Home Blog Page 45

ตัดสินใจพลาด Intel เคยปฏิเสธหุ้น OpenAI ไม่เชื่อว่าสร้างกำไรได้ในอนาคต

[ชวดโอกาส] ไม่มีใครรู้อนาคต คงมีแต่ไม่คาดคิด สื่อดังเผย Intel เคยได้รับข้อเสนอให้ลงทุนกับ OpenAI ในการซื้อหุ้น 15% ที่ราคา 1 พันล้านดอลลาร์ฯ เมื่อ 7 ก่อน ทว่าบริษัทได้ปฏิเสธข้อเสนอไป เพราะยังไม่เชื่อมั่นใน Generative AI ว่าจะสร้างกำไรได้ในสมัยนั้น

ย้อนกลับไปสมัย Bob Swan อดีตซีอีโอของ Intel ซึ่งได้เลื่อนขั้นจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินหรือ CFO มาเป็นซีอีโอในช่วงปี 2018 ถึง 2021 ทว่าตลอดช่วงที่ดำรงตำแหน่งนั้น ก็ถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่มีพื้นฐานทางเทคนิคที่แข็งแกร่งพอ และขาดความรู้ด้านเทคโนโลยีเชิงลึก จนเป็นปัจจัยให้ Intel พลาดโอกาสในภาคส่วน AI จนทุกวันนี้

รายงานจากทาง Reuters เผยได้สัมภาษณ์บุคคลภายใน (ไม่เปิดเผยชื่อ) ของ Intel พบช่วงปี 2017 – 2018 ทางบริษัทเคยได้รับข้อเสนอจาก OpenAI ในการซื้อหุ้น 15% ที่ราคา 1 พันล้านดอลลาร์ฯ พร้อมตัวเลือกในการเพิ่มหุ้นเป็นสองเท่า หากจัดหาฮาร์ดแวร์ในราคาต้นทุนได้ เพื่อช่วยพัฒนาบริการ Generative AI

ทว่า Bob Swan อดีตซีอีโอของ Intel ได้ปฏิเสธข้อเสนอไป เนื่องจากไม่เชื่อมั่นว่า Generative AI จะทำกำไรได้ในระยะสั้น ทั้งยังไม่ได้รับการยอมรับศักยภาพเชิงพาณิชย์อย่างกว้างขวาง อาจผนวกกับ OpenAI ที่ช่วงนั้นยังเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรด้วย จึงปฏิเสธที่จะทุ่มงบมหาศาลในครั้งนั้นเอง

แต่หลังจากนั้นในปี 2022 ทาง OpenAI ได้เปิดตัว ChatGPT กลายเป็นบริการ AI เปลี่ยนโลกจนทุกวันนี้ และส่งผลบริษัทมีมูลค่ามากถึง 8 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ ในปัจจุบัน

ทางสื่อ Techspot ยังมองว่า การตัดสินใจของ Intel ที่จะไม่ลงทุนใน OpenAI นั้น ถือเป็นความผิดพลาดเชิงกลยุทธ์อย่างชัดเจน โดยเฉพาะความท้าทายในตลาด AI ทั้งยังทำให้เสียโอกาสในการลดการพึ่งพาชิป Nvidia ของ OpenAI ด้วย ซึ่งอาจช่วยให้ได้เปรียบคู่แข่งในด้านฮาร์ดแวร์และการฝึกอบรมด้าน AI ได้มากกว่านี้

ความเชื่อมั่นในเรื่อง AI ของ Intel ก็สะท้อนผ่านมูลค่าการตลาดของบริษัท ที่ลดลงกว่า 100 พันล้านดอลลาร์ฯ ซึ่งหายไปถึง 1 ใน 4 นับเป็นเรื่องร้ายแรงครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษ อย่างไรก็ตามทาง Intel ได้วางแผนพัฒนาชิป AI ใหม่ เช่น Gaudi 3 เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันนี้อีกครั้ง พร้อม ๆ กับขยายขีดความสามารถในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐอเมริกาฯ เพิ่มเติม

ท้ายนี้ประสิทธิภาพการประมวลผล AI นั้น พบชิปกราฟฟิกหรือ GPU มีความเหมาะสมมากกว่าชิป CPU โดยโดดเด่นในการคำนวณแบบขนาน ที่จำเป็นสำหรับการฝึกอบรมและรันโมเดล AI ซึ่งพิสูจน์แล้วกับทาง Nvidia ที่ปัจจุบันกลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม AI ในตอนนี้เอง

ที่มา : Techspot

ปลดคนนับหมื่น Dell ปรับโครงสร้างใหม่ ลดต้นทุน เน้นพัฒนา AI

[เห็นผลไว] นอกจากเหตุผลด้านรายได้ เหมือนอย่างที่ Intel ปลดคนออกถึง 16,000 ราย อีกเหตุผลยอดฮิตก็คือ “AI” ล่าสุดทาง Dell อีกหนึ่งบริษัทไอทียักษ์ใหญ่ ได้ปลดพนักงานออกนับหมื่นคน หลังเล็งโฟกัสที่ผลิตภัณฑ์ด้าน AI มากขึ้น

รายงานจาก The Register เผย Dell ได้ปรับโครงสร้างบริษัทครั้งใหญ่ ส่งผลให้มีพนักงานกว่า 12,500 ราย ถูกปลดออก คาดพนักงานที่เป็นฝ่ายขายได้รับผลกระทบมากที่สุด อย่างไรก็ตาม ทาง Dell ได้ชดเชยเงินให้ 2 เดือน บวกกับเงินเดือนพิเศษอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อปี (สูงสุด 26 สัปดาห์) และยังมีการจ่ายโบนัสเพิ่มเติมบางส่วน

ด้าน Bloomberg ได้รายงานเพิ่มเติมว่า Dell ปรับโครงสร้างใหม่ครั้งนี้ ก็เพื่อมุ่งเน้นไปที่การขายผลิตภัณฑ์และเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ AI มากขึ้น แน่นอนว่าต้องใช้ทุนไม่น้อย จึงอาจเป็นเหตุให้ทางบริษัทต้องลดต้นทุนนั้นเอง

หลังข่าวการปลดครั้งใหญ่นี้ ก็ส่งผลให้มูลค่าหุ้นของ Dell ตกลงทันทีเกือบ 6% และลดลงมากกว่า 21% ในช่วง 5 วันที่ผ่านมา ส่วนทาง Intel นั้น มูลค่าหุ้นร่วงลงกว่า 35% หลังมีข่าวปลดคนออกเช่นเดียวกัน

ที่มา : Techspot

ฟังไม่รู้เรื่อง โดรนแจ้งเตือนน้ำท่วมสหรัฐ ใช้แชทบอต AI ช่วยออกเสียง

[English or Spanish] ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีกลุ่มคนใช้ภาษาสเปนในสหรัฐฯ ฉะนั้นการประกาศเตือนภัยในประเทศนี้ อาจมีมากกว่าภาษาอังกฤษ เหมือนอย่างโดรนเตือนภัยน้ำท่วม ที่สามารถส่งเสียงเตือนผู้คนได้ทั้ง 2 ภาษา ทว่าพอใช้ภาษาสเปน กลับฟังไม่รู้เรื่อง

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา มีคนแชร์คลิปใน X เผยพบโดรนเตือนภัยน้ำท่วมในนิวยอร์กซิตี้ ประเทศสหรัฐฯ ส่งเสียงเตือนเป็นภาษาสเปนที่ฟังออกยาก ต่างจากก่อนหน้าที่ประกาศเป็นภาษาอังกฤษได้ชัดเจน เชื่อว่าอาจใช้ AI ช่วย อ้างอิงจากสำเนียงที่เหมือนใช้บอตช่วยออกเสียง

Zach Iscol ฝ่ายกรรมาธิการของแผนกจัดการเหตุฉุกเฉินในนิวยอร์กซิตี้ ได้ตอบกลับในคลิปดังกล่าวด้วย โดยยอมรับว่าเป็นความผิดพลาด พร้อมกล่าว “สิ่งนี้ไม่ควรเกิดขึ้น” และจะไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนี้อีก

ข้อมูลจากสื่อ New York Times เผยโดรนเตือนภัยนี้ นับเป็นระบบแจ้งเตือนเหตุฉุกเฉินแบบใหม่ ซึ่งทางเมืองจะส่งโดรนออกไปยังชุมชนต่าง ๆ ในเวลาประมาณ 13.00 น. เพื่อแจ้งให้ประชาชนทราบเกี่ยวกับฝนตกหนักที่กำลังมาถึงได้มากขึ้น ให้รับมือกับเหตุน้ำท่วมฉับพลันได้นั้นเอง

ที่มา : Engadget

รวมมาให้แล้ว คอร์สเรียนสายเทค อัปสกิลขียนโปรแกรม AI – ChatGPT

Chula MOOC Snap  รวมมาให้แล้วคอร์สสายเทค เรียนผ่านออนไลน์ไม่มีค่าใช้จ่าย แถมเมื่อเรียนจบทุกคนสามารถขอรับใบเซอร์ในระบบได้เลย 

 

ครบทุกเนื้อหา 10 กว่าบทเรียนให้ได้ฝึกอัปสกิล ไม่ว่าจะเป็น AI , ChatGPT , เขียนโปรแกรม เป็นต้น ให้เราได้เอาความรู้ไปปรับใช้ในอนาคต

 

ลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้ สิทธิมีจำนวนจำกัด 

ทางไปเรียน >> mycourseville  

 

คัดมาให้แล้วกับคอร์สเรียนที่น่าสนใจ

 

Generative AI และ ChatGPT ทำงานอย่างไร?

นำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับ ChatGPT ว่ามีที่มาอย่างไร มีความสามารถทำอะไรได้บ้าง มีข้อจำกัดอะไรบ้าง และข้อควรระวังในการนำ ChatGPT ไปใช้งาน

 

เขียนโค้ดคู่กับ AI เสร็จไว + ไม่ตกเทรนด์

การเขียนโค้ดแบบ AI Pair Programming ฟีเจอร์ช่วยเขียนโค้ดล้ำ ๆ จากความสามารถของ AI สาธิตการเขียนโค้ดภาษา Python คู่กับ AI 

 

การปรับตัวใช้เครื่องมือ GenAI เพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่า

แนะนำ 5 เครื่องมือ Generative AI ที่จะเป็นตัวช่วยในการสร้างสรรค์ผลงานให้ดียิ่งขึ้น

 

ChatGPT ช่วยทำวิจัยได้ไม่ต้องเหนื่อยแทบตาย (ในทุกขั้นตอน)

ตัวช่วยในการเขียนงานวิจัย ไม่ว่าจะเป็นการเลือกหัวข้องานวิจัย ขอบเขตงานวิจัย การช่วยทำแบบสอบถาม การหาแหล่งข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล รวมถึงบทบาทของ ChatGPT

 

สำหรับใครที่อยากเรียนเนื้อหาอื่น ๆ เข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ของ techhub ได้เลยเรารวบรวมไว้ให้แล้ว

>> techhub productivity  

 

#เขียนโปรแกรม #ChatGPT #AI #TechhubUpdate

สุดล้ำ QR Code กินได้ สร้างจากเครื่องพิมพ์ 3 มิติ

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีและการออกแบบสิงคโปร์ (SUTD) เปิดโปรเจคสำคัญในการพิมพ์อาหารแบบ 3 มิติ สู่การสร้างสรรค์มื้ออาหารที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว น่ารับประทาน และมีคุณค่าทางโภชนาการ

ปฏิวัติวิธีการทานอาหารของสำหรับผู้ที่มีความต้องการทางโภชนาการเฉพาะหรือผู้ที่มีปัญหาในการกลืน

การพิมพ์อาหาร 3 มิติด้วยวัสดุหลายชนิดมันเทคโนโลยีที่ยังไม่มีใครสามารถทำได้ โดยใช้หัวฉีดเพียงหัวเดียวที่มีช่องรับหลายช่องและสลับวัสดุพิมพ์ด้วยแรงลมได้อย่างรวดเร็ว

ช่วยปรับแต่งสารอาหาร สร้างมื้ออาหารที่สวยงาม และปรับเปลี่ยนเนื้อสัมผัสของอาหารให้เหมาะกับความต้องการทางโภชนาการของแต่ละบุคคลได้

แต่ก่อนเทคนิคการพิมพ์อาหาร 3 มิติมักส่งผลให้ได้งานพิมพ์ที่แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และต้องใช้เครื่องจักรที่ซับซ้อน นักวิจัยได้รับแรงบันดาลใจจากไมโครฟลูอิดิกส์ผสมหมึกหรือเส้นใยอาหารต่าง ๆ ก่อนการพิมพ์โดยไม่ต้องใช้หัวฉีด

โดยทดสอบระบบด้วยการพิมพ์ QR Code โดยใช้หมึกที่ทำมาจากนมจนสำเร็จ

และในอนาคตจะเตรียมนำ เครื่องพิมพ์ 3 มิติ มาเป็นตัวช่วยสร้างส่วนผสมใหม่ ๆ เข้าไปในอนาคตโดยที่รสชาติไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม แถมยังทำให้มีสีสันและเพิ่มความยากอาหารได้อีกด้วย 

 

ที่มา : interestingengineering

#TechhubUpdate

ซ่อนได้ ฟีเจอร์ใหม่ Safari คุมโฆษณาห้ามรบกวน

ดีกว่าเดิม Apple เผยกำลังเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Safari ควบคุมโฆษณาไม่ให้รบกวนผู้ใช้งาน 

Distraction Control ถูกออกแบบมาเพื่อลดสิ่งที่รบกวนความสนใจจากบทความและเว็บเพจ เช่น หน้าต่างลงชื่อเข้าใช้ ป๊อปอัปการตั้งค่าคุกกี้ แบนเนอร์สมัครรับจดหมายข่าว วิดีโอเล่นอัตโนมัติ และอื่นๆ

โดยกำลังทดสอบบน Safari ใน iOS 18, iPadOS 18 และ macOS Sequoia เบต้าเวอร์ชันล่าสุด

ฟีเจอร์ใหม่จะซ่อนเนื้อหาบนเพจ แต่ไม่ใช่ตัวบล็อกโฆษณา และไม่สามารถใช้เพื่อซ่อนโฆษณาอย่างถาวรได้จะซ่อนได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น และจะปรากฏขึ้นอีกครั้งเมื่อรีเฟรชเว็บ 

เป็นอีกทางเลือกให้กับผู้ใช้ iPhone, iPad และ Mac สามารถกำจัดป๊อปอัปที่น่ารำคาญเวลาเปิดเว็บได้ผ่านเมนู “Show Hidden Items” เพื่อดูโฆษณาที่ถูกซ่อนบนเว็บเพจได้ทันที

การซ่อนโฆษณาเป็นหนึ่งฟีเจอร์ใหม่ที่ Apple กำลังพัฒนาให้ Safari เป็นทางเลือกหลักให้กับผู้ใช้งาน นอกจากนี้ยังมีพัฒนาอีกหลายอย่างรอติดตามกันต่อไป

 

ที่มา : macrumors 

#iOS18  #Safari  #Apple #TechhubUpdate

เวลาร์ (Waylar) บุกตลาดครึ่งปีหลัง ชูจุดขาย Tech Company ส่งแอพพลิเคชั่น WAYLAR WORK สร้างความแตกต่างด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล

เวลาร์ คอร์ปอเรชั่น

เวลาร์ คอร์ปอเรชั่น (WAYLAR) บริษัทนวัตกรรมเทคโนโลยีของคนไทยแบบ 100% ซึ่งมีความโดดเด่นในด้านการการพัฒนาระบบจัดเก็บข้อมูลแบบเรียลไทม์ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี IoT (Internet of Thing) พร้อมตอกย้ำครึ่งปีหลังด้วยการชูจุดขายความเป็น Tech Company ในเรื่องการพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่จะช่วยบริหารงานจัดการงานขนส่งและโลจิสติกส์ แบบเรียลไทม์ เพื่อตอบรับกับการขยายตัวทางธุรกิจและการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในยุคปัจจุบัน

นายพันชนะ ตันติพิสุทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวลาร์ คอร์ปอเรชั่น (WAYLAR) จำกัด ได้เปิดเผยว่า“หลังจากในครึ่งปีที่ผ่านมาที่ทางบริษัทได้มีการทำการตลาดในเรื่องของการพัฒนา IoT Platform (Internet of Things) และผลักดันเทคโนโลยีการเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ให้เข้ามาเป็นตัวช่วยสำคัญในการสนับสนุนภาคธุรกิจ และภาคอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากและในครึ่งปีหลังนี้บริษัทจึงอยากตอกย้ำในเรื่องของความเชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีในด้านนี้ เราจึงอยากสร้างความชัดเจนในเรื่องของความเป็น Tech Company ของคนไทยให้มากขึ้นด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ครึ่งปีต่อจากนี้เราจะโฟกัสในเรื่องการนำแอพพลิเคชั่นของเวลาร์ คอร์ปอเรชั่น (WAYLAR) ที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยการพัฒนามาจากการฟังเสียงของลูกค้า (VOC) เพื่อลดกระบวนการทำงานที่ซ้ำซ้อนและนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงานทรัพยากรบุคคลและรถประเภทต่างๆ ในห่วงโซ่ซัพพลายเชนของธุรกิจ ซึ่งแอพพลิเคชั่นตัวนี้ของเวลาร์ คอร์ปอเรชั่น (WAYLAR) จะช่วยในเรื่องของการพัฒนาระบบการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลภายใต้ชื่อ “WAYLAR WORK” โดยความโดดเด่นของแอพพลิเคชั่นตัวนี้ถือว่ามีความน่าสนใจมาก เพราะจะสามารถนำมาช่วยในเรื่องของการพัฒนาบุคลากรในองค์กรได้ดีขึ้น

คุณสมบัติที่โดดเด่นของ WAYLAR WORK คือสามารถเก็บข้อมูลเชิงลึกได้แบบเรียลไทม์ในรูปแบบออนไลน์ ดิจิทัล ที่สามารถตรวจสอบการเข้า-ออกของพนักงานในการทำงานได้ โดยมี Feature เด่น อาทิ การระบุสถานที่พร้อมกับแสดงสถานะการเข้างานแบบเรียลไทม์ ช่วยลดขั้นตอนความยุ่งยากในการจัดการเก็บข้อมูล และ ประมวลผลเป็น รายงาน ตามความต้องการของลูกค้าในแต่ละธุรกิจได้อย่างครบถ้วน

อีกทั้งในเรื่องของการจัดการทางด้านการเงินของพนักงาน พนักงานสามารถทำเรื่องการเบิกจ่ายได้โดยทันทีผ่านระบบออนไลน์ ไม่จำเป็นต้องมีการดำเนินการส่งเอกสารมาที่สำนักงานใหญ่ซึ่งถือว่าเป็นการช่วยในเรื่องของการประหยัดเวลาการทำงานอีกด้วย ซึ่งเราถือว่าแอพพลิเคชั่นตัวนี้ที่เราพัฒนาขึ้นมาจะสามารถทำให้เราต่อยอดในเรื่องของการทำงานของพนักงานให้มีประสิทธิภาพได้มากยิ่งขึ้นอีกทั้งยังช่วยประหยัดเวลาและมีความแม่นยำในการให้บริการกับฝ่ายลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นไปด้วย

สำหรับแอพพลิเคชั่น “WAYLAR WORK” ที่กล่าวมาในข้างต้นจะเห็นว่าตัวแอพพลิเคชั่นเอง จะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการนำมาต่อยอดในการพัฒนาธุรกิจ เพราะทั้งหมดนี้จะอยู่ในรูปแบบของการทำงานแบบเรียลไทม์ ในลักษณะของออนไลน์ ดิจิทัล ซึ่งจะช่วยในแง่ของการพัฒนาธุรกิจให้มีความรวดเร็วและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้สูงมากขึ้น โดยจะส่งผลต่อยอดขายและรายได้ของบริษัทที่จะทำให้เติบโตได้มากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ เวลาร์ (WAYLAR) พร้อมที่จะให้บริการสำหรับพันธมิตรทางธุรกิจของเราโดยเราจะติดตั้ง แอพพลิเคชั่นตัวนี้ให้เพื่อการทำงานที่สอดคล้องกัน และมีความรวดเร็ว เพื่อส่งเสริมให้พันธมิตรที่ร่วมทำธุรกิจกับเราจะได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ ระบบนิเวศธุรกิจของเวลาร์ ซึ่งมีความสมบูรณ์และครอบคลุมในทุกด้านที่จำเป็นของผู้ประกอบการขนส่ง ซึ่งผสานเข้ากับจุดเด่นของเราคือนวัตกรรมเทคโนโลยีเพื่อการบริหารและเชื่อมโยงรถ ทรัพยากรคน และกระบวนการทำงานที่มีการบูรณาการอย่างไร้รอยต่อ

ซึ่งเราเชื่อว่าต่อจากนี้ความแข็งแกร่งของเราในด้าน Tech Company นับต่อไปจากนี้จะสามารถทำให้เวลาร์ (Waylar) มีความโดดเด่นในด้าน IoT (Internet of Thing) ที่บริหารโดยคนไทยแบบ 100% พร้อมทั้งมุ่งสู่การเป็นศูนย์รวมและเป็นผู้นำในการพัฒนาแพลตฟอร์มสนับสนุนธุรกิจมากที่สุด ผ่านการประยุกต์การใช้งานระบบ IoT เชื่อมโยงอย่างไร้ขอบเขตระหว่าง “คน” และ “ทุกสิ่งรอบตัวเข้าด้วยกันให้ทำงานได้อย่างราบรื่น เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด”

ที่สุดของผลงานภาพถ่ายดาราศาสตร์ฝีมือคนไทย ประจำปี 2567

สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สดร. หรือ NARIT) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ประกาศผลการตัดสินการประกวดภาพถ่ายดาราศาสตร์ฝีมือคนไทย ประจำปี 2567 หัวข้อ มหัศจรรย์ภาพถ่ายดาราศาสตร์  เผยภาพ “Deep Dark Space” “ฝนดาวตกเจมินิดส์ที่สามพันโบก” “Jupiter in Different Wavelengths” “ยอปากประกับทางช้างเผือก” “สายรุ้งแสงจันทราและภาพเคลื่อนไหว “Electrifying Aurora Lofoten” คว้าที่สุดผลงานภาพถ่ายและวิดีโอประจำปีนี้ 

นายศุภฤกษ์ คฤหานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการและสื่อสารทางดาราศาสตร์ เปิดเผยว่า NARIT จัดการประกวดภาพถ่ายดาราศาสตร์อย่างต่อเนื่องเข้าสู่ปีที่ 19 ได้เห็นวงการถ่ายภาพดาราศาสตร์ในประเทศไทยเติบโตขึ้นมาก มีผู้หลงใหลการถ่ายภาพดวงดาวมากขึ้น ทั้งคุณภาพและความแปลกใหม่ของภาพถ่ายก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ปีนี้มีผู้ส่งผลงานเข้าประกวดกว่า 400 ภาพ การตัดสินภาพถ่ายเต็มไปด้วยความเข้มข้นและดุเดือด เนื่องจากผู้ที่ส่งภาพถ่ายเข้าร่วมประกวดมีพัฒนาการที่ก้าวกระโดด มีฝีมือการถ่ายภาพที่ไม่ธรรมดา สร้างสรรค์ผลงานออกมาให้มีความน่าสนใจ สร้างความหนักใจให้แก่คณะกรรมการเป็นอย่างมาก 

ภาพถ่ายที่ได้รับรางวัลที่มีความโดดเด่น ยกตัวอย่างประเภท Deep Sky Objects หรือวัตถุในห้วงอวกาศลึก ซึ่งคัดเลือกอันดับที่หนึ่งจากวัตถุท้องฟ้าที่ถ่ายภาพได้ยาก หาชมได้ยาก ไม่ค่อยมีผู้ถ่าย และใช้ความพยายามในการถ่ายภาพสูง ปีนี้ผลงานที่ได้รับรางวัลมีชื่อว่า “Deep Dark Space” โดย นายวชิระ โธมัส เป็นภาพของเนบิวลาฉลาม (LDN 1235) ซึ่งเป็นเนบิวลามืดที่สังเกตได้ยาก ปรากฏจางมากบนฟ้า และขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในเนบิวลาที่ถ่ายภาพได้ยากที่สุด อีกภาพคือสายรุ้งแสงจันทราโดย นายอาคม กิจวนิชประเสริฐ หากดูผิวเผินจะเห็นเป็นทิวทัศน์ของสายรุ้งกับน้ำตกทั่วไป แต่แท้จริงแล้วนั่นคือสายรุ้งที่เกิดในตอนกลางคืนจากแสงของดวงจันทร์ ซึ่งพบเห็นไม่บ่อยนัก ต้องอาศัยจังหวะและเวลา และฝีมือการถ่ายภาพ เพื่อบันทึกภาพปรากฏการณ์ได้อย่างทันท่วงที

นอกจากนี้ ยังเป็นปีแรกที่เปิดการแข่งขันใหม่ในประเภทวิดีโอหรือภาพเคลื่อนไหว ซึ่งได้รับความสนใจไม่น้อย และผู้เข้าร่วมประกวดต่างทำผลงานได้ดีมากเช่นกัน ทำให้คณะกรรมการต้องเพิ่มรางวัลชมเชยให้กับผู้เข้าร่วมประกวดจากเดิม 1 รางวัล เป็นรางวัลชมเชยทั้งหมด 3 รางวัล สำหรับผลงานที่ชนะในประเภทนี้คือ “Electrifying Aurora Lofoten” โดย นายเฉลิมเกียรติ สุวรรณปริญญา เป็นวิดีโอปรากฏการณ์ออโรรา หรือแสงเหนือ ณ หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์ 

 

ผู้สนใจส่งผลงานภาพถ่ายดาราศาสตร์เข้าร่วม ติดตามข่าวสารการประกวดในปีถัดไปได้ทางเพจเฟซบุ๊ก NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ NARITpage

จริงหรือเปล่า Nvidia โดนแฉ แอบขโมยวีดีโอเพื่อฝึก AI

Nvidia โดนแฉ

Nvidia ถูกเปิดเผยว่าแอบขโมยวิดีโอจาก YouTube จำนวนมหาศาล เพื่อนำไปฝึกฝนโมเดล AI ของตนเอง ซึ่งต้องบอกว่า มันเป็นการกระทำที่น่ากังขาในเชิงกฎหมายและอาจผิดจริยธรรม

จากเอกสารที่หลุดออกมา Nvidia ได้นำข้อมูลวิดีโอจาก YouTube ไปใช้ฝึก AI โมเดลต่างๆ เช่น Cosmos, อัลกอริทึมรถยนต์ไร้คนขับ, โมเดล AI อวตาร หรือ Digital human และเครื่องมือสำหรับสร้าง Omniverse

ข้อมูลยังระบุอีกว่า Nvidia พยายามปกปิดการกระทำดังกล่าว โดยใช้ Virtual Machine จำนวนมากเพื่อเปลี่ยนแปลงที่อยู่ IP อัตโนมัติเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ แน่นอนว่า ทั้ง YouTuber และ Google ซึ่งเป็นเจ้าของ YouTube ต่างไม่ยินยอมให้ Nvidia นำข้อมูลไปใช้

“ประเด็นที่น่าสนใจคือ ผู้บริหารระดับสูงของ Nvidia ยืนยันว่าการกระทำนี้ได้รับอนุมัติจากผู้บริหารระดับสูงสุดของบริษัทแล้ว”

นอกจากนี้ Nvidia ยังนำข้อมูล HD-VG-130M ซึ่งเป็นชุดข้อมูลที่สร้างขึ้นจากวิดีโอ YouTube 130 ล้านรายการเพื่อการวิจัยทางวิชาการ ไปใช้ฝึกโมเดลเชิงพาณิชย์ ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม

Google ได้ออกมาตอบโต้ว่าการใช้ข้อมูลของ YouTube โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นการ “ละเมิด” ข้อกำหนดในการให้บริการของแพลตฟอร์มอย่างชัดเจน ต้องรอดูต่อไปแหละครับว่า Nvidia จะชี้แจงเรื่องนี้ยังไง

ที่มา
futurism

จีนเร่งเครื่อง ปล่อยดาวเทียมชุดแรก สร้างเครือข่ายท้าชน Starlink

Starlink

จีนไม่ยอม Shanghai Spacecom Satellite Technology ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนได้ปล่อยดาวเทียม 18 ดวงแรก เพื่อสร้างเครือข่ายวงโคจรขนาดใหญ่ที่มุ่งหมายจะแข่งขันกับ Starlink

การปล่อยดาวเทียมครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ โดยใช้ดาวเทียม 18 ดวงและจรวด 1 ลำ สำหรับการนำดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจร

ดาวเทียมเหล่านี้ถือเป็นก้าวแรกของบริษัทในการสร้างเครือข่ายดาวเทียมวงโคจรต่ำ (Low Earth Orbit) จำนวน 15,000 ดวง ซึ่งบริษัทได้ขนานนามว่า “กลุ่มดาวพันใบเรือ” (Thousand Sails Constellation)

สื่อในประเทศจีนเอง ได้เรียกโครงการนี้ว่าเป็น Starlink เวอร์ชันจีน แต่ Starlink จริง ๆ ในปัจจุบันมีดาวเทียมประมาณ 6,000 ดวง และอีลอน มัสก์เอง ก็วางแผนที่จะสร้างเครือข่ายดาวเทียมมากถึง 42,000 ดวงในที่สุด

กลุ่มดาวพันใบเรือ หรือที่รู้จักกันในชื่อโครงการ G60 เป็นหนึ่งในสามเครือข่ายดาวเทียมหลักที่วางแผนไว้ในประเทศ แต่ละเครือข่ายคาดว่าจะมีดาวเทียมประมาณ 10,000 ดวงหรือมากกว่า

สำหรับ กลุ่มดาวพันใบเรือ สื่อของจีนไม่ได้บอกอย่างชัดเจนว่า มันจะถูกใช้ทำหน้าที่อะไรบ้างนะ แต่เหมือนกับว่า จีนหวังที่จะสร้างเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในเวอร์ชันของตนเอง เพื่อให้อุตสาหกรรมของตนพึ่งพาตนเองและป้องกันอิทธิพลหรือแรงกดดันจากต่างประเทศได้ หากมีความจำเป็นต้องทำสงครามกับสหรัฐฯ หรือพันธมิตร นั่นแสดงว่า Starlink ของจีน ไม่ได้มีไว้แค่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอย่างเดียวแน่ ๆ ครับ …

ที่มา
sciencealert

Hot Issue