Home Blog Page 53

Acer Day 2024 “AI’m Limitless” สู่ความเป็นไปได้ที่ไร้ขีดจำกัดด้วย AI

  • Acer Day 2024 แคมเปญประจำปีระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 ภายใต้ธีม “AI’m Limitless” มุ่งสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนก้าวข้ามขีดจำกัดของตนเองและเปิดประสบการณ์การใช้งานใหม่ ๆ ผ่านผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายของเอเซอร์
  • ร่วมรับชมวิดีโอการทำภารกิจ AI’m Limitless Mission โดยตัวแทนคนรุ่นใหม่ทั้งจากประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค ที่จะมาถ่ายทอดเรื่องราวการทำภารกิจผ่านการใช้ AI ในเดือนสิงหาคม 2567 นี้ผ่านเพจ Acer Thailand Facebook
  • พบผลิตภัณฑ์และโปรโมชั่นพิเศษ ได้ที่หน้าร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศที่ร่วมรายการ ร่วมลุ้นทองคำแท่ง และ Digital Voucher มูลค่ารวมกว่า 900,000 บาท เมื่อลงทะเบียนและยืนยันสิทธิ์ผ่าน Line Official Account @AcerThailand
  • อีเวนต์ใหญ่ Acer Day 2024 ณ ลาน Work & Play ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พระราม 9 พบนวัตกรรมสุดล้ำกับเทคโนโลยี AI โปรโมชัน กิจกรรมพิเศษต่างๆ พร้อมมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดังตัวแทนคนรุ่นใหม่
  • ร่วมสนุกกับกิจกรรม Acer Social Challenge ปลดปล่อยพลังความคิดสร้างสรรค์ร่วมกับพลังที่ไร้ขีดจำกัดของ AI ในสไตล์ของตัวเองผ่านโซเชียลแพลตฟอร์ม และแนบลิงค์แชร์ใต้โพสต์กิจกรรม Acer’s Social Challenge ใน Facebook: AcerThailand ชิงรางวัลโน้ตบุ๊ก Acer Swift Go 14 จากเอเซอร์

กลับมาอีกครั้งเป็นปีที่ 8 กับ Acer Day 2024 แคมเปญระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่จัดขึ้นพร้อมกันใน 13 ประเทศ ปีนี้นำเสนอในธีม ‘AI’m Limitless’ เพื่อให้ผู้ใช้งานได้สัมผัสผลิตภัณฑ์ล่าสุดจากเอเซอร์ที่ได้ออกแบบมาเพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้งานและปลดล็อกศักยภาพที่ซ่อนอยู่เพื่อทำสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้น ในงาน Acer Day 2024 เอเซอร์ได้ร่วมกับอินเทลนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน การสร้างสรรค์ การเล่นเกมและความบันเทิงต่างๆ รวมถึงความปลอดภัยและอื่นๆ ด้วยเทคโนโลยีในการจัดการ AI ภายในเครื่องเช่น CPU, GPU และ NPU เพื่อดึงศักยภาพของ AI ออกมาได้อย่างเต็มรูปแบบให้ผู้ใช้งานได้เข้าถึงและปลดล็อกศักยภาพของตนเองช่วยผลักดันขีดจำกัดของเทคโนโลยีและส่งเสริมแนวคิดสร้างสรรค์และความสามารถใหม่ๆ ให้กับผู้ใช้งาน

ปัจจุบัน AI เข้ามามีอิทธิพลต่อชีวิตผู้คนมากขึ้น ทำให้ขอบเขตของความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการขยายแบบไร้ขีดจำกัด เอเซอร์ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ จึงมุ่งมั่นที่จะนำเสนอเครื่องมือที่ผู้คนต้องการเพื่อค้นหาศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัดเพื่อช่วยให้ความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการเป็นจริง

การก้าวสู่การเป็นไลฟ์สไตล์แบรนด์ของเอเซอร์ เรามุ่งมั่นที่จะเพิ่มคุณค่าแก่ประสบการณ์ในชีวิตประจำวันด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย Acer Day 2024 มีจุดมุ่งหมายเพื่อเน้นย้ำว่าผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและขับเคลื่อนด้วย AI ของ Acer จะช่วยยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้ และปลดล็อกพลังความคิดสร้างสรรค์และความสำเร็จให้กับผู้ใช้งานได้อย่างไร” นายแอนดรู โฮว ประธานภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก, เอเซอร์ อิงค์ กล่าว

ติดตามออฟฟิเชียลวิดีโอแคมเปญ Acer Day 2024 ได้ในวันที่ 2 สิงหาคม 2567 และร่วมรับชมวิดีโอการทำภารกิจ AI’m Limitless Mission จากคนรุ่นใหม่ตัวแทนประเทศไทยที่จะมาถ่ายทอดเรื่องราวการทำภารกิจผ่านการใช้ AI ได้ที่ Facebook: AcerThailand, Instagram: acerthailand และ YouTube: Acerthailand ได้ในวันที่ 3 สิงหาคม 2567 เป็นต้นไป

นายนิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่า
“เอเซอร์มุ่งมั่นในการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทำให้เอเซอร์ได้รับความเชื่อมั่นและไว้วางใจจากผู้บริโภคด้วยดีเสมอมา การันตีด้วยรางวัลต่างๆ ที่ได้รับมาอย่างต่อเนื่อง เช่น รางวัล 2024 Thailand’s Most Admired Brand, 2023-2024 Thailand’s Most Admired Company และรางวัลล่าสุด No.1 Brand Thailand 2024 เป็นการยืนยันถึงความสำเร็จที่มุ่งเน้นด้านนวัตกรรม ด้านคุณภาพของผลิตภัณฑ์และการบริการ เอเซอร์ขอขอบคุณทุกความเชื่อมั่นและความไว้วางใจ และจะไม่หยุดพัฒนาในด้านต่างๆ เพื่อให้ผู้บริโภคได้มั่นใจในผลิตภัณฑ์และบริการของเอเซอร์ต่อไป”

“ปี 2024 นับเป็นอีก 1 ปีที่มีความท้าทายของเอเซอร์จากการเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีที่รวดเร็ว พฤติกรรมของผู้บริโภคที่ตอบรับกับการขยายตัวอย่างไร้ขีดจำกัดของ AI งาน Acer Day 2024 ภายใต้ธีม #AI’m Limitless เป็นการกลับมาจัดงานเต็มรูปแบบหลังจากที่ปรับเปลี่ยนกิจกรรมเป็นรูปแบบออนไลน์ในช่วงวิกฤติโควิดที่ผ่านมา และด้วยความร่วมมือกับอินเทล เอเซอร์พร้อมนำเสนอประสบการณ์ด้าน AI ให้กับผู้ใช้งานด้วยศักยภาพของพลังและประสิทธิภาพการประมวลผลด้วยผลิตภัณฑ์หลายรุ่นจากเอเซอร์ ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานได้ปลดล็อกศักยภาพด้านความคิดสร้างสรรค์ และยกระดับความสามารถของตัวเองในยุคที่ AI กำลังขยายตัวอย่างไร้ขีดจำกัด โดยในแคมเปญ Acer Day ได้จัดแบ่งออกเป็น 3 ส่วนดังนี้

  1. โปรโมชั่นหน้าร้านค้าตัวแทนจำหน่ายเอเซอร์ที่ร่วมแคมเปญ เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ Acer, Predator หรือ Acerpure ทุกรุ่นที่ร่วมรายการ รับสิทธิ์ลุ้นโชคทองคำแท่งหนัก 1 บาท และ Digital Voucher มูลค่า 30,000 บาท เพียงลงทะเบียนสินค้าผ่านทาง Line Official Account @AcerThailand ตั้งแต่วันที่ 1-31 สิงหาคม 2567
  2. Event Acer Day 2024 “AI’m Limitless” – พบกับผลิตภัณฑ์หลากหลายรุ่นพร้อมสัมผัสประสบการณ์เทคโนโลยี AI จากเอเซอร์ รวมถึงโปรโมชั่น และกิจกรรมพิเศษต่างๆ ภายในงาน ณ ลาน Work & Play ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พระราม 9 ตั้งแต่วันที่ 1-4 สิงหาคม 2567

1 สิงหาคม: Early Bird มาก่อนได้สิทธิ์ก่อน! วันเดียวเท่านั้น! รับ Cash Back มูลค่าสูงสุด 5,000 บาท สำหรับซื้อสินค้า Acer หรือ Predator มูลค่า 20,000 บาทขึ้นไป *จำนวนจำกัด

1-4 สิงหาคม:  

  • Unlocked Game ลุ้นเป็นเจ้าของโน้ตบุ๊ก Acer หรือ Predator ฟรี! เพียงร่วมสนุกกิจกรรมกดรหัสปลดล็อกเครื่อง กดรหัสถูกต้องรับเครื่องโน้ตบุ๊กกลับบ้านไปเลย
  • Clearance Zone พบผลิตภัณฑ์ Clearance จากเอเซอร์ ส่วนลดสูงสุดถึง 80%
  • Product Demo อัพเดทนวัตกรรมสุดล้ำ ผลิตภัณฑ์ไอทีและไลฟ์สไตล์ ที่ยกทัพมาอวดโฉม โชว์ศักยภาพในงาน ดังนี้ AI Gen, Go Green, Go Game, Lifestyle
  • Free Check UP บริการตรวจเช็คสภาพโน้ตบุ๊ก Acer และ Predator ฟรี! พร้อมรับส่วนลด 30% เมื่อซื้อประกันโน้ตบุ๊ก ACER SuperCare Pack
  • มินิคอนเสิร์ต จากศิลปิน NONT TANONT, VIIS, bamm, เจมีไนน์ นรวิชญ์, ลูกแก้วและอันดา

พร้อมปลดล็อกประสบการณ์ AI’m Limitless ด้วยไฮไลท์ผลิตภัณฑ์ที่รองรับการใช้งานแอป AI ได้ในงาน

  • Acer Swift Go 14 และ Acer Swift Go 16 ปลดล็อกประสบการณ์ AI ด้วยโน้ตบุ๊กดีไซน์บางเบา บอดี้อลูมิเนียม จอแสดงผล 14” OLED 2.8K 14” (2880×1800) และหน้าจอสัมผัส 16” OLED 3.2K (3200×2000) ผสานประสิทธิภาพทรงพลังจาก Intel® Core™ Ultra กราฟิก Intel® Arc™ พร้อม Copilot ผู้ช่วย AI ที่ช่วยทำงานได้มากขึ้นและเร็วกว่าที่เคยด้วยการสนับสนุน Generative AI ที่สามารถเข้าถึงได้ด้วยการกดปุ่ม Copilot Key เพียงปุ่มเดียว มาพร้อมฟีเจอร์ AI ช่วยยกระดับประสิทธิภาพการใช้งานด้วย Acer Live Art ช่วยแต่งภาพพื้นหลังหรือแก้ไขภาพต่างๆ ทำงานร่วมกับ Windows Photo Viewer, Acer Purified VoiceTM ควบคุมและตัดเสียงรบกวนรอบด้านด้วยระบบ Beamforming และ AI Noise Reduction ให้เสียงชัดเจนและคมชัดสูงสุด, Acer Purified View ที่ทำงานร่วมกับ Intel® AI Boost ช่วยจัดการแอปพลิเคชั่นด้วย AI ช่วยปรับการใช้พลังงาน เพิ่มประสิทธิภาพและจัดการภาพวิดีโอทั้งพื้นหลังกันเบลอ การจัดเฟรมอัตโนมัติ สำหรับการประชุมออนไลน์ สตรีมสด
  • Acer Aspire Vero โน้ตบุ๊กรักษ์โลกอีโค่ดีไซน์ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ตัวเครื่องและขอบจอผลิตด้วยวัสดุรีไซเคิล PCR40% ผสานฟีเจอร์การทำงานทันสมัย ขับเคลื่อนด้วยพลังประมวลผลสูงสุด Intel® Core™ Ultra 5 พร้อม Intel® AI Boost ให้ประสบการณ์การใช้งานระดับพรีเมี่ยม อายุการใช้งานแบตเตอรี่นานสูงสุด 10.5 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง Copilot Key บนระบบปฏิบัติการ Windows เทคโนโลยี AI ช่วยเชื่อมต่อ จัดการและควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ ช่วยประหยัดเวลาและพลังงาน กล้องเว็บแคมความละเอียด 1440p QH และ AcerPurifiedVoice พร้อม AI ที่ช่วยขจัดเสียงรบกวนเมื่อใช้งานในระบบประชุมออนไลน์ พร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 11
  • PREDATOR HELIOS NEO 14 เกมมิ่งโน้ตบุ๊กขุมพลัง Intel® Core™ Ultra ปลดล็อคประสบการณ์ AI ยกระดับประสิทธิภาพการทำงานของโน้ตบุ๊ก ให้ภาพคมชัดด้วยกราฟิก NVIDIA® GeForce RTX™ 40 Series Laptop GPUs รองรับเทคโนโลยี DLSS 3.5 ล่าสุดที่ใช้ AI ช่วยในการสร้างภาพแบบเรย์เทรซิง จอแสดงผล WQXGA รองรับช่วงสี sRGB 100% และเทคโนโลยี NVIDIA G-SYNC® ให้ประสบการณ์การเล่นเกมที่ราบรื่นไม่สะดุด พร้อมเทคโนโลยีการควบคุมอุณหภูมิที่ทันสมัยด้วยพัดลมคู่ เทคโนโลยี 5th Gen AeroBlade™ 3D จากเอเซอร์ พร้อมเทคโนโลยี Vortex Flow ที่ทำงานร่วมกันกับฮีทไปป์ เพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนขั้นสูง จัดการความร้อนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
  • Acer Social Challenge เชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมปล่อยพลังความคิดสร้างสรรค์ร่วมกับพลังที่ไร้ขีดจำกัดของ AI ในภารกิจ AI’m Limitless Mission ด้วยการสร้างสรรค์ผลงานในธีม Take Acer On Adventure ภายใต้หัวข้อที่กำหนดโดยมี Prompt AI เป็นเครื่องมือและนำเสนอผลงานบนช่องทางโซเชียลของตนเองพร้อมติดแฮชแท็ก#AcerDay2024 #AimlimitlessChallenge #TakeAcerOnAdventureChallenge #AcerThailand ชิงรางวัล Acer Swift Go 14 จำนวน 1 รางวัล และรางวัลอื่นๆ รวมมูลค่ากว่า 50,000 บาท สามารถเข้าร่วมกิจกรรมนี้ได้ที่ช่องทาง Acer Thailand Facebook ตั้งแต่วันที่ 5-30 สิงหาคม 2567 และประกาศชื่อผู้ชนะวันที่ 7 กันยายน 2567

ติดตามรายละเอียดการจัดงานได้ที่ https://acerthailand.com/articles/acer-day-2024-event/ และผลิตภัณฑ์ที่ร่วมรายการ โปรโมชั่นในแคมเปญ Acer Day 2024 ที่ https://acerthailand.com/acer-day-2024/ หรือที่ตัวแทนจำหน่ายเอเซอร์ที่ร่วมรายการ และ Acer Online Store ช่องทางโซเชียล Facebook: AcerThailand Facebook, Instagram: AcerThailand

#AcerDay2024 #AimlimitlessChallenge #TakeAcerOnAdventureChallenge #AcerThailand

มาถึงไทยแล้ว! สาวก Dyson เตรียมช็อป Dyson Airstrait™ เครื่องหนีบผมไร้แผ่นความร้อนรุ่นแรกจาก Dyson พร้อมให้เป็นเจ้าของ 26 กรกฎาคมนี้

สิ้นสุดการรอคอย Dyson ประเทศไทยเปิดตัว Dyson Airstrait™ นวัตกรรมเครื่องหนีบผมด้วยกระแสลม ปราศจากแผ่นความร้อน ช่วยให้ผมมีน้ำหนัก ตรงสวยอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งประหยัดเวลาและไม่ทำให้เส้นผมถูกทำร้ายจากความร้อน

ด้วยความมุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้ชีวิตประจำวันของผู้ใช้งานเป็นเรื่องง่ายขึ้น Dyson ได้ประกาศเปิดตัว Dyson Airstrait™ เครื่องหนีบผมรุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งถือเป็นการปฏิวัติขั้นตอนการจัดแต่งทรงผมแบบก้าวกระโดด โดยสามารถยืด เป่าแห้ง และจัดแต่งทรงให้ผมเรียบลื่นได้แม้ขณะผมเปียกด้วยกระแสลม โดยไม่ใช้แผ่นความร้อน และไม่ทำร้ายเส้นผม 

หลังจากเป็นที่กล่าวถึงอย่างล้นหลาม ตั้งแต่เปิดตัวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา วันนี้ Dyson ประเทศไทยได้ประกาศเปิดตัว Dyson Aitstrait™ เครื่องหนีบผมไร้แผ่นความร้อนรุ่นแรกของ Dyson อย่างเป็นทางการและเผยวันที่จะวางขายเป็นที่เรียบร้อย โดยจะจำหน่ายที่ Dyson Demo Store ทุกสาขาในวันที่ 26 กรกฎาคมนี้ แต่พิเศษสำหรับสาวก Dyson ที่อยากได้เครื่อง Dyson Airstrait ไปใช้เป็นคนแรกๆ ของประเทศไทย Dyson Demo Store สาขา Central World จะวางจำหน่ายก่อนใครในวันที่ 25 กรกฎาคม เพียงสาขาเดียวเท่านั้น 

“จากความเข้าใจในการควบคุมการไหลเวียนของอากาศและการนำศักยภาพของกระแสลมมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ วันนี้เราได้เปิดตัว Dyson Airstrait™ เครื่องหนีบผมรุ่นแรกของ Dyson ที่ผลิตมาเพื่อใช้งานในขณะผมเปียกและแห้ง (wet to dry) โดยไม่ใช้แผ่นความร้อน ซึ่งถูกออกแบบโดยคำนึงถึงการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน ร่วมกับการศึกษาและวิจัยวิทยาศาสตร์เกี่ยวเส้นผมของผู้ใช้งานทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย ให้ผู้ใช้งานชาวไทยได้สัมผัสประสบการณ์การจัดแต่งทรงผมที่เหนือชั้นไปอีกขั้น มอบความสะดวกสบาย ประหยัดเวลา แต่ไม่ทำร้ายเส้นผม”

เครื่องหนีบผม Dyson Airstrait™ ได้รับการออกแบบให้เหมาะกับการใช้ในทุกสภาพเส้นผม ช่วยในการจัดแต่งผมให้ตรงสวย พร้อมดูมีน้ำหนัก พลิ้วไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่ยังคงความแข็งแรงและดูสุขภาพดีอยู่เสมอ โดยแกนหนีบผมทั้งสองด้านจะหนีบรับเส้นผม พร้อมปล่อยกระแสลมจากใบพัดแรงดันสูงที่บังคับทิศทางลมให้ตรงไปสู่เส้นผมภายในแกนหนีบด้วยองศาที่แม่นยำ เพื่อเป่าแห้งและยืดผมเรียบตรงในเวลาเดียวกันด้วยเครื่องหนีบผมเพียงเครื่องเดียว

กระแสลมพร้อมระบบควบคุมที่แม่นยำ

แกนทั้งสองด้านของเครื่องหนีบผมประกอบไปด้วย 2 ช่องสำหรับปล่อยกระแสลมขนาด 1.5 มิลลิเมตร ที่จะปล่อยกระแสลมความดันสูงออกจากแกนทั้งสองด้านในมุม 45 องศา ผสานพลังเพื่อสร้างกระแสลมและควบคุมให้ลมกดต่ำลงในทิศทางเดียวเพื่อรีดผมให้เรียบตรงขณะเป่าแห้งไปพร้อมกัน ซึ่งกระแสลมที่ถูกควบคุมทิศทางนี้จะช่วยจัดแต่งเส้นผมให้เรียบลื่นและเงางาม

วิทยาศาสตร์เบื้องหลังการจัดแต่งทรงผม

Dyson ได้ค้นคว้าวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ของการจัดแต่งทรงผมมานานกว่าทศวรรษ โดยทีมวิศวกรของ Dyson ได้ศึกษาค้นคว้าทุกส่วนสำคัญอย่างละเอียด ตั้งแต่โครงสร้างเส้นผมไปจนถึงพลวัตหรือการเคลื่อนไหวของกระแสลม พร้อมศึกษาเพื่อทำความเข้าใจถึงปัจจัยที่ทำร้ายเส้นผมไม่ว่าจะเป็นความร้อน การดูแลที่ไม่เหมาะสม และสารเคมี ไปจนถึงผลกระทบที่จะเกิดต่อสุขภาพผม

ในการจัดแต่งทรงผม พันธะไฮโดรเจนในเส้นผมแต่ละเส้นจะต้องถูกทำลายและปรับใหม่เพื่อกำหนดรูปร่างใหม่ให้เส้นผมผ่านการใช้ความร้อนหรือความชื้น ซึ่งการจัดแต่งทรงผมพร้อมเป่าผมให้แห้งด้วยกระแสลมที่มีแรงดันสูง ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้ความร้อนที่สูงเกินไป ซึ่งจะช่วยลดความชี้ฟูของเส้นผมให้น้อยลง พร้อมช่วยคงความเงางามดูเป็นธรรมชาติให้กับเส้นผม

ขณะที่ผมเปียก ‘น้ำ’ จะทำให้พันธะในเส้นผมอ่อนแอลง มีความยืดหยุ่นมากขึ้น และสามารถสร้างรูปแบบได้ใหม่เมื่อผมแห้งโดยไม่ต้องใช้อุณหภูมิที่สูงเกินไป เราจึงค้นพบวิธีการจัดแต่งทรงผมที่ทำร้ายเส้นผมน้อยลง ผ่านการใช้ความร้อนในระดับที่เหมาะสมและกระแสลมที่ควบคุมทิศทางได้ การจัดแต่งทรงผมด้วยกระแสลมช่วยให้ได้ผลลัพธ์ทรงผมที่เรียบตรง ทว่ายังดูมีน้ำหนักและวอลลุ่ม เมื่อเส้นผมแห้งและเรียงตัวแล้ว พันธะในเส้นผมจะถูกปรับรูปแบบใหม่ และทำให้ผมอยู่ทรง 

มอเตอร์ Dyson Hyperdymium

เครื่องหนีบผม Dyson Airstrait™ ใช้มอเตอร์ Hyperdymium ที่ได้รับการพัฒนาด้านวิศวกรรมมาโดยพิเศษ เพื่อนำมาปรับใช้ให้กลายเป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยีการดูแลเส้นผมของ Dyson โดยมอเตอร์นี้มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา แต่ทรงพลังมากพอที่จะสร้างกระแสลมเพื่อเป่าแห้งและรีดผมให้เรียบตรงได้ในเวลาเดียวกัน ด้วยใบพัด 13 แฉกหมุนพัดเร็วถึง 106,000 รอบต่อนาที ซึ่งสร้างกระแสลมได้กว่า 11.9 ลิตรต่อวินาที และสร้างแรงดันอากาศมากถึง 3,500 กิโลปาสกาล ซึ่งเพียงพอสำหรับการยืดผมพร้อมเป่าแห้ง และด้วยมอเตอร์ที่มีขนาดเพียง 27 มิลลิเมตร จึงเล็กพอที่จะใส่ไปในด้ามจับและช่วยผลิตกระแสลมที่ทรงพลังให้แก่เครื่องหนีบผม

ระบบอัจฉริยะควบคุมความร้อน

เช่นเดียวกับกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมอื่น ๆ ของ Dyson เครื่องหนีบผม Dyson Airstrait™ มีระบบอัจฉริยะควบคุมความร้อน เป็นเทอร์มิสเตอร์หุ้มแก้วสำหรับวัดอุณหภูมิกระแสลมที่ปล่อยออกมาได้ถึง 16 ครั้งต่อวินาที ข้อมูลอุณหภูมิดังกล่าวจะถูกส่งไปให้ไมโครโปรเซสเซอร์ที่ทำหน้าที่กำหนดอุณหภูมิ เพื่อให้แน่ใจว่ากระแสลมจะไม่มีอุณหภูมิที่ร้อนเกินมาตรฐานที่ตั้งไว้ เพื่อป้องกันความเสียหายของเส้นผมจากความร้อน และคงความเงางามของเส้นผม

สองโหมดจัดแต่งทรงผม พร้อมระบบควบคุมอุณหภูมิ

เครื่องหนีบผม Dyson Airstrait™ ประกอบด้วยโหมดจัดแต่งทรงผมแบบ ‘เปียก’ และ ‘แห้ง’ รวมถึงโหมด ‘เป่าเย็น’ เพื่อเซ็ตทรงผม โดยโหมดเปียกและแห้งเป็นโหมดที่ถูกตั้งระดับความร้อนและกระแสลมไว้ล่วงหน้าเพื่อผลลัพธ์ทรงผมที่ดีที่สุด สำหรับโหมด ‘เปียก’ ผู้ใช้งานสามารถเลือกอุณหภูมิความร้อนได้ 3 ระดับ ตั้งแต่ 80, 110, และ 140 องศาเซลเซียส และสำหรับโหมด ‘แห้ง’ ผู้ใช้งานสามารถเลือกอุณหภูมิระหว่าง 120 หรือ 140 องศาเซลเซียส หรือสามารถเพิ่มอุณหภูมิด้วยตัวเองในโหมด ‘boost’ ขณะที่ระบบควบคุมกระแสลมจะมีทั้งหมด 2 ระดับความเร็ว ได้แก่ แรงลมต่ำและแรงลมสูง รวมถึงลมเย็นและโหมดเป่าแห้งที่โคนผม   

เครื่องหนีบผม Dyson Airstrait™ พร้อมวางจำหน่ายในราคา 19,900 บาท ที่ Dyson.co.th และ Dyson Demo Store ทุกสาขา ในวันที่ 26 กรกฎาคม และวางจำหน่ายพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 1 สิงหาคม พิเศษ! สำหรับผู้ที่อยากเป็นเจ้าของ Dyson Airstrait ก่อนใคร สามารถมาจับจองกันได้ในวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ Dyson Demo Store สาขา CentralWorld ที่เดียวเท่านั้น

กำหนดการวางจำหน่าย Dyson Airstrait™ ในประเทศไทย

25 กรกฎาคม 2567 – วางจำหน่ายก่อนใคร เฉพาะที่ Dyson Dyson Demo Store สาขา CentralWorld เท่านั้น

26 กรกฎาคม 2567 – วางจำหน่ายที่ Dyson.co.th และ Dyson Demo Store ทุกสาขา

1 สิงหาคม 2567 – วางจำหน่ายที่จุดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Dyson ทั่วประเทศ

2C2P ยกระดับ easyBills+ ด้วยการชำระเงินแบบอัตโนมัติผ่านบัตรมาสเตอร์การ์ด เพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้บริการ

ผู้ถือบัตรมาสเตอร์การ์ดลุ้นรับรางวัลมูลค่ารวม 1.7 ล้านบาท เพียงร่วมแคมเปญเปิดตัววันนี้

บริษัท ทูซีทูพี (ประเทศไทย) จำกัด (2C2P) ประกาศการยกระดับการชำระบิลให้สะดวกสบายยิ่งขึ้นแก่ลูกค้าโดยการผูกบัตรเครดิตมาสเตอร์การ์ดของตน เพื่อตัดจ่ายบิลหรือเติมเงินอัตโนมัติได้ผ่านทางแพลตฟอร์ม easyBills+

นายปิยชาติ รัตน์ประสาทพร กรรมการผู้จัดการ บริษัททูซีทูพี (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมด้วย นางสาวณัชสิชา วรพฤกษ์พิสุทธิ์ รองประธานและหัวหน้าฝ่ายการพัฒนาตลาด มาสเตอร์การ์ด (ประเทศไทย) ประกาศความร่วมมือยกระดับ easyBills+ ให้สะดวกขึ้นกว่าที่เคย

โดยฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดนี้จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้บริการ ทำให้มั่นใจได้ว่าท่านสามารถชำระเงินได้ตรงเวลา และลดความจำเป็นในการป้อนข้อมูลด้วยตนเองทุกครั้งเวลาที่ต้องจ่ายบิลต่างๆ ด้วยการรับชำระเงินอัตโนมัติ ผู้ใช้จะไม่เสี่ยงต่อการพลาดวันครบกำหนดชำระเงินสาธารณูปโภคและบริการที่จำเป็นต่างๆ เช่น ค่าน้ำค่าไฟ สำหรับการลงทะเบียน ผู้ใช้สามารถทำได้อย่างง่ายดายด้วยการลงลงทะเบียนเพียงแค่ครั้งเดียวเพื่อตั้งค่าการชำระบิลแบบประจำหรือเติมเงินด้วยบัตรเครดิตที่ต้องการผ่านแอปพลิเคชัน easyBills+ หรือ https://ebills.asia/th

นับเป็นเวลากว่าทศวรรษแล้วที่ easyBills+ ให้บริการชำระค่าสาธารณูปโภค เติมเงินมือถือ เติมเงินทางด่วน รวมถึงการชำระภาษี โดยการปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากลสูงสุดอย่างเคร่งครัด

สำหรับการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ครั้งนี้ มาสเตอร์การ์ดได้ร่วมสนับสนุนแคมเปญโดยการมอบรางวัลมูลค่ารวมเกือบ 1.7 ล้านบาท สำหรับผู้ใช้ที่ลงทะเบียนและผูกบัตรเครดิตมาสเตอร์การ์ดที่ออกในประเทศ เพื่อชำระบิลหรือเติมเงินแบบอัตโนมัติตั้งแต่วันที่ 23 เดือนกรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป

  • รางวัลต่อที่ 1: รับฟรี Grab voucher code มูลค่า 200 บาท เมื่อชำระบิลหรือเติมเงินด้วยบัตรเครดิตมาสเตอร์การ์ดสำเร็จอย่างน้อย 3 รอบบิล ทั้งสิ้น 7,500 โค้ด รวมมูลค่า 5 ล้านบาท โค้ดสามารถใช้ได้จนกว่าจะหมด
  • รางวัลต่อที่ 2: ร่วมลุ้นรับรางวัลทองคำหนัก 1 กรัม มูลค่า 3,274.32 บาท (ราคาทองคำ ณ วันที่ 5 กรกฎาคม 2567) รวม 60 รางวัล มูลค่ากว่า 196,000 บาท สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนและชำระเงินสำเร็จอย่างน้อยหนึ่งครั้งโดยใช้บัตรเครดิตมาสเตอร์การ์ด ระหว่างวันที่ 23 กรกฎาคม 2567 ถึง 15 มกราคม 2568

ทั้งนี้ สามารถดูรายละเอียดและเงื่อนไขเพิ่มเติมที่เว็บไซต์: https://www.2c2p.com/easyBillsplus/th/Promotion2024.html

******

ขั้นตอนการสมัคร

เคาะวันแล้ว ลงทะเบียน Digital Wallet 1 ส.ค. ผ่านแอป “ทางรัฐ”

คนไทยเฮ Digital Wallet เปิดลงทะเบียน ผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม – 15 กันยายน 2567 สามารถดาวน์โหลดได้ทั้ง iOS และ Android

และเริ่มใช้จ่ายในโครงการฯ ภายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 (..-..) เพื่อไว้ใช้จ่ายระหว่างประชาชนกับร้านค้า หรือร้านค้ากับร้านค้า

โดยไม่จำกัดสิทธิ์หากมีคุณสมบัติครบถ้วน สามารถเข้าร่วมโครงการได้ ซึ่งรัฐบาลได้ประมาณการไว้จำนวน 45-50 ล้านคน

ขั้นตอนการสมัครผ่านแอปทางรัฐ” เตรียมตัวก่อนลงทะเบียนขอรับสิทธิ ยืนยันตัวตนตั้งแต่วันนี้เมื่อถึงเวลาเริ่มลงทะเบียนจะได้ไม่เป็นปัญหา

1. ดาวน์โหลดแอป

2. สมัครสมาชิก หรือเข้าสู่ระบบผ่าน ThaiID

3. เข้าสู่หน้าหลักให้เลือกหมวดหมู่ “นโยบายรัฐบาล” (อยู่หน้าสุด)

4. เลือกที่บริการลงทะเบียนขอรับสิทธิ Digital Wallet

5. ลงทะเบียนด้วยเบอร์โทรศัพท์ 

ส่วนคนที่ไม่มีสมาร์ทโฟนจะเปิดยืนยันตัวตนผ่านช่องทางที่กำหนดในระยะต่อไป

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://www.digitalwallet.go.th/ 

 

#ดิจิทัลวอลเล็ต #DigitalWallet #TechhubUpdate

ห้ามขายชิป AI ในจีน Nvidia อาจสูญเงินหมื่นล้าน สหรัฐฯ เล็งเพิ่มข้อจำกัดการค้า

[กีดกั้นเทค] เปิดตัวใหม่ก็เตรียมเจอกฏใหม่ หลังสหรัฐฯ กำลังพิจารณาข้อจำกัดทางการค้าอีกครั้ง ที่อาจขวางไม่ให้ Nvidia จำหน่ายตัวการ์ดประมวลผล AI ใหม่อย่าง HGX-H20 ในจีน เพื่อจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยี AI ขั้นสูงตามเดิม

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ Nvidia ได้เปิดตัว H20 หรือ HGX-H20 ชิป AI รุ่นใหม่ ที่ลดสเปกจากตัว Top อย่าง H100 โดยให้เหลือพลังประมวลผลที่ 296 TFLOPS กับมีชิปแรม HBM3 ในตัว 96GB และแบนด์วิธ 4.0 TB/s เพื่อให้สามารถส่งออกไปจำหน่ายในประเทศจีนได้ ตามข้อจำกัดทางการค้าที่ทางการสหรัฐฯ กำหนดไว้

ทว่าล่าสุดทางสหรัฐฯ เตรียมเพิ่มข้อกำหนดใหม่ คาดส่งผลให้ Nvidia ไม่สามารถส่งออกชิป H20 ไปยังจีนที่เป็นตลาดใหญ่ได้ ทำให้บริษัทอาจสูญเสียรายได้กว่า 12 พันล้านดอลลาร์ฯ หรือราว ๆ 4 หมื่นล้านบาทด้วย

คาดทางสหรัฐฯ มองว่า H20 แม้จะเป็นรุ่นลดสเปก แต่ก็ยังทรงพลังอยู่ดี และยังเหนือกว่าชิป AI อย่าง Ascend 920 ที่ Huawei พัฒนาขึ้นเองในจีนด้วย จนมีความกังวลว่าจะถูกนำไปพัฒนาอาวุธ AI ของจีนได้เหมือนเคย

ปัจจุบันหลายบริษัท AI ในจีนมีการใช้เทคโนโลยีจาก Nvidia มาช่วยประมวลผล จนสามารถสร้างบริการแอปฯ ออนไลน์ได้หลายอย่าง ทั้งยังมีการใช้บริการคลาวด์จาก Google และ Microsoft เป็นตัวกลางด้วยก็มี การจะเปลี่ยนมาใช้ชิป Ascend ของ Huawei แทนทั้งหมดนั้น ก็อาจต้องใช้ทั้งงบทั้งเวลาอย่างมหาศาล ดังนั้นความต้องการชิป AI จาก Nvidia ในจีนจึงมีมากเป็นพิเศษ มากจนทางการสหรัฐฯ หวั่นใจ

ที่มา : Tomshardware

จัดการได้ X เดินหน้าแก้ปัญหาสแปม เลิกฝังลิ้งก์ฝากร้านใต้โพสต์

แก้ปัญหาคนฝากร้าน ผู้ใช้งานสามารถกำหนดเองได้ หวังช่วยลดสแปม

เวลาเราอยู่บนหน้าฟีต เราจะเห็นโพสต์ที่น่าสนใจ หรือเป็นประเด็นที่เป็นกระแสอยู่ตอนนี้

เมื่อเราอยากอ่านความเห็นเพิ่มเติม กดเข้าไปในโพสต์กลับมีแต่ฝากร้านจนหลายคนเริ่มรำคาญ ไม่ใช่แค่คนที่ผ่านไปมาบนหน้าฟีต แต่เจ้าของโพสต์ก็เช่นกันเพราะใครที่ไม่รู้จักดันมาขายของบนโพสของตัวเองโดยไม่ได้รับอนุญาต

X กำลังเตรียมพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ที่จะช่วยจัดการกับโพสต์สแปมที่อยู่บนแอปพลิเคชั่นของตัวเอง ฟีเจอร์นี้จะให้ผู้ใช้สามารถติ๊กตัวเลือกนี้ได้หากไม่ต้องการให้ผู้อื่นมาโพสต์ขายของและใส่ลิ้งก์ Affiliate

หากเราไม่ต้องการให้ใครมาฝังลิ้งก์โฆษณา ก่อนโพสต์จะมีหัวข้อให้เลือก “Disable Links in Replies” เราสามารถเลือกได้ตามความต้องการ

ฝ่ายความปลอดภัยของ X ยืนยันว่ากำลังเตรียมพัฒนาฟีเจอร์นี้จริง เพื่อป้องกันสแปมบอท ลิ้งก์โฆษณา โปรโมตเว็บไซต์ของตนในโพสต์ของผู้อื่น 

และที่สำคัญจะช่วยคัดกรองลิ้งก์ที่เป็นอันตรายและการให้ข้อมูลเท็จอีกด้วย เพื่อป้องกันข่าวปลอมแพร่กระจายต่อไปบนโพสต์ที่กำลังเป็นกระแสหรือผู้คนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก

 

ที่มา : engadget 

#X #TechhubUpdate

แรงขั้นสุดด้วยพลังจาก AI Lenovo Yoga Slim 7i 14IMH9

Lenovo Yoga Slim 7i 14IMH9

ถ้าพูดถึง Yoga Slim  เรารู้กันดีอยู่แล้วว่า เป็นโน้ตบุ๊กที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่บางเฉียบและน้ำหนักเบา เหมาะสำหรับคนที่ต้องการพกพาไปใช้งานนอกสถานที่

แต่สิ่งที่ทำให้โน้ตบุ๊กรุ่นนี้เหนือกว่าคู่แข่งหรือรุ่นก่อน ๆ คือการมาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel® Evo Edition Core™ Ultra  7 ซึ่งเป็นชิปเจเนอเรชันใหม่ล่าสุดที่ออกแบบมาเพื่อให้ประสบการณ์ AI ที่เพิ่มมากขึ้น

ทำไมต้องเป็น Intel® Core™ Ultra ? ในขณะที่ปัจจุบัน มีชิปอื่น ๆ มากมายให้เราเลือก

Intel® Core™ Ultra เป็นซีพียู (CPU) เจนเนอเรชันใหม่ล่าสุดจาก Intel ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานกับโน้ตบุ๊กระดับพรีเมียมโดยเฉพาะ โดยมีจุดเด่นที่สำคัญคือ  สร้างขึ้นบนสถาปัตยกรรมไฮบริด 3D Performance Hybrid Architecture ที่ผสานรวม P-Core (Performance Core) และ E-Core (Efficient Core) เข้าด้วยกัน เพื่อประสิทธิภาพในการทำงานที่สูงขึ้นและการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า

ทำให้ไม่ว่าจะทำงาน วิดีโอคอล งานครีเอทีฟสร้างสรรค์ หรือเล่นเกม Intel® Core™ Ultra จะช่วยสร้างความเป็นไปได้ทั้งหมด สามารถช่วยประมวลผลเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงแต่ใช้พลังงานต่ำ

ชิปดังกล่าว ยังรองรับเทคโนโลยี Thunderbolt™ 4 ในตัว รองรับการเชื่อมต่อจอแสดงผลหลายจอ พื้นที่เก็บข้อมูล การชาร์จ และอุปกรณ์ต่อพ่วงอื่น ๆ ได้รวมทั้งยังรองรับ Intel® WiFi 7 และ Intel® Wi-Fi 6E และ Bluetooth 5.4 และ 5.3 ให้ประสิทธิภาพไร้สายที่เต็มเปี่ยม และช่วยให้การทำงานต่าง ๆ เป็นไปอย่างไหลลื่น

นอกจากนี้ ยังมาพร้อม NPU ในตัว หน่วยประมวลผลเฉพาะทางที่ออกแบบมาเพื่อทำงานเกี่ยวกับ AI และ Machine ทำให้เราสามารถทำงานได้อย่างมั่นใจและใช้งานได้ยาวนานขึ้นต่อวัน นับเป็นโปรเซสเซอร์รุ่นแรกที่มี CPU, NPU และ GPU แยกกันโดยเฉพาะ

Intel® Core™ Ultra ยกระดับ AI ไปอีกขั้น ด้วยความสามารถในการสร้างภาพหรือเพลงจากข้อความ หรือปรับปรุงรูปภาพและวิดีโออย่างเหนือชั้นในไม่กี่คลิก ในขณะที่ยังคงความเป็นส่วนตัวโดยเก็บข้อมูลของเราไว้ในเครื่องครับ  และด้วยประสบการณ์ของ Intel เขามั่นใจว่า ชิปตัวนี้ จะช่วยเร่งความเร็วให้กับแอปที่เราใช้งานได้เป็นอย่างดี

ภายในยังมีฟีเจอร์ที่เรียกว่า  Intel® AI Boost เป็นกลไก AI แบบบูรณาการสำหรับการเร่งความเร็ว AI ที่ใช้พลังงานต่ำและออฟโหลด CPU/GPU ในขณะที่ Intel® Gaussian & Neural Accelerator จะถูกใช้เพื่อประมวลผลแอปพลิเคชันคำพูดและเสียงของ AI และก็ลดการใช้ทรัพยากรของ CPU เพื่อประสิทธิภาพและการตอบสนองของระบบโดยรวม เจ๋งสุด ๆ

นอกจากนี้ Techhub อยากพาไปดูว่า  Lenovo Yoga Slim 7i 14IMH9  ยังมาพร้อมกับสัญลักษณ์  Intel® Evo™  Edition  ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ Intel ร่วมมือกับผู้ผลิตโน้ตบุ๊กแบรนด์ต่าง ๆ  เพื่อสร้างสรรค์อุปกรณ์ที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้สมบูรณ์แบบ

โน้ตบุ๊กรุ่นไหนที่ได้สัญลักษณ์ Intel® Evo™ จะต้องผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวดในด้านต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้จะได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด คุณสมบัติที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ จะถูกสร้างขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มั่นใจว่า โน้ตบุ๊กที่มีสัญลักษณ์ Intel® Evo™ เป็นอุปกรณ์พรีเมี่ยมมากที่สุด  

Lenovo Yoga Slim 7i 14IMH9

จุดเด่นของคอมที่มีสัญลักษณ์ Intel® Evo™

แบตเตอรี่อึด ใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่อง แถมยังชาร์จเร็วทันใจ โดยใช้งานได้สูงสุดถึง 8 ชั่วโมง

การเชื่อมต่อที่รวดเร็ว รองรับ Wi-Fi 7 และ Thunderbolt 4 เพื่อการเชื่อมต่อที่รวดเร็วและเสถียร

ภาพและเสียงคมชัด  หน้าจอแสดงผลคุณภาพสูงและระบบเสียงที่ยอดเยี่ยม มอบประสบการณ์การรับชมคอนเทนต์ที่สมจริง

การออกแบบที่ทันสมัย: บางเบา พกพาสะดวก เหมาะกับการใช้งานนอกสถานที่

การตอบสนองที่รวดเร็ว สามารถเปิดเครื่องจากโหมด Sleep ได้ภายใน 1 วินาที

เรื่องชิปผ่านไปแล้ว มาว่ากันต่อด้วยเรื่องของ Lenovo Yoga Slim 7i 14IMH9 กันบ้างดีกว่า มีอะไรน่าสนใจ ไปดูกันครับ

สเปคของเครื่อง

  • CPU : Intel® Core™ Ultra 7 155H  (16 Cores / 22 Threads) 
  • GPU :  Intel® Arc™ Graphics 
  • Memory :  32 GB soldered memory แบบฟังบอร์ด ไม่สามารถอัปเกรดได้ 
  • Display :  ขนาด 14 นิ้ว  WUXGA OLED, 400nits, 100% DCI-P3,   HDR, 60 Hz Eyesafe®, Dolby Vision®, DisplayHDR™ True Black 500
  • Storage :  1TB M.2 NVMe PCIe Gen 4
  • Wi-Fi/Bluetooth : Wi-Fi 6E, Bluetooth 5.3
  • Ports I/O :   Thunderbolt 4  2 Port / USB-C with Power Delivery and DisplayPort 1 Port , HDMI 2.1 1 Port , USB-A 1 Port , 3.5mm combo audio 1 Port  Camera shutter 
  • Camera : 1080P  รองรับ Windows Hello
  • Security : Firmware Trusted Platform Module (TPM) 2.0 
  • Speaker : Stereo speakers, 2W x4, optimized with Dolby Atmos®, Amplifier (AMP)
  • Battery : Li-Polymer 65Wh battery, supports Rapid Charge Boost
  • Adaptor : 65W USB-C® AC adapter, supports PD 3.0
  • Dimension (WxDxH) :.  312 x 221 x 14.9 mm
  • Weight : 1.39 kg 
  • Color : Luna Grey
  • OS : Windows 11 Home

ดีไซน์และการออกแบบ

Lenovo Yoga Slim 7 14IMH9 มาพร้อมกับดีไซน์ที่เรียบหรูและบางเบา เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการโน้ตบุ๊กที่พกพาสะดวกและมีสไตล์ ตัวเครื่องทำจากอะลูมิเนียม ให้ความรู้สึกแข็งแรงทนทานและพรีเมียม ขอบจอบางเฉียบ ทำให้มีพื้นที่หน้าจอมากขึ้น มีโลโก้ Yoga อยู่ที่ฝาพับ สื่อถึงซีรีส์บางเบาของ Lenovo ครับ

ฝาพับสามารถกางได้ 180 องศา บานพับเป็นอลูมีเนียม งานประกอบทำได้แนบเนียน หมดกังวลว่าจะไม่ทนทาน  เวลาเปิดใช้งานให้ความรู้สึกแข็งแรง ไม่เสี่ยงหักง่าย ตัวเครื่องมีน้ำหนักเพียง 1.39 กิโลกรัม พกพาได้สะดวก ลุยได้ทุกสถานการณ์

Lenovo Yoga Slim 7i 14IMH9

โดยรวมแล้ว ดีไซน์และการออกแบบไม่ได้มีความแตกต่างจากเจนก่อนมากนัก แต่รุ่นนี้จะชูโรงเรื่องชิปตัวใหม่ที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดการใช้พลังงานน้อยลง ความร้อนน้อยลง ทำให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้นในแต่ละวัน  ลืมไปเลย ว่าต้องพกอะแดปเตอร์ติดตัวไปด้วย  

คีย์บอร์ดและทัชแพด

Lenovo Yoga Slim 7i 14IMH9

สติ๊กเกอร์บนตัวเครื่อง Lenovo Yoga Slim 7i 14IMH9  ได้บอกถึงระยะห่างของปุ่มที่ 1.5 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่าเป็นระยะห่างที่ดีสำหรับโน้ตบุ๊กสมัยใหม่  ทำให้การพิมพ์นั้นตอบสนองได้ดี มีสัมผัสที่รู้สึกได้ ปุ่มแต่ละปุ่มทำงานได้อย่างราบรื่นและจบการพิมพ์ด้วยความรู้สึกที่แม่นยำ

นอกจากนี้ ส่วนตัวยังผมชอบผิวสัมผัสที่ใช้สำหรับปุ่มกด ซึ่งมันตัดกับตัวเครื่องโดยรอบเล็กน้อย ตัวคีย์บอร์ดยังมาพร้อมกับไฟ Backlit ที่สามารถเปิด-เปิด และปรับความสว่างได้

Lenovo Yoga Slim 7i 14IMH9

สำหรับ TouchPad มีขนาดกว้างประมาณ 4.5 นิ้ว ซึ่งเป็นมาตรฐานโดยปกติของโน้ตบุ๊กขนาด 14 นิ้ว ความรู้สึกเวลาใช้งาน อาจไม่ได้รู้สึกนุ่มลื่นเหมือนรุ่นก่อน ๆ เท่าไหร่ แต่ไม่มีปัญหาต่อการใช้งานใด ๆ ครับ

จอแสดงผล

Lenovo Yoga Slim 7i 14IMH9

Lenovo Yoga Slim 7i 14IMH9 ทุกเครื่อง จะมาพร้อมกับจอแสดงผล  WUXGA OLED (Wide Ultra Extended Graphics Array Organic Light-Emitting Diode) ขนาด 1920×1200 เป็นเทคโนโลยีหน้าจอที่ Lenovo เลือกใช้ในโน้ตบุ๊กและอุปกรณ์บางรุ่นเท่านั้น ซึ่งมีข้อดีหลายอย่างเลย หากเทียบกับหน้าจอดั้งเดิม เช่น

ให้ภาพที่คมชัดและมีรายละเอียดสูง เหมาะสำหรับงานกราฟิก งานตัดต่อวิดีโอ และการรับชมภาพยนตร์ โดยแต่ละพิกเซลเปล่งแสงได้เอง ทำให้สีดำสนิทและมีความเปรียบต่างสูง ครอบคลุม DCI-P3 หรือ Adobe RGB ได้กว้างขวาง ให้สีสันสดใสและแม่นยำ เหมาะสำหรับงานสร้างสรรค์

นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับ 400 nits ทำให้มองเห็นได้ชัดเจนแม้ในสภาพแสงจ้า รองรับเทคโนโลยี Eyesafe® ช่วยลดแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อดวงตา  และยังรองรับ True Black 500 ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่า สีดำจะดำสนิทมากที่สุด

ลำโพง

ลำโพงมาพร้อมระบบ Dolby vision atmos มีโพงด้านซ้ายและด้านขวามาให้ จากการลองฟัง ให้เสียงที่สมจริง ฟังแล้วไม่ได้แย่เลยครับ มีระดับเสียงและความคมชัดที่ดี แต่แอบมีบางช่วง ที่เสียงยังไม่มีความลึกเท่าไหร่ โดยหากเทียบกับรุ่นพี่อย่าง  Lenovo Yoga 9 2in1 14IMH9 นั้น ยังเป็นรองอยู่นิดหน่อย หากใครอยากได้โน้ตบุ๊กที่เสียงดี ๆ อาจจะขยับมาเล่นรุ่นพี่ดีกว่าครับ

พอร์ตเชื่อมต่อ

สำหรับพอร์ตเชื่อมต่อที่ให้มา นับว่าเพียงพอสำหรับการเป็นเครื่องทำงาน ซึ่ง Thunderbolt 4 นั้นรองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์หลายชนิด และยังจ่ายไฟให้อุปกรณ์อื่นได้อีกด้วยครับ

ส่วนพอร์ตอื่น ๆ ก็เป็นมาตรฐานครับ ทั้ง HDMI 2.1 พอร์ต 3.5mm combo audio พอร์ต USB A ไว้ใช้งานกับแฟลชไดรฟ์รุ่นเก่า ๆ รวมทั้งยังมีสวิทซ์เปิด-ปิดกล้องเว็บแคม เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้เราได้ครับ

ระบบระบายความร้อนและการอัปเกรด

Lenovo Yoga Slim 7i 14IMH9

ตัวเครื่องมาพร้อมฮีทไปป์ ขนาดสองเส้น และพัดลมระบายความร้อนสองตัว นับว่าให้มาเยอะนะครับ เพราะโดยปกติแล้ว โน้ตบุ๊กบางเบาโดยทั่วไป พัดลมเพียง 1 ตัวก็เพียงพอ แต่นี่อาจจะเน้นสำหรับใช้งานหนักด้วย อย่างเช่นเวลาเรนเดอร์วีดีโอหนัก ๆ ก็หมดห่วงเรื่องความร้อนครับ

สำหรับการอัปเกรด ทำได้เพียงเพิ่มขนาดของ SSD เท่านั้นครับ ไม่สามารถอัปเกรดแรมเพิ่มได้ เพราะ Lenovo ดีไซน์แรมมาเป็นแบบฝังบอร์ด ซึ่งมีข้อดีด้านความสเถียรมากกว่าแรมแบบสล็อต แต่แรม 32GB กับ SSD 1TB นี่ก็ถือว่าให้มาเยอะสุด ๆ แล้วนะ

แบตเตอรี่และการชาร์จ

แบตเตอรี่ที่ให้มา เป็นแบต Li-Polymer  ขนาด 65Wh ซึ่งเป็นมาตรฐานของโน้ตบุ๊กบางเบา จากการทดสอบใช้งานทั่วไป ใช้งานได้ 10 ชั่วโมง + ถือว่าสอบผ่าน ไม่ผิดหวังจากการมีสติกเกอร์ Intel Evo ครับ 

และตัวเครื่องยังรองรับการชาร์จไว สามารถชาร์จ  0 – 80 เปอร์เซ็นต์ได้ในเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครับ

แรงขั้นสุด ด้วยพลังจาก AI

อย่างที่เกริ่นไว้ข้างต้นนะว่า Lenovo Yoga Slim 7i 14IMH9  มาพร้อมกับชิป Intel® Core™ Ultra ที่มี  NPU หรือ Neural Processing Unit ในตัว โดยเป็นหน่วยประมวลผลเฉพาะทางที่ออกแบบมาเพื่อเร่งความเร็วการทำงานของงานที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) โดยเฉพาะ ซึ่ง NPU ทำงานโดยการประมวลผลข้อมูลที่มีโครงสร้างซับซ้อน เช่น รูปภาพ วิดีโอ และเสียง ซึ่งเป็นข้อมูลที่มักใช้ในการฝึกและใช้งานโมเดล AI และ Machine Learning ทำให้ NPU สามารถประมวลผลข้อมูลเหล่านี้ได้เร็วกว่าหน่วยประมวลผลกลาง (CPU) ทั่วไปอย่างมาก

หากถามว่า มันจะเร่งความเร็วในงานอะไรได้บ้าง ก็ต้องบอกว่าได้หลากหลายเลยเช่น  ในโปรแกรม Adobe ต่าง ๆ หรือโปรแกรมอื่น ๆ ที่มีการอัปเดตฟีเจอร์ AI เพิ่มเข้ามา มันจะทำงานได้รวดเร็วและสเถียรมากขึ้น รวมทั้ง AI ที่มาพร้อมกับ Windows 11 อย่าง Copilot ก็จะมีส่วนได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ด้วยเช่นกันครับ

Performance

CPU & GPU-Z

PC Mark

3D Mark

3D Mark CPU

Cinebench R24

Baterrymon

CrystalDiskMark

การรับประกัน

Lenovo Yoga Slim 7i 14IMH9  รับประกันนานถึง  ปีเต็มแบบ On-site Service เครื่องเสียเมื่อไหร่ เรียกช่างมาซ่อมถึงบ้านได้เลย  ใช้งานสบาย ๆ หมดห่วงไปได้ยาว ๆ  

สรุป

Lenovo Yoga Slim 7i 14IMH9 เป็นโน้ตบุ๊กสำหรับทำงานที่มีในราคาที่เอื้อมถึงได้ไม่ยากนัก โดยอยู่ที่ 38,990 นับว่าคุ้มค่าสุด ได้แรม 32 GB SSD1 TB และ CPU ที่มาพร้อมพร้อมชิป AI ในตัว และในส่วนของจอที่มาให้เป็น OLED ก็ได้หน้าจอที่สว่างสดใส สีสด เปิดทำงานในที่สว่าง ๆ ก็หมดห่วงเลย 

โดยรวมแล้วตัวเครื่องไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงดีไซน์อะไรมากนัก แต่ได้มีการตอกย้ำปัจจัยพื้นฐานหลักของโน้ตบุ๊กทำงาน นั่นคือ ประสิทธิภาพที่ และการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้น  เพราะส่วนใหญ่แล้ว คนที่ซื้อโน้ตบุ๊กแบบเบาบางก็ไม่ได้ต้องการพกอะแดปเตอร์ออกไปทุกครั้ง แต่อะแดปเตอร์เอง ก็ไม่มีได้มีขนาดใหญ่เหมือนแต่ก่อนนะ มันเพียงใหญ่ขึ้นกว่าอะแดปเตอร์ของ SmartPhone เล็กน้อยเพียงเท่านั้น

ข้อดี

  • ประสิทธิภาพสูง มาพร้อมกับ Intel Core Ultra ทำให้ทำงานได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น เหมาะสำหรับงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง เช่น ตัดต่อวิดีโอหรือทำงานกราฟฟิก
  • หน้าจอ OLED 2.8K ให้ภาพที่คมชัด สีสันสดใส และมุมมองกว้าง
  • บางเบา พกพาสะดวก ด้วยน้ำหนักเพียง 1.38 กิโลกรัม
  • แบตใช้งานได้ยาวนานถึง 11 ชั่โมง 
  • พอร์ตเชื่อมต่อครบครัน รองรับทุกการทำงาน

ข้อสังเกต 

  • ไม่มีช่องอ่านการ์ด SD อาจไม่สะดวกสำหรับผู้ที่ใช้งานการ์ด SD บ่อย ๆ
  • ตัวเลือก GPU  มีเฉพาะ Intel Arc Graphics อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเล่นเกมหนักๆ
  • พัดลมเสียงดังขึ้น หากใช้งานแบบ 100 เปอร์เซ็นต์เต็มครับ 

รอดวิกฤตจอฟ้า สายการบินใช้ Win 3.1 ไม่ได้รับกระทบ CrowdStrike

[รุ่นวินเทจ] จากเหตุการณ์ CrowdStrike ที่ Strike เครื่อง Windows 10 หรือ 11 จนขึ้นจอฟ้าไปแทบทั่วโลก (ในขณะที่ Microsoft บอกมีเพียง 1%) ล่าสุดพบสายการบินแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ รอดหวุดหวิดเพราะใช้ระบบปฏิบัติการรุ่นเก๋าอย่าง Windows 3.1 และ Windows 95

ความไว้วางใจต่อ CrowdStrike หลังจากนี้คงติดลบหนัก (กับ Microsoft ที่โดนลูกหลงไปด้วย) แม้ได้ชื่อว่าเป็นบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ระดับโลก จนมีทั้งบริษัท ร้านค้า สำนักงาน ไปจนถึงสนามบินใช้บริการเป็นจำนวนมาก แต่ด้วยการปล่อยอัปเดตที่ผิดพลาด ส่งผลให้เครื่อง Windows 10 หรือ 11 กว่า 8.5 ล้านเครื่อง ได้รับผลกระทบจนขึ้นจอฟ้า (BOSD) กันทั่วหน้า สุดท้ายฝ่าย IT ของแต่ละบริษัท ต้องไล่เปิดโหมดปลอดภัย (Safe mode) เพื่อแก้ไขแบบทีละเครื่องกันเลย

อย่างไรก็ตาม พบสายการบินหนึ่งอย่างเซาท์เวสต์แอร์ไลน์ (Southwest Airlines) ที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ในสหรัฐฯ เผยยังใช้ระบบปฏิบัติการรุ่นปี 1992 อย่าง Windows 3.1 ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากการอัปเดต CrowdStrike ไปแบบหวุดหวิด ทำให้ยังเปิดใช้งานระบบการบิน การจองตั๋ว และการบันทึกอื่น ๆ ได้ตามปกติ

นอกจาก Windows 3.1 แล้ว ทาง Southwest ยังใช้ Windows 95 สำหรับรันตารางเวลาของพนักงานอีกด้วย ซึ่งแม้มีอายุน้อยกว่า Windows 3.1 ประมาณสามปี แต่ก็ถือเป็นระบบปฏิบัติการ ‘วินเทจ’ ที่เป็นตำนานของ Microsoft มาเกือบ 30 ปีแล้ว แน่นอนว่าระบบปฏิบัติการนี้ก็รอดจากวิกฤต CrowdStrike ด้วยเช่นกัน

ที่ผ่านมา Southwest Airlines ถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องระบบที่ล้าสมัยอยู่บ่อยครั้ง แม้จะรอดจากเหตุล่าสุด แต่การไม่อัปเกรดระบบให้ทันสมัย ก็มองได้ว่าเสี่ยงต่อภัยทางไซเบอร์ในรูปแบบอื่นได้ ทว่าปัจจุบันก็มีบางองค์กรยังใช้งานระบบเก่าอยู่ เช่นกองทัพ ที่ยังใช้ระบบแป้นหมุนหรือหน้าปัดใน Air Force One เพราะมองว่าเสถียรและไว้ใจได้มากกว่า

ที่มา : Tomshardware

แรงกว่าที่คิด Xiaomi เร่งพัฒนา SU7 Ultra ท้าชนซุปเปอร์คาร์ 1,548 แรงม้า 

SU7 Ultra

Xiaomi เปิดตัวต้นแบบ Xiaomi  SU7 รถไฟฟ้าสมรรถนะสูง ที่มีพละกำลังสูงสุดถึง 1,548 แรงม้า โดยตอนนี้ กำลังอยู่ในช่วงพัฒนา

Xiaomi เคยเปิดตัว SU7 มาก่อนหน้านี้แล้ว โดยมีพละกำลังอยู่ 673 แรงม้า และมีแรงบิดสูงถึง 838 นิวตัน สามารถเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายในเวลาต่ำกว่า 2.7 วินาที แต่รุ่น Ultra ที่กำลังพัฒนา จะแรงกว่านั้น

ในรุ่น Ultra จะมาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ “V6” หนึ่งตัวและ “V8” สองตัว ซึ่งให้กำลังมหาศาลถึง 1,548 แรงม้า

Xiaomi เคลมว่า SU7 Ultra จะทำอัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายใน 1.97 วินาที และทำความเร็วได้ 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 5.96 วินาที และใช้เวลาเพียง 15.07 วินาที ในการทำความเร็วจาก 0 ถึง 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง

SU7 Ultra จะมีความเร็วสูงสุดที่ 350 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งเร็วกว่าซุปเปอร์คาร์หลายรุ่น รวมถึง Lucid Air Sapphire และ Porsche Taycan Turbo GT

ตัวรถโดยรวม มีการปรับแต่งทางอากาศพลศาสตร์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมและการทรงตัวของรถ และในรุ่น Ultra มีการอกแบบให้สร้างแรงกด (downforce) ได้อย่างมาก ช่วยให้เกาะถนนได้อย่างยอดเยี่ยมและทรงตัวได้ดีเยี่ยมในขณะเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง

นอกจากนี้ Xiaomi ยังได้ปรับปรุงระบบเบรกด้วยคาลิเปอร์เบรก AP Racing แบบ 6 ลูกสูบ ผ้าเบรกสำหรับสนามแข่ง และจานเบรกที่หนาขึ้น โดยสามารถทนความร้อนได้มากกว่า 800 องศาเซลเซียส เมื่อรวมกับระบบเบรกแบบ regenerative braking เข้าด้วยกัน ระบบนี้สามารถสร้างแรงหน่วงได้สูงถึง 2.36 G

ในเรื่องของแบตเตอรี่ Xiaomi ร่วมกับ CATL ผู้ผลิตแบตชั้นนำของจีน พัฒนาแบตเตอรี่ใหม่ของ SU7 Ultra โดยเฉพาะ ซึ่งมันได้รับการออกแบบมาสำหรับการใช้งานในสนามแข่ง สามารถชาร์จเต็มได้ภายในเวลา 12 นาที และสามารถจ่ายพลังงานได้ 1,330 กิโลวัตต์ ให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าทั้งสามตัว และมากกว่า 880 กิโลวัตต์ แม้แบตเตอรี่จะเหลือเพียง 20% ก็ตาม

อย่างไรก็ตาม Xiaomi ยังไม่ได้เปิดเผยข้อมูลเรื่องระยะทางนะ แต่ก็เดาน่าจะวิ่งได้ไม่ไกลมาก ด้วยแรงขับมอเตอร์ขนาดนั้น และรถก็จำเป็นต้องมีน้ำหนักที่เบาด้วย  จึงไม่สามารถใส่แบตเข้าไปได้มากนัก ..

ที่มา
carnewschina

TGS จับมือกรมส่งเสริมวัฒนธรรม หนุนคนรุ่นใหม่ ดันคอสเพลย์สู่ซอฟต์พาวเวอร์

Thailand Game Show สปินออฟ งาน CAF 2024 ปีที่ 2 จับมือกรมส่งเสริมวัฒนธรรม หนุนคนรุ่นใหม่ ดันคอสเพลย์สู่ซอฟต์พาวเวอร์ ไทยแลนด์เกมโชว์ (Thailand Game Show) จัดงาน CAF 2024 (คาฟ) หรือ Cosplay Art Festival มหกรรมคอสเพลย์และงานศิลปะ Fan art ครั้งใหญ่ที่สุดของไทยเป็นปีที่ 2 ร่วมกับกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ส่งเสริมเยาวชนคนรุ่นใหม่ เปิดพื้นที่ให้ Cosplayer (คอสเพลเยอร์) มีเวทีแสดงออก สานต่อความสำเร็จงาน CAF 2023 จุดประกายสร้างความจดจำในสถานที่ใหม่ ณ ไอคอนสยาม วันที่ 19 – 21 กรกฎาคมนี้ พร้อมร่วมผลักดันคอสเพลย์เป็นส่วนหนึ่งของซอฟต์พาวเวอร์ หนึ่งในเครื่องมือสร้างความเข้มแข็งเชิงวัฒนธรรม นำสู่การสร้างรายได้เชิงเศรษฐกิจของประเทศ

นายพงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โชว์ไร้ขีด จำกัด เปิดเผยว่า จุดเริ่มต้นจากการประกวดคอสเพลย์เป็นกิจกรรมส่วนหนึ่งของงาน Thailand Game Show ที่จัดขึ้นครั้งแรกในปี 2550 ภายใต้ชื่อ TGS Cosplay Contest โดยได้รับความสนใจจากเหล่าคอสเพลเยอร์เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี จนในปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มองเห็นโอกาสในการขับเคลื่อนคอมมิวนิตีคอสเพลย์ในประเทศไทย ประกอบกับเห็นพลังจากแพสชันของเหล่าคอสเพลเยอร์ นำไปสู่การสปินออฟจากกิจกรรม TGS Cosplay Contest เป็นการจัดงาน Cosplay Art Festival หรือ CAF 2023 มหกรรมคอสเพลย์และงานศิลปะ Fan art ครั้งแรกของประเทศ โดยมีทั้งคอสเพลเยอร์และผู้สนใจเข้าร่วม CAF 2023 ตลอด 3 วันของการจัดงานมากถึง 37,895 คน

งาน CAF ได้รับการสนับสนุนจากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม โดยเป็นการจับมือร่วมกันระหว่างเอกชนและภาครัฐ เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชน และประชาชนที่สนใจได้มีพื้นที่ในการแสดงออก รวมทั้งเป็นการช่วยกันผลักดันคอสเพลย์ให้เป็นส่วนในการสร้างซอฟต์พาวเวอร์ด้านเกม ซึ่งเป็นหนึ่งใน 11 ด้าน ที่เกี่ยวกับนโยบายสนับสนุนการสร้างพลังสร้างสรรค์ หรือ Soft Power ของประเทศ เพื่อยกระดับและพัฒนาความสามารถ และความคิดสร้างสรรค์ของคนไทยให้สร้างมูลค่าและสร้างรายได้

“งาน CAF 2024 ไม่เพียงเป็นการรวมตัวของเหล่าคอสเพลเยอร์ แต่ยังเป็นพื้นที่ถ่ายทอดศิลปะการแต่งกาย แสดงพลังซอฟต์พาวเวอร์ของไทยส่งเสริมวัฒนธรรมผ่านการสร้างสรรค์และเพิ่มมูลค่าให้อุตสาหกรรมบันเทิงไทยในอีกแขนงหนึ่ง งาน CAF 2024 ในปีนี้นอกจากจะมีประกวดรูปแบบเดี่ยวและทีมแล้ว ยังเพิ่มการประกวดคอสเพลย์ประเภทโปรดักชันทีม โดยได้รับการสนับสนุนรางวัลจากกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งคอสเพลย์ที่เป็นงาน Craftsmanship ถ่ายทอดความคิดสร้างสรรค์ ทักษะด้านศิลปะ ตามชื่อย่อของงานว่า CAF (คาฟ) ที่ทุกคนคราฟต์การแต่งตัวออกมาจากตัวตน เป็นการแสดงออกของแต่ละบุคคลในแบบที่เป็นตัวเอง เพื่อมีส่วนร่วมในการผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ของไทยสู่สายตาคนทั่วประเทศ พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจและประเทศนี้ไปด้วยกันได้ แม้จะเป็นคนตัวเล็ก ๆ ก็ตาม โดยหวังว่างาน CAF 2024 จะช่วยต่อยอดให้อุตสาหกรรมคอสเพลย์และอุตสาหกรรมเกมของไทย ตั้งเป้ายกระดับงาน CAF ให้เป็นงานคอสเพลย์อันดับหนึ่งของไทย” นายพงศ์สุขกล่าว

นายประสพ เรียงเงิน อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กล่าวว่า กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการจัดงาน Cosplay Art Festival หรือ CAF ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 ซึ่งถือว่าเป็นมหกรรมคอสเพลย์ที่รวมสีสันของเหล่าคอสเพลเยอร์ และงานศิลปะแฟนอาร์ตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย งาน CAF 2023 ในปีที่ผ่านมาได้จัดขึ้นที่หอศิลป์แห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ใช้พื้นดังกล่าวจัดงานคอสเพลย์ ได้การตอบรับที่ดียิ่ง มีเหล่าคอสเพลเยอร์เข้ามาร่วมงานเต็มพื้นที่ ทำให้ในปีนี้ CAF 2024 ต้องจัดงานในพื้นที่ขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับจำนวนผู้มาร่วมงานที่มากขึ้น

“คอสเพลย์เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมคนรุ่นใหม่ ช่วยกระตุ้นให้เยาวชนใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบเครื่องแต่งกาย สร้างสรรค์คาแรกเตอร์ในแบบที่แต่ละคนสนใจ ตลอดจนเป็นการเสริมสร้างความมั่นใจในการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ให้แก่เยาวชนไทยบนรากฐานของการสร้างวัฒนธรรมให้กับประเทศ พร้อมเปิดโอกาสให้มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และได้รับแรงบันดาลใจจากคอสเพลเยอร์ที่ได้รับเชิญจากต่างประเทศมาร่วมงาน ควบคู่กับการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศไทยต่อไป โดยประกวดคอสเพลย์ ประเภททีมงานสร้างสรรค์ (Cosplay Production Team Contest) ในหัวข้อ “ถ้าตัวละคร ‘เหล่านี้’ มาประเทศไทย จะเป็นอย่างไร?” ที่กระทรวงวัฒนธรรมสนับสนุน ก็เพื่อเป็นเวทีให้เยาวชนและผู้สนใจได้แสดงออกถึงความสามารถ ทั้งนี้ผู้ชนะเลิศ จะได้รับมอบโล่และเกียรติบัตรจากทางกระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรมเพื่อเป็นการประกาศเกียรติคุณและเป็นเครื่องหมายเชิดชูเกียรติในฐานะที่ส่งเสริมให้วัฒนธรรมไทยเป็นที่รู้จักและได้รับการสืบสานต่อไป” นายประสพกล่าว

งาน CAF 2024 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19 – 21 กรกฎาคม 2567 ณ TRUE ICON HALL ชั้น 7 ไอคอนสยาม วิวริมแม่น้ำเจ้าพระยา พบกับกิจกรรมมากมายสำหรับคอสเพลเยอร์และผู้สนใจ เช่น CAF International Guest Cosplayer ที่พา Iori Moe จากญี่ปุ่น และ Nari กับ Siru จากเกาหลีใต้ มาร่วมสร้างสีสันในไทยเป็นครั้งแรก พร้อม Larissa Rochefort จากอินโดนีเซีย นอกจากนี้ยังยกทัพ Guest Cosplayer ชื่อดังในไทยกว่า 10 ชีวิต นำโดย Thames Malerose (เทมส์ เมลโรส), JasperZ (แจสเปอร์ ซี), Onnies (ออนนี่), CMYK (ซีเอ็มวายเค), Shinta (ชินตะ), Bellamii (เบลลามี), Emil Cosplayer (อีมิล คอสเพลย์เยอร์), Lapis Lazuli (ลาพิส ลาซูลี), Plathong (ปลาทอง), และ Kanalyss (คานาลิส) ที่จะร่วม Meet & Greet กับแฟน ๆ อย่างใกล้ชิด พร้อมการประกวด Cosplay Contest ชิงรางวัลมูลค่ารวมกว่า 150,000 บาท ตลาด CAF Market และนิทรรศการ CAF Gallery จัดแสดงผลงานของคอสเพลเยอร์ทั่วไทย รวมไปถึง CAF Playground ที่ให้ผู้ร่วมงานได้สนุกกับกิจกรรมถ่ายภาพ 360 องศา

นอกจากนี้ เวทีกิจกรรมยังอัดแน่นด้วยความบันเทิงจาก VTuber ชื่อดังอย่าง Algorhythm Project (อัลกอริทึม โปรเจ็ค), CAF Anisong mini concert จาก Icezu และ ANGeVIL✟ พร้อมการแสดงสุดพิเศษจาก Ultraman อีกทั้งยังมีกิจกรรม CAF World Boss Photoshoot การปรากฏตัวของเหล่า Guest Cosplayer ให้ผู้ร่วมงานได้พร้อมใจกันถ่ายภาพ และ CAF Random Dance ท้าสกิลออกสเต็ปกับคอสเพลเยอร์ งานนี้เป็นโอกาสพิเศษสำหรับแฟน ๆ คอสเพลย์ที่จะได้สัมผัสประสบการณ์ที่หลากหลายและน่าจดจำ

Hot Issue