Home Blog Page 50

ไม่ธรรมดา จีนใช้ AI เช็คเบาหวาน ให้คำแนะนำเฉพาะบุคคล

ทีมวิจัยชาวจีนและสิงคโปร์พัฒนาเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ (AI) สำหรับเช็คโรคเบาหวานฉบับเบื้องต้น 

ซึ่งเป็นแบบจำลองภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ตัวแรกของโลกที่ออกแบบมาเพื่อจัดการโรคเบาหวานโดยเฉพาะ

ปัจจุบันผู้คนมากกว่า 500 ล้านคนทั่วโลกเป็นโรคเบาหวานแต่เข้าถึงการรักษาได้ไม่ทั่วถึง ขาดแคลนแพทย์หรือรายได้ไม่พอต่อการเริ่มรักษาและการเข้าถึงการคัดกรอง

จึงทำให้นักวิจัยหันมาให้ความสนใจ พัฒนาระบบคล้าย GPT-4 ที่สามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับโรคเบาหวานแบบเฉพาะบุคคลเหมือนเป็นแพทย์ประจำบ้าน

แพลตฟอร์มภาพพร้อมภาษาที่เรียกว่า DeepDR-LLM เรียนรู้เชิงลึกสำหรับการวินิจฉัยภาพทางการแพทย์และคำแนะนำการรักษาที่ปรับแต่งได้ ใช้ชุดข้อมูลจาก 7 ประเทศ ได้แก่ จีน สิงคโปร์ อินเดีย ไทย อังกฤษ แอลจีเรีย และอุซเบกิสถาน เพื่อศึกษาให้เทียบเท่าหรือเก่งกว่าแพทย์ทั่วไป

ความแม่นยำเฉลี่ยของแพทย์ทั่วไปอยู่ที่ 81% แต่ถ้าหากใช้ AI ร่วมด้วยความแม่นยำในการรักษาจะอยู่ที่ 92.3% เพื่อดูแลสำหรับคนที่เป็นโรคเบาหวาน เพิ่มประสิทธิภาพในการวินิจฉัยและการรักษาอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้ผู้ป่วยมีสุขภาพที่ดีขึ้น

 

ที่มา : english.news  

#โรคเบาหวาน #AI #TechhubUpdate

ตัวแรกของโลก หุ่นยนต์ทำฟันควบคุมด้วย AI รักษาฟันได้ ใช้เวลาไม่นาน

หุ่นยนต์ทำฟันตัวแรกของโลก เกิดขึ้นแล้ว หลังจากที่ทันตแพทย์วางแผนวิธีการรักษาร่วมกับผู้ป่วยแล้ว หุ่นยนต์หุ่นยนต์อัตโนมัติที่ควบคุมด้วย AI ก็จะเข้ามาทำหน้าที่แทน

นี่เป็นไอเดียของบริษัท Perceptive ในอังกฤษ ที่พัฒนาหุ่นยนต์ทำฟันขึ้นเป็นครั้งแรก โดยหุ่นยนต์จะช่วยลดระยะเวลาทำฟันได้อย่างน่าสนใจ

อย่างการครอบฟัน ที่ปกติจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ตั้งแต่เตรียมฟัน เคาะฟัน จนถึงเสร็จสิ้นกระบวนการ แต่หุ่นยนต์สามารถลดระยะเวลาเหลือเพียง 15 นาที ผู้ป่วยก็ไม่ต้องเหนื่อยล้าจากการอ้าปากกว้างเป็นเวลานาน จนทำให้เข็ดขยาดการทำฟันไปเลย

 

หุ่นยนต์ทำฟันยังมากับฟังก์ชั่นสแกนช่องปากอย่างรวดเร็ว ด้วยเทคโนโลยี OCT โดยใช้เครื่องสแกนความละเอียดสูง สร้างแบบจำลอง 3 มิติ ของช่องปากได้อย่างรวดเร็ว ได้ครบทุกรายละเอียด ทั้งฟัน เหงือก เส้นประสาทใต้ผิวฟัน แถมยังตรวจจับฟันผุได้อัตโนมัติ แม่นยำประมาณ 90% ช่วยวางแผนการรักษาได้ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดการใช้รังสีเอ็กซ์เรย์ได้ด้วย

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้หุ่นยนต์ยังไม่ได้รับการอนุมัติจาก FDA และบริษัทผู้ผลิตเองก็ยังไม่ได้วางแผนเปิดตัวเป็นทางการ จนกว่าจะทดสอบให้มั่นใจถึงความปลอดภัย และประสิทธิภาพในการทำฟันในรูปแบบที่แตกต่างออกไป อย่างการผ่าฟันคุด ที่มีความซับซ้อนและปัจจัยเสี่ยงจากการเคลื่อนไหว รวมถึงการยอมรับจากผู้ป่วย ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญไม่แพ้กัน

แล้วคุณล่ะอยากลองทำฟันกับหุ่นยนต์หรือหมอฟันมากกว่ากัน

ที่มา perceptive

ฟอร์จูนทาวน์ ผนึกกำลังพันธมิตร จัดใหญ่จัดเต็ม COMTECH 2024 มหกรรมสินค้าไอที ลดทะลุจักรวาล ลดสูงสุด 60%

ฟอร์จูนทาวน์ (Fortune Town) ศูนย์รวมไอทีและไลฟ์สไตล์ชั้นนำย่าน รัชดา-พระราม 9  ผนึกกำลังพันธมิตร รวมแบรนด์ดังสินค้าไอที  คืนกำไรให้สายไอที ช้อปกันแบบจุใจในงาน COMTECH  2024  ตั้งแต่วันที่ 1 – 4 สิงหาคม 2567 บริเวณ Fortune Event Space  ชั้น 4 ฟอร์จูนทาวน์ รัชดา-พระราม 9

ฟอร์จูนทาวน์  ผนึกกำลังพันธมิตรแบรนด์ไอทีชั้นนำ Asus intel IT City Lenovo Snapmore Snapshot Speed Computer  และ ร้านค้าในฟอร์จูนทาวน์   พร้อมด้วยบริษัท เออาร์ไอพี  จำกัด (มหาชน) First Choice  และวิทยาลัยเทคโนโลยีชื่นชม ไทย-เยอรมัน สระบุรี จัดงาน  COMTECH   2024   ขึ้นในวันที่ 1  – 4  สิงหาคม  2567  บริเวณ Fortune Event Space ชั้น 4  ฟอร์จูนทาวน์  รัชดา-พระราม 9  ขนทัพสินค้าไอทีชั้นนำ จากแบรนด์ต่างๆ ลดสูงสุด 60%     มีการจัดแสดงโชว์เทคโนโลยีสินค้าไอทีหลากหลายแบรนด์ดัง    พบกับนวัตกรรมหุ่นยนต์สุดล้ำ Robot Showcase  ที่จะมาช่วยอำนวยความสะดวกสบาย  ตอบโจทย์การใช้ชีวิตสำหรับคนยุคใหม่   โดยได้รับความร่วมมือ จาก วิทยาลัยเทคโนโลยีชื่นชม ไทย-เยอรมัน สระบุรี  และ บริษัท เอลเว่ (ประเทศไทย) จำกัด  มาจัดแสดงภายในงาน  อาทิ Dog Bot หรือหุ่นยนต์สุนัข ที่สามารถใช้ในภารกิจสำรวจรักษาความปลอดภัยในงาน Security ต่างๆ   และ ยังมีหุ่นยนต์เพื่อการศึกษาไปจนถึงหุ่นยนต์ที่พร้อมปฏิบัติงานในภาคธุรกิจได้    

ภายในงานยังอัดแน่นไปกับกิจกรรมมากมาย ที่สายไอทีต้องห้ามพลาด!  อย่าง  การสัมภาษณ์พิเศษ Chat GPT เทคโนโลยี AI ที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตของคนสายไอที, พูดคุย ADBIG กูรูไอทีใน Section พิเศษ “ทริก การประกอบคอมฯ”, การเสวนาพิเศษเรื่องภาพถ่ายแนวมินิมอล พร้อมการกลับมาอีกครั้งของ Photo Walk กับเพจ จุลภาพ Minimal และการประกวดภาพถ่ายชิงเงินรางวัลรวม 10,000 บาท พร้อม เชียร์การแข่งขัน E-Sport เกม ROV  ฟินชิดขอบเวทีกับมินิคอนเสิร์ตศิลปิน T-Pop  น้องใหม่สุดฮอต วง Zolar และ XI

สิทธิพิเศษ สำหรับลูกค้าบัตรเครดิตกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ ผ่อน 0% กับสินค้าที่ร่วมรายการรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 14,000 บาท* (เงื่อนไขเป็นไปตามที่กำหนด) พิเศษสุด  สำหรับลูกค้าที่ช้อปสินค้าไอทีครบ 800 บาท  เพียงทำตามกติกา  แลกรับเครื่องดื่มจากตู้เต่าบิน  มูลค่าไม่เกิน 45 บาท จำกัด 250 แก้ว/วัน   (ตรวจสอบเงื่อนไขเพิ่มเติม ณ จุดขาย)

เหล่าสายไอทีห้ามพลาด “COMTECH 2024  ตั้งแต่วันที่ 1 – 4  สิงหาคม  2567 บริเวณ Fortune Event Space  ชั้น 4  ฟอร์จูนทาวน์ รัชดา-พระราม 9 เดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้า MRT  สถานีพระราม 9  ทางออกประตู 1

ติดตามข่าวสารกิจกรรมได้ที่ www.fortunetown.co.th

ทุ่มหนัก ซัมซุงส่งมือถือจอพับ ใช้แทนกล้องติดตัวตำรวจ

[ดีกว่าเดิม] เพื่อช่วยในการสืบสวน ใช้เป็นหลักฐาน หรือปกป้องตัวของเจ้าหน้าที่เอง ตำรวจหลาย ๆ นายจึงมักมีกล้อง Bodycam ติดตัวตอนปฏิบัติหน้าที่อยู่เสมอ แต่จะเป็นอย่างไร หากเปลี่ยนมาใช้กล้องจากสมาร์ทโฟนที่พับจอได้

รายงานจาก Blog ของ Samsung เผยทางแบรนด์ได้นำอุปกรณ์ในซีรีส์ Galaxy Z Flip ไปใช้กับหน่วยงานตำรวจอย่างแพร่หลาย โดยเริ่มก่อนที่กรมตำรวจจากเมือง Kimberling และกรมตำรวจ Indian Point ในรัฐมิสซูรี ประเทศสหรัฐฯ

สำหรับ Galaxy Z Flip ที่นำมาใช้นั้น ทาง Samsung เผยมีตั้งแต่รุ่น Flip 3 ไปจนถึง Flip 5 เลย ทั้งนี้ยังได้ร่วมมือกับทาง Visual Labs บริษัทผู้พัฒนาอุปกรณ์กล้องติดตัวตำรวจในสหรัฐฯ ให้ปรับแต่งจนใช้งานได้เหมาะสมยิ่งขึ้น เช่น เปลี่ยนปุ่มปรับระดับเสียงเป็นปุ่มเปิดใช้งานกล้องแทน กับพัฒนาแอปฯ เฉพาะ เช่นแอปฯ เก็บข้อมูลด้านกระบวนการยุติธรรม แอปฯ ช่วยบันทึกการปฏิบัติหน้าที่แบบ Realtime

ดูเหมือนการใช้งานจะเป็นไปด้วยดี หลังทดสอบไป 2 ปี ล่าสุดมีแผนขยายไปยังกรมตำรวจ 25 แห่ง ในอีก 5 รัฐแล้ว ซึ่งทาง Samsung ก็ได้เผยข้อดีของ Galaxy Z Flip เลยว่า ตัวเครื่องไม่ได้ใช้เป็นกล้องเพียงอย่างเดียว ตั้งยังเป็นได้ทั้งอุปกรณ์สื่อสาร โดยมีทั้ง GPS , Email และการโทรเข้าโทรออก อีกทั้งตอนพับจะมีขนาดเล็กมาก จนไม่เป็นปัญหาในการเคลื่อนไหว สุดท้ายคือการบำรุงรักษา ที่มีต้นทุนถูกกว่ากล้องติดตัวรุ่นอื่น ๆ ด้วย

ที่มา : Engadget

หน่วยความจำแบบใหม่ ช่วยประมวลผล AI ลดพลังงานได้ 1,000 เท่า

[ลดค่าไฟ] เบื้องหลังของปัญญาประดิษฐ์ (AI) นั้น คือการใช้ไฟฟ้าจำนวนมหาศาล ที่อาจส่งผลต่อสภาพแวดล้อมในอนาคต ปัจจุบันมีหลาย ๆ บริษัทที่เกี่ยวข้องกำลังหาทางลดการใช้พลังงานนี้อยู่ ล่าสุดพบหน่วยความจำใหม่ ช่วยลดการใช้พลังงานประมวลผล AI ได้ถึง 1,000 เท่า เป็นอย่างน้อย

กลุ่มนักวิจัยด้านวิศวกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยมินนิโซตา (University of Minnesota, Twin Cities) เผยเทคโนโลยีใหม่ Computational Random-Access Memory (CRAM) ช่วยให้ชิปหน่วยความจำหรือแรม มีพลังในการประมวลผลข้อมูลมากขึ้น ไม่ใช่แค่จัดเก็บข้อมูลเท่านั้น

แต่เดิมการประมวลผล AI ในปัจจุบัน จะมีการโอนถ่ายข้อมูลไปมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ต้องใช้พลังงานส่วนนี้อย่างมาก ทางนักวิจัยจึงหันมาใช้แรมแบบ CRAM ที่สามารถวางพื้นผิวการคำนวณในหน่วยความจำแบบสปินทรอนิกส์ได้ด้วยตัวเอง

ง่าย ๆ คือตัวหน่วยความจำนี้ จะช่วยประมวลผล AI ด้วย ไม่ใช่แค่จัดเก็บข้อมูล ทำให้มีศักยภาพในการประหยัดพลังงานที่มากขึ้น ระดับที่ดีกว่าการประมวลผลเดิมได้อย่างน้อย 1,000 เท่า ทั้งนี้ในการทดสอบกับ MNIST (Modified National Institute of Standards and Technology) หรือชุดข้อมูลลายมือเขียนตัวเลข ตัวแรมแบบ CRAM ก็ช่วยให้ประหยัดพลังงานได้มากกว่า 2,500 เท่า และยังเร็วกว่าด้วย

ปัญหาการกินไฟ AI นั้น ถามว่ามากขนาดไหน รายงานในปี 2021 พบมีเวิร์กโหลด AI กินไฟเกือบเท่ากับที่ประเทศไซปรัสใช้ทั้งประเทศ ในปี 2023 ก็พบว่าใช้พลังงานทั้งหมดถึง 4.3 กิกะวัตต์ (GW) และอาจมากขึ้น 26 – 36% ทางด้าน Rene Haas ซีอีโอของ ARM เผยภายในปี 2030 อาจต้องใช้พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตในสหรัฐฯ ถึง 1 ใน 4 เพื่อประมวลผล AI ที่มีความต้องการมากขึ้นนี้เอง ฉะนั้นปัญหาการกินไฟ AI จึงไม่เรื่องที่มองข้ามได้เลย

ที่มา : Tomshardware

แจ้งเตือนทางแคบ ฟีเจอร์ใหม่ Google Maps อัปเกรดแผนที่ให้ฉลาดขึ้น

วันนี้ที่รอคอย  Google Maps เพิ่มการแจ้งเตือน หาเข้าใกล้เส้นทางแคบเริ่มใช้ในอินเดียเป็นประเทศแรก

Google ใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ให้เกิดประโยชน์เพิ่มเทคโนโลยีที่สามารถประมวลผลให้ซับซ้อนขึ้น มาทำให้แอปแผนที่สามารถแจ้งเตือนผู้ใช้งานได้ละเอียดกว่าเดิม เพราะ AI จะเข้ามาช่วยแจ้งเตือนเมื่อเข้าใกล้ถนนทางแคบ สะพาน หรือถนนยกระดับต่าง ๆ 

 

โดยจะใช้ ภาพถ่ายดาวเทียม Street View และ Live View สำหรับคนเดินเท้ามาเป็นตัวช่วยอีกทางหนึ่งช่วย ให้ผู้ขับขี่รถยนต์สามารถมั่นใจเวลาอยู่บนถนนแคบ ๆ หรือพื้นที่แออัด เพื่อแจ้งเตือนให้ระวังจักรยานและคนเดินเท้า 

สำหรับการจราจรจะมีการพัฒนาเรื่องเส้นทางแบบใหม่ที่จะแจ้งเตือนสถานีชาร์จ EV หรือหากมีจราจรหยุดชะงักแบบเรียลไทม์บนแผนที่และการพยากรณ์น้ำท่วมได้อีกด้วย

จะเริ่มเปิดตัวฟีเจอร์นี้บนอุปกรณ์ Android เป็นที่แรกใน 8 เมืองของประเทศอินเดียและจะพัฒนาให้ใช้กับ iOS และ CarPlayและเมืองอื่นต่อไป

 

ที่มา : blog.google

#AI #GoogleMaps #TechhubUpdate

เน้น 3D NVIDIA เปิดตัว Gen AI ใหม่ จำลองพื้นที่ได้เสมือนจริง

[AI ยุคใหม่] นับเป็นอีกความก้าวครั้งสำคัญของวงการ AI เลย เมื่อหัวเรือใหญ่อย่าง NVIDIA หลังเปิดตัว Universal Scene Description (OpenUSD) โมเดล Generative AI ใหม่ ล่าสุดได้เสริมประสิทธิภาพให้ประมวลผล ‘โลกเสมือนจริง’ หรือวัตถุกับพื้นที่ 3 มิติ ที่มีความแม่นยำสูง สามารถนำไปช่วยออกแบบงานอุตสาหกรรมและวิศวกร หรือกระทั่งหุ่นยนต์ก็ยังได้

OpenUSD สั้น ๆ คือโมเดล AI อัจฉริยะ ที่พัฒนาโดย NVIDIA และเรนเดอร์ด้วย RTX อย่างสมบูรณ์ โดยเปิดเป็น Microservice ที่ทำงานผ่านคลาวด์ หรือในชื่อว่า NVIDIA NIM ล่าสุดได้เพิ่มความสามารถการประมวลผลวัสดุกับทำความเข้าใจพื้นที่ 3 มิติ และฟิสิกส์ เพื่อช่วยเร่งการพัฒนาฝาแฝดดิจิทัล (Digital Twin) ทั้งยังเป็นเครื่องมือสำหรับนักพัฒนา ช่วยให้ผู้ใช้สตรีมชุดข้อมูล NVIDIA RTX™ ray traced เต็มรูปแบบไปยัง Apple Vision Pro ได้อย่างง่ายอีกด้วย

ความสามารถใหม่ของ OpenUSD นี้ จะช่วยให้อุตสาหกรรมทุกประเภทสามารถสร้างโลกเสมือนจริงและฝาแฝดดิจิทัลเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรม พร้อมเตรียมพร้อมสำหรับคลื่นลูกใหม่ของ AI สำหรับวิทยาการหุ่นยนต์ Rev Lebaredian รองประธานฝ่าย Omniverse และเทคโนโลยีการจำลองของ NVIDIA กล่าว

จุดเด่นสำคัญอีกอย่างคือ ช่วยให้นักพัฒนาสามารถรวม copilots และ AI agents ทั่วไปเข้ากับเวิร์กโฟลว์ USD ขยายความเป็นไปได้ในโลก 3 มิติ และช่วยเร่งการนำ USD มาใช้ในขอบเขตใหม่ของภาคอุตสาหกรรม เช่น การผลิต ยานยนต์ และหุ่นยนต์ โดยมีตัวอย่าง Microservice ที่ให้บริการตามนี้

  • USD Code NIM : ตอบคำถามความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับ OpenUSD และสร้างโค้ด OpenUSD-Python โดยอัตโนมัติตามข้อความแจ้งที่สามารถป้อนลงในแอปสำหรับการดู OpenUSD เช่น USDView จาก Pixar หรือแอปพลิเคชันที่ใช้ NVIDIA Omniverse Kit เพื่อแสดงภาพข้อมูล 3D ที่เกี่ยวข้อง
  • USD Search NIM : ช่วยให้นักพัฒนาสามารถค้นหาไลบรารีขนาดใหญ่ของ OpenUSD, 3D และข้อมูลรูปภาพโดยใช้ภาษาธรรมชาติหรืออินพุตรูปภาพ
  • USD Validate NIM : ตรวจสอบความเข้ากันได้ของไฟล์ที่อัปโหลดกับเวอร์ชันที่เผยแพร่ของ OpenUSD และสร้างรูปภาพที่เรนเดอร์ด้วย RTX อย่างสมบูรณ์ และ path-traced image ซึ่งขับเคลื่อนโดย NVIDIA Omniverse Cloud API

ไมโครเซอร์วิส NIM ที่เพิ่งประกาศใหม่ซึ่งจะพร้อมใช้งานเร็ว ๆ นี้ ได้แก่:

  • USD Layout NIM : ช่วยให้ผู้ใช้สามารถรวบรวมฉากที่ใช้ OpenUSD จากด้วยพร้อมท์ข้อความที่อยู่บนพื้นฐานของ spatial intelligence
  • USD SmartMaterial NIM : ทำนายและใช้วัสดุที่เหมือนจริงกับวัตถุการออกแบบที่ใช้ซอฟต์แวร์ CAD (Computer-Aided Design) ต่าง ๆ
  • fVDB Mesh Generation NIM : สร้าง mesh ที่ใช้ OpenUSD เรนเดอร์โดย Omniverse Cloud API จากข้อมูลพอยต์คลาวด์
  • fVDB Physics Super-Res NIM : ดำเนินการ AI SuperResolution บนเฟรมหรือลำดับของเฟรมเพื่อสร้างการจำลองฟิสิกส์ที่มีความละเอียดสูงตาม OpenUSD
  • fVDB NeRF-XL NIM : ช่วยสร้างโมเดล 3D ขนาดใหญ่จากภาพ 2D หลาย ๆ ภาพใน OpenUSD โดยใช้ Omniverse Cloud APIs

โดยรวมบอกได้เลยว่า OpenUSD จะมาปฏิวัติการสร้างเนื้อหา 3D โดยแท้ ทั้งช่วยให้การสร้างงานได้ง่ายขึ้น เข้าถึงระบบนิเวศของบริษัทต่าง ๆ ได้สะดวก และสำคัญเลยคือ สามารถช่วยให้นักวิทยาการหุ่นยนต์สามารถนำข้อมูลหุ่นยนต์ของตนข้ามแอปพลิเคชันต่างๆ ได้อย่างราบรื่น รวมถึงสำหรับการออกแบบ การจำลอง และ Reinforcement Learning

สำหรับใครที่สนใจการนำ OpenUSD ไปใช้ยัง Apple Vision Pro สามารถลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลได้ที่ https://www.nvidia.com/en-us/omniverse/apple-vision-pro-notify/

เริ่มใช้จริง หุ่นยนต์ Optimus เข้าโรงงานประกอบ Tesla

Optimus

แผนการผลิตหุ่นยนต์ Optimus ของ Elon Musk เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว โดยจะเริ่มต้นการใช้งานเชิงพาณิชย์ภายในโรงงานของ Tesla เพื่อประกอบรถยนต์ไฟฟ้า แต่อาจจะต้องใช้เวลาอีกสักพัก กว่ามันจะไปอยู่ในบ้านเราได้

Tesla จะเริ่มใช้หุ่นยนต์ Optimus จำนวนหนึ่ง สำหรับการดำเนินงานภายในของบริษัทในปีหน้า ในขณะที่การผลิตเชิงพาณิชย์ ที่จะให้บริษัทอื่น ๆ นำไปใช้คาดว่าจะเป็นปี 2026

เหตุผลที่ Elon พยายามจะนำเอา Optimus เข้ามาใช้ในโรงงาน ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาที่ต้องการจะลดต้นทุนการดำเนินงานภายใน เพราะตั้งแต่ต้นปี ยอดขายของ Tesla นั้นไม่เข้าเป้า และผลกำไรลดลงเกือบครึ่งหนึ่ง จาก 2.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เหลือเพียง 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในไตรมาสที่สิ้นสุดในเดือนมิถุนายน

Tesla มุ่งเน้นไปที่ความพยายามลดต้นทุนทั่วทั้งบริษัท และหุ่นยนต์ Optimus สามารถทำได้ดีในเรื่องนั้น หุ่นยนต์ไม่จำเป็นต้องกิน นอน หรือพักผ่อน Optimus ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เก่งในการทำงานที่ไม่ปลอดภัย ซ้ำซาก หรือ น่าเบื่อที่มนุษย์ยังคงทำอยู่บนสายการผลิต

และไม่ใช่แค่ Tesla นะ ผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกกำลังนำเข้าเทคโนโลยีหุ่นยนต์มาใช้เหมือนกัน โดยเมื่อเร็วๆ นี้ BMW ได้ร่วมมือกับ Figure บริษัทหุ่นยนต์เพื่อทำให้โรงงานเป็นระบบอัตโนมัติ ใช้อัลกอริทึมโครงข่ายประสาทเทียมเพื่อช่วยในการจดจำและจัดการวัตถุ นอกจากนี้ Nvidia และ OpenAI ได้ช่วยระดมทุนให้กับ Figure Jeff Bezos ก็สนใจในบ็อตที่ขับเคลื่อนด้วย Machine Learning ด้วยเช่นกัน

ที่มา
techspot

คู่แข่ง Google OpenAI เปิดตัว SearchGPT ตอบคำถามได้แบบเรียลไทม์

เริ่มใช้จริง หุ่นยนต์ Optimus เข้าโรงงานประกอบ Tesla

OpenAI เปิดตัว SearchGPT ใหม่ ซึ่งเป็นเสิร์ชเอนจิ้นที่ใช้พื้นฐานจาก AI สามารถตอบคำถามแบบสนทนาได้โดยดึงข้อมูลแบบเรียลไทม์จากอินเทอร์เน็ต พร้อมทั้งแสดงแหล่งที่มาเพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ แม้จะเป็นเพียงต้นแบบ แต่ OpenAI มีแผนที่จะรวมคุณสมบัติที่ดีที่สุดของ SearchGPT เข้ากับ ChatGPT ในอนาคต

SearchGPT แตกต่างจากเสิร์ชเอนจิ้นทั่วไปตรงที่ให้คำตอบแบบสนทนา และมีคุณสมบัติให้ถามคำถามต่อเนื่องได้ ขณะนี้เปิดให้ผู้ใช้บางส่วนทดลองใช้งานและให้ฟีดแบคกลับมา

ต้องบอกว่า อันนี้ อาจจะแตกต่างจาก Serach Engine ของ Google นะ เพราะ OpenAI พยายามมุ่งเน้นการพัฒนา SearchGPT ไปที่เชื่อมโยงผู้ใช้กับผู้เผยแพร่เนื้อหา โดยมีการแสดงแหล่งที่มาอย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังสามารถเลือกที่จะไม่ให้เนื้อหาของตนถูกนำไปใช้ในการฝึกโมเดล AI ของ OpenAI ก็ยังได้

สรุปคือ แม้ว่า SearchGPT จะมีฟังก์ชันคล้ายกับเสิร์ชเอนจิ้นทั่วไป แต่ OpenAI ไม่ได้สนใจที่จะสร้างเสิร์ชเอนจิ้นใหม่ แต่ตั้งเป้าที่จะนำคุณสมบัติที่ดีที่สุดของ SearchGPT ไปรวมกับ ChatGPT เพื่อยกระดับความสามารถของ chatbot และเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานให้มากขึ้น

ที่มา
zdnet

ใช้ได้จริง เท้าเทียมเลียนแบบกระดูก ลุยภารกิจช่วยเหลือผู้พิการ

เดินง่ายขึ้น นักวิจัยในสถาบันเทคโนโลยีประเทศอิตาลี สร้างไอเท็มชิ้นใหม่ที่เข้ามาช่วยเหลือผู้พิการโดยเฉพาะ

SoftFoot Pro เท้าเทียมเลียนแบบกระดูกรองรับทุกการเดิน ที่ใช้โซ่พลาสติกที่มีความแข็งแรงสูง 5 เส้นที่เชื่อมต่อกันทำเหมือนกระดูกนิ้วเท้าและฝ่าเท้า สามารถทำงานได้แบบอัตโนมัติ 

เท้าเทียมจะมีลักษณะยืดหยุ่น งอและยืดได้ทำให้ผู้พิการเดินบนทางลาดชันหรือบนพื้นผิวที่ไม่เรียบได้สะดวกยิ่งชึ้น มีน้ำหนักเพียง 450 กรัม สามารถรองรับน้ำหนักของผู้สวมใส่ได้ถึง 100 กิโลกรัม

เมื่อเราก้าวเดินเท้าเทียมจะกักเก็บพลังงานจากการกระแทกได้ 10% ถึง 50% ช่วยให้ปลายเท้าโค้งงอยึดกับพื้นทำให้ผู้ใช้ไม่ล้ม นอกจากนี้ยังช่วยให้ทำท่าทางต่างๆ เช่น การคุกเข่า นั่งยอง หรือทำกิจกรรมการแจ้ง

เท้าเทียม SoftFoot Pro  ได้ถูกเอาไปใช้งานจริงแล้วกับอาสาสมัครผู้พิการทางร่างกาย ในคลินิกโรงเรียนและมหาวิทยาลัยแพทย์เพื่อสนับสนุนการใช้งานเทคโนโลยีเและนำไปต่อยอดร่วมกับหุ่นยนต์ตัวอื่น ๆ ต่อไป

 

 

ที่มา : newatlas

 #SoftFootPro #เท้าเทียม #TechhubUpdate

Hot Issue