Home Blog Page 43

มาแรง เปลี่ยนแบต EV แบบใหม่ จีนจัดให้ ไม่ต้องรอชาร์จ

Nio ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ของจีน ประกาศความสำเร็จเป็นสถานีเปลี่ยนแบตที่ให้บริการมาต่อเนื่องถึง 50 ล้านครั้ง กลายเป็นตัวเลือกใหม่ของคนที่ไม่อยากรอชาร์จไฟที่ตู้

การเปลี่ยนแบตเตอรี่จะช่วยให้ผู้ใช้ประหยัดเวลาได้มากกว่าหลายเท่าเมื่อเทียบกับการชาร์จตู้ที่มีอยู่ แถมประหยัดเงินได้มากกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมัน

Nio มีสถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่มากถึง 2,464 แห่ง ตั้งอยู่ตามเส้นทางต่าง ๆ ในถนนทางหลวงของประเทศจีน

Power Swap Station เป็นการเปลี่ยนแบตจากใต้ท้องรถใช้เวลาเพียง 1.1 วินาทีเท่านั้น ถ้าเทียบกับการชาร์จด้วยตู้จำหน่ายไฟสำหรับรถ EV ทั่วไปก็ถือว่าประหยัดเวลาได้เยอะ

จึงกลายเป็นผู้ให้บริการที่คนจีนความสนใจเป็นจำนวนมาก สถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่ของ Nio ให้บริการเฉลี่ย 79,000 ครั้งต่อวัน และเติบโตแบบก้าวกระโดดมาตั้งแต่ปี 2022

ปัจจุบัน Nio พร้อมให้บริการแล้วที่ประเทศจีนและโซนยุโรปและเตรียมขยายต่อไปในอนาคต

 

ที่มา : cnevpost

#สถานีเปลี่ยนแบต #รถยนต์ไฟฟ้า #Nio #TechhubUpdate 

เจออีก Benz ไฟไหม้ ในเกาหลี ปลุกกระแสเปิดชื่อแบรนด์แบตเตอรี่

Benz ไฟไหม้

ปกติแล้ว ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ต่าง ๆ มักจะไม่เปิดเผยชื่อของแบรนด์หรือบริษัทที่ผลิตแบตเตอรี่รถไฟฟ้าให้พวกเขา ด้วยเหตุผลต่าง ๆ ที่อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อการแข่งขันในอุตสาหกรรม แต่เหตุการณ์รถยนต์ไฟฟ้าไหม้ในเกาหลี อาจทำให้วงการรถยนต์ไฟฟ้าเปลี่ยนแปลงไป

ตามข้อมูลจาก WSJ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา มีรถยนต์ไฟฟ้า Mercedes-Benz EQE 350 เกิดไฟไหม้ในลานจอดรถแห่งหนึ่งของเกาหลีใต้ ทำให้รถยนต์หลายสิบคันเสียหายและมีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลประมาณ 23 คนจากการสูดดมควัน

เหตุการณ์นี้ได้จุดกระแสความกังวลในหมู่ผู้บริโภคเกี่ยวกับความปลอดภัยจากเหตุไฟไหม้ ซึ่งพวกเขาต้องการข้อมูลที่ชัดเจนและโปร่งใสเกี่ยวกับผู้ผลิตแบตเตอรี่ในรถยนต์ไฟฟ้า

สื่อท้องถิ่นระบุว่า เหตุการณ์เพลิงไหม้นี้ เกิดขึ้นในลานจอดรถชั้นใต้ดินของอาคารที่พักอาศัยแห่งหนึ่งโดยที่ไม่ได้มีอุบัติเหตุ พนักงานดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการควบคุมเพลิง เปลวเพลิงได้สร้างความเสียหายให้กับรถยนต์ประมาณ 140 คัน และทำให้ผู้คนบางส่วนต้องย้ายไปอยู่ในศูนย์พักพิง

มีสาเหตุหลายอย่างนะที่ทำให้รถยนต์เหล่านี้เกิดไฟไหม้ โดยอาจจะมาจากการลัดวงจรภายในเซลล์ของชุดแบตเตอรี่ รวมถึงการระบายความร้อน (thermal runaway) และอุบัติเหตุครับ

เพื่อตอบสนองต่อความไม่พอใจของคนเกาหลี Mercedes-Benz Korea ได้เปิดเผยว่ารถยนต์ไฟฟ้าที่เกิดไฟไหม้ ใช้แบตเตอรี่จาก Farasis Energy ซึ่งเป็นผู้ผลิตจากจีนที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก และการเปิดเผยได้อาจกลายเป็นประเด็นสำคัญในเกาหลีใต้ ซึ่งอาจจุดประกายให้เกิดกระแสคล้ายคลึงกันในประเทศอื่น ๆ ที่มีการจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าด้วยเช่นกัน

แม้สำนักงานประสานงานนโยบายของเกาหลีใต้แนะนำให้ผู้ผลิตรถยนต์เปิดเผยข้อมูลแบรนด์แบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดที่ขายในประเทศโดยสมัครใจ แต่ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายอย่าง Hyundai, Kia, BMW Korea และ Mercedes-Benz Korea ได้ตอบรับคำแนะนำนี้ และได้เปิดเผยแบรนด์ผู้ผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าที่พวกเขาใช้บนเว็บไซต์ของตนเอง

ทีนี้ คนขับ EV ในไทยล่ะ คิดยังไง ? ส่วนตัวอยากให้เปิดเผยนะ เพราะชนิด คุณภาพของแบตเตอรี่ รวมถึงแบรนด์ล้วนเป็นข้อมูลที่ผู้บริโภคอย่างเราต้องพิจารณาในการเลือกซื้อรถไฟฟ้า โดยเฉพาะกับกรณีของแบรนด์รถยนต์หรูที่เกิดไฟไหม้ในครั้งนี้ ก็ควรใช้แบตจากผู้ผลิต Top3 ของจีนอย่าง CATL , BYD หรือไม่ก็ CALB ถึงจะสมเหตุสมผลหรือเปล่านะ…

ข้อมูลจาก
https://www.techspot.com/news/104256-mercedes-benz-ev-fire-south-korea-could-lead.html

https://www.wsj.com/business/autos/german-luxury-chinese-battery-fire-prompts-calls-for-disclosures-on-key-ev-component-39d90ba3

https://www.ufinebattery.com/blog/top-10-lithium-ion-battery-manufacturers-in-china/

 

ไปเวย์นี้ซะแล้ว พบหน้า เมนู Start ของ Windows ปรับแต่งคล้าย iOS

เมนู Start

ต้องยอมรับว่า Microsoft ชอบที่จะปรับแต่ง เมนู Start อยู่เสมอ บางครั้งก็แอบปรับแต่งแบบลับ ๆ และก็เปิดตัวให้ใช้ได้เซอร์ไพรส์กัน

ล่าสุด มีข้อมูลหลุดมาว่า Microsoft กำลังทดสอบ การจัดกลุ่มแอปรูปแบบใหม่บนเมนู Start ให้เป็นหมวดหมู่แบบ “All Apps” ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับ iOS/iPadOS แทนที่จะแสดงแอปตามลำดับตัวอักษรแบบเดิม

นอกจากนี้ ยังมีการทดลองรูปแบบตาราง ที่จัดกลุ่มแอปตามตัวอักษร คล้ายกับ app drawer บน Android ช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาสิ่งที่ต้องการได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

มีการคาดการณ์ว่าทั้งสองตัวเลือกอาจถูกนำมาใช้จริง โดย Windows อาจจะให้ผู้ใช้เลือกระหว่างกันได้ รอใช้กันเลยครับ

ที่มา
techspot

แบบใหม่ HI-MO X6 Ultra Black โซล่าเซลล์พื้นดำสนิท

ทุกคนเคยเห็นโซล่าเซลล์ที่มีพื้นสีดำสนิทแบบนี้ไหม… มันกำลังสะท้อนให้เห็นถึงโซล่าเซลล์แบบใหม่ ที่ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อผลิตกระแสไฟเพียงอย่างเดียวแล้ว

ล่าสุดบริษัท NEPS ร่วมกับ LONGi เปิดตัวแผงโซลาร์เซลล์รุ่น HI-MO X6 Ultra Black ที่ใช้เทคโนโลยี BC สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าได้สูงสุดถึง 23.2% หากเทียบกับแผงโซล่าเซลล์ทั่วไป ออกแบบให้มีดีไซน์สีดำเรียบหรู ตอบโจทย์บ้านระดับไฮเอนด์ที่อยากประหยัดไฟและอยากให้ภาพรวมของบ้าน ดูพรีเมี่ยมขึ้น

สำหรับ HI-MO X6 Ultra Black ใช้เทคโนโลยี BC หรือ Back Contact เป็นเทคโนโลยีการผลิตแผงโซลาร์เซลล์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าแม้ในพื้นที่แสงน้อย โดยจะมีการเชี่อมต่อวงจรที่ด้านหลัง ทำให้แผงโซล่าเซลล์สามารถรับแสงได้มากขึ้น

ภายในงาน ยังได้มีการเปิดตัว BIPV หรือ Building-integrated photovoltaics หรือ เซลล์แสงอาทิตย์แบบผสานรวมอาคาร เป็นเทคโนโลยีที่นำแผงโซลาร์เซลล์มาผสมผสานเข้ากับวัสดุก่อสร้างที่ใช้ภายนอกอาคาร เช่น ผนัง, หลังคา, หน้าต่าง, หรือช่องแสงต่างๆ ทำให้อาคารสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ได้มากขึ้น และไม่ต้องดูแลมากเหมือนกับโซล่าเซลล์ โดยทั้ง 2 แบบนั้น มีการรับประกันนานถึง 25 ปีเลยทีเดียว

ทั้งนี้ คุณตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นิว เอ็นเนอร์จี พลัส โซลูชั่นส์ จำกัด หรือ NEPS ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ด้วยแผงโซลาร์เซลล์รุ่น HI-MO X6 Ultra Black ลูกค้าที่ติดตั้งใช้งาน สามารถคืนทุนได้ภายใน 4-5 เท่านั้น แตกต่างจากในอดีต ที่การติดตั้งและใช้โซล่าเซลล์ ต้องใช้เวลามากถึง 10 ปีถึงจะคืนทุน และในอนาคต มันก็จะน้อยลงเรื่อย ๆ สวนทางค่าไฟที่กำลังพุ่งขึ้นไม่หยุด

เบื้องต้น หากใครสนใจ ลองถามไปยังเพจของ NEPS ดูได้ครับ

ที่มา งานแถลงข่าวของ NEPS

สุดปั่น CrowdStrike รับรางวัล ล้มเหลวดีเด่นแห่งปี

[ใจนักเลง] ได้ชื่อว่าระดับโลก แต่เมื่อผิดพลาด ก็เสียชื่อในระดับโลกเช่นกัน จากกรณีของ CrowdStrike บริษัทผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ชื่อดัง ล่าสุดคว้ารางวัลสุดปั่นอย่าง Most Epic Fail หรือล้มเหลวดีเด่นแห่งปี โดยมีซีอีโอขึ้นเวทีรับรางวัลดังกล่าวด้วยตนเอง

ในตอนนี้ชื่อของ CrowdStrike คงแทบไม่มีใครไม่รู้จักแล้ว โดยเฉพาะวงการไอที หลังเป็นต้นเหตุให้เครื่อง PC ที่ใช้ Windows 10 หรือ11 เกิดความเสียหายจนขึ้นจอฟ้า (BSOD) ไปกว่า 8.5 ล้านเครื่องทั่วโลก ซึ่งกระทบทั้งบริษัท ร้านค้า สำนักงาน ไปจนถึงสนามบินเป็นจำนวนมาก โดนแช่แข็งระบบไปตาม ๆ กัน ด้วยวีรกรรมนี้เอง ก็ทำให้บริษัทได้รางวัล Pwnie Award สาขาความล้มเหลวดีเด่นประจำปี 2024 ณ งาน DEF CON ครั้งที่ 17 ในลาสเวกัส

สำหรับรางวัล Pwnie Award นั้น จะการเป็นมอบให้กับผู้ให้บริการด้านความปลอดภัยทางเทคโนโลยีที่โดดเด่นที่สุด ทว่าก็มีสาขาตรงกันข้ามอย่าง ‘ล้มเหลวที่สุด’ ด้วยเช่นกัน โดยรางวัลนี้ก็ตกเป็นของ CrowdStrike ที่ได้ไป ทว่าทางบริษัทก็ไม่ปฏิเสธ ทั้งยังมี Michael Sentonas ซีอีโอของบริษัท เดินขึ้นมารับถ้วยรางวัลด้วยตนเอง ท่ามกลางเสียงหัวเราะและปรบมือ

Michael Sentonas ได้กล่าวยอมรับตรง ๆ ว่า มันไม่ใช่รางวัลที่น่าภาคภูมิใจ มันเป็นการตอกย้ำถึงความผิดพลาด ส่วนถ้วยรางวัลนี้ก็จะถูกนำไปวางในจุดที่เด่นที่สุดของออฟฟิศด้วย โดยอยากให้พนักงานทุกคนได้เห็นมันก่อนเข้าทำงาน จากนั้นก็กล่าวขอบคุณสำหรับรางวัลดังกล่าว

ดูเหมือนการรับรางวัลนี้ ทาง CrowdStrike จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยมีผู้ใช้โซเชียลมีเดีย (หรือชาวเน็ต) ต่างชื่นชมที่ซีอีโอได้ยอมรับความรับผิดชอบอย่างอ่อนน้อม และมีอารมณ์ขัน ซึ่งแน่นอนว่ารางวัลนี้มีบริษัทเดียวที่ได้ไป

ที่มา : Mashable

สหรัฐฯ โต้กลับ ตั้งฐานส่งสัญญาณรบกวน ขวางการสื่อสารรัสเซีย-จีน

[หากจำเป็น] ย้อนกลับไปในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ มีรายงานเผยรัสเซียได้พัฒนาอาวุธแบบใหม่ คาดเป็น EMP หรืออาวุธคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าระดับสูง ที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์ในการขับเคลื่อน จนสามารถรบกวนการทำงานของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และการติดต่อสื่อสารได้เป็นวงกว้าง เพื่อเป็นการตอบโต้ ล่าสุดทางสหรัฐฯ ได้วางแผนรับมือแล้ว

รายงานจาก Bloomberg เผยกองทัพอวกาศสหรัฐ (Space Force) เตรียมจัดตั้งฐานส่งสัญญาณรบกวนภาคพื้นดินใหม่ถึง 24 แห่ง สามารถยิงสัญญาณส่งตรงไปยังดาวเทียมของรัสเซียและจีน เพื่อขวางการสื่อสารหรือการส่งข้อมูลทางการทหารได้ โดยจะเปิดใช้ก็เพื่อเป็นการตอบโต้เท่านั้น และจะไม่สร้างความเสียหายต่อดาวเทียมจนเกิดเป็นขยะอวกาศด้วย

สำหรับตัวฐานรบกวนสัญญาณภาคพื้นดินนั้น ทางกองทัพเผยมีแผนก่อสร้างให้แล้วเสร็จก่อน 11 แห่ง ภายในช่วงวันที่ 31 ธันวาคมปีนี้ ตามคำแถลงของกองทัพอวกาศสหรัฐฯ เผยตัวฐานจะใช้ร่วมกับดาวเทียมขนาดเล็ก ซึ่งขนย้ายได้ง่าย และมีต้นทุนต่ำ เพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถ ทั้งการควบคุมจากระยะไกล และการย้ายตำแหน่งได้ง่ายอีกเช่นกัน

มันไม่ใช่อาวุธโจมตีหรือป้องกัน หากแต่ใช้ใน ‘เชิงป้องกัน’ โดยมีจุดประสงค์เพื่อโจมตีความสามารถของฝั่งตรงข้ามแทน Victoria Samson หัวหน้าผู้อำนวยการฝ่ายความมั่นคงและเสถียรภาพอวกาศของมูลนิธิ Secure World Foundation กล่าว

ปัจจุบันหลายฝ่ายเริ่มสังเกตเห็นความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ รัสเซีย และจีนแล้ว เห็นได้ว่าบรรยากาศทางการเมืองระหว่างประเทศในปัจจุบันเริ่มทวีความเข้มข้นมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงขั้นพัฒนาเทคโนโลยีทางการทหารมากขึ้น หวังว่าจาก ‘สงครามการค้า’ จะไม่พัฒนาไปมากกว่านั้น

ที่มา : Bloomberg

ครั้งแรกในไทย Volvo เปิดหลักสูตรเรียนขับขี่รถไฟฟ้าเต็มรูปแบบ Volvo Electric Vehicle Driving

ครั้งแรกในประเทศไทย วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย จัดงานอบรมหลักสูตรการเรียนขับรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบในงาน Volvo Electric Vehicle Driving Academy ฝึกสอนโดยผู้ชำนาญการ เมื่อวันที่ 14 – 18 สิงหาคม พ.ศ. 2567 ณ สนามปทุมธานี สปีดเวย์ จังหวัดปทุมธานี ที่ผ่านมา โดยมีผู้เข้าร่วมอบรมเป็นจำนวนกว่า 500 คน ภายในงานได้มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้เพิ่มทักษะด้านการขับรถไฟฟ้าที่ถูกต้องและปลอดภัย เข้าใจความต่างระหว่างรถยนต์สันดาปและรถไฟฟ้าในการใช้งาน การบำรุงรักษา และสมรรถนะของรถเพื่อเสริมความมั่นใจให้ผู้ขับ

คุณคริส เวลส์, กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย กล่าวว่า “รถไฟฟ้ากำลังได้รับความสนใจอย่างมากในกลุ่มผู้บริโภคในประเทศเนื่องจากคุณสมบัติที่สะท้อนการขับเคลื่อนที่ยั่งยืนสู่อนาคต อาทิ ไร้ไอเสียจึงไม่ก่อให้เกิดมลพิษ, ใช้พลังงานและมีค่าซ่อมบำรุงต่ำ และให้อัตราการขับเคลื่อนที่ทรงพลัง อย่างไรก็ตามการใช้งาน และดูแลรักษารถไฟฟ้านั้นมีความแตกต่างจากรถสันดาปอยู่บางประการ วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ในฐานะบริษัทผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมี่ยม และผู้นำด้านความปลอดภัย เห็นถึงความสำคัญในการสร้างความเข้าใจและทักษะที่เกี่ยวกับการใช้งานรถไฟฟ้า บริษัทฯ จึงได้จัดกิจกรรม  Volvo Electric Vehicle Driving Academy  เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้งานรถไฟฟ้า และเสริมทักษะการขับขี่ปลอดภัยตามมาตรฐานสากลของวอลโว่แก่ผู้ใช้รถไฟฟ้าที่สนใจทั่วประเทศ พร้อมสานต่อเจตนารมย์ในการสร้างความปลอดภัยให้ทุกการเดินทางทั้งส่วนบุคคลและส่วนรวม”

Volvo Electric Vehicle Driving Academy กิจกรรมอบรมหลักสูตรการเรียนขับขี่รถไฟฟ้าเต็มรูปแบบที่ถูกต้องและปลอดภัย ด้วยเจตนารมย์ของวอลโว่ที่ต้องการมุ่งเน้นให้ผู้ใช้รถไฟฟ้าได้เรียนรู้ถึงวิธีการขับขี่ที่ถูกต้อง ตระหนักถึงความปลอดภัยของตัวผู้ขับและเพื่อนร่วมทางบนท้องถนน และเพื่อให้ผู้เรียนสามารถรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นระหว่างขับขี่ มุ่งเน้นให้ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้ในแต่ละทักษะและทดลองขับในสถานการณ์จริงบนสนาม โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลตลอดหลักสูตร สำหรับผู้ที่สนใจรถไฟฟ้าหรือใช้รถไฟฟ้าเป็นประจำที่ต้องการเรียนรู้การขับขี่รถไฟฟ้าอย่างปลอดภัยเพื่อเพิ่มความมั่นใจและนำไปต่อยอดการใช้งานในปัจจุบัน

หลักสูตรการขับขี่รถไฟฟ้าเต็มรูปแบบในครั้งนี้ เป็นการอบรมทั้งในภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติในหลากหลายทักษะ โดยเน้นการอบรมให้ความรู้ขั้นพื้นฐานที่กระชับเข้าใจง่าย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปรับท่านั่ง, องศาการวางมือบนพวงมาลัย, วิธีการทรงตัวของรถขณะหมุนพวงมาลัย, ความแตกต่างของมาตรฐานการวัดระยะทางแบบ NEDC / WLTP / CLTC, ข้อแนะนำการขับขี่รถไฟฟ้าในขณะน้ำท่วมสูง, ระยะเบรกและเรียนรู้ปฏิกิริยาตอบสนองของรถ, วิธีการใช้งานระบบช่วยขับขี่ One Pedal Drive, รวมไปถึงคำแนะนำการติดตั้งเครื่องชาร์จที่บ้านเพื่อเป็นข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจ โดยในภาคปฏิบัติมีการจำลองสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นบนท้องถนนถึง 4 รูปแบบทักษะ ให้ผู้เข้าร่วมได้ปฎิบัติเพื่อนำไปต่อยอดการใช้งานรถไฟฟ้าในชีวิตประจำวันหากจำเป็น อาทิ

ทักษะ Braking and Avoiding

ทักษะ Braking and Avoiding: หลักสูตรจำลองการเบรกและหักหลบ เมื่อเจอสิ่งกีดขวางด้านหน้า

ทักษะ Moose test

ทักษะ Moose test: ทดสอบการทรงตัวและการควบคุมตัวรถเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ในขณะมีสิ่งกีดขวางยื่นออกมาบนถนน หรือสถานการณ์ที่ทำให้ต้องเปลี่ยนเลนกระทันหันในระหว่างขับขี่ จำลองโดยการวางกรวยล้อมกรอบเป็นเส้นทาง เพื่อให้เลี้ยวรถไปยังทิศทางที่ต้องการ ในทักษะนี้จะเป็นการสอนบังคับพวงมาลัยเพื่อ

ทักษะ Avoiding obstacles

ทักษะ Avoiding obstacles: จำลองเหตุการณ์ฉุกเฉินเมื่อเกิดสิ่งกีดขวางขึ้นกลางถนน เป็นเหตุให้ผู้ขับขี่ต้องตัดสินใจเปลี่ยนเลนเป็นทางซ้ายหรือขวาทันที โดยจัดจำลองกรวยจราจรเป็นรูปตัว Y สร้างสถานการณ์ให้ผู้เข้าร่วมได้ตัดสินใจด้วยตนเอง

ทักษะ Understeer (Half circle)

ทักษะ Understeer (Half circle): จำลองเหตุการณ์ที่อาจทำให้รถเกิดอาการหน้าดื้อโค้งจากการสูญเสียการควบคุมทิศทางของรถ โดยจำลองทดสอบรถบนพื้นเปียกลื่นเพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้เกิดทักษะการรับมือเมื่อพบเจอกับปัญหานี้ และการหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิด

คุณแรนดีพ ซิง กานวา, กรรมการผู้จัดการ บริษัท กู๊ดเยียร์ (ประเทศไทย) จำกัด มหาชน กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลา 125 ปีที่ผ่านมา กู๊ดเยียร์มุ่งมั่นนำเสนอนวัตกรรมยางที่ได้รับการพัฒนาและผลิตขึ้นด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อเสริมประสบการณ์และประสิทธิภาพการขับขี่และความปลอดภัย เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมครั้งนี้กับ วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ยางกู๊ดเยียร์ รุ่น กู๊ดเยียร์ เอฟฟิเชียนกริป เพอร์ฟอร์มานซ์ เอสยูวี (Goodyear EfficientGrip Performance SUV) ซึ่งเป็นยางติดรถไฟฟ้า Volvo EX30 ได้รับการออกแบบขึ้นเพื่อรองรับการใช้งานกับรถไฟฟ้าไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติในการรองรับแรงบิด และดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้เป็นอย่างดี มีส่วนผสมที่ช่วยเพิ่มการยึดเกาะถนน เพราะเราเชื่อว่ายางที่มีคุณภาพจะช่วยเพิ่มความมั่นใจและความปลอดภัยในการขับรถ”

โดยนอกเหนือจาก บริษัท กู๊ดเยียร์ (ประเทศไทย) จำกัด มหาชน กิจกรรม Volvo Electric Vehicle Driving Academy ยังได้รับความร่วมมือจาก บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน), บริษัท เอไอจี ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และ บริษัท อีแซดเอสวีเอส (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมจัดงานเพื่อมอบความรู้ และพัฒนาทักษะด้านการขับขี่รถไฟฟ้าที่ถูกต้องภายใต้วัตถุประสงค์เพื่อการสร้างความปลอดภัยบนท้องถนนให้แก่ผู้ใช้งานรถทั่วประเทศ

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม รวมถึงข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับวอลโว่ได้ที่

Websitewww.volvocars.com/th

Facebookhttps://www.facebook.com/volvocarsth

Youtubehttps://www.youtube.com/user/VolvoCarsThailand

LINE https://page.line.me/002olnns?oat_content=url&openQrModal=true

เยี่ยมชม Volvo Studio ICONSIAM ได้ที่ชั้น 3 ห้างสรรพสินค้าไอคอนสยาม และ เยี่ยมชม Volvo Studio EmSphere ได้ที่ชั้น 2 ห้างสรรพสินค้า ดิ เอ็มสเฟียร์ เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวอลโว่ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ 02-161-4144

สำหรับลูกค้าวอลโว่ปัจจุบัน สามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษเฉพาะลูกค้าวอลโว่เท่านั้นได้ที่ https://bit.ly/459u6HD

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ พร้อมจัดงานแสดงสินค้าเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น 2567

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ จับมือกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น และกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เตรียมจัดงานแสดงสินค้าเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น 2567 (Bangkok RHVAC 2024) และงานแสดงสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 2567 (Bangkok E&E 2024) รวมนวัตกรรมใหม่ๆ ที่สนองตอบความต้องการของตลาดและสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลก พร้อมสินค้าและบริการหลากหลายจากผู้ผลิตชั้นนำทั้งไทยและต่างประเทศ ภายใต้แนวคิด One Stop Solutions for Net Zero Future” ครบทุกความต้องการเพื่อทะยานสู่ Net Zero ระหว่างวันที่ 4-7 กันยายน 2567 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา

นางสาวณัฐิยา สุจินดา รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า งาน Bangkok RHVAC และงาน Bangkok E&E ถือว่าเป็นงานแสดงสินค้าที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง และเป็นงานแสดงสินค้าเครื่องปรับอากาศ เครื่องทำความเย็น เครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  เนื่องจากอุตสาหกรรมการผลิตสินค้าดังกล่าวของประเทศไทยมีการพัฒนา และคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ที่สนองตอบความต้องการของตลาดและสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลก จนสินค้าของไทยเป็นที่ยอมรับจากผู้ซื้อทั่วโลก ส่งผลให้ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกชั้นนำมาโดยตลอด

ในปี 2567 จะเป็นครั้งที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ร่วมกับกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น และกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กลับมาจัดเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรก หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยงาน Bangkok RHVAC จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 14 และงาน Bangkok E&E  จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 10 ภายใต้แนวคิด “One Stop Solutions for Net Zero Future” ซึ่งจะเป็นการตอบสนองต่อแนวโน้มสำคัญของโลกที่อุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศ เครื่องทำความเย็น เครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ไทย ตั้งใจมุ่งหน้าไปสู่เป้าหมาย Net Zero emissions ในปี 2608

การจัดงานในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมงานรวมกว่า 300 ราย 800 คูหา จากทั้งไทย อาเซียน จีน ฮ่องกง เกาหลี อินเดีย ตะวันออกกลาง และยุโรป บนพื้นที่การจัดงานกว่า 20,000 ตารางเมตร และคาดการณ์ว่าจะมีผู้สนใจเข้าร่วมชมงานจากทั่วโลกมากกว่า 10,000 ราย  ในงานจะมีทั้งแบรนด์ผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศชั้นนำ ผู้ผลิตส่วนประกอบเครื่องปรับอากาศ ผู้ผลิตตู้เย็น ตู้แช่แข็ง ไปจนถึงผู้เชี่ยวชาญด้านออกแบบและก่อสร้างห้องเย็น ผู้ผลิตคอมเพรสเซอร์ในระบบทำความเย็นและผู้ผลิตระบบควบคุมและอุปกรณ์ในระบบทำความเย็น ตลอดจนผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำ ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน อุปกรณ์ไฟฟ้าอุตสาหกรรม/พาวเวอร์ซัพพลาย ไฟฟ้ากำลัง อุปกรณ์ไอที ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ประกอบ

ภายในงานจะมีโซนพิเศษที่เป็น highlight ได้แก่ นิทรรศการ One Stop Solutions for Net Zero future เป็นการนำเสนอความสำคัญของปัญหาสภาวการณ์โลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และแผนการพัฒนาสินค้าในอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศ เครื่องทำความเย็น เครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ไปสู่เป้าหมาย Net Zero Emission ของประเทศไทยภายในปี 2608 โซนจัดแสดงสินค้าโดดเด่น เป็นโซนนำเสนอสินค้าโดดเด่นเป็นไฮไลท์ที่ตอบโจทย์ Net Zero ของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงาน นิทรรศการพิเศษ OZONE และ e-Waste เป็นโซนนำเสนอผลงานวิจัย และข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์โอโซน และการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์จากหน่วยงานพันธมิตร

นอกจากโซนพิเศษภายในงานแล้วยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่สัมมนาวิชาการ โดยหน่วยงานพันธมิตรต่างๆ เพื่อให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมฯ เช่น “แนวทางการรับรองระบบทำความเย็นที่ใช้แอมโมเนียเป็นสารทำความเย็นตามที่กฎหมายกำหนดเพื่อก้าวสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน” “HVAC and Nearly Zero Energy Building Approach” เป็นต้น และกิจกรรมเสวนาภายในนิทรรศการ โดย Green Influencer ที่มีชื่อเสียง เพื่อตอบโจทย์ Net Zero Future

อีกหนึ่งความพิเศษสำหรับการจัดงาน Bangkok RHVAC และงาน Bangkok E&E ในปีนี้ คือ การจัดงานแสดงสินค้าเสมือนจริง ที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจสินค้าในอุตสาหกรรม RHVAC และ E&E แต่ไม่สามารถเดินทางมาร่วมงานด้วยตนเองได้ สามารถเลือกชมสินค้า พร้อมทั้งเจรจาการค้าผ่านช่องทางออนไลน์ร่วมกับผู้ประกอบการได้เสมือนเดินทางมาที่งาน

ดร.ณรัณ ศิริสันธนะ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ประเทศไทยยังเป็นฐานการผลิตเครื่องปรับอากาศหลักให้กับแบรนด์ใหญ่ๆ ในระดับสากล แต่ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไทยเองก็ต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้ทันกับแนวโน้มของโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง และเหมาะสมกับสถานการณ์ความต้องการของตลาดในประเทศและตลาดโลก เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูง ประหยัดพลังงาน และใช้สารทำความเย็นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือใช้พลังงานทางเลือก เช่น พลังแสงอาทิตย์ ตามแนวทาง Net Zero การนำเทคโนโลยีทางด้าน IoT และ AI มาช่วยในการติดตามผลการทำงาน วิเคราะห์ และ ควบคุมระบบปรับอากาศให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทางด้านสุขภาพต่างๆ เช่น PM2.5 คุณภาพอากาศในอาคาร เป็นต้น

อุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น ได้ให้ความสำคัญในการปรับตัวเพื่อมุ่งสู่สังคม Net Zero ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านหลายวิธี เช่น การเปลี่ยนไปใช้สารทำความเย็นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การพัฒนาอุปกรณ์ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นเพื่อลดการใช้พลังงาน รวมถึงใช้พลังงานทางเลือก เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ หรือการส่งเสริมการใช้เครื่องเย็นอย่างเหมาะสมเพื่อลดการสูญเสียอาหาร ซึ่งมีผลต่อการลดการปล่อยก๊าซมีเทนจากอาหารที่เสีย ซึ่งอุตสาหกรรมในประเทศไทยได้แสดงความตื่นตัวและมีการสนับสนุนเพื่อมีส่วนร่วมในแผน Net Zero ของประเทศอย่างจริงจัง ซึ่งทุกท่านสามารถติดตามและเยี่ยมชมนวัตกรรมต่างๆ ของอุตสาหกรรม เพื่อมุ่งสู่การเป็นสังคม Net Zero ได้ ในงาน Bangkok RHVAC 2024

นายสุรเดช บุณยวัฒน ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สถานการณ์อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทยในปัจจุบัน ตัวเลขคาดการณ์ส่งออกอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ภาพรวมปี 2567 คาดการณ์ส่งออกเติบโตประมาณร้อยละ 5 สำหรับทิศทางอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ คือ High tech มุ่งสู่ High value supply chain  โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยกระดับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และเซมิคอนดักเตอร์ เพื่อเป็นฐานการลงทุนด้านเซมิคอนดักเตอร์ของโลก  ตลอดจนเชื่อมโยงภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคการผลิตเข้าด้วยกัน โดยตลาดสำคัญของอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ยังคงเป็นสหรัฐอเมริกา ยุโรป จีน ญี่ปุ่น และอาเซียน ส่วนโอกาสตลาดใหม่น่าจะเป็นโอกาสที่จีน หรือ สหรัฐอเมริกา ย้ายฐานมาใช้ไทยเป็นฐานผลิตเพื่อส่งออก

งาน Bangkok RHVAC 2024 และ Bangkok E&E 2024 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-7 กันยายน 2567 ณ Hall 98-100 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา โดยเป็นวันเจรจาการค้าระหว่างวันที่ 4-6 กันยายน และวันสุดท้ายจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมและซื้อสินค้า ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมและลงทะเบียนเข้าชมงานล่วงหน้าได้ที่ www.bangkok-rhvac.com

ลองใช้ยัง Intel แจกโปรแกรมฟรี สร้างภาพ AI ไม่ง้อเน็ต

[เร็วและส่วนตัว] เชื่อหลายคนคงเคยใช้งาน Generative AI จากเว็บหรือแอปฯ มาแล้ว บางคนอาจถึงขั้นสมัครใช้งานแบบรายเดือน เพื่อเข้าถึงฟีเจอร์อัจฉริยะขั้นสูง และการใช้งานแบบไม่จำกัด แต่จะเป็นอย่างไร หลังทาง Intel ใจดีแจกโปรแกรมสร้างงานจาก AI ให้ใช้งานง่าย ๆ กับฟรีด้วย ซึ่งดีไหม ? ทางเราได้ไปลองใช้งานจริงมาแล้ว เป็นอย่างไรบ้าง เดี๋ยวมาบรรยายให้ดูกัน

สำหรับ AI Playground คือชุดเครื่องมือ Generative AI ที่รวมทั้งการสร้างภาพหรือโมเดลกราฟฟิกจากข้อความ , เพิ่มความคมชัดของรูปภาพ , สร้างโมเดลกราฟฟิก และ แชทบอต ซึ่งในงาน Intel AI Wonderland Pop-up Store ก็มีการเปิดบูธลองเทสตัวชุดเครื่องมือดังกล่าว ผ่านโน้ตบุ๊กที่ติดชิป Intel® Core™ Ultra

โดยมีให้ลองใช้ทั้งการ Generate รูปภาพจาก Taxt อย่างง่าย ๆ พร้อมมีตัวช่วย Upscale Image ขยายรูปภาพให้ใหญ่ขึ้นโดยแทบไม่เสียความละเอียดเลย ปิดท้ายด้วยการลองใช้ Chatbot ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลคือ Offline ไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต สั่งประมวลผลผ่านชิป Core™ Ultra หรือ Intel® Arc™ ในโน้ตบุ๊กตัวเดียว แล้วจะประมวลผลเร็วแค่ไหน ได้ภาพถูกใจไหม ลองมาไล่ดูกันเลย

Create

Create หรือแปลง Taxt เป็นรูปภาพ ฟีเจอร์ Gen AI ที่คุ้นเคยกันดี สำหรับตัว AI Playground บนโน้ตบุ๊ก Intel Core Ultra ก็สามารถใช้งานแบบ Offline ได้ดีเกินคาด โดยลองใส่คำสั่งหรือเขียน Prompt อย่างง่าย ๆ ว่า “Dog in Pokemon” ตัว AI ก็สามารถจัดให้ได้ และใช้เวลาไม่ถึง 10 วินาที

Enhance

Enhance หรือจะเรียกว่าเป็น Upscale Image ก็ได้ ช่วยขยายหรือเพิ่มความละเอียดของไฟล์รูปภาพได้

ลองจากภาพที่เจนได้ก่อนหน้า เดิมมีขนาดความละเอียดเพียง 512 x 512 พิกเซล (325 KB) หลังลองใช้ Enhance ก็สามารถขยายเป็นความละเอียด 1024 x 1024 พิกเซล (1.11 MB) ได้ ความคมชัดก็เพิ่มขึ้นได้แบบเนียน ๆ เลย

Answer

หน้า Answer หรือ Chatbot ของ AI Playground ถามตอบได้แทบจะทันที ทว่าตอนนี้รองรับเฉพาะภาษาอังกฤษหรือ Eng เท่านั้น หากใครไม่ถนัด Google Translate ช่วยได้ครับ

จุดที่น่าชมเชยอย่างหนึ่งเลยคือ ทุกการใช้งาน AI รวมถึงไฟล์รูปภาพที่ได้ จะถูกเก็บไว้เฉพาะในเครื่อง PC หรือโน้ตบุ๊กที่ใช้อยู่เท่านั้น ไม่มีการส่งไปเซิร์ฟเวอร์หรือเปิดให้ผู้ใช้รายอื่น ๆ เห็นการใช้งานของเราเลย

ท้ายนี้ตัว AI Playground ทาง Intel เผยจะมีการอัปเกรดความสามารถให้มากขึ้นเรื่อย ๆ แม้จะเปิดให้ใช้งานฟรีก็ตาม ใครอยากรู้ว่าฟีเจอร์ AI แบบ Offline (และฟรี) นี้ดีแค่ไหน ลองไปพิสูจน์ด้วยตนเองได้ที่งาน Intel AI Wonderland Pop-up Store ณ Siam Center ลาน Atrium 2 ชั้น G วันที่ 15-18 สิงหาคม 2567

ทะเลาะกันเอง แท็กซี่ไร้คนขับ Waymo เสียงแตรลั่น เพราะระบบขัดข้อง

เดือดร้อนกันไปหมด เมื่อรถแท็กซี่ไร้คนขับของ Waymo ทำให้ลานจอดรถเกิดความวุ่นวาย 

ชาวบ้านในซานฟรานซิสโกออกมาแชร์คลิปรถแท็กซี่ไร้คนขับ ปลุกเพื่อนบ้านด้วยเสียงแตรรถดังลั่นตลอดทั้งคืนเพราะเกิดเหตุขัดข้องจากระบบ

NBC Bay Area ระบุว่ารถยนต์ไร้คนขับบางครั้งจะบีบแตรใส่กันประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนรุ่งสาง เช่น ตี 4 และในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนตอนเย็น ขณะที่รถยนต์ไร้คนขับเคลื่อนตัวไปตามลานจอดรถเพื่อรอรับส่งผู้โดยสาร

ผู้อาศัยอยู่ใกล้ลานจอดรถชั่วคราวในย่าน South of Market ซึ่งเป็นที่จอดรถของ Waymo เผยว่าเขาไม่มีสมาธิในการทำงาน และบางวันก็ถูกปลุกด้วยเสียงแตรมากกว่าสิบครั้ง

Waymo รับรู้ถึงปัญหาดังกล่าวและออกมายอมรับว่ารถของบริษัทมีปัญหาเรื่องของการเข้าใกล้รถคันอื่น ๆ ยิ่งอยู่ในลานจอดรถหลายคัน ทำให้รถทำการบีบแตรอัตโนมัติ 

แต่บริษัทก็ไม่ได้นิ่งนอนใจและจะเร่งแก้ไขระบบให้เร็วที่สุด

ดูคลิปประกอบ >> https://youtu.be/6CN8k831Qp0?si=fTBHqt18S2kOKneI

 

ที่มา : businessinsider

#แท็กซี่ไร้คนขับ  #Waymo #TechhubUpdate

Hot Issue