Home Blog Page 51

ไม่พึ่ง LiDAR Vayu One โดรนส่งของตัวใหม่ เน้นพลังของ AI ล้วน

Vayu One

เจ๋งนะ พลังของ AI ทำได้อีกแล้ว

เซนเซอร์ LiDAR (Light Detection and Ranging) ถือว่ามีความสำคัญอย่างมากต่อโดรนและรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติทุกขนาด เนื่องจาก LiDAR มีความสามารถในการตรวจจับวัตถุและสร้างแผนที่ 3 มิติ ของสภาพแวดล้อมโดยรอบได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติสามารถตรวจจับวัตถุ วัดระยะทาง สร้างแผนที่ หรือทำงานในสภาวะที่แสงน้อยได้

แต่ข้อเสียเพียงอย่างเดียวของ LiDAR มันค่อนข้างจะมีราคาแพง ทำให้ธุรกิจขนส่งสินค้าด้วยโดรน ยังถูกจำกัด แต่ตอนนี้มีการพัฒนาในการใช้เซนเซอร์ราคาถูก ควบคู่กับ AI ที่ทรงพลัง ทำให้ไม่ต้องพึ่งพา LiDAR อีกต่อไป

Vayu Robotics สตาร์ทอัพด้านหุ่นยนต์ เพิ่งประกาศว่าได้แก้ไขปัญหาสำคัญที่รบกวนอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ส่งของในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยพวกเขากำลังจะเปิดตัว Vayu One โดรนขับเคลื่อนอัตโนมัติที่ใช้เทคโนโลยีราคาประหยัด ผนวกกับ AI foundation model ใหม่ ที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีสำหรับขับเคลื่อนในเมือง

ผลลัพธ์คือ AI ทำงานได้ดีจนไม่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยี LiDAR อีกต่อไป Vayu One สามารถนำทางได้โดยไม่ต้องทำแผนที่ถนนก่อน และสามารถทำงานได้อย่างง่ายดายภายในร้านค้า บนถนนในเมือง หรือทุกที่ ที่โดรนส่งของจำเป็นต้องไป

สำหรับ Vayu One จะพร้อมใช้ในอีกไม่นาน และตอนนี้มีก็มีออเดอร์จากบริษัท E-Commerce แห่งหนึ่ง สั่งซื้อเข้ามาจำนวน 2,500 ตัวแล้ว นับว่าประสบความสำเร็จน่าดู

ที่มา
https://www.techspot.com/news/103956-vayu-robotics-introduces-lidar-free-delivery-drone-powered.html

สู้ไม่ไหว Google เจอ โฆษณา 18+ โผล่เป็นคลิปบน YouTube

โฆษณา 18+

YouTube มีปัญหาเรื่องโฆษณา โฆษณา 18+ มาตลอด แม้ว่าบริษัทจะโปรโมท YouTube Premium อย่างหนักเพื่อให้ผู้ใช้หลีกเลี่ยงโฆษณา แต่กลับไม่สามารถจัดการกับโฆษณาที่ไม่เหมาะสม

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มีหลายคนพบเห็นโฆษณา 18 + หลายครั้ง และล่าสุดก็พบอีกครั้ง แม้ Google จะพยายามและให้คำมั่นสัญญาว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้วก็ตาม และพอมีการแจ้งเข้าไป ก็บอกแค่กำลัง จะดำเนินการตรวจสอบ

โฆษกของบริษัทเคยกล่าวว่า YouTube มีนโยบายที่เข้มงวดต่อโฆษณาที่มีเนื้อหาลามกอนาจาร และได้ลบโฆษณาที่ละเมิดนโยบายนี้ รวมถึงระงับบัญชีผู้ลงโฆษณาหลายล้านบัญชีทุกปี นอกจากนี้ ยังได้มีการนำ LLMs หรือโมเดลภาษาขนาดใหญ่ มาใช้เพื่อลบโฆษณาอีกหลายล้านรายการ แต่เห็นได้ชัดว่า มันยังมีช่องโหว่ที่ YouTube ควรจะต้องรีบอุดให้ไว

แล้วมันสร้างผลเสียว เอ้ย เสีย ยังไง
คือกับคนทั่วไป ก็ไม่เท่า ก็แค่กดปิดไป ถ้าไม่ชอบ แต่กับเหล่า Creator มันเกิดเป็นข้อครหาไง เพราะหากมี Creator ทำ Content บางอย่างที่ยังไม่ถึงขั้น 18+ แต่ AI ดันจับได้ว่า เอ้ย มันแอบโป๊ไปนิดนึงนะ ก็จะทำการลบออกอย่างไว หรือถึงขั้นถอดรายได้จาก Creator ไปเลย แต่กับโฆษณา ทำไมปล่อยให้เกิดขึ้นเรื่อย (หรือเพราะมันจ่ายเงินนะ… )

ก็ต้องรอดูต่อไปว่า YouTube จะแก้ไขเรื่องนี้ยังไง

ที่มา
https://www.androidauthority.com/youtube-nsfw-porn-ads-fourth-time-3464106/

Meta เอาจริง ไล่ลบ บัญชีมิจฉาชีพ ใช้ภาพแบล็กเมล์ขู่ให้โอนเงิน

บัญชีมิจฉาชีพ

บ้านเรา เว็บพนันเมื่อไหร่จะโดน มันยิง Ads เป็นว่าเล่น

มีข่าวว่า Meta ไล่ลบบัญชี Instagram กว่า 63,000 ไอดี บัญชี Facebook 1,300 , บัญชี เพจ Facebook 200 เพจ และกลุ่ม Facebook 5,700 กลุ่ม จากไนจีเรีย เพราะให้ข้อมูลในการหลอกลวงทางเพศ

บัญชีเหล่านี้เชื่อมโยงกับกลุ่มอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่จัดตั้งขึ้นชื่อว่า Yahoo Boys ซึ่งเป็นกลุ่มที่แจกเคล็ดลับและสื่อการฝึกอบรมสำหรับการดำเนินการหลอกลวงต่าง ๆ โดยมีกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นในสหรัฐ

นอกจากนี้ ยังมีการนำมาตรการต่างๆ มาใช้เพื่อบล็อกความพยายามของเหล่าโจรที่จะกลับมาสร้างบัญชีใหม่ และกลับมาหลอกอีกครั้ง

วิธีการหลอกส่วนใหญ่ข่มขู่ว่าจะเปิดเผยภาพ 18+ ของเหยื่อ ซึ่งจะเริ่มต้นโดยการสร้างโปรไฟล์ว่าเป็นหน้าตาดี จากนั้นจะคุยไปเรื่อย ๆ เพื่อสร้างความไว้ใจ และชักจูงให้เหยื่อแชร์รูปส่วนตัว จากนั้นก็จะข่มขู่ให้โอนเงินให้ หากไม่อยากให้รูปนี้แชร์ไปถึงครอบครัว เพื่อน หรือออกสู่สาธารณะ

ส่วนระบบป้องกันที่ Meta นำมาใช้เพิ่มเติมในปกป้องคนที่คาดว่าจะเป็นเหยื่อคือ
+ มีการเบลอภาพโป๊เปลือยอัตโนมัติในข้อความโดยตรง แม้กระทั่งในแชทที่เข้ารหัสแบบต้นทางถึงปลายทาง และจะแจ้งเตือนกับเหยื่อ
+ ตั้งค่าการส่งข้อความที่เข้มงวดยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้ที่เป็นวัยรุ่น ซึ่งจะบล็อกผู้ติดต่อที่ไม่ต้องการและส่งการแจ้งเตือนด้านความปลอดภัย
+ มีการซ่อนโปรไฟล์ สำหรับโปรไฟล์ที่เป็นวัยรุ่น หรือทำให้ปุ่มส่งข้อความใช้งานไม่ได้
+ จะพยายามแนะนำให้คนที่คาดว่าจะเป็นเหยื่อ เข้าถึงวิธีการรับมือ หากวันนึงอาจพลาดตกเป็นเหยื่อ

ที่มา
https://www.bleepingcomputer.com/news/security/meta-nukes-massive-instagram-sextortion-network-of-63-000-accounts/

เครื่องมือใหม่ จีนใช้มัลแวร์ใหม่ Macma เจาะช่องโหว่ macOS

Macma

ขยันพัฒนา Symantec ตรวจพบ กลุ่มแฮกเกอร์ชาวจีนที่รู้จักกันในชื่อ ‘Evasive Panda พยายามใช้เครื่องมือที่ชื่อว่า Macma และ Nightdoor ในเวอร์ชั่นใหม่ เพื่อโจมตีระบบ macOS

Macma ถูกตรวจพบในปี 2021 โดย Threat Analysis Group ของ Google แต่ตอนนั้น ยังไม่บ่งชี้ว่ามาจากกลุ่มไหน

ล่าสุด Symantec พบเจอหลักฐานที่เชื่อมโยงไปยังกลุ่มแฮกเกอร์ของจีน ซึ่งพบว่าพวกเขาอัปเดตมัลแวร์ตัวนี้เพื่อหลีกเลี่ยงขั้นตอนการตรวจสอบความปลอดภัยต่าง ๆ (ขยันกันจริง ๆ นะ)

เหตุผลที่เน้นโจมตี macOS เพราะผู้ใช้ส่วนใหญ่ น่าจะมองว่ามันเป็นระบบปิด มีความปลอดภัย ทำให้อาจละเลยและชั่งใจในเรื่องต่าง ๆ รวมถึงเหตุผลอื่น ๆ คือ
1.เป้าหมายมีค่า องค์กรหรือบุคคลที่เป็นเป้าหมายของ Evasive Panda อาจใช้ macOS เป็นหลัก
2.หลีกเลี่ยงการตรวจจับได้ง่ายกว่า เนื่องจากมีเครื่องมือที่น้อยมากในการเจาะระบบ และนั่นก็ทำให้ระบบป้องกันมีน้อยไปด้วย

สำหรับคนที่ใช้ macOS ก็อยากจะบอกว่า อย่ามั่นใจว่าระบบตัวเองจะปลอดภัยจนลืมระวังตัว สิ่งที่ควรทำก็คล้ายกับ Windows คือ
1.อัปเดตระบบให้ใหม่อยู่เสมอ
2.ไม่ติดตั้งแอปแปลก ๆ ที่เราไม่รู้จัก
3.อย่ากด Pop-up หรือลิงก์แปลก
4.พยายามใช้รหัสผ่านที่ไม่ซ้ำกัน

ที่มา
https://www.bleepingcomputer.com/news/security/evasive-panda-hackers-deploy-new-macma-macos-backdoor-version/

Alibaba.com ดัน SME ไทยสู่ตลาดโลก เปิดตัวแพ็คเกจ Global Gold Supplier-Lite ใหม่ในราคาที่เอื้อมถึงยิ่งขึ้น

Alibaba.com แพลตฟอร์มชั้นนำสำหรับอีคอมเมิร์ซแบบธุรกิจกับธุรกิจ (B2B) ระดับโลก ได้ประกาศเปิดตัวแพ็คเกจใหม่ Global Gold Supplier-Lite ในประเทศไทย ซึ่งโปรแกรมสมาชิกแพ็คเกจใหม่ในราคาย่อมเยานี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ของไทยสามารถเจาะตลาดโลกได้อย่างง่ายดาย โดยการประกาศเปิดตัวดังกล่าวเกิดขึ้นในงานแถลงข่าวที่จัดขึ้นเพื่อตอกย้ำความร่วมมือระหว่าง Alibaba.com และ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ ที่ New Economy Academy ประเทศไทย โดยมี นายวุฒิศักดิ์ กาญจนาภรณ์ ผู้อำนวยการสำนักตลาดพาณิชย์ดิจิทัล กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ขึ้นให้เกียรติกล่าวเปิดงาน 

ภูมิทัศน์ดิจิทัลของประเทศไทยกำลังมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ตามรายงานล่าสุดของ Statista ระบุว่าภาคอีคอมเมิร์ซของประเทศไทยกำลังเฟื่องฟู โดยคาดว่าจะมีมูลค่าตลาดเกิน 7 ล้านล้านบาท (218 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ภายในสิ้นปี 2567 ซึ่งแสดงถึงการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญถึง 23% เมื่อเทียบเป็นรายปีจากแรงหนุนของประชากรที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของประเทศที่มีอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่สูงมากกว่า 88% ทั้งนี้การนำระบบดิจิทัลมาใช้ควบคู่ไปกับการใช้งานสมาร์ทโฟนที่แข็งแกร่งนั้นได้สร้างรากฐานแข็งแกร่งสำหรับการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ โดยธุรกิจ SME อยู่ในระดับแนวหน้าของการปฏิวัติดิจิทัล เพราะได้ตระหนักถึงศักยภาพของแพลตฟอร์มออนไลน์ในการเข้าถึงผู้ชมทั่วโลก และได้ทำการขยายธุรกิจสู่ตลาดนานาชาติอย่างต่อเนื่อง

Global Gold Supplier-Lite แพ็คเกจใหม่ ของ Alibaba.com มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้ธุรกิจ SME ใช้ประโยชน์จากแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นของการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล ด้วยราคาที่ย่อมเยากว่าและชุดเครื่องมือดิจิทัลขั้นสูงที่ออกแบบมาเพื่อการค้าโลกโดยเฉพาะ โดยแพ็คเกจ Global Gold Supplier-Lite ช่วยลดอุปสรรคในการเข้าสู่ตลาดต่างชาติอย่างมาก และช่วยให้ธุรกิจไทยที่อาจยังมีประสบการณ์การค้าขายและส่งออกทางออนไลน์เพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย ให้สามารถปลดล็อกโอกาสในการค้าโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายวาเรน หวัง Head of Thailand Business, Alibaba.com

นายวาเรน หวัง Head of Thailand Business, Alibaba.com กล่าวว่า “ภูมิทัศน์อีคอมเมิร์ซของประเทศไทยกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งธรุกิจ SME มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลนี้อย่างมาก ดังนั้น Alibaba.com จึงต้องการสนับสนุนความสำเร็จของ SME ไทยในยุคดิจิทัล และการเปิดตัวแพ็คเกจใหม่อย่าง Global Gold Supplier-Lite เป็นการสานต่อความมุ่งมั่นนี้ของเรา แพ็คเกจ Global Gold Supplier-Lite เปิดตัวโดยคำนึงถึงผู้ส่งออกรายใหม่ไฟแรง ด้วยการเป็นเวอร์ชันที่ประหยัดกว่าของบริการ Global Gold Supplier ปกติ ซึ่งช่วยให้ SME สามารถทดสอบการขายและเข้าสู่ตลาด B2B ทั่วโลกได้โดยไม่ต้องลงทุนล่วงหน้าจำนวนมาก พร้อมเพลิดเพลินกับการเข้าถึงเครื่องมือดิจิทัลล่าสุดที่พวกเขาต้องการเพื่อการเติบโตในตลาดโลก”

นายวุฒิศักดิ์ กาญจนาภรณ์ ผู้อำนวยการสำนักตลาดพาณิชย์ดิจิทัล กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP)

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ภายใต้กระทรวงพาณิชย์ เป็นภาคส่วนที่สนับสนุนธุรกิจไทยในเส้นทางการส่งออกมาตลอด ซึ่งแพ็คเกจ Global Gold Supplier-Lite ใหม่ของ Alibaba.com นี้สอดคล้องกับภารกิจของ DITP อย่างสมบูรณ์ ผ่านการนำทาง SME สู่โลกการค้าระหว่างประเทศที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น และขยายผลประโยชน์ของการค้าออนไลน์ เพื่อนำการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลไปสู่ชุมชน SME ไทยในวงกว้าง

แพ็คเกจ Global Gold Supplier-Lite ยกระดับแง่มุมต่าง ๆ ของการค้า B2B ออนไลน์ และช่วยให้ SME ไทยมุ่งเน้นไปที่การเติบโต โดยนำเสนอคุณสมบัติดังต่อไปนี้:

  • การใช้งานที่ง่ายและเข้าถึงได้มากขึ้น: แพลตฟอร์มนี้ช่วยให้สมาชิก GGS-Lite ใช้งานบน Alibaba.com ได้ง่ายขึ้นและเป็นมิตรต่อผู้เริ่มใช้ ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการมองเห็นแบรนด์ได้มากขึ้น
  • ระบบการให้คะแนนที่สะดวก: สมาชิก GGS-Lite จะได้รับการจัดอันดับบนระบบการให้คะแนนที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยให้กระบวนการประเมินซัพพลายเออร์ของผู้ซื้อนั้นง่ายขึ้น
  • รางวัลโอกาสทางธุรกิจ: สมาชิก GGS-Lite สามารถเข้าถึงโปรแกรมและรางวัลพิเศษเพื่อเชื่อมต่อกับผู้ซื้อที่มีศักยภาพ

นอกจากนี้ สมาชิกแพ็คเกจ Global Gold Supplier-Lite จะได้รับชุดเครื่องมืออัจฉริยะ ที่มาพร้อมคุณสมบัติอัจฉริยะต่าง ๆ ในการดำเนินธุรกิจออนไลน์และเพิ่มการเข้าถึงทั่วโลก ได้แก่:

  • เครื่องมือ AI ขั้นสูง: รับข้อมูลสำคัญในเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ซื้อและแนวโน้มของตลาดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพรายการผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์การตลาด
  • การเพิ่มประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ในคลิกเดียว: ปรับปรุงรายการผลิตภัณฑ์ได้อย่างง่ายดายด้วยคำแนะนำที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อการมองเห็นและอันดับการค้นหาที่ดีขึ้น
  • การสื่อสารอัตโนมัตินอกเวลาอันชาญฉลาด: ไม่พลาดโอกาสทางธุรกิจที่อาจเกิดขึ้นด้วยการตอบคำถามอัตโนมัติ แม้แต่นอกเวลาทำการ
  • การแปลหลายภาษาได้อย่างคล่องแคล่ว: เอาชนะอุปสรรคทางภาษาและสื่อสารกับผู้ซื้อต่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพผ่านความสามารถในการแปลอัตโนมัติ

คุณณิชารีย์ อุจจิน ซีอีโอ บริษัท Thumbinthai

คุณณิชารีย์ อุจจิน ซีอีโอ บริษัท Thumbinthai ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 5 ปีในฐานะ Verified Supplier บน Alibaba.com ได้แสดงถึงความพึงพอใจกับแพลตฟอร์มและความตื่นเต้นสำหรับแพ็คเกจใหม่นี้ โดยกล่าวว่า “ก่อนเริ่มต้นการขายกับ Alibaba.com ดิฉันเองไม่มีประสบการณ์ในการส่งออกมาก่อน ซึ่งเมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 และยอดขายในประเทศลดลง จึงจำเป็นต้องพลิกความท้าทายให้เป็นโอกาสใหม่ในการขยายธุรกิจ และไปสู่โอกาสการขายกับตลาดต่างประเทศผ่าน Alibaba.com ด้วยความตั้งใจที่จะสนับสนุนพนักงานในไทย ซึ่งในเวลาไม่ถึงสามปี เราได้เพิ่มจำนวนพนักงานเป็นมากกว่า 100 คน และรายได้ของเราเพิ่มขึ้นถึง 400% นอกจากนี้เรายังส่งออกสินค้าไปสู่กว่า 10 ประเทศทั่วโลกผ่าน Alibaba.com อีกด้วย”

“ความสำเร็จของ Thumbinthai คือความสำเร็จของประเทศไทย และดิฉันฝันที่จะได้เห็นสินค้าไทยในเวทีโลก ซึ่ง Alibaba.com สนับสนุนให้ธุรกิจต่าง ๆ เปิดรับการเปลี่ยนแปลงและมีความรับผิดชอบต่อสังคม นั่นคือกุญแจสำคัญสู่การเติบโตที่ยั่งยืน ดิฉันรู้สึกตื่นเต้นกับการเปิดตัวแพ็คเกจ Global Gold Supplier-Lite ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจ SME ในไทย ใช้ประโยชน์จากโอกาสมากมายบน Alibaba.com ได้ง่ายขึ้น และนำเสนอผลิตภัณฑ์ของตนออกสู่สายตาของผู้ซื้อทั่วโลก” คุณณิชารีย์ กล่าวปิดท้าย 

ครั้งแรกของไทย!! บริษัท ยิบอินซอยและแย๊คส์ จำกัด เข้าร่วม ‘FARM EXPO 2024’ งานมหกรรมเกษตรยุคใหม่ ที่เกษตรรุ่นใหม่ต้องรู้

บริษัท ยิบอินซอยและแย๊คส์ จำกัด เข้าร่วมงานแถลงข่าว ‘FARM EXPO 2024’ งานมหกรรมเกษตรในร่มที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการบูรณาการภาคการเกษตรไทย ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ขับเคลื่อนพัฒนาธุรกิจ นวัตกรรม เทคโนโลยี และส่งเสริมการตลาดอุตสาหกรรมการเกษตรไทย ภายใต้แนวคิด “Revolutionizing Farm Business”  มีจุดมุ่งหมายหลักคือ การสร้างวิสัยทัศน์ใหม่ นำเกษตรกรสู่นักธุรกิจการเกษตร

นายยุพธัช ยิบอินซอย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ยิบอินซอยและแย๊คส์ จำกัด เปิดเผยในงานฯ ‘FARM EXPO 2024’ ว่า “ปีนี้บริษัท ยิบอินซอย จำกัด ก้าวเข้าสู่ปีที่ 98 อีก 2 ปีข้างหน้า บริษัทฯ จะครบ 100 ปี  ดังนั้นบริษัทฯ ได้มีปณิธาณที่จะขับเคลื่อนให้เกษตรกรไทยให้อยู่ได้อย่างยั่งยืน เพราะต้องการที่จะ ‘ตอบแทนคุณแผ่นดินไทย’ โดยบริษัทต้องการที่จะส่งเสริมให้เกษตรกรสามารถที่จะลดต้นทุนการผลิตได้จริง เพื่อที่จะสามารถต่อสู้กับตลาดโลกรวมไปถึงสามารถส่งออกผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรไปยังต่างประเทศได้อย่างยั่งยืน  โดยเราเป็นบริษัทแรกที่นำปุ๋ยเคมีเข้าประเทศไทยในช่วงประมาณ 80 ปีที่แล้ว ทำให้เราเข้าใจเกษตรกรเป็นอย่างดี และปัจจุบันเรามีบริษัทที่มีเทคโนโลยีด้านการประหยัดพลังงานมาต่อยอด เพื่อควบคุมต้นทุนทางพลังงานของภาคเกษตรต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ อีกทั้งเรายังสนับสนุนเทคโนโลยีชีวภาพที่สามารถลดการใช้ยา และสารเคมีให้ใช้ในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งถ้าสามารถทำโปรเจคนี้สมบูรณ์ จะเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งที่จะช่วยลดต้นทุนให้กับเกษตรกร เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของภาคเกษตรก็จะเป็นจริง”

งาน ‘FARM EXPO 2024’ ภายในงานยังพบกับผู้มีส่วนร่วมภาคการเกษตรในทุกระดับ ตั้งแต่ผู้ประกอบการจากทั้งในและต่างประเทศ ที่จะมาพัฒนาความยั่งยืนผ่านเทคโนโลยี ส่งตรงถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย พร้อมร่วมมือกันยกระดับเกษตรกรสู่เกษตรกรรมที่ยั่งยืน กว่า 300 บูธ ที่มาร่วมโชว์นวัตกรรม สินค้า พร้อมกับให้องค์ความรู้ ในงาน ‘FARM EXPO 2024’ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 3 – 6 ตุลาคม 2567 พบกับบูธบริษัท ยิบอินซอยและแย๊คส์ จำกัด บูธ M21 ณ ฮอลล์ 98-99 ไบเทค บางนา

 

Alibaba มาเอง เปิดแพลตฟอร์มช่วยขาย เพิ่ม AI ช่วยบริการลูกค้า

[โอกาสใหม่] มีระบบช่วยเต็มขั้น เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น ล่าสุดทางแพลตฟอร์ม E-Commerce อันดับหนึ่งในจีนอย่าง Alibaba.com ได้จับมือกับ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ในประเทศไทย เปิดตัวแพ็คเกจช่วยขายใหม่อย่าง Global Gold Supplier-Lite (GGS Lite) พร้อมนำธุรกิจ SME ขนาดย่อมในไทย กระจายสินค้าสู่ตลาดโลกได้อย่างง่ายดาย โดยมีระบบ AI ช่วยได้ทั้ง ตั้งชื่อสินค้า กรอกรายละเอียดสินค้า ช่วยทำคลิปแนะนำสินค้า แนะนำข้อมูลการตลาด และเป็นแชทบอตคุยกับลูกค้าก็ยังได้

DITP เผย E-Commerce ในของประเทศไทยกำลังเฟื่องฟู โดยคาดว่าจะมีมูลค่าตลาดเกิน 7 ล้านล้านบาท (218 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ภายในสิ้นปี 2567 ซึ่งแสดงถึงการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญถึง 23% เพื่อเป็นการหนุน ล่าสุดทาง Alibaba ได้เข้ามาสร้างรากฐานใหม่ โดยการนำแพ็คเกจช่วยขายใหม่อย่าง GGS Lite ชูราคาที่ย่อมเยากว่าและชุดเครื่องมือดิจิทัลขั้นสูง ที่ออกแบบมาเพื่อการค้าโลกโดยเฉพาะ

สำหรับแพ็คเกจ GGS Lite ทาง Alibaba เผยจะช่วยลดอุปสรรคในการเข้าสู่ตลาดต่างชาติอย่างมาก กล่าวคือลดขั้นต้นที่ยุ่งยากต่าง ๆ เพื่อทางร้านค้าเล็ก ๆ ขนาดย่อมในไทยหรือ SME สามารถนำสินค้าส่งขายผ่านงแพลตฟอร์ม Alibaba ได้ง่ายดายกว่าเดิมนั้นเอง

ง่ายกว่าเดิมยังไง จุดนี้ทาง Alibaba เผยเลยว่า GGS Lite จะมาพร้อมชุดเครื่องมืออัจฉริยะ ที่มาพร้อมคุณสมบัติช่วยดำเนินธุรกิจออนไลน์และเพิ่มการเข้าถึงทั่วโลก อาทิ ระบบ Smart Assistant หรือเครื่องมือ AI ขั้นสูง ช่วยให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ซื้อและแนวโน้มของตลาด

ช่วยการแปลภาษาต่าง ๆ ได้หลายภาษาอย่างรวดเร็ว ทั้งยังเป็นแชทบอตช่วยตอบคำถามลูกค้าอัตโนมัติ แม้แต่นอกเวลาทำการของร้านได้อีกด้วย กับมี AI ช่วยปรับปรุงรายการผลิตภัณฑ์ ทั้งการตั้งชื่อสินค้า ตั้ง Description หรือคำอธิบายของสินค้านั้น ๆ เพื่อการมองเห็นและอันดับการค้นหาที่ดีขึ้น

ท้ายนี้ทาง Alibaba ได้เชิญคุณณิชารีย์ อุจจิน ซีอีโอของบริษัท Thumbinthai ที่เป็น Verified Supplier บน Alibaba มากว่า 5 ปีมาพูดคุยในงาน ซึ่งทางคุณณิชารีย์กล่าวเลยว่า แต่เดิมตนเองไม่เคยมีประสบการณ์ในการส่งออกมาก่อนเลย ยิ่งมาโดนช่วงที่เกิดโรคระบาด ก็กลายเป็นการบังคับให้หาโอกาสทางธุรกิจใหม่ จนได้มาจำหน่ายสินค้าผ่านทาง Alibaba ซึ่งใช้เวลาไม่ถึง 3 ปี บริษัทก็ได้เพิ่มจำนวนพนักงานเป็นมากกว่า 100 คน กับมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 400% และได้ส่งออกสินค้าไปสู่กว่า 10 ประเทศทั่วโลก

ประเทศไทยจะคว้าโอกาสในยุคทองของ super app ได้อย่างไร

SSUCv3H4sIAAAAAAACA1VRTU/DMAz9K5HPhYK49QZoQnCaGOIycXAT01pLkyof3dDU/47TbWjc7Lxn+72XI7QYWUNzBLY2xxQwsXfQ3FdAhpMPjBaau7mCmDDlSFG40mlM1Am69Jcl22N5hwaeUO+64LMzsf6gQ8pBeLIit/9BmKvLyOvV+Vg/Wx5vHkP6G/okLWJg/qoAO3L6p8gQHYEs4aJqK9BunygMZ4kTG/KnErPhUsLkNVrBH4oFueeH8toFHHvWgScKpTcUtRSwySMJNCqOfqAUWKtv6/e6x5DUnlOvBt+yJTX23pFCZ5SwLevFhWItVtS0KFfX8d6qlWSLrUyu1ptl7p2cIWE59bZ+Ud8+DFjMp0PJBqpzSKddsZbFmsaU0dZtjuwolnj9Tv5tnudf2Pr5dtUBAAA=

ในภูมิภาคอาเซียน ความพยายามในการรวบรวมบริการที่แตกต่างหลากหลายเข้ามาไว้บนแพลตฟอร์มเดียวกำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้นในหมู่ผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน โดยเทรนด์นี้มีผลมาจากความสำเร็จของซุปเปอร์แอปที่เกิดขึ้นในประเทศจีน องค์กรชั้นนำต่างหมายมั่นที่จะพัฒนาแพลตฟอร์มให้เป็นผู้นำตลาด และในประเทศไทยเองก็เช่นกัน คำว่า ซุปเปอร์แอป (super app) ถูกคิดขึ้นโดยผู้ก่อตั้งแบล็คเบอร์รี่ ไมค์ ลาซาริดิส ในปี 2553 ในงาน Mobile World Congress และให้นิยามไว้ว่า ซุปเปอร์แอป หมายถึง แพลตฟอร์มดิจิทัลแบบครบวงจรที่นำเสนอบริการที่หลากหลาย เช่น บริการส่งอาหาร บริการทางการเงิน อีคอมเมิร์ซ บริการเรียกรถ การส่งข้อความ หรือสาธารณูปโภค โดยทั้งหมดให้บริการอยู่ภายใต้แพลตฟอร์มเดียวกัน

รายงานจาก Grand View Research บริษัทด้านการตลาดและที่ปรึกษาธุรกิจ เผยว่า ในปี 2565 ตลาดซุปเปอร์แอปทั่วโลกมีมูลค่า 61,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 2.145 ล้านล้านบาท  และคาดว่าจะขยายตัวต่อปีที่ 28% (CAGR) ในระหว่างปี 2566 ถึง 2573 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตและสมาร์ทโฟน รวมถึงโอกาสในการเข้าถึงข้อมูล การเติบโตของอีคอมเมิร์ซ และการใช้งานระบบชำระเงินดิจิทัล

ซุปเปอร์แอปมีการใช้งานอย่างแพร่หลายโดยเฉพาะในเอเชียแปซิฟิกซึ่งมีประชากรกว่า 4.3 พันล้านคน หรือประมาณ 60% ของประชากรโลก มีการคาดการณ์ว่าภูมิภาคนี้จะเติบโตเร็วที่สุดในอนาคต เนื่องจากมีประชากรจำนวนมากที่ยังไม่สามารถเข้าถึงระบบธนาคาร และมีผู้ให้บริการซุปเปอร์แอปที่น่าจับตามมองหลายรายที่เปิดให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินและบริการดิจิทัลรูปแบบใหม่ ๆ ได้

ตัวอย่างของซุปเปอร์แอปชั้นนำได้แก่ WeChat ให้บริการโดย Tencent และ Alipay ให้บริการโดย Alibaba ในประเทศจีน ทั้งสองคือจุดประกายที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ซุปเปอร์แอปขึ้น ปัจจุบัน WeChat มีผู้ใช้งานต่อเดือนมากกว่า 1.3 พันล้านราย เป็นหนึ่งในซุปเปอร์แอประดับโลกรายแรก ๆ ที่รวมบริการมากมาย ตั้งแต่การเรียกรถโดยสาร การสั่งอาหาร ไปถึงการขอรับบริการทางการแพทย์ การซื้อประกัน หรือบริการที่จอดรถ ส่วน Alipay ของจีนนั้นเป็นซุปเปอร์แอปที่โดดเด่นอีกแอปหนึ่ง รวมถึง Grab จากสิงคโปร์ Gojek ของอินโดนีเซีย และ Kakao Talk ของเกาหลีใต้

ประเทศไทย: สมรภูมิต่อไปของตลาดซุปเปอร์แอป

ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้เล่นในตลาดซุปเปอร์แอปที่ให้บริการอยู่หลายราย อาทิ Grab ที่เปิดตัวในไทยเมื่อปี 2557 ปัจจุบันได้กลายมาเป็นผู้นำในตลาดได้รับความนิยมด้วยบริการหลายประเภท เช่น บริการเรียกรถ บริการส่งอาหาร และบริการส่งเอกสาร อย่างไรก็ตาม หากลองเปรียบเทียบกับ Grab ที่ให้บริการในอินโดนีเซียจะพบว่าบริการที่นำเสนอในประเทศไทยนั้นยังคงตามหลังอยู่มาก

ในปี 2564 Shopee แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของสิงคโปร์ขยายบริการเพิ่มเติมจากบริการหลัก คือ เปิดตัวบริการส่งอาหาร รวมถึงยังให้บริการชำระเงินออนไลน์ภายใต้ ShopeePay และยังมีแผนที่จะขยายบริการเพิ่มเติมเป็นซุปเปอร์แอป ตัวอย่างแพลตฟอร์มซุปเปอร์แอปอื่น ๆ ยังมี Traveloka ของอินโดนีเซีย ที่ให้บริการเน้นในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นหลัก

สำหรับผู้ให้บริการในไทย เช่น Line Man และ Robinhood ประสบความสำเร็จจากความหลากหลายของบริการที่มีบนแพลตฟอร์ม ทั้งนี้ Robinhood จะปิดบริการในเดือนกรกฎาคม 2567 ในประเทศไทยยังมีผู้ให้บริการอื่น ๆ ที่ผันตัวเป็นซุปเปอร์แอปที่จำกัดบริการอยู่ในอุตสาหกรรมหลักของแบรนด์ เช่น  TrueMoney ที่ขยายบริการจากกระเป๋าเงินดิจิทัล เป็นซุปเปอร์แอปทางการเงินแบบครบวงจร และ 7-Eleven ที่ครองตลาดค้าปลีก ทั้งการค้าปลีกออนไลน์สู่ออฟไลน์ อีคอมเมิร์ซ บริการทางการเงิน แคมเปญ และความบันเทิง จะเห็นได้ว่าในประเทศไทยนั้น ยังต่างจากประเทศใกล้เคียง คือยังไม่มีซุปเปอร์แอปที่ถูกพัฒนาขึ้นเองและให้บริการครอบคลุมหมวดหมู่ที่หลากหลาย

7 ปัจจัยสำคัญสู่ความสำเร็จของซุปเปอร์แอป

การเปลี่ยนผ่านความสำเร็จจากการเป็นแอปที่ได้รับความนิยมในอุตสาหกรรมหนึ่ง สู่แอปที่ผู้บริโภคเลือกใช้ในชีวิตประจำนั้นไม่ใช่โจทย์ที่ง่าย แอปจำนวนมากเน้นไปที่เนื้อหาไลฟ์สไตล์เพื่อดึงดูดให้คนเข้ามาใช้มาก ๆ แต่เมื่อไปดูที่การใช้งานจริง ๆ มักพบว่าคนจะยังคงใช้เฉพาะบริการหลักของแอปเท่านั้น ความสำเร็จของซุปเปอร์แอปนั้นเป็นโจทย์ที่ท้าทาย  แต่ปัจจัยดังต่อไปนี้สามารถเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จให้กับซุปเปอร์แอปได้

1.บริการหลักชัดเจน หากมองย้อนกลับไปซุปเปอร์แอปชั้นนำทุกวันนี้ล้วนมีจุดเริ่มต้นจากจากพยายามที่จะแก้ไขปัญหาบางอย่างให้กับผู้ใช้งาน เช่น การส่งข้อความ หรือ การชำระเงิน/โอนเงิน ผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งเหล่านี้เป็นปัญหาที่พบเป็นวงกว้าง ทำให้ผู้ให้บริการที่ปรับตัวและเริ่มให้บริการเป็นเจ้าแรก ๆ สามารถที่จะสร้างฐานผู้ใช้งานจำนวนมากได้ไว รวมถึงมีการต่อยอดบริการเสริมซึ่งแตกออกจากบริการหลัก ตัดกลับมาในปัจจุบัน หากคิดจะเริ่มต้นสร้างแอปใหม่โดยหวังจะให้เป็นซุปเปอร์แอปเลยนั้นเป็นโจทย์ที่ท้าทายอย่างมาก โดยเฉพาะในยุคที่บริการดิจิทัลเฟื่องฟูอย่างปัจจุบัน ดังนั้น หนทางสู่ความสำเร็จจึงไม่ใช่การริเริ่มสร้างแอปใหม่ แต่สำหรับผู้ประกอบการไทย คือการต่อยอดฟังก์ชันเพิ่มขึ้นจากบริการหลักที่มีฐานผู้ใช้งานมั่นคงอยู่แล้ว

2.มีบริการที่คนต้องใช้ซ้ำ ๆ สิ่งที่ซุปเปอร์แอปที่ประสบความสำเร็จมีเหมือนกัน คือ กลยุทธ์ “hook and expand” หมายถึง การดึงดูดคนด้วยบริการที่ต้องเรียกใช้บ่อย ๆ และมีราคาไม่สูงนัก ก่อนที่จะนำเสนอบริการอื่น ๆ ที่สามารถทำรายได้ที่สูงกว่าให้กับธุรกิจ เช่น บริการของ Meituan ในจีนเติบโตอย่างรวดเร็ว มีจุดเริ่มต้นจากบริการจัดส่งอาหาร ซึ่งเป็นบริการหลัก ในตอนแรกไม่ได้กำไร แต่ช่วยปูทางไปสู่บริการอื่น ๆ อีกกว่า 200 บริการ สำหรับแอปพลิเคชันในไทยที่สร้างพฤติกรรมให้คนกลับมาใช้งานในแอปได้เป็นประจำอยู่แล้ว นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี และเป็นโอกาสที่จะขยายไปยังบริการอื่น ๆ ที่เพิ่มมูลค่าให้กับผู้ใช้และธุรกิจหลักได้

3.โฟกัสชัดเจน เนื่องจากซุปเปอร์แอปเป็นคำที่ใช้วงกว้าง การตีความในแต่ละบุคคล แต่ละธุรกิจจึงมีความแตกต่างกัน สำหรับธุรกิจที่มีแผนพัฒนาซุปเปอร์แอป จำเป็นที่จะต้องกำหนดนิยามและวิสัยทัศน์ให้ชัดเจน บางครั้งการกำหนดให้ประเภทของบริการอยู่ในกรอบจำกัดจะส่งผลดีต่อธุรกิจมากกว่าการเพิ่มประเภทบริการให้หลากหลายมาก ๆ ตัวอย่างเช่น ในช่วงโควิด  AirAsia มุ่งสู่การเป็นบริษัทดิจิทัลไลฟ์สไตล์ โดยเปลี่ยนชื่อแบรนด์เป็น AirAsia Superapp และเข้าซื้อธุรกิจของ Gojek ในประเทศไทยเพื่อใช้เป็นฐานหลักในการดำเนินธุรกิจในประเทศ อย่างไรก็ตาม เมื่อปีที่แล้วบริษัทฯ ปรับแผนที่ต้องการจะเป็นซุปเปอร์แอปที่ครอบคลุมทุก ๆ ด้าน โดยรีแบรนด์เป็น AirAsia Move เพื่อผลักดันเพิ่มยอดขายในบริการที่ทำได้ดีที่สุดอยู่แล้ว นั่นคือ การเดินทาง

4.ผู้บริโภคไว้ใจ ปัจจัยสำคัญที่จะเอาชนะใจผู้ใช้งานได้คือความไว้วางใจ จากการสำรวจผู้บริโภคของ PYMNTS พบว่า ความกังวลอันดับหนึ่งในการใช้งานซุปเปอร์แอป คือ ความปลอดภัยของข้อมูล โดยปัจจัยที่มีผลต่อความไว้วางใจก็คือ ความสามารถในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล และ ชื่อเสียงของผู้ให้บริการ ดังนั้น แบรนด์ที่จะขึ้นแท่นเป็นซุปเปอร์แอปเบอร์ต้นในไทยได้ จึงมีแนวโน้มที่จะเป็นแอปพลิเคชันที่ทุก ๆ คนรู้จักกันเป็นอย่างดีและอาจใช้งานกันเป็นประจำอยู่แล้ว

5.สร้างระบบนิเวศรองรับพันธมิตร มีซุปเปอร์แอปเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่พัฒนาและบริหารจัดการบริการทั้งหมดเองภายในองค์กร (เช่น Grab) ซุปเปอร์แอปจากจีนส่วนใหญ่จะเน้นพัฒนาบริการหลักและทำการวางระบบในรูปแบบของแพลตฟอร์ม เพื่อให้ง่ายต่อการเพิ่มบริการใหม่ ๆ ที่พัฒนาขึ้นโดยพันธมิตรทางธุรกิจ โดยผู้ให้บริการซุปเปอร์แอปจะเป็นผู้กำหนด “ความเปิดกว้าง” ของแพลตฟอร์ม (เจ้าของซุปเปอร์แอปคัดเลือกพันธมิตรเอง หรือ เปิดกว้างและยอมรับการเชื่อมต่อกับพันธมิตรทุกราย) ไม่ว่าจะเป็นวิธีการใดระบบแพลตฟอร์มคือปัจจัยสำคัญที่เป็นตัวกระตุ้นการเติบโต จะพบว่าแอปพลิเคชันที่มีแนวโน้มจะกลายเป็นซุปเปอร์แอปในไทยกำลังเพิ่มบริการใหม่ ๆ โดยเริ่มจากบริการในกลุ่มธุรกิจหลักของตนก่อน นับเป็นก้าวเริ่มต้นที่ดี แต่ท้ายที่สุดแล้วการเปิดรับพันธมิตรธุรกิจอื่น ๆ จะเป็นตัวขับเคลื่อนให้แอปสามารถเติบโตแบบก้าวกระโดด

6.การกำกับดูแลมินิแอป  Gartner ให้คำจำกัดความซุปเปอร์แอปไว้ว่า “แอปพลิเคชันที่เปิดให้ผู้ใช้งานเข้าถึงบริการหลัก และบริการส่วนเสริมอื่น ๆ ผ่านมินิแอปที่สร้างขึ้นอย่างอิสระ” สำหรับผู้ให้บริการซุปเปอร์แอปที่เลือกร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจเพื่อขยายเครือข่ายของบริการ จำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลมินิแอป ทั้งในแง่มุมของกระบวนการบูรณาการ การอนุญาตให้เข้าถึงแพลตฟอร์ม และวิธีการแบ่งปันข้อมูลระหว่างกัน วิธีการกำกับดูแลมินิแอปคือการบริหารความสมดุลระหว่าง “การควบคุม” และ “ความยืดหยุ่น” ดังนั้น ก่อนลงมือพัฒนาใด ๆ จำเป็นที่จะต้องกำหนดโมเดลการทำซุปเปอร์แอปให้ชัดเจน เพื่อที่จะได้วางโครงสร้างทางเทคนิคให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

7.มีพื้นฐานเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อความสำเร็จของซุปเปอร์แอปไม่แพ้การมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและเฉียบคม คือโครงสร้างอื่น ๆ ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญไม่แพ้กัน ทั้งเทคโนโลยีที่ใช้เชื่อมต่อระบบของผู้ให้บริการต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ความสามารถในการสเกลระบบให้รองรับผู้ใช้งานหลักล้าน งานด้านความปลอดภัยเพื่อปกป้องคุ้มครองข้อมูลจำนวนมหาศาลที่เกิดขึ้น  การใช้ AI ให้เป็นประโยชน์ ดังคำกล่าวที่ว่า ความรู้คือพลัง และข้อมูลคือหัวใจสำคัญที่ทำให้ซุปเปอร์แอปชั้นนำประสบความสำเร็จอย่างที่เห็นในทุกวันนี้ ยิ่งผู้ใช้งานมีการเข้าใช้แอปใดแอปหนึ่งมากเท่าไหร่ แอปนั้นก็จะยิ่งรู้จักผู้ใช้รายนั้นมากขึ้น ก่อให้เกิดการพัฒนาประสบการณ์ที่เจาะจงเฉพาะบุคคลได้มากขึ้น (personalised experience) ทำให้แอปนั้นโดดเด่นและสามารถดึงดูดผู้ใช้งานได้มากกว่าผู้ให้บริการแอปรายอื่น ๆ ดังนั้นแล้ว การพัฒนาซุปเปอร์แอปจำเป็นต้องมีเทคโนโลยีที่เหมาะสมเพื่อทำให้การพัฒนาประสบความสำเร็จ

หนทางข้างหน้า

ในประเทศไทยมีองค์กรที่อยู่ในจุดที่พร้อมพัฒนาสู่การเป็นซุปเปอร์แอป แต่ความสำเร็จนั้น ไม่มีทางลัด การสร้างซุปเปอร์แอปเป็นการลงทุนระยะยาว เราไม่สามารถสรุปได้ว่าความสำเร็จที่เกิดขึ้นในตลาดอื่นจะสามารถนำมาใช้และจะเกิดผลลัพธ์แบบเดียวกันให้เห็นทันตา เพราะทุก ๆ ตลาดมีคุณลักษณะเฉพาะตัวที่ต่างกัน ดังนั้น จึงต้องมีกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับแต่ละท้องถิ่นอย่างแท้จริง ทั้งความเข้าใจพฤติกรรมผู้ใช้งาน และเครือข่ายพันธมิตรธุรกิจที่จะช่วยส่งเสริมกัน ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จทั้งสิ้น

แอปพลิเคชันที่มีท่าทีจะปรับตัวไปเป็นซุปเปอร์แอปคือผู้ให้บริการที่มีจุดแข็งในตลาดชัดอยู่แล้ว และต้องคิดวิธีการปรับเอานวัตกรรมมาใช้เพื่อสร้างการเติบโต คำถามตั้งต้นคือ จะนำเอาทรัพยากรที่มีอยู่ปรับเปลี่ยนรูปแบบใหม่ ๆ อย่างไร? พันธมิตรรายใดจะสามารถช่วยเพิ่มบริการใหม่ ๆ หรือช่วยให้ทดสอบบริการรูปแบบใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว? ข้อมูลที่มีอยู่ในองค์กรจะนำไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์เหนือคู่แข่งได้อย่างไร? อะไรคือข้อได้เปรียบ หรือความโดดเด่นที่ผู้เล่นรายอื่นไม่สามารถทำได้? ผมเชื่อว่าด้วยการสร้างกลยุทธ์ซุปเปอร์แอปที่เหมาะสม จะทำให้องค์กรเข้าถึงโอกาสทองนี้ได้

บทความโดย

บ๊อบ แกลลาเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอ๊พซินท์ เอเชีย จำกัด

NETA เปิดตัว NETA X รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสไตล์ SUV อย่างเป็นทางการสู่ตลาดเมืองไทย ราคาเริ่มต้น 739,000 บาท จองวันนี้รับข้อเสนอสุดพิเศษเฉพาะช่วงเปิดตัว

NETA ประกาศเปิดตัว NETA X รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสไตล์ SUV เสริมทัพผลิตภัณฑ์  ในประเทศไทย ชูจุดเด่นภายในห้องโดยสารกว้างนั่งสบาย 80% ของพื้นที่ห้องโดยสารเป็นวัสดุบุนุ่ม หน้าจอระบบสัมผัส ขนาดใหญ่ 15.6 นิ้ว พร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยและฟังก์ชันการใช้งานอัจฉริยะ ให้ความมั่นใจในการขับขี่ด้วยระบบช่วยเหลือ    ผู้ขับขี่ ADAS ระดับ 2.0 รวมถึงระบบความปลอดภัยที่ครบครัน โดยมีให้เลือก 2 รุ่นย่อย กับราคาเริ่มต้นที่  739,000 บาท ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษ เฉพาะช่วงเปิดตัว พร้อมส่งมอบให้ลูกค้าต้นเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป

มร. ชู กังจื้อ (Mr. Shu GangZhi) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า NETA เดินหน้า      สานต่อพันธกิจในการเป็นผู้สรรสร้างนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ เพื่อสร้างการเข้าถึงเทคโนโลยีอย่างเท่าเทียมตามปรัชญา “Tech For All” โดยล่าสุดได้ประกาศเปิดตัว NETA X รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสไตล์ SUV เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์ในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นรถรุ่นที่สองของ NETA ที่เปิดตัวในปีนี้ ภายหลังจากการแนะนำ NETA V-II รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสไตล์ City Car เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทำให้ปัจจุบัน NETA มีรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้เลือก 2 สไตล์ รองรับกับการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ โดยตั้งเป้าเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่มาพร้อมเทคโนโลยีทันสมัยอย่างต่อเนื่องในทุกปี 

“ปัจจุบันเรามีรถยนต์พลังงานไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ NETA วิ่งอยู่บนถนนทั่วประเทศไทยแล้วกว่า 17,000 คัน ผมต้องขอขอบคุณลูกค้าคนไทย รวมไปถึงทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องที่มอบความไว้ใจและสนับสนุนการดำเนินงานของแบรนด์ NETA ในประเทศไทย มาอย่างต่อเนื่อง เราพร้อมและยินดีเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการเติบโตของระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าของไทยให้เติบโตยิ่งขึ้นในทุกมิติ สำหรับการเปิดตัว NETA X นอกจากจะเป็นการตอกย้ำแผนการดำเนินงานในประเทศไทยภายใต้กลยุทธ์ “All in Thailand, All for Thailand” ในการยกระดับภาพลักษณ์ของแบรนด์ด้วยการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ ที่ทรงพลังและติดตั้งเทคโนโลยีขั้นสูงอย่างต่อเนื่อง แล้วยังสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ NETA ในการนำเสนอยานยนต์ไฟฟ้าที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัยซึ่งคนไทยสามารถเป็นเจ้าของได้ สอดคล้องกับพันธกิจหลักของ NETA เพื่อสร้างการเข้าถึงเทคโนโลยี อย่างเท่าเทียมสําหรับทุกคน หรือ “Tech For All”  มร. ชู กังจื้อ กล่าว

NETA X “เติมเต็มทุกโมเมนต์ กับนิยามใหม่ของความกว้าง” 

NETA X ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด และสโลแกน “เติมเต็มทุกโมเมนต์ กับนิยามใหม่ของความกว้าง” ชูจุดเด่นด้าน  พื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างนั่งสบาย พร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย ให้ความมั่นใจในการขับขี่ด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่      ADAS ระดับ 2.0 รวมถึงการติดตั้งระบบความปลอดภัยที่ครบครัน โดยมาพร้อมระบบส่งกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง กำลังสูงสุด 120 กิโลวัตต์ หรือ 163 แรงม้า ให้อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 9.5 วินาที  

NETA X มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ได้แก่ NETA X รุ่น Comfort มาพร้อมแบตเตอรี่ ลิเธียม ไอออนขนาด 51.8 kWh ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 401 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง (มาตรฐาน NEDC) ราคา 739,000 บาท และ NETA X รุ่น Smart จับคู่กับแบตเตอรี่ ขนาด 62 kWh ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 480 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง (มาตรฐาน NEDC) ราคา 799,000 บาท โดยมีสีตัวถังภายนอกให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีดำ (Onyx Black) สีน้ำเงิน (Glacier Blue) และสีขาว (Pearl White) ภายในห้องโดยสารมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีดำ (Prestige Black) ในรุ่น Comfort และสีน้ำตาล (Elegant Brown) ในรุ่น Smart

ความอัจฉริยะในการขับขี่ Excellence in Intelligent

NETA X ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ที่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ระดับ 2.0 ติดตั้งเซ็นเซอร์ รอบคันและเรดาห์รวม 11 จุด รองรับระบบควบคุมความเร็วในการขับขี่ อาทิ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control) พร้อมระบบควบคุมความเร็วอัจฉริยะย่านความเร็วสูง (ICA) และความเร็วต่ำ (TJA) รวมไปถึงการควบคุมรถให้อยู่ในเลน อาทิ ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน และระบบช่วยเปลี่ยนเลนพร้อมระบบตรวจจุดอับสายตา เป็นต้น

ห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย Excellence in Spacious 

NETA X มีมิติตัวถังขนาดใหญ่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ด้วยความยาวตลอดทั้งคัน 4,619 มม. กว้าง 1,860 มม. และสูง 1,628 มม. โดยมีระยะฐานล้อที่ยาวถึง 2,770 มม. ให้พื้นที่ใช้สอยภายในห้องโดยสารกว้างขวาง พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถจุถึง 508 ลิตร เบาะพับได้สามารถเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้มากถึง 1388 ลิตร พร้อมช่องเก็บของอเนกประสงค์ 24 จุด กระจายอยู่ทั่วทั้งห้องโดยสาร

ความสะดวกสบาย Excellence in Comfortable

NETA X มอบความสะดวกสบายด้วยเบาะนั่งปรับได้ถึง 6 ทิศทาง พร้อมวัสดุบุนุ่มห้องโดยสารถึง 80% ของพื้นที่ มาพร้อมหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา รวมไปถึงระบบควบคุมรถยนต์ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ (NETA App) ช่องเชื่อมต่อ USB / Type-C และแท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย พร้อมฟังก์ชัน V2L (Vehicle-to-Load) จ่ายกำลังไฟได้ สูงถึง 3.3 กิโลวัตต์ สามารถดึงพลังงานจากรถยนต์ไปใช้งานกับอุปกรณ์ไฟฟ้าภายนอก

การเชื่อมต่ออัจฉริยะ Excellence in Interactive 

NETA X มาพร้อมหน้าจอความละเอียดสูง ขนาด 15.6 นิ้ว สามารถเข้าถึงระบบนําทางแบบออนไลน์ การสตรีมมิ่งเพลง และการเชื่อมต่อโทรศัพท์เข้ากับระบบรถยนต์เป็นไปได้อย่างราบรื่น อีกทั้งยังมีระบบสั่งการด้วยเสียง รวมไปถึงระบบควบคุมรถยนต์ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ (NETA App) เพื่อให้สามารถตรวจสอบสถานะแบบเรียลไทม์ 

ระบบความปลอดภัย Safety

NETA X ใช้โครงสร้างที่ทำจากเหล็กแรงดึงสูง (High-strength Steel) ถึง 75% ของตัวถังมาพร้อมระบบถุงลมนิรภัย    ถึง 6 จุด และแบตเตอรี่ที่ผ่านการทดสอบ IP68 ซึ่งเป็นระดับกันน้ำและกันฝุ่นระดับสูงสุดในตลาด โดยสามารถผ่านการทดสอบการกันน้ำอย่างต่อเนื่องยาวนานถึง 48 ชั่วโมง  

ต้นทุนการเป็นเจ้าของ Ownership Cost 

NETA X ให้การใช้พลังงานและค่าบํารุงรักษาที่ต่ำ เมื่อเทียบกับรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป ถึง 3 เท่า จึงทําให้ NETA X เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าตัวเลือกที่ให้ความประหยัดและคุ้มค่าในระยะยาว 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ NETA Call Center โทร. 02-023-9981 ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง หรือ ติดตามข้อมูลข่าวสาร  และความเคลื่อนไหวต่างๆ ของ NETA ได้ที่:

  • Facebook : Neta Auto Thailand
  • NETA Line Official : @netaautothailand
  • Website : www.neta.co.th

“เติมเต็มทุกโมเมนต์ กับนิยามใหม่ของความกว้าง”

  • NETA X รุ่น Comfort  ราคาจัดจำหน่าย 739,000 บาท
  • NETA X รุ่น Smart ราคาจัดจำหน่าย 799,000 บาท

ข้อเสนอพิเศษ

สำหรับลูกค้าที่จองตั้งแต่วันนี้ และรับรถยนต์กับผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการทุกแห่งทั่วประเทศ

  • ฟรี! ประกันภัยชั้น 1
  • ฟรี! เครื่องชาร์จ NETA WALLBOX พร้อมค่าติดตั้ง จำนวน 1 ชุด 
  • ฟรี! ค่าบริการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตในรถ 3 ปี
  • ฟรี! รับประกันรถยนต์ 5 ปี หรือ 150,000 ก.ม. (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) 
  • ฟรี! รับประกันมอเตอร์และแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) 
  • ฟรี! บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 5 ปี 
  • พิเศษ! ลูกค้าจ่ายเพียง 39,800 บาท รับสิทธิ์ NETA CARE PACKAGE ซึ่งครอบคลุมการรับประกันแบตตารี่ตลอดอายุการใช้งาน* รวมถึงค่าแรงและค่าอะไหล่ 5 ครั้ง

* เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนเปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ทรูมันนี่ แท็กทีม แกร็บ เสริมแกร่งธุรกิจ-ขยายฐานลูกค้า

เชื่อมต่อระบบชำระเงิน และมอบสิทธิประโยชน์ที่มากกว่าพร้อมคว้า “เจมีไนน์-โฟร์ท” นั่งแท่นพรีเซ็นเตอร์ เจาะกลุ่มนิวเจน

นางสาวมนสินี นาคปนันท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด และ นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย จับมือประกาศพันธมิตรระหว่างแอปพลิเคชัน TrueMoney และ Grab  เสริมแกร่งธุรกิจ เล็งขยายฐานลูกค้า พร้อมเปิดตัวแคมเปญใหญ่ “แท็กทีมคุ้ม” คว้าสองหนุ่มสุดฮอต “เจมีไนน์-โฟร์ท” นั่งแท่นพรีเซนเตอร์ หวังเจาะกลุ่มนิวเจน

ทรูมันนี่ (TrueMoney) ผู้นำด้านการให้บริการทางการเงินแบบดิจิทัลชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ แกร็บ (Grab) ผู้นำซูเปอร์แอปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกาศผนึกความร่วมมือเพื่อเสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจในประเทศไทย โดยมุ่งเน้นผสานระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้รอยต่อ มอบสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ใช้บริการ เล็งขยายฐานลูกค้าระหว่างกัน พร้อมเปิดตัวแคมเปญพิเศษ “แท็กทีมคุ้ม” โดยคว้าคู่จิ้นสุดฮอต “เจมีไนน์-โฟร์ท” นั่งแท่นพรีเซ็นเตอร์หวังเจาะกลุ่มนิวเจน มอบส่วนลดค่าบริการ Grab สูงสุดถึง 50% เมื่อชำระผ่าน TrueMoney

นางสาวมนสินี นาคปนันท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด เผยว่า  “การผนึกความร่วมมือกับ แกร็บ ประเทศไทย ในครั้งนี้ถือเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ ทรูมันนี่ ในการส่งมอบบริการที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้บริการ และตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยที่มีความต้องการใช้จ่ายออนไลน์เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องไปกับวิสัยทัศน์ของเราที่มุ่งสร้างประสบการณ์ทางการเงินที่ ‘เป็นไปได้ ได้ทุกคน’ ทั้งนี้ ความร่วมมือระหว่าง TrueMoney และ Grab ครอบคลุม 3 ประเด็นหลัก คือ การเชื่อมต่อระบบชำระเงินระหว่างกัน โดยผู้ใช้บริการ Grab สามารถชำระค่าบริการได้ผ่าน TrueMoney ได้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป การดำเนินกิจกรรมทางการตลาดร่วมกันเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ดิจิทัลสำหรับลูกค้าของทั้ง TrueMoney และ Grab  และยกระดับประสบการณ์การใช้บริการ ตลอดจนการต่อยอดความร่วมมือเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจร่วมกันต่อไป”

นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “การประกาศความร่วมมือกับ TrueMoney ในครั้งนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญของ แกร็บ ประเทศไทย ในการพัฒนาและยกระดับแพลตฟอร์มของเราเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้บริการ ทั้งยังช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งและขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่ความยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเชื่อมต่อระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างกัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มทางเลือกให้ผู้ใช้บริการ Grab ให้สามารถชำระเงินได้ผ่าน TrueMoney ถือเป็นการสร้างประสบการณ์การชำระเงินแบบไร้รอยต่อที่ตอบโจทย์ทั้งในด้านความสะดวกสบายและความปลอดภัยด้วยระบบป้องกันการดูดเงินถึง 3 ชั้นของ TrueMoney นอกจากนี้ ด้วยฐานผู้ใช้บริการของ TrueMoney ที่เข้าถึงกลุ่มคนทุกระดับ โดยมียอดผู้ใช้บริการทั่วประเทศถึงกว่า 30 ล้านคน โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Y ซึ่งถือเป็นสัดส่วนใหญ่ ยังถือเป็นโอกาสสำคัญในเชิงธุรกิจ รวมถึงการขยายฐานกลุ่มผู้ใช้บริการระหว่างกันด้วย โดยนอกจากการเปิดตัวแคมเปญพิเศษร่วมกันในช่วงกลางปีแล้ว เรายังเตรียมกิจกรรมทางการตลาดที่มีสีสันและน่าตื่นเต้นอีกมากมาย เพื่อนำเสนอความคุ้มค่าและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ  ให้กับลูกค้าและผู้ใช้บริการของทั้งสองแบรนด์ในอนาคตด้วย”

เพื่อประกาศความร่วมมืออย่างเป็นทางการ TrueMoney และ Grab ยังได้เปิดตัวแคมเปญพิเศษที่ชื่อ “แท็กทีมคุ้ม” นั่งฟิน กินคุ้ม จิ้ม จ่าย จบ ด้วยทรูมันนี่ พร้อมคว้าสองหนุ่มคู่จิ้นสายวายสุดฮอต “เจมีไนน์-โฟร์ท” ร่วมเป็นพรีเซนเตอร์เพื่อนำเสนอความคุ้มแบบดับเบิ้ลจากทั้งสองแบรนด์

  • พิเศษ! สำหรับผู้ใช้บริการใหม่ เพียงใส่โค้ด NEWTMN เมื่อใช้บริการ Grab และเลือกชำระเงินผ่าน TrueMoney รับทันทีส่วนลด 50% สำหรับการสั่งอาหารผ่าน GrabFood หรือใช้บริการเรียกรถผ่าน Grab
  • ขณะที่ผู้ใช้บริการเดิมยังสามารถรับส่วนลด 30% เมื่อสั่งอาหารหรือใช้บริการเรียกรถผ่าน Grab และเลือกชำระเงินผ่าน TrueMoney เพียงใส่โค้ด GRABTMN ตั้งแต่วันนี้จนถึง 17 กันยายน 2567
  • นอกจากนี้ เตรียมพบกับกิจกรรมสุดเซอร์ไพรส์ที่ TrueMoney และ Grab จะพาผู้โชคดีไปกระทบไหล่กับ “เจมีไนน์-โฟร์ท” กันแบบเอ็กซ์คลูซีฟ เพียงใช้บริการ Grab ไม่ว่าจะสั่งอาหารหรือเรียกรถ และเลือกจ่ายด้วย TrueMoney ก็รับสิทธิ์ลุ้นเป็นหนึ่งในผู้โชคดีเข้าร่วมกิจกรรมแบบใกล้ชิด

ติดตามรายละเอียดเกี่ยวกับแคมเปญ “แท็กทีมคุ้ม” และเงื่อนไขการใช้บริการได้ที่เว็บไซต์ https://www.truemoney.com/grab

Hot Issue