Intel Arc Graphics อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเล่นเกมหนักๆ
  • พัดลมเสียงดังขึ้น หากใช้งานแบบ 100 เปอร์เซ็นต์เต็มครับ 
  • ตัวชัตเตอร์กล้อง เป็นแบบ Manual 

 

ใช้ AI สร้าง Mindmap ช่วยสรุปหัวข้องานได้เร็วขึ้น

เบื่อไหมที่ต้องนั่งหาข้อมูลทำสไลด์ จะดีกว่าไหม ถ้ามี Generative AI ช่วยสร้างข้อมูลที่เราต้องการออกมาเป็น Mindmap และ Timeline สรุปหัวข้อช่วยทำรายงานให้เร็วขึ้น

Techhub แนะนำตัวช่วยสร้างไทม์ไลน์ เหตุการณ์สำคัญในหัวข้อต่างๆ ทั้งแนวคิดทางธุรกิจ การวิจัย และการเรียน หัวข้อไหนที่สนใจมาดูกันเลย

เข้าไปที่เว็บไซต์ mylens.ai เป็นเครื่องมือ AI ที่เชี่ยวชาญในการสำรวจไทม์ไลน์ทางประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ยังเผยให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่างเรื่องเล่าทางประวัติศาสตร์ต่างๆ ซึ่งเอามาปรับใช้งานกับหัวข้อที่สนใจได้อย่างดี

 


ข้อมูลนี้จะให้รายละเอียดที่เป็นประโยชน์เพื่อสรุปข้อมูล ได้ทั้ง 3 รูปแบบ Timeline, Mind Map, Quadrant  ช่วยปรับให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหัวข้อที่กรอก เช่น ระบุหัวข้อว่า วิวัฒนาการของ Facebook หรือ รายได้ของ Facebook เป็นต้น

ข้อดีของการสร้างช่วยสร้างไทม์ไลน์สำหรับหัวข้อใด ๆ ที่ผู้ใช้ป้อนโดยอัตโนมัติและเรายังสามารถแชร์โดยใช้ลิงก์หรือบันทึกเป็นภาพได้ด้วย ลองไปใช้งานกันดูครับ

จัดการ Password เพิ่มความปลอดภัยตอนใช้เน็ต

รหัสผ่านที่บันทึกไว้ปลอดภัยแค่ไหนตอนเข้าเว็บ เชื่อว่าหลายคนต้องเคยกดอนุญาตให้เบราว์เซอร์ Google Chrome ช่วยจำ Password เพราะมันช่วยเพิ่มความสะดวก ตอน login ได้แบบที่ไม่ต้องมานั่งจำรหัส

แต่รู้ไหมว่าการที่เราเก็บบันทึกรหัสผ่านเอาไว้มากๆ ทั้งโซเชียล อีเมล์ และเว็บไซต์ต่างๆ ที่สมัครสมาชิกเอาไว้ มีโอกาสที่ข้อมูลรหัสผ่านจะหลุดได้หากไม่เข้ามาจัดการ หรือถ้าใครลืมรหัสก็สามารถใช้วิธีเช็คได้เช่นกัน

Techhub แนะนำวิธีเช็คความปลอดภัยแบบง่ายๆ แค่จัดการ Password บน Google Chrome ด้วย Password Manager ฟังก์ชั่นที่ช่วยดูแลรหัสผ่านภายในเครื่อง ที่มากับ Google Chrome ไปดูวิธีใช้งานเลย

  1. เข้าไปที่ Password Manager ที่นี่

    เครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่เคยล็อกอินในเว็บดูรหัสผ่านและบันทึกบน Chrome หรือ Android โดยการลงชื่อเข้าใช้ทั้งหมดจะถูกบันทึกที่ passwords.google.com 


2.
เลือกฟังก์ชั่นการตรวจสอบรหัสผ่าน

ที่จะช่วยตรวจเช็คว่ารหัสที่เรานำไปกรอกในเว็บต่างๆ มีความปลอดภัยมากน้อยอย่างไรมีคนบุกรุก เขาถึงรหัสเราในเว็บนั้นไหม ลองเข้าไปเช็คกันนะ


3.
ตั้งค่ารายละเอียดเกี่ยวกับ Password 

อีกส่วนที่สำคัญคือสามารถเข้ามาเช็คดูได้ว่ารหัสที่เรากรอกนั้นมีอยู่ในอุปกรณ์ใดบ้างที่เชื่อมต่ออยู่บ้าง เช็คดูได้ว่ามีอุปกรณ์ที่เราไม่รู้จักรึป่าว หรือจะเลือก ส่งออก นำเข้ารหัสผ่านทั้งหมดเป็นไฟล์ CSV ได้ด้วยเช่นกัน 


ง่ายๆ แค่นี้ก็อย่าลืมเข้ามาตรวจสอบ Password ตามที่ได้แนะนำไปนะครับ เพื่อความปลอดภัยของรหัสผ่านเราในอนาคต

เรือธงของจริง! Canon เปิดตัวกล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรมรุ่นใหญ่ 2 รุ่นในระบบ EOS R You’ R The Next Gen | EOS R1 และ EOS R5 Mark II  เน้นตอบโจทย์การทำงานที่รวดเร็วและแม่นยำทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว

สิ้นสุดการรอคอย! แคนนอน (CANON) ประกาศเปิดตัวกล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรมรุ่นใหม่ในระบบ EOS R พร้อมกัน 2 รุ่นอย่างเป็นทางการ รุ่นเรือธงที่สุดในรุ่น EOS R1” ตอบโจทย์ช่างภาพระดับมืออาชีพอย่างแท้จริง ด้วยชิปประมวลผลภาพและระบบออโต้โฟกัสประสิทธิภาพสูงรุ่นใหม่ เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ของการถ่ายภาพความเร็วสูงได้อย่างรวดเร็วและมอบคุณภาพของภาพถ่ายได้อย่างดีเยี่ยม มาพร้อม Hybrid Camara EOS R5 Mark II” กับฟีเจอร์ล้ำสมัยทั้งการใช้เซนเซอร์ back-illuminated (BSI) Stacked CMOS รุ่นพัฒนาใหม่ ที่ให้ความละเอียดภาพถึง 45 ล้านพิกเซลและระบบประมวลผลภาพ Accelerated Capture พร้อมรองรับการบันทึกไฟล์วิดีโอถึงระดับ 8K 60P ยกระดับกล้อง EOS R ให้ก้าวหน้าสู่เจเนอเรชันใหม่และสร้างปรากฏการณ์ที่น่าตื่นใจสู่งานผลิตคอนเทนต์คุณภาพสูง

EOS R1: Be One with Mastery

โดดเด่นด้วยเซนเซอร์ back-illuminated (BSI) Stacked CMOS ความละเอียด 24 ล้านพิกเซล ซึ่งนอกจากประสิทธิภาพเรื่องการรับแสง เซนเซอร์รุ่นใหม่ยังสามารถอ่านข้อมูลภาพได้รวดเร็วในระดับปฏิวัติวงการ พร้อมเทคโนโลยี In-Camera Upscaling ช่วยเพิ่มความละเอียดภาพสูงถึง 96 ล้านพิกเซลได้คุณภาพไฟล์ที่สวยงามน่าประทับใจ สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องสูงสุด 40เฟรมต่อวินาที พร้อมเพิ่มความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องอันชาญฉลาดด้วยปุ่ม AF-ON ที่ถูกพัฒนาขึ้นใหม่ อีกทั้ง EOS R1 ยังเป็นกล้องมิเรอร์เลสตัวแรกของแคนนอนที่มีระบบการทำงานของชุดโฟกัสแบบ Cross-type และระบบ Dual Pixel Intelligent AF เจเนอเรชันใหม่ที่สามารถตรวจจับวัตถุขนาดเล็กหรือวัตถุบนพื้นผิวที่มีลวดลายซับซ้อนได้อย่างแม่นยำ มาพร้อมชิปประมวลผล 2 รูปแบบ คือ ชิปประมวลผลภาพ DIGIC X และชิปประมวลระบบโฟกัส DIGIC Accelerated เมื่อประสานการทำงานร่วมกันช่วยเสริมประสิทธิภาพการออโต้โฟกัส (AF) และการตรวจจับวัตถุได้อย่างเหนือชั้น โดยเฉพาะระบบออโต้โฟกัสในโหมด Action Priority ซึ่งกล้องจะจัดลำดับความสำคัญของบุคคลที่กำหนดล่วงหน้าได้สูงสุดถึง 10 คน และล็อคโฟกัสที่บุคคลเหล่านั้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะกำลังหันด้านข้างอยู่ก็ตาม

EOS R1 ยังมาพร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหว (IS) ในตัวแบบ 5 แกน พร้อมกลไกและอัลกอริธึมรุ่นใหม่ที่ยกระดับประสิทธิภาพโดยเฉพาะเมื่อใช้กับเลนส์ RF ที่มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวในเลนส์ ป้องกันภาพสั่นไหวเทียบเท่าได้ถึง 8.5 สต็อป ช่วยให้ผู้ใช้งานใช้มือถือกล้องถ่ายได้อย่างคมชัดสวยงาม แม้ไม่ใช้ขาตั้งกล้อง โดย EOS R1 ยังรองรับการบันทึกวิดีโอไฟล์ RAW ได้ที่ความละเอียดสูงสุดถึง 6K 60P และ Full HD 240P อีกด้วย

EOS R5 Mark II: Imagine Bigger Things

ระเบิดความคิดสร้างสรรค์ให้ถึงขีดสุดด้วยประสิทธิภาพการบันทึกวิดีไฟล์ RAW บนความละเอียดสูงสุดที่ 8K 60P พร้อมระบบออโต้โฟกัส Dual Pixel Intelligent AF ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจจับวัตถุทั้งในการถ่ายภาพวิดีโอและภาพนิ่งให้มีความแม่นยำสูงแม้ในฉากหลังที่ซ้บซ้อนและท้าทาย สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้สูงสุด 30เฟรมต่อวินาที และฟังก์ชันอันทรงพลังอีกมากมายในตัวกล้อง มอบการเก็บภาพที่โดดเด่นด้วยเซนเซอร์ back-illuminated (BSI) Stacked CMOS รุ่นพัฒนาใหม่บนความละเอียด 45 ล้านพิกเซล พร้อมอัปเกรดฟีเจอร์ต่าง ๆ ทั้ง Accelerated Capture System รุ่นใหม่ที่ผสานการทำงานของ DIGIC Accelerator และหน่วยประมวลผลภาพ DIGIC X พร้อมรับมือกับข้อมูลภาพปริมาณมหาศาลได้อย่างรวดเร็วแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

EOS R5 Mark II ยังเพิ่มความยืดหยุ่นในการสร้างสรรค์คอนเทนต์วิดีโอ โดยการรองรับการบันทึกระดับ 8K DCI 60P RAW ในตัวกล้อง พร้อมฟีเจอร์ของระบบ Cinema EOS เพื่อการผลิตผลงานระดับมืออาชีพหลายรูปแบบ นอกจากนี้ ยังสามารถถ่ายสโลว์โมชันได้อย่างสวยงามบนคุณภาพ 4K 120P (หน่วงเวลาสูงสุด 5 เท่า) หรือ Full HD 240P (หน่วงเวลาสูงสุด 10 เท่า) รองรับไฟล์ได้หลายฟอร์แมตเพื่อการทำงานที่ครอบคลุม โหมดการถ่ายวิดีโอยังติดตั้งฟีเจอร์เด่นทั้ง Reduced rolling shutter distortion, Apple ProRes RAW external recording up to 8K 30p, Linear PCM 24-bit 4-channel input support, Heat dissipating structure, Optional cooling fan for longer high-resolution recording, Latest wireless/wired communication protocols (Wi-Fi 6/6E and 2.5G Base-T wired LAN) และอีกมากมาย

ให้ใช้ฟรี Dark Web Reporting Google เปิดฟีเจอร์ส่องไฟฉาย หาข้อมูลหลุดใน Dark Web

Dark Web Reporting

สำหรับฟีเจอร์ที่ Google กำลังจะเปิดใช้งานฟรีคือ คีรอฟ รีพอร์ทติ้ง ไม่ใช่ ! มันคือ Dark Web Reporting และ Results About You ทั้งสองฟีเจอร์ มีจุดประสงค์เพื่อช่วยให้เราควบคุมข้อมูลส่วนตัวของเราบนอินเทอร์เน็ตได้ดีมากขึ้น

สำหรับ Dark Web มันไม่ต่างอะไรกับเว็บทั่วไป แต่มันจะถูกซ่อนอยู่อย่างดีและเข้าถึงได้ยากกว่า เราจำเป็นต้องใช้ซอฟต์แวร์พิเศษเพื่อเข้าถึงและใช้เครื่องมือค้นหาพิเศษเพื่อเข้าไปในเว็บนั้น หนึ่งในนั้นคือ Tor Browser ซึ่ง Dark Web นั้นก็จะมีสิ่งผิดกฏหมายอยู่มากมาย ทั้งคลิปอนาจาร อาวุธ ข้อมูลความลับ หรือ ข้อมูลส่วนตัวของใครก็ตาม

หากแฮกเกอร์นำไปขายบน ebay มันก็จะดูโจ่งแจ้งไปเนอะ Dark Web ก็เลยเป็นเหมือนตลาดมืดที่พวกเขานิยมนำสิ่งผิดกฏหมายมาขายกัน

ฟีเจอร์นี้ ดียังไง?
1.ตรวจพบข้อมูลรั่วไหลก่อน ฟีเจอร์นี้จะสแกน Dark Web อย่างต่อเนื่อง เพื่อหาข้อมูลส่วนตัวของเรา เช่น ชื่อ อีเมล หรือหมายเลขโทรศัพท์
2.ป้องกันการถูกแฮกได้ โดยหากเจอข้อมูลหลุด เราก็ทำการเปลี่ยนรหัสผ่านก่อนที่จะโดนโจมตี
3.ลดความเสี่ยงในการถูกหลอกลวง เพราะหากเรารู้ว่ามีข้อมูลหลุด แน่นอนว่า เราก็จะระวังตัวมากขึ้น หรืออาจจะเปิดใช้งาน 2FA ได้เสียที

สำหรับ Dark Web Reporting ปกติแล้ว จะมีให้ใช้สำหรับคนใช้งาน Google one (เสียเงิน) แต่อีกไม่นาน Google กำลังเปิดใช้ฟรีนะ แต่ยังไม่แน่ใจว่า ใช้ในประเทศหรือภูมิภาคไหนก่อน รอดูกันครับ

ที่มา
https://www.popsci.com/diy/google-dark-web-reports-free/

เตือนภัย หลอกลงทะเบียนรับสิทธิ์ ดิจิทัลวอลเล็ตปลอม

หลอกลงทะเบียน

ช่วงไหนที่มีข่าวเรื่อง Digital Wallet ก็จะมีโจรออนไลน์ พยายามหาประโยชน์จากเรื่องนี้แหละนะ แต่รัฐบาลออกมาบอกแล้วว่า มันหลอกลวง

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่อ้างว่าส่งลิงก์มาจากหน่วยงานรัฐ มีให้กดลงทะเบียนรับสิทธิ์ หรือติดตั้งแอปพลิเคชันเพิ่ม นั้นไม่เป็นความจริง เพราะโครงการยังอยู่ระหว่างเตรียมการละเอียด และให้ประชาชนรอแถลงข่าวอย่างเป็นทางจากรัฐเท่านั้น

ตอนนี้ ขอเตือนให้ประชาชนระมัดระวัง อย่าเชื่อ อย่าแชร์ ส่งลิงก์ลงทะเบียนขอรับสิทธิ์ ดิจิทัลวอลเล็ต ในแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Line และอย่าหลงเชื่อหากมีการส่งข้อความ SMS ให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันลงทะเบียนขอรับสิทธิ์ โดยวิธีการเหล่านี้ เป็นการหลอกลวงของมิจฉาชีพออนไลน์

ซึ่งหากเรากดลิงก์ หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน พร้อมกรอกข้อมูลส่วนตัว อาจทำให้ข้อมูลส่วนตัวรั่ว หรืออาจถูกโอนเงินออกจากบัญชีธนาคารได้นะ

ที่มา DE

Cellebrite เจาะง่าย FBI ใช้เจาะรหัสมือปีน แฮกโทรศัพท์ได้ใน 2 วัน

Cellebrite

ไม่กี่วันมานี้ เราอาจจะได้เห็นข่าวใหญ่ระดับโลกที่ โดนัล ทรัมป์ อดีตประธานาธิปบดีของสหรัฐโดนลอบสังหารโดยเด็กหนุ่มอายุเพียง 20 ปี

เมื่อตำรวจจับตัวได้ แน่นอนว่า ก็ต้องเก็บรวบรวมหลักฐานทั้งหมด หนึ่งในนั้นคือข้อมูลใน Smart Phone ของมือปืน โดยพวกเขาใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Cellebrite ในการแฮกเข้าไป

FBI ไม่ได้เปิดเผยนะว่า โทรศัพท์ของมือปืนเป็นรุ่นอะไร แต่มันถูกตั้งรหัสผ่าน และการรับรองความถูกต้องด้วยไบโอเมตริก ซึ่งทำให้การคาดเดารหัสทำได้ยากกว่าเดิม แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถของ FBI

ส่วนตัวเดาว่า หากต้องใช้เครื่องมือราคาแพงอยาก Cellebrite ที่มาจากอิสราเอล ก็น่าจะต้องเป็นเครื่องฝั่ง iOS แหละ ซึ่ง FBI และ Apple ก็เคยมีปัญหากันเรื่องนี้มาก่อน

โดย FBI เคยขอให้ศาลสั่ง Apple ให้ปลดล็อครหัสผ่านบน iPhone 5c ของ Syed Rizwan Farook ซึ่งเป็นหนึ่งในสองผู้กระทำความผิดในการโจมตีของผู้ก่อการร้ายที่ Inland Regional Center ในซานเบอร์นาร์ดิโน แคลิฟอร์เนีย แต่ Apple ปฏิเสธโดยอ้างว่า ไม่สามารถทำให้ได้ FBI จึงต้องหันไปพึ่ง Cellebrite

และตอนนี้ ก็มีเครื่องมือใหม่ชื่อว่า Grayshift โดยเป็นอุปกรณ์ที่นิยมในหมู่หน่วยงานผู้บังคับใช้กฏหมาย รองรับการเข้าถึงสำหรับอุปกรณ์ต่าง ๆ ทั้ง Apple iOS 17 , Samsung S24 และ Google Pixel 6 และ 7

สิ่งนี้กำลังบอกอะไรกับเรา ? ก็ต้องบอกว่า แม้เราจะมั่นใจในอุปกรณ์ของเรามากขนาดไหน มันก็จะมีเครื่องมือที่สามารถเจาะเข้าไปในนั้นได้ ไม่อยากจะคิดว่า หากมันตกไปอยู่ในมือของผู้ไม่หวังดี หรือโจร มันจะเกิดอะไรขึ้น แต่ส่วนใหญ่แล้ว เครื่องมือพวกนี้ก็จะทำสัญญาซื้อขาย ระหว่างรัฐ กับ รัฐเท่านั้นแหละ คงไปหลุดไปง่าย ๆ

ที่มา
https://www.techspot.com/news/103837-fbi-unlocked-phone-trump-attempted-assassin-two-days.html

 

Hot Issue