Home Blog Page 5

นวัตกรรมสุดเจ๋ง แก้หม้อแปลงระเบิด

ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้ หม้อแปลงไฟฟ้าเหมือนระเบิดเวลาที่อยู่ใกล้ตัว ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าเมื่อไหร่ที่หม้อแปลงไฟฟ้าจะระเบิด จนเกิดอุบัติเหตุไฟใหม้ตามมา

Techhub insight พาไปคุยกับนักวิจัยไทยที่ค้นพบวิธีป้องกันไฟไหม้หม้อแปลงไฟฟ้า แบบที่ไม่มีใครคิดมาก่อน กับ “ดร.บุญญาวัณย์ อยู่สุข” หัวหน้าทีมวิจัยศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของนวัตกรรมสุดเจ๋ง ENPAT น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าปลอดภัย ที่กำลังมาแทนที่น้ำมันจากปิโตรเลียมที่ลุกติดไฟง่าย ช่วยลดอุบัติเหตุร้ายแรงที่ตามมา

: ต้นตอหม้อแปลงระเบิด

เหตุการณ์ไฟไหม้จากหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิดที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ส่วนหนึ่งมาจากความเสื่อมของอุปกรณ์ภายในรวมถึงการใช้ไฟเกิน จนทำให้เกิดความร้อน อีกหนึ่งปัจจัยคือน้ำมันในหม้อแปลง ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวหล่อเย็น เมื่อโดนความร้อนสะสมเป็นเวลานาน อาจเกิดลุกติดไฟทำให้ระเบิดออกมา และสร้างความเสียหายให้พื้นที่โดยรอบ อย่างเหตุการณ์หม้อแปลงไฟฟ้าระเบิดที่สำเพ็ง ในปี 2565 ที่เคยสร้างความเสียหายหนักจากเหตุการณ์ไฟไหม้ลุกลามในพื้นที่ชุมชน

“ตัวหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิดไม่ได้อันตราย สิ่งที่อันตรายมากๆ คืออัคคีภัย ตัวน้ำมันที่อยู่ในหม้อแปลงที่เราเรียกว่าน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้า เมื่อมีการระเบิดน้ำมันที่อยู่ในหม้อแปลงไฟฟ้าจะเกิดการลุกติดไฟ พอระเบิดปุ๊ป ตัวน้ำมันที่ติดไฟก็จะกระจายไปที่บ้านเรือนของประชาชน ทำให้ไฟลามไปที่บ้านเรือนของประชาชนด้วย” นักวิจัยอธิบายถึงสาเหตุของเหตุการณ์ไฟไหม้ และยอมรับว่า ทุกวันนี้หม้อแปลงไฟฟ้ายังคงติดตั้งอยู่ทั่วไปตามท้องถนน ยิ่งในสังคมเมืองที่มีความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก ก็จะยิ่งเห็นปริมาณของหม้อแปลงไฟฟ้ามากขึ้นเรื่อยๆ 

ยิ่งในตอนนี้ประเทศไทยส่งเสริมนโยบายการใช้พลังงานสะอาด สนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ยิ่งทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น ทำให้ปริมาณหม้อแปลงไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย


: น
วัตกรรมคือทางออก

ในมุมของนักวิจัย สิ่งที่ทีมวิจัยเทคโนโลยีเชื้อเพลิงสะอาดและเคมีขั้นสูง ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ หรือ ENTEC ทำได้ คือการทดลองปรับคุณภาพของน้ำมันปาล์มเพื่อใช้แทนน้ำมันในหม้อแปลงไฟฟ้า เพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้อีกขั้น 

นักวิจัย เล่าว่า นวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นใช้ชื่อว่าชื่อ ENPAT หรือน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าที่มีส่วนผสมจากปาล์มน้ำมัน มีอุณหภูมิจุดติดไฟสูงถึง 2 เท่า ทำให้การติดไฟเกิดขึ้นได้ยากกว่า น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าทั่วไปที่ติดไฟได้ภายใต้อุณหภูมิไม่สูงมากนัก ประมาณ 150-170 องศาเซลเซียล ทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ง่ายกว่า

“ปกติน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าใช้ไปสักพักจะเสื่อมอายุการใช้งาน ต้องเอาออกมาเพื่อกำจัดในรูปของสารพิษ ในขณะที่ปาล์มน้ำมันย่อยสลายได้ทางชีวภาพ ไม่เป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิต และการเสื่อมสภาพของ ENPAT ยังเอาไปผลิตเป็นน้ำมันไบโอดีเซลได้ด้วย เรียกได้ว่ามีการใช้ประโยชน์ถึง 2 ต่อ ขณะที่ในอนาคตความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้ามีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น” นักวิจัยอธิบาย

: อนาคตน้ำมันชีวภาพ 

ปาล์มน้ำมันไทย เป็น 1 ใน 5 พืชเศรษฐกิจของไทย ที่มีการผลิตน้ำมันปาล์มดิบเป็นอันดับ 3 ของโลกรองจากอินโดเนเซีย และมาเลเซีย ไทยอยู่ในอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันไทยมานานมาก แต่เกษตรกรยังคงประสบปัญหาความผันผวนของราคามาโดยตลอด

นักวิจัยเล่าว่า งานวิจัยนี้เริ่มพัฒนาต้นแบบในห้องปฏิบัติการมาตั้งแต่ปี 2563 เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่รัฐบาลกำหนด 8 ผลิตภัณฑ์โอลีโอเคมี (Oleochemical) ที่เป็นเป้าหมาย หลังจากประสบปัญหาราคาปาล์มตกต่ำ รัฐบาลต้องขอความร่วมมือจากการไฟฟ้าเอาน้ำมันปาล์มดิบมาเผาและผลิตไฟฟ้าเพื่อพยุงราคาของปาล์ม

“ปาล์มน้ำมันที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ครึ่งหนึ่งเราใช้เป็นน้ำมันบริโภค อีกครึ่งหนึ่งเป็นไบโอดีเซล หากที่อนาคตมีการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นแล้ว ส่วนที่จะเป็นน้ำมันไบโอดีเซลคาดว่าจะเหลือค่อนข้างมากเพราะปริมาณการใช้ลดลง ไทยจำเป็นต้องหาแนวทางในการแปรรูปน้ำมันปาล์มดิบ เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นให้ได้ ” นักวิจัยกล่าว

น้ำมันหม้อแปลงชีวภาพ จึงเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์เป้าหมาย รัฐบาลมีแนวโน้มที่จะส่งเสริมที่จะให้เกิดการใช้งานเชิงพาณิชย์ในประเทศ

 


ที่ผ่านมาทีมวิจัยได้รับความร่วมมือสนับสนุนจากหลายๆ หน่วยงาน ที่เป็นหน่วยงานหลักในอุตสาหกรรมหม้อแปลงไฟฟ้าของประเทศ โดยเฉพาะการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าฝ่ายผลิต รวมถึงความร่วมมือจาก สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เข้ามาร่วมโครงการเพื่อผลักดันมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) ของน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพฉบับแรกของประเทศด้วย

นอกจากนี้ยังได้ร่วมกับ 8 หน่วยงานพันธมิตร ติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้าบรรจุ ENPAT เพื่อทดสอบการใช้งานจริง โดยปล่อยประแสไฟฟ้าให้กับอาคารสำนักงาน และบ้านเรือน ที่เกาะเสม็ด จ.ชลบุรี ซึ่งนับเป็นการนำร่องติดตั้งใช้งานจริงในหม้อแปลงไฟฟ้าเครื่องแรกของประเทศ และมีแผนดำเนินการติดตั้งอีก 8 เครื่อง ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ รวมถึงกรุงเทพด้วย 

นักวิจัยเชื่อว่าในอนาคตจะสามารถผลักดันผลงานวิจัย ENPAT เพื่อใช้งานเชิงพาณิชย์ผลิตเชิงอุตสาหกรรม โดยอาศัยแรงสนับสนุนโยบายของรัฐ และความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน ผลักดันให้ผลิตภัณฑ์ของคนไทย สนับสนุนเกษตรกรชาวไทย ผลิตมาเพื่อคนไทยใช้งานได้จริง

 

ใหญ่สุดในอาเซียน Dahua เปิดโชว์รูม AIoT โชว์เทคโนโลยีปฏิวัติเมือง

Dahua

หากพูดถึง Dahua หลายคนอาจนึกภาพว่าเป็นแบรนด์ จอมอนิเตอร์ใช่ไหม แต่จริง ๆ แล้ว บริษัทนี้ทำเยอะกว่านั้นมาก โดยมีโซลูชั่นอัจฉริยะต่าง ๆ ที่เป็นสเกลระดับประเทศกันเลยทีเดียว จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ไปดูกันครับ

เริ่มต้นที่ Smart City จะเน้นโชว์นวัตกรรมที่เน้นเมืองปลอดภัยเป็นหลัก ดังนั้น การโชว์นวัตกรรม จะเน้นอิงความปลอดภัยของพลเมือง โดยใช้กล้องวงจรปิดคุณภาพสูง ร่วมกับ AI ในการตรวจจับผู้กระทำความผิด และทำให้สามารถตามตัวได้ไวขึ้น หรือแม้แต่จะนำไปใช้ในเชิงการค้นหาคนหาย ก็ทำให้ได้ง่าย

การจราจร อัจฉริยะ หรือ Smart Traffic อันนี้น่าสนใจนะ เอาจับพวกฝ่าไฟแดง ซึ่งจะช่วยให้ลดอุบัติเหตุ ในการจราจรในเมือง ทั้งยานพาหนะ รถจักรยานยนต์ และคนเดินถนน โดยการจับภาพการละเมิดกฎจราจรเหล่านี้ได้แม่นยำ

สามารถการตรวจจับรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ได้หมด โดยเน้นที่การตรวจจับการใช้เข็มขัดนิรภัยและการใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ รวมถึงการใช้หมวกกันน็อค การบรรทุกเกินพิกัด และการฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร

ส่วนอาคารอัจฉริยะ Smart Building ด้าหัวมีกล้องจดจำใบหน้าสามารถตรวจจับการสัญจรของรถยนต์และคนเดินเท้าได้โดยไม่รู้สึกตัว  และใช้กล้องตรวจจับพื้นที่จอดรถและระบบนำทางเพื่อดูแลพื้นที่จอดรถและนำทางพื้นที่ที่เหลืออย่างมีประสิทธิภาพ

อันสุดท้าย ร้านค้าอัจฉริยะ หรือ Smart Retail เป็นการโชว์นวัตกรรม ในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในธุรกิจค้าปลีก เพื่อสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้า ทั้งเรื่องของการชำระเงินที่สะดวกขึ้น ใช้ AI และ IoT เพื่อเสนอสินค้าและโปรโมชั่นที่ตรงใจลูกค้ามากขึ้น

นอกจากนี้ ยังใช้เพื่อจัดการสินค้าคงคลังที่แม่นยำ การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อลดต้นทุนการดำเนินงานต่าง ๆ ได้อีกด้วย  โดยในอนาคต เรากำลังจะมีร้านค้าที่อาจจะไม่ต้องมีแคขเชียร์อีกต่อไป

ทั้งหมดที่เขียนมานี้ เป็นแค่บางส่วนเท่านั้นนะครับ ถ้าหากใครหรือบริษัทใด ต้องการใช้โซลูชั่นต่าง ๆ ที่ทันสมัย ลองเข้าไปที่ออฟฟิศของด้าหัวได้เลย

ให้ Google ทำนายกัน Flood Hub ใช้ทำนายน้ำท่วม ดูล่วงหน้าถึง 7 วัน

ใครที่มีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมตอนนี้ ลองมาดูเครื่องมือ AI นี้จาก Google กันดูครับ

Google Flood Hub เป็นเครื่องมือที่ใช้ AI ในการพยากรณ์และเตือนภัยน้ำท่วมล่วงหน้า ซึ่งพัฒนาโดย Google โดยมีจุดเด่นมากมายคือ

– พยากรณ์น้ำท่วมล่วงหน้าได้ถึง 7 วัน ใช้ AI และข้อมูลจากหลายแหล่ง เช่น พยากรณ์อากาศ ภาพถ่ายดาวเทียม และแบบจำลองทางอุทกวิทยา เพื่อคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมล่วงหน้า และคาดการณ์ว่า ระดับน้ำจะลดลงเมื่อใด

– สามารถแสดงข้อมูลปริมาณน้ำและพื้นที่ได้รับผลกระทบ โดยจะบอกระดับน้ำที่คาดการณ์ไว้ในแต่ละพื้นที่ และแสดงแผนที่แสดงพื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม

– การใช้งาน ครอบคลุมพื้นที่ใน 80 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย

เครื่องมือนี้ จะมีส่วนช่วยลดความเสียหายจากน้ำท่วม โดยมีโอกาสเพิ่มความปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยง หรือช่วยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถบริหารจัดการน้ำและให้ความช่วยเหลือได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นครับ โดยเฉพาะกับพื้นที่ ที่ต้องรับมวลน้ำจากแนวแม่น้ำต่าง ๆ ก็จะมีเวลาเตรียมตัวรับมือได้เร็วขึ้นด้วย

หากใครต้องการเข้าไปดู กดเข้าไปที่ลิงก์นี้ได้เลย > https://sites.research.google/floods/l/16.829838042423997/99.20948629139592/5.225306920183661
.

อเมริกามาแล้ว Mercedes เล็งเปิดตัวแบตใหม่ ระยะวิ่งไกลเพิ่มขึ้น 80%

Mercedes

Mercedes กำลังพัฒนาแบตเตอรี่ solid-state ของตัวเอง เพื่อใช้ในรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ โดยร่วมมือกับ Factorial บริษัทเทคโนโลยีแบตเตอรี่ชั้นนำจากสหรัฐอเมริกา โดยเคลมว่า แบตใหม่นี้ สามารถเพิ่มระยะทางขับขี่ได้ถึง 80 เปอร์เซ็นต์

สำหรับ Factorial มีการพัฒนาแพลตฟอร์ม FEST (Factorial Electrolyte System Technology) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีแบตเตอรี่ solid-state ของตนเองมาหลายปีแล้ว และไม่นานมานี้ ก็ได้ส่งมอบเซลล์แบตเตอรี่ solid-state ให้กับ Mercedes เป็นที่เรียบร้อย

แต่ก่อนหน้านี้ ก็มีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับ Mercedes เท่าไหร่ เพราะมีรถยนต์ไฟฟ้าของแบรนด์ เกิดเหตุไฟไหม้บนอาคารจอดรถแห่งหนึ่งในเกาหลี จนเกิดคำถามว่า แบตที่ Mercedes ใช้ มาจากไหน ซึ่งมาตรวจพบภายหลัง เป็นแบตจากบริษัทจีนแห่งหนึ่ง ที่ไม่ได้อยู่ใน Top 5

ล่าสุด Factorial ได้เปิดตัว Solstice ซึ่งเป็นแบตเตอรี่ solid-state ใหม่ที่พัฒนาร่วมกับ Mercedes เพื่อใช้ในรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ของ Mercedes โดยเฉพาะ มีข้อดีคือ

– ปลอดภัยกว่า ใช้วัสดุซัลไฟด์ที่ไม่ติดไฟง่าย ทนความร้อนได้สูงถึง 90 องศาเซลเซียส
– ประหยัดพื้นที่และน้ำหนัก ไม่ต้องใช้ระบบระบายความร้อนขนาดใหญ่ ทำให้แบตเตอรี่มีขนาดเล็กลงและเบาลง
– เพิ่มระยะทางขับขี่ มีความหนาแน่นพลังงานสูงถึง 450 Wh/kg ช่วยเพิ่มระยะทางขับขี่ได้ถึง 80%

Mercedes วางแผนจะนำแบตรุ่นใหม่นี้ ทดสอบใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าในอีกกี่เดือนข้างหน้าครับ ใครเป็นแฟนรถค่ายนี้ ก็รอกันอีกแปปละกัน เผื่อจะได้แบตรุ่นใหม่ที่ประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม

แบตเตอรี่ solid-state กำลังได้รับความสนใจและการพัฒนาอย่างมากในวงการรถยนต์ไฟฟ้า แม้ว่าจะยังไม่ถูกนำมาใช้ในเชิงพาณิชย์อย่างแพร่หลาย แต่ก็มีแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมมากขึ้นในอนาคตอันใกล้ หลายบริษัทมีการลงทุนและการวิจัยที่เพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทรถยนต์และบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งกำลังทุ่มเงินลงทุนจำนวนมหาศาลในการวิจัยและพัฒนาแบตเตอรี่ solid-state ตัวอย่างเช่น Mercedes-Benz, Toyota, Nissan, Hyundai, Stellantis และอื่น ๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ รัฐบาลหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ก็ให้การสนับสนุนการวิจัยในด้านนี้เช่นกัน

ที่มา
electrek

Sea นำทัพแข่งขันบอร์ดเกม Wishlist Thailand Tournament 2024 ยกระดับความรู้การเงินเยาวชนไทย

Sea (ประเทศไทย) ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตแพลตฟอร์มชั้นนำ อาทิ การีนา ช้อปปี้ และซีมันนี่ ร่วมกับ สถาบันบอร์ดเกมเพื่อการเรียนรู้ พร้อมด้วยกรุงเทพมหานคร  และธนาคารแห่งประเทศไทย เดินหน้าสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินเยาวชนไทย โดยต่อยอดการพัฒนาและกระจายบอร์ดเกมการเงิน “Wishlist จัดสรรเงิน เติมความฝัน” สู่การแข่งขันบอร์ดเกมการเงิน “Wishlist Thailand Tournament 2024” ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรก ในวันที่ 13 กันยายน 2567 ณ ห้องประชุม ชั้น 5 ศูนย์การเรียนรู้ธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีผู้เข้าแข่งขันรวมกว่า 100 คน ประกอบด้วยตัวแทนนักเรียนจากโรงเรียนทั่วประเทศ และบุคคลทั่วไป ซึ่งเป็นตัวแทนจากศูนย์การเรียนรู้ TK Park และร้านบอร์ดเกม

คุณพุทธวรรณ สุภัทรนันท์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร Sea (ประเทศไทย)  เปิดเผยว่า “การจัดการการเงินส่วนบุคคลที่ดีเป็นพื้นฐานการสร้างคุณภาพชีวิตที่สำคัญ โดย Sea (ประเทศไทย) เล็งเห็นว่าพัฒนาการของนวัตกรรมทางการเงินในยุคปัจจุบัน อำนวยความสะดวกให้ผู้คนเริ่มเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินเป็นครั้งแรกได้ในช่วงอายุที่น้อยลง ดังนั้น เพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถใช้นวัตกรรมทางการเงินได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัย
และมีประสิทธิภาพสูงสุดในการพัฒนาคุณภาพชีวิตท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและสังคม เราจึงริเริ่มโครงการให้ความรู้ด้านการเงินต่าง ๆ รวมถึงพัฒนาบอร์ดเกมทางการเงิน “Wishlist จัดสรรเงิน เติมความฝัน” เพื่อเป็นเครื่องมือบ่มเพาะความรู้ ทักษะ และทัศนคติทางการเงินที่ดีในคนไทยตั้งแต่วัยเยาว์ เพื่อนำไปสู่การสร้างพฤติกรรมและภูมิคุ้มกันทางการเงินที่ดีในสังคมไทย” 

Sea (ประเทศไทย) ได้ร่วมกับ สถาบันบอร์ดเกมเพื่อการเรียนรู้ (IBGL) รวมถึง Wizard of Learning และ Money Coach ในการออกแบบบอร์ดเกม “Wishlist จัดสรรเงิน เติมความฝัน” บอร์ดเกมการเงินสำหรับนักเรียนเพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิดทางการเงิน และสามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันผ่านกลไกของบอร์ดเกม อาทิ การบริหารรายรับ การจัดลำดับความสำคัญในการใช้จ่าย การบริหารจัดการสภาพคล่อง การบริหารจัดการหนี้สิน การหารายได้เพิ่ม เป็นต้น นับเป็นพื้นที่จำลองให้ผู้เล่นได้ฝึกฝนการวางแผนทางการเงินอย่างสนุกสนาน ปลูกฝังพฤติกรรมทางการเงินที่ถูกต้องและสามารถใช้ความรู้และทักษะด้านการเงินในการยกระดับคุณภาพชีวิตในอนาคต โดยปัจจุบัน บอร์ดเกมการเงิน “Wishlist จัดสรรเงิน เติมความฝัน” ได้รับการแจกจ่ายสู่โรงเรียนและศูนย์การเรียนรู้ทั่วประเทศไทย รวมทั้งร้านบอร์ดเกมชั้นนำแล้ว จำนวน 500 กล่อง เพื่อเป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับการจัดการเงินส่วนบุคคลในกลุ่มเยาวชน คุณครู และบุคคลทั่วไป รวมทั้งยังมีการเผยแพร่บอร์ดเกมดังกล่าวในฉบับ “Print & Play” ผ่านเว็บไซต์ Sea Academy เพื่อเผยแพร่สู่สาธารณชนในวงกว้าง โดยปัจจุบันมียอดดาวน์โหลดแล้วกว่า 1,100 ครั้ง

เพื่อต่อยอดความสำเร็จดังกล่าว Sea (ประเทศไทย) ร่วมกับ สถาบันบอร์ดเกมเพื่อการเรียนรู้พร้อมด้วยกรุงเทพมหานคร  และธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นพันธมิตรในการส่งเสริมความรู้ทางการเงินให้กับนักเรียนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร เดินหน้าสานต่อปณิธานในการสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินแก่เยาวชนไทย จัดการแข่งขันบอร์ดเกมการเงิน “Wishlist Thailand Tournament 2024” เป็นครั้งแรก เพื่อสร้างการรับรู้ถึงความสำคัญของการเรียนรู้เรื่องการเงินส่วนบุคคลและปลูกฝังทัศนคติด้านการเงินที่ถูกต้องตั้งแต่วัยเรียน รวมถึงการใช้บอร์ดเกมเป็นสื่อกลางการเรียนการสอน ทั้งในกลุ่มนักเรียน ผู้ปกครอง และคุณครู ในวันที่ 13 กันยายน 2567  ณ ศูนย์การเรียนรู้ธนาคารแห่งประเทศไทย ภายในงานมีการแข่งขันบอร์ดเกมฯ โดยมีผู้เข้าแข่งขันรวมกว่า 100 คน ประกอบด้วยตัวแทนนักเรียนจากโรงเรียนทั่วประเทศ และบุคคลทั่วไปซึ่งเป็นตัวแทนจากศูนย์การเรียนรู้ TK Park และร้านบอร์ดเกม นอกจากนี้ ยังมีเวทีเสวนาเรื่องการขับเคลื่อนการเรียนรู้ทางการเงิน พร้อมบูธบอร์ดเกมการเงินจากพันธมิตร โดยงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของสุดสัปดาห์การเรียนรู้ทางการเงินที่มีขึ้น ณ ศูนย์การเรียนรู้ธนาคารแห่งประเทศไทย ในช่วงวันที่ 13 – 14 กันยายน 2567 ซึ่งมีหน่วยงานรัฐและเอกชนมากมายที่มาขับเคลื่อนการเรียนรู้ทางการเงินร่วมกัน

ภายในงาน “Wishlist Thailand Tournament 2024” มีเวทีเสวนาภายใต้หัวข้อ ความท้าทายของการขับเคลื่อนการเรียนรู้ทางการเงินในโลกที่เปลี่ยนไป โดยคุณอรมนต์ จันทพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายคุ้มครองและตรวจสอบบริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้เผยมุมมองต่อการเรียนรู้เรื่องการเงินและทิศทางการขับเคลื่อนการเรียนรู้เรื่องการเงินแก่เยาวชนไทยว่า “การสร้างพื้นฐานความเข้าใจเกี่ยวกับการบริหารจัดการเงิน
ในหมู่เยาวชน อาทิ การออมฉุกเฉิน/ออมเพื่ออนาคต การบริหารรายรับรายจ่าย การรู้จักและเข้าใจผลิตภัณฑ์การเงิน เช่น บัตรเครดิต สินเชื่อหรือการกู้เงินที่ถูกต้อง และการวางแผน cashflow (กระแสเงินเข้าออก) อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านทั้งในและนอกระบบการศึกษา โดยการใช้สื่อการเรียนรู้ที่เหมาะสม อาทิ กิจกรรมเสริมทักษะต่าง ๆ หรือบอร์ดเกมจะช่วยให้เยาวชนมีความสนใจและมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ สร้างพื้นฐานทางการเงินที่ดี อันจะเป็นรากฐานของทักษะทางการเงินที่เข้มแข็งต่อไปในอนาคต

ด้านคุณวรุตม์ นิมิตยนต์ ผู้อำนวยการสถาบันบอร์ดเกมเพื่อการเรียนรู้ กล่าวว่า “บอร์ดเกมเป็นสื่อการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับทุกเพศทุกวัย  โดยกลุ่มเป้าหมายของบอร์ดเกมการเงิน Wishlist จัดสรรเงิน เติมความฝัน
คือ เด็กนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น โดยบอร์ดเกมฯ จะเป็นสื่อที่ทำให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้แนวคิดทางการเงินพร้อมถอดบทเรียนและเชื่อมโยงเข้ากับสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน อันจะเป็นรากฐานที่สำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันและทักษะทางการเงินส่วนบุคคลที่ดีต่อไป”

การแข่งขัน Wishlist Thailand Tournament 2024 ได้รับเกียรติจาก นายทรงศร กัลยา ณ สุนทร   รองผู้อำนวยการสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร ร่วมมอบโล่รางวัลและเกียรติบัตรแก่ผู้ชนะ ทั้งรุ่นโรงเรียนและรุ่นบุคคลทั่วไป

Wishlist จัดสรรเงิน เติมความฝัน” เป็นหนึ่งในเกมการเงินที่จะพาผู้เล่นสวมบทบาทเป็นเด็กวัยรุ่นในช่วงปิดเทอมใหญ่ ที่จะต้องบริหารรายรับที่ได้รับ รวมถึงการหารายได้เพิ่ม เพื่อสะสมสินค้าตามรายการความฝันให้ได้มากที่สุดตามแนวทางของตนเอง โดยในระหว่างทาง ผู้เล่นจะได้ทำความรู้จักกับการจัดลำดับความสำคัญ การบริหารจัดการสภาพคล่อง การบริหารจัดการหนี้ และการวางแผนเผื่ออนาคตและสถานการณ์ฉุกเฉินอีกด้วย นับเป็นพื้นที่จำลองให้ผู้เล่นได้ฝึกฝนการวางแผนทางการเงินอย่างสนุกสนาน โดยคุณครูและผู้ปกครองสามารถนำไปใช้เป็นสื่อในการเรียนการสอน วางแผนการเงินได้ เปิดพื้นที่ให้เกิดการพูดคุยเรื่องการเงินกับเยาวชน

“ปัจจุบัน บอร์ดเกม Wishlist ได้รับการปรับปรุงมาสู่เวอร์ชัน 2 แล้ว เพื่อมอบประสบการณ์การเล่นที่ดีขึ้นเข้าใจง่ายขึ้น รวมถึงอำนวยความสะดวกให้คุณครูและนักเรียนสามารถตระเตรียมบอร์ดเกมได้รวดเร็วขึ้น เหมาะสม
กับการเรียนการสอนในคาบเรียนที่มีเวลาจำกัด และ Sea (ประเทศไทย) จะร่วมงานกับพันธมิตรของเราต่อไปเพื่อเดินหน้ากระตุ้นการใช้บอร์ดเกม Wishlist เพื่อส่งเสริมความรู้ทางการเงินภายในสถาบันการศึกษา
และศูนย์การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง” คุณพุทธวรรณ กล่าวปิดท้าย

เกี่ยวกับ Sea Limited

Sea Limited (NYSE: SE) เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกด้านการให้บริการอินเทอร์เน็ตแพลตฟอร์มสำหรับผู้บริโภค ถูกก่อตั้งที่ประเทศสิงคโปร์ในปี 2552 มีพันธกิจของบริษัท คือ การพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคและพัฒนาการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการรายย่อยด้วยเทคโนโลยี โดย Sea Limited ดำเนินธุรกิจหลัก 3 ด้าน ประกอบด้วย ดิจิทัลเอนเตอร์เทนเมนท์ (Digital Entertainment) อีคอมเมิร์ซ (e-Commerce) ดิจิทัลเพย์เมนต์และบริการการเงินดิจิทัล (Digital Payments and Financial Services) ได้แก่ การีนา (Garena) ซึ่งเป็นผู้พัฒนาและให้บริการเกมออนไลน์ชั้นนำระดับโลก ช้อปปี้ (Shopee) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไต้หวัน และซีมันนี่ (SeaMoney) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการดิจิทัลเพย์เมนต์และการเงินดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สามารถติดตามข่าวสาร Sea Limited ในประเทศไทย ได้ที่ https://www.seathailand.com/

รวมมาให้แล้ว คอร์สเรียน Excel ออนไลน์ อัปสกิลฟรี มีใบเซอร์

รวมมาให้แล้วคอร์สสอนโปรแกรม Excel จากเว็บเรียนออนไลน์ Thai Mooc เรียนฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ใครที่กำลังมองหาคอร์สเรียน Excel เพื่ออัปสกิลความรู้ให้เก่งขึ้นต้องเซฟเก็บไว้เลย 

Techhub รวม 4 คอร์สเรียนสุดฮิตตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน สอนเป็นภาษาไทยทำให้เข้าใจง่าย เผยเทคนิคสูตรคำนวณและฟังก์ชันต่าง ๆ ที่หลายคนอาจยังไม่รู้ 

 

มีหลักสูตรไหนบ้างไปดูกัน 

⭐ การวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น ด้วยโปรแกรม MS Excel 

ทางไปเรียน >> thaimooc  

⭐ ทบทวนความรู้ โดย Microsoft Office Specialist

ทางไปเรียน >> thaimooc 

⭐ โปรแกรมการคำนวณโดย Microsoft Office Specialist

ทางไปเรียน >> thaimooc  

⭐ บริหารจัดการธุรกิจอย่างมืออาชีพด้วย Excel 

ทางไปเรียน >> thaimooc

 

เมื่อเรียนจบสามารถขอรับใบเซอร์ในระบบได้เลย นอกจากเนื้อหาที่แนะนำไปแล้ว ยังมีคอร์สเรียนอีกมากมายให้ได้อัปสกิลกันที่ จิ้มลิ้งก์เลย >> techhub productivity  

 

#Microsoft #Excel #TechhubUpdate

NASA ให้โหลดฟรี ภาพอวกาศตรงวันเกิด ถ่ายด้วยกล้องโทรทรรศน์ฮับเบิล

หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า NASA เปิดเว็บไซต์ให้ทุกคนได้ลองค้นหาภาพดาราศาสตร์ที่ตรงกับวันเกิดของเรา แถมยังสามารถโหลดเก็บไว้เป็นที่ระลึก

กล้องโทรทรรศน์ฮับเบิลจะสำรวจจักรวาล 24 ชั่วโมงตลอด 7 ทั้งวัน เราจะเห็นภาพดาราศาสตร์ที่หาชมได้ยากแถมรูปภาพไม่ซ้ำกันด้วย ทำให้เห็นถึงความมหัศจรรย์ของจักรวาลที่เปลี่ยนแปลงไปทุกวัน 

ตลอดระยะเวลา 30 กว่าปีที่ผ่านมา กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลสำรวจอวกาศ แบบไม่มีวันหยุด 

NASA จึงอยากแบ่งปันรูปภาพเหล่านี้จึงสร้างเว็บไซต์ที่ใช้งานง่าย ๆ เพียงแค่เราเลือกเดือนและวันที่ เราก็จะเห็นรูปถ่ายจากกล้องโทรทรรศน์ฮับเบิล ที่ทั้งสวยและเป็นเอกลักษณ์

อยากรู้ไหมว่ากล้องฮับเบิลเห็นภาพวัตถุอวกาศแบบไหนในวันเกิดของเรา สามารถเข้าไปเช็คภาพถ่ายดาราศาสตร์ได้ที่ >> https://imagine.gsfc.nasa.gov/hst_bday/ 

แล้วมาอวดภาพสวย ๆ ใต้คอมเมนต์กันบ้างนะ 

 

#กล้องโทรทรรศน์ #NASA #TechhubUpdate

งบน้อยก็ใช้ได้ Google One ปรับราคา เก็บข้อมูลได้ 30GB แต่ห้ามแชร์

มาลุ้นกันว่าไทยจะมีสิทธิ์ไหม Google One ออกแพ็คราคาเบา “Lite” เริ่มเปิดตัวในอินเดียก่อนเป็นประเทศแรก มาพร้อมพื้นที่เก็บข้อมูล 30GB และจ่ายรายเดือนในราคาต่ำกว่า 1 ดอลลาร์ 

การสมัคร Google One จะให้สิทธิประโยชน์เพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลที่สามารถใช้ได้ทั่วทั้งบัญชีกับบริการต่าง ๆ เช่น Gmail ,  Google Photos และ Google Drive ทุกคนพื้นฐานแล้วทุกคนจะได้รับพื้นที่เก็บข้อมูล 15GB แบบฟรี ๆ  

แต่ถ้าพื้นที่จัดเก็บไม่พอ Google ก็เปิดแพ็คเกจรายเดือน สามารถเลือกพื้นที่จัดเก็บเพิ่มเติมได้ตั้งแต่ 100GB, 200GB และ 2TB

The Indian Express เผยว่าผู้ใช้บางรายเห็น Google One “Lite” ให้ทดลองใช้ฟรีสำหรับบางบัญชีถ้าถูกใจค่อยต่อสมาชิก แพ็คเกจ “Lite”เหมาะสำหรับคนงบน้อย โดยเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลในบัญชีเป็นสองเท่าจาก 15GB ฟรีเป็น 30GB พื้นที่เก็บข้อมูลนี้ไม่สามารถแชร์กับผู้ใช้รายอื่นได้ 

ราคาแพ็คเกจนี้อยู่ที่ 59 รูปี หรือประมาณ 24 บาท ต่อเดือนเท่านั้น

ส่วนใครที่อยากแชร์พื้นที่เก็บข้อมูลกับผู้ใช้รายอื่น (สูงสุด 5 ราย) ก็สามารถเลือกแพ็คเกจอื่น ๆ ได้เหมือนเดิม

ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ใช้รายใหม่ หรือคนงบน้อยที่อยากทดลองใช้งานก่อนเลือกที่จะจ่ายราคาเต็ม เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ใช้งาน 

ดูรายละเอียด Google One >> https://one.google.com/about/plans 

#Google #GoogleOne #TechhubUpdate

Telehouse กับบริการ Cross Connect ตัวช่วยธุรกิจเสริมแกร่งด้านการเชื่อมต่อ

Cross Connect คือการเชื่อมต่อสายสัญญาณโดยตรงระหว่างอุปกรณ์ของลูกค้าภายในดาต้าเซ็นเตอร์ เช่น การเชื่อมต่อผู้ให้บริการด้านคอนเทนต์และผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) เข้าด้วยกัน การเชื่อมต่อโดยตรงนี้จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าการแลกเปลี่ยนข้อมูลเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจที่ต้องการการตอบสนองทันที เช่น  บริการคลาวด์ แอปพลิเคชันทางการเงิน และการสตรีมมิ่ง

Integrated Connectivity Framework

ทำความรู้จักกับบริการ Cross Connect จาก Telehouse Bangkok

ศูนย์กลางการเชื่อมต่อ

หนึ่งในความโดดเด่นของ Telehouse Bangkok ผู้นำด้านการให้บริการ Colocation Data Center ระดับโลก คือการที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงระบบนิเวศการเชื่อมต่อของกลุ่มผู้ให้บริการต่าง ๆ เช่น ผู้ให้บริการคลาวด์ ผู้ให้บริการโทรคมนาคม/ISP ผู้ให้บริการด้านคอนเทนต์ ภายในดาต้าเซ็นเตอร์ได้โดยตรงผ่านบริการ Cross Connect ซึ่งระบบนิเวศการเชื่อมต่อนี้ช่วยให้ธุรกิจสามารถส่งมอบบริการให้กับผู้ใช้ปลายทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งมอบความอิสระในการเลือกใช้บริการจากผู้ให้บริการหลากหลายราย

การเชื่อมต่อที่มีความหน่วงต่ำ

การเชื่อมต่อเครือข่ายที่มีความหน่วงต่ำเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญอันดับต้น ๆ สำหรับธุรกิจ ซึ่งดาต้าเซ็นเตอร์ของ Telehouse ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ทำให้สามารถมอบการเชื่อมต่อเครือข่ายที่มีความหน่วงต่ำและครอบคลุมทั่วประเทศไทย รวมถึงเมืองสำคัญ ๆ ในอาเซียน โดยได้รับความร่วมมือจากผู้ให้บริการโทรคมนาคมชั้นนำ ซึ่งบริการ Cross Connect เหมาะอย่างยิ่งในการตอบโจทย์ธุรกิจด้านบริการคลาวด์ บริการทางการเงิน เกมออนไลน์ และการสตรีมมิ่ง ช่วยให้ได้รับประโยชน์จากการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่รวดเร็วและไม่สะดุด ส่งผลให้ธุรกิจดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง เพิ่มโอกาสในการแข่งขันในตลาดมากยิ่งขึ้น

การให้บริการที่มีประสิทธิภาพสูง

บริการ Cross Connect ของ Telehouse Bangkok ออกแบบมาเพื่อมอบประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือสูงสุด โดยใช้สายไฟเบอร์ออฟติกคุณภาพสูงในการเชื่อมต่อ ทำให้การรับส่งข้อมูลไปกลับได้ด้วยความเร็วแสง มีความหน่วงต่ำ มีความสม่ำเสมอ และมีคุณภาพสูง รองรับทุกความต้องการ โดยการผสมผสานระหว่างความเร็วและความเสถียรนี้เอง เป็นสิ่งสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมที่เน้นแข็งขันด้านประสิทธิภาพได้เป็นอย่างดี

การเชื่อมต่อที่มีทางเลือกสำรองพร้อมใช้งานได้อยู่เสมอ

โครงสร้างพื้นฐานที่รองรับบริการ Cross Connect ของ Telehouse ได้รับการออกแบบที่คำนึงถึงโครงสร้างสำรองหลายชั้น โดย Telehouse มีเส้นทางเชื่อมต่อไฟเบอร์ออฟติกใต้ดินที่หลากหลายถึง 4 เส้นทาง รวมถึงมีแหล่งจ่ายไฟคู่ เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีการเชื่อมต่อที่ใช้งานได้เสมอ  ความมุ่งมั่นด้านความน่าเชื่อถือนี้ได้รับการรับรองด้วย SLAs ที่เข้มงวด ซึ่งครอบคลุมไม่เพียงแต่ด้านพลังงานและการระบายความร้อนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประสิทธิภาพของ Cross Connects อีกด้วย

ราคาเดียวทุกการเชื่อมต่อ

รูปแบบการกำหนดราคาของ Telehouse ช่วยลดความซับซ้อนของค่าบริการด้วยราคาคงที่ ราคาเดียว ไม่ว่าจะเลือกเชื่อมต่อกับ Data Hall ใดใน Telehouse Bangkok ซึ่งจะช่วยให้การประมาณการด้านงบประมาณง่ายขึ้น และมั่นใจได้ว่าธุรกิจสามารถได้รับประโยชน์จากการเชื่อมต่อแบบ carrier-neutral ที่มีคุณภาพสูงโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการโซลูชันเครือข่ายที่เชื่อถือได้

บริการ Cross Connect ของ Telehouse ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ประโยชน์จากการเชื่อมต่อแบบ carrier-neutral หรือการเชื่อมต่อแบบไม่จำกัดผู้ให้บริการเครือข่าย เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการเชื่อมต่อสูงสุดสำหรับธุรกิจ นอกจากนั้นยังมุ่งเน้นด้านความยืดหยุ่นในการปรับและขยายตัวของธุรกิจ ด้วยรูปแบบการกำหนดราคาที่เรียบง่าย ซึ่งธุรกิจสามารถเชื่อมต่อเข้ากับ Data Hall ใดก็ได้ในอัตราคงที่ ทำให้สามารถคาดการณ์ต้นทุนได้อย่างง่ายขึ้น ตอบโจทย์การขยายการเติบโตของธุรกิจ และ บริการ Cross Connect ของ Telehouse Bangkok ยังตั้งอยู่ในใจกลางกรุงเทพฯ ย่านธุรกิจพระราม 9  พร้อมที่จะให้บริการการเชื่อมต่อที่มีประสิทธิภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของทุกธุรกิจ

ยอดขายปัง! Shopee 9.9 ประเทศไทย พาผู้ประกอบการและร้านค้า กวาดพันล้านในเพียง 18 นาที ของวันที่ 9 เดือน 9

ช้อปปี้ อีคอมเมิร์ซเบอร์ 1 ที่ครองใจผู้ใช้งานในประเทศไทย ฉลองความสำเร็จปีที่ 9 กับการเป็นผู้ริเริ่มแคมเปญดับเบิ้ลเดท ‘9.9’ ซิกเนเจอร์แคมเปญที่คนไทยรู้จักกันดี เรามุ่งมั่นตอบสนองความต้องการและพัฒนาแอปพลิเคชันของเราให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้ใช้งานในทุกกลุ่ม ทำให้ช้อปปี้กลายเป็นแอปพลิเคชันยอดนิยมที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อม มุ่งเน้นการมอบประสบการณ์ช้อปปิ้งออนไลน์ที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ใช้งานทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นผู้ซื้อ ผู้ขาย หรือเหล่าครีเอเตอร์นักสร้างสรรค์บนแพลตฟอร์ม Shopee 9.9 Super Shopping Day มีส่วนสนับสนุนการเติบโตและความยั่งยืนของพันธมิตรแบรนด์ ภาคธุรกิจ และผู้ประกอบการชาวไทยอย่างมาก

การัน อำบานี, ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ ช้อปปี้ (ประเทศไทย) เผยว่า “ ช้อปปี้ รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่แคมเปญซิกเนเจอร์ของเราได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากนักช้อป ไม่เพียงเท่านี้ ช้อปปี้ยังสามารถเป็นแรงผลักดันสำคัญในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้แก่ ผู้ประกอบการ แบรนด์พันธมิตร และเหล่าครีเอเตอร์นักสร้างสรรค์ โดย 9.9 ปีนี้ ในฐานะอีคอมเมิร์ซเบอร์ 1 เรามุ่งมั่นในการมอบประโยชน์สูงสุดให้แก่ผู้ใช้งาน ผ่านข้อเสนอและดีลที่คุ้มค่า  การมอบความสะดวกสบายผ่านโปรแกรมและเครื่องมือทางการตลาด ตลอดจนการมีส่วนร่วมผ่านฟีเจอร์สุดแกร่ง อย่าง Shopee Live, Shopee Video  เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ช้อปปี้จะสามารถช่วยปลดล็อคโอกาสในการเติบโตใหม่ๆให้กับผู้ประกอบการทั้งยังมอบความสุขและความเพลิดเพลินให้กับผู้บริโภค ด้วยการยกระดับประสบการณ์ช้อปปิ้งออนไลน์แบบครบวงจรในช่วงมหกรรมช้อปปิ้งช่วงปลายปีอย่างดีที่สุด”

เจาะลึก 9 ปีแห่งความสำเร็จผ่าน Shopee 9.9 วันช้อปแห่งปี

ช้อปปี้ ไม่เพียงเป็นแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์เท่านั้น แต่เรามุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าให้แก่ผู้ใช้งานอย่างเต็มที่ ในแคมเปญ 9.9 นี้ เราได้เห็นความสำเร็จที่น่าประทับใจ หลายประการที่ทำให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด

  • เปิดประตูสู่โอกาสด้วย Feature & Marketing Tools’ อันทรงพลัง – ช้อปปี้ถือเป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมและสร้างมาตรฐานใหม่ในอีคอมเมิร์ซไทย เราพัฒนาแอปพลิเคชันอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานในปัจจุบันและเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต แคมเปญ 9.9 ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ซื้อ ผู้ขาย และครีเอเตอร์ ผ่าน Shopee Live, Shopee Video และ Shopee Affiliate Program
  • Shopee Live: ช้อปปี้ถือเป็นเจ้าแรกในไทยที่เปิดตัวฟีเจอร์ไลฟ์สตรีมบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ จนทำให้เป็นฟีเจอร์ทรงพลังที่ดีเสมอมา โดยวันที่ 9 เดือน 9 ที่ผ่านมา Shopee Live ช่วยให้ร้านค้าสร้างยอดขายโตกว่า 8 เท่า และร้านค้าท้องถิ่นรายหนึ่งสามารถสร้างยอดขายโตกว่า 23 เท่า โดยสะท้อนให้เห็นว่าร้านค้าสามารถดึงดูดและสร้างความบันเทิงให้กับผู้ซื้อด้วยเนื้อหาที่ยอดเยี่ยมและข้อเสนอที่ดีที่สุดบน Shopee Live อีกทั้ง เราพบว่า สกินแคร์ อุปกรณ์ทำอาหาร และอาหารสัตว์เลี้ยง คือสินค้าขายดีบน Shopee Live ในแคมเปญ 9.9
  • Shopee Video: ฟีเจอร์มาแรงแหล่งรวมคลังรีวีวที่ได้รับความนิยมจากนักช้อป คอนเทนต์ครีเอเตอร์ และแบรนด์พันธมิตร โดยวันที่ 9 เดือน 9 ที่ผ่านมา โดยร้านค้าและแบรนด์สามารถสร้างยอดขายทะลุกว่า 22 เท่า และ ในแคมเปญ 9.9 ทีผ่านมาร้านสินค้าอุปโภคบริโภคร้านหนึ่งสามารถสร้างยอดออเดอร์ทะยานไปกว่า 80 เท่า บน Shopee Video เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ และพบว่าสินค้าที่มีราคาแพงที่สุดที่ซื้อบน Shopee Video คือบ้านสำเร็จรูปที่มีราคาสูงกว่า 300,000 บาท
  • Shopee Affiliate Program: ตอกย้ำโปรแกรมทรงประสิทธิภาพและเครือข่ายเน็ตเวิร์คที่แข็งแกร่ง ในแคมเปญ 9.9 ช้อปปี้สามารถช่วยให้เหล่าครีเอเตอร์ที่ร่วมในโปรแกรม สร้างยอดขายให้กับแบรนด์บน Shopee Mall เติบโตมากกว่า  5 เท่า และพบว่า หนึ่งในร้านสกินแคร์ท้องถิ่นสามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 142 เท่าในช่วงแคมเปญ 9.9  และ  เครื่องใช้ภายในบ้าน, เสื้อผ้าแฟชั่นผู้หญิง และ ความงามและของใช้ส่วนตัว เป็น  3 หมวดหมู่สินค้าฮิตที่ครีเอเตอร์ตัวยงเลือกโปรโมทผ่าน Shopee Affiliate Program

และเพื่อสร้างคอนเทนต์อิโคซิสเท็มอย่างครบวงจร ช้อปปี้แทกทีมเหล่าแบรนด์พันธมิตรชั้นนำ กว่า 30 แบรนด์มาร่วมกิจกรรม Shopee 9.9 Creative Content Collaboration  ในวันที่ 9 เดือน 9 ผ่านคอนเซ็ปต์ “ที่สุดแห่งปี” โดยได้รับกระแสตอบรับในโลกโซเชียลมีเดียด้วยยอดการเข้าถึงทะลุไปกว่า 15 ล้านครั้ง

  • ยกระดับ ‘ความสะดวกสบาย’และ‘ความไว้วางใจ’ที่เหนือกว่า– ตลอดแคมเปญ 9.9 ช้อปปี้ เรามอบประสบการณ์การช้อปที่ดีที่สุด โดยมอบความสะดวกสบายและความไว้วางใจในทุกการช้อป ผ่านโปรแกรมที่ตอบโจทย์พฤติกรรมของนักช้อปอย่างครบถ้วน
  • ช้อปก่อน ผ่อนสบาย กับ SPayLater’: ช้อปปี้มอบประสบการณ์การช้อปปิ้งได้อย่างราบรื่น ไม่มีสะดุดผ่านการชำระเงินที่สะดวกสบายให้นักช้อปทุกคนในการเลือกช่องทางการชำระเงินที่หลากหลาย โดยพบว่าบริการการชำระเงินแบบ SPayLater เป็นหนึ่งในช่องทางที่นักช้อปนิยม พบว่าสินค้ากว่า 350 ล้านรายการ รองรับการชำระเงินที่สะดวกสบายด้วย SPayLater และ ความงามและของใช้ส่วนตัว เครื่องใช้ภายในบ้าน, เสื้อผ้าแฟชั่นผู้หญิง และ ความงามและของใช้ส่วนตัว ถือเป็นหมวดหมู่สินค้าที่นักช้อปใช้บริการ SPayLater มากที่สุดในแคมเปญ

  • เสิร์ฟดีลเดือด โปรสะใจ กับนักช้อปสายกิน: ShopeeFood เผย สุดยอดจังหวัดที่ยืน1 เรื่องการใช้ ShopeeFood คือ กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ และนนทบุรี และพบว่า นักกินออนไลน์เสิร์ชหาเมนู ส้มตำ หม่าล่า และยำ มากที่สุดในวันที่ 9 เดือน 9

นักช้อปสามารถติดตามรายละเอียดแคมเปญสุดยิ่งใหญ่ช่วงปลายปีที่กำลังจะมาถึงพร้อมกิจกรรมสุดพิเศษที่ห้ามพลาดของช้อปปี้ ได้ที่ https://shopee.co.th/

ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันช้อปปี้ได้ฟรีจาก App Store, Google Play Store และ App Gallery

Hot Issue